<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_running_china.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> วิ่งบนถนนกลางมหานครเซี่ยงไฮ้

 

 

วิ่งบนถนนกลางมหานครเซี่ยงไฮ้
      

  

 

โดย...ทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์(มะขาม)

ประธานชมรมวิ่งThaiRunning.com

          

 เมื่อคืนวันพุธที่4 กรกฎาคม 2544 ไม่มีการประชุมรอบดึก

       ผมจึงถือโอกาสไปเดินหาซื้อของฝากกลับบ้านที่ย่านถนนหนานจิงใจกลางนครเซี่ยงไฮ้ หลังจากนั้นรับประทานอาหารที่ศูนย์อาหาร มีอาหารหลากชนิดรสชาติดีราคาไม่แพง จากนั้นรีบกลับเข้าโรงแรมเพื่อตั้งใจจะนอนเร็วสักคืนเพื่อตื่นขึ้นมาซ้อมวิ่งบนถนนแทนที่ในห้องยิม แต่กว่าจะอ่านอีเมล์และตอบกลับเรียบร้อยก็ปาเข้าไปห้าทุ่มแล้ว เปิดโทรทัศน์ดูมีรายการดีๆเกี่ยวกับประวัตศาสตร์ยุคกลางของจีน หันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียงบอกเวลาว่าเที่ยงคืนครึ่ง จึงปรับเวลาตื่นใหม่เป็นตีห้าตรง แทนที่ตีสี่ครึ่งที่ตั้งไว้แต่เดิม

เช้าวันพฤหัสตื่นตามเวลาที่นาฬิกาปลุกไว้      แต่กว่าจะจัดแจงเปลี่ยนชุดวิ่งทำโน่นทำนี่ก็ตีห้าครึ่งแล้ว ผมลงมาถึงชั้นล่างที่ล็อบบี้จึงตรงไปหาพนักงานหนุ่มหน้าตาดีสูงโปร่ง ถามว่าจะออกเวรกี่โมง หนุ่มคนนั้นอึกอักมองสารรูปผมในชุดนักวิ่ง ไม่รู้คิดอะไรอยู่แต่ตอบมาว่าเจ็ดโมงครึ่ง ผมบอกว่าถ้าอย่างนั้นช่วยเก็บแว่นตาของผมไว้หน่อย แล้วก็ขอยืมนาฬิกาข้อมือเอาออกไปวิ่งเพื่อบอกเวลา กว่าหนุ่มนั้นจะยอมให้ยืมต้องเดือดร้อนผู้จัดการที่เดินผ่านมาโวยวายบอกว่าแขกคนนี้สำคัญนัก จำต้องเอาใจใส่ ที่แท้ไม่สำคัญอะไรเลย ผมเพียงแต่เคยสนทนากับผู้จัดการคนนี้เท่านั้นเอง ปรกติผมไม่ได้ใช้นาฬิกาข้อมือยกเว้นในสนามวิ่ง ผมดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือ เพราะจะดูอย่างไรก็ไม่ดูเสียมารยาทเหมือนขยับข้อมือดูนาฬิกา ครั้งนี้ก็เหมือนกันมาต่างประเทศทั้งทีไม่มีนาฬิกาใส่

ผมออกวิ่งจากหน้าโรงแรมแล้วเลี้ยวขวา ถนนหนทางที่ย่านนี้กว้างและสะอาด ทางเท้าใหญ่ วันที่มาถึงนึกว่ามาที่แอลเอ หรือ ฮุสตันเสียอีก ที่เมืองเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองใหญ่ เรียกว่ามหานครเลยทีเดียว ประชากรที่ลงทะเบียนไว้มีราว 15 ล้านคน ไม่นับรวมคนเข้าออกเมืองประจำวันและชาวนาชานเมืองอีกเกือบสิบล้านคน เมืองนี้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การเงินการธนาคาร และการศึกษา เมืองนี้เมืองเดียวมีมหาวิทยาลัยของรัฐราว 50 แห่ง อาคารสูงนับพันที่ยังเบียดเสียดก่อสร้างเพิ่มอย่างไม่หยุด มีโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย

ขณะที่วิ่งเลี้ยวขวาพ้นหัวมุม ผมรู้ตัวว่าเราไม่เหงาแน่ มีนักวิ่งทั้งชรา      หนุ่มสาว     รวมทั้งนักวิ่งคงจะระดับแนวหน้าที่วิ่งเร็วและสง่ากว่าคนอื่น พวกเขาวิ่งกันบนทางเท้าบ้าง และวิ่งบนถนนเลนจักรยานบ้าง บางพวกวิ่งเป็นกลุ่มคุยกันสนุกสนาน บางคนวิ่งเดี่ยวคล้ายผม วิ่งสวนกันโบกไม้โบกมือให้กันบ้าง ผมก็โบกกับเขาด้วย วิ่งทันนักวิ่งหนุ่มคนหนึ่ง เขาถามว่าวิ่งมาจากไหน ผมตอบว่าวิ่งมาจากประเทศไทย เขาหยุดกึกแล้วมองผม แล้ววิ่งต่อบ่นพึมพำว่ามิน่าเล่าพูดภาษาเซี่ยงไฮ้ที่เป็นภาษาเฉพาะเมืองไม่ชัด บ่นอะไรอีกไม่รู้ผมก็วิ่งเลยไป ตั้งใจว่าอากาศไม่ร้อนและสดชื่นอย่างนี้ต้องวิ่งสักชั่วโมงครึ่ง น่าจะไปประชุมตอนสายทัน แถมมีลมพัดเย็นสบาย น่าจะไม่เหนื่อยนัก จึงวิ่งไปตามใต้ทางด่วน ทางด่วนเขาสูงมากและยาวหลายสิบกิโลเมตรรอบเมืองเซี่ยงไฮ้ วิ่งไปดูกลุ่มคนแก่รำมวยจีนไปเป็นระยะๆ วิ่งไปสักพักชักจะเบื่อจึงเลี้ยวซ้ายเข้าไปย่านที่อยู่อาศัย ก็ยังมีคนวิ่งตอนเช้าอยู่ ทางแคบลงแต่รถยังไม่มีผมจึงเลี่ยงมาวิ่งที่บนถนนเพื่อหลีกคนสัญจรไปมา ผู้คนเริ่มมาจับจ่ายซื้ออาหารเช้ากัน มีทั้งปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ ขนมปิ้งทอด บะหมี่ร้อนๆ เพลินดีครับ บรรยากาศแบบนี้สนุกดี อากาศไม่ร้อน ลมเย็นๆอย่าง ตอนนี้วิ่งเข้าไปครึ่งชั่วโมงแล้ว

ตอนนี้เริ่มมีผู้คนเดินทางไปทำงานกันบ้างแล้ว พวกผู้ชายแต่งตัวใส่สูตรผูกเนคไท

บางคนเดิน บางคนขี่จักรยาน    ส่วนผู้หญิงนี่สิบรรยายไม่ถูกเลย แต่งตัวทันสมัยมาก อยู่ที่นี่นึกว่าอยู่สิงคโปร์ วัยรุ่นใส่สายเดี่ยว หรือชุดเกาะอกกันดูสวยงามอยู่ทั่วไป วัยรุ่นเขาใส่กันเกือบหมดเลยดูไม่รู้สึกแปลกตาเท่าใดนัก ผมวิ่งไปเรื่อยๆต้องกลับมาวิ่งบนทางเท้าแล้วเพราะรถจักรยานเริ่มมาก และรถยนต์เริ่มขวักไขว่ รถยนต์ที่นี่นิยม Aud,i Volkswaken(รุ่น Santana), Honda, Benz, Buick(รถอเมริกันผลิตที่เซี่ยงไฮ้) และ Toyota เป็นต้น

วิ่งมาแล้วสัก 45 นาทีรู้สึกเหนื่อยจึงลดความเร็ว มาพบผู้เฒ่าคนหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่ง พอทันกันก็ยิ้มทักทาย ถามไถ่ทุกข์สุข อากาศ อาหารกันตามควร เราก็หยุดเดินคุยกันไป เหวี่ยงมือซ้ายขวากันไป เป็นการออกกำลังกาย ที่จริงผมทำท่าตามผู้เฒ่า ท่านเล่าประวัติศาสตร์เมืองเซี่ยงไฮ้ให้ฟัง น่าสนใจมาก ผมรีบกลับมาบันทึกทันทีกลัวลืม ผู้เฒ่าเล่าว่าท่านเคยเป็นนายทหารในกองทัพแดงเข้ามาตีเมืองนี้สำเร็จ ภายหลังมาท่านเป็นผู้บริหารระดับสูงของเมือง ตอนนี้เกษียณไปสัก 5-6 ปีแล้ว ตอนเปลี่ยนแปลงการปกครองของเมืองนี้ราวปี 1948 เมืองยังถูกปิดล้อม อาหารพอสำหรับคนทั้งเมืองเพียงสามเดือน ฝ้ายสำหรับทอผ้าเหลือเพียงเดือนเดียว โรงงานอุตสาหกรรมขาดวัตถุดิบ ตลาดหุ้นราบเรียบ ดังนั้น ท่านแก้ปัญหาระยะสั้นด้วยการยกกองทหารตีฝ่าวงล้อมจนเมืองเป็นอิสระเรียบร้อยดี มีทุกอย่างมาป้อนโรงงานตามปรกติ พอพ้นปี 1950 ท่านก็ต้องร่วมกันแก้ปัญหาใหญ่ที่สุดของเมืองคือเรื่องที่อยู่อาศัย ใช้เวลา 30-40 ปีมาสร้างอาคารสูงที่อยู่อาศัย ใช้เงินมากมาย แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับเรื่องดีคือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างที่เราเรียกว่าใช้นโยบายการคลัง ถัดมาก็มาแก้ปัญหาการจราจร เพราะเมืองเก่าอย่างนี้ต้องจัดระบบใหม่ โดยทำทางด่วนระยะยาวรอบเมืองอย่างที่ว่าไว้ตอนต้น

ท่านผู้เฒ่าหยุดนั่งพักสูบยาอย่างสบายใจพ่นควันบุหรี่ไปอีกทางหนึ่งเพราะคงรู้ว่าจะมารบกวนผมที่นั่งข้างๆ ผู้เฒ่าบอกว่าที่เล่ามานั้นท่านยังไม่ตื่นเต้นเท่ากับที่ท่านร่วมกับผู้นำประเทศสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้กับเมือง โดยการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ การเปิดประเทศอย่างนี้ จีนหรือเซี่ยงไฮ้มีแต่ได้กับได้ ท่านเล่าว่าได้ผลมาก เศรษฐกิจดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดในรอบยี่สิบปีมานี้ ผู้คนมีกำลังซื้อ ผมบอกว่าผมก็ดีใจด้วยที่เมืองนี้เจริญอย่างนี้ ผมอยากให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปอีก       ผมจะได้ขายสินค้าของผมมาที่นี่ได้      ท่านผู้เฒ่าหัวเราะ  เสียงดังลั่น  ด้วยความชอบใจ ลงท้ายด้วยว่าอย่าส่งมาขายที่นี่เลย มาตั้งโรงงานที่นี่ดีกว่า เสือเฒ่าจริงๆท่านผู้ชม ชวนผู้คนไปได้เรื่อย
ผมลุกขึ้นยืนบอกหายเหนื่อยแล้ววิ่งกันต่อเถอะ ท่านผู้เฒ่าหันมาตวาด ว่า “วิ่งทำไม นี่มันหน้าบ้านผม อยากวิ่งก็วิ่งไปคนเดียว จะไปก็ไปไม่ต้องคอย ไอ้หนูยกน้ำชามาหน้าบ้านหน่อย” แล้วเราทั้งสองหัวเราะก๊ากพร้อมกัน ผมบอกลาผู้เฒ่าพร้อมขอบคุณในไมตรีจิตที่อุตส่าห์เล่าเรื่องให้ฟัง ผมเริ่มวิ่งไปข้างหน้า แต่……เอาละวา…..ไปทางไหนดี ตอนนี้อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ อากาศยังไม่ร้อนนัก แต่ผู้คนและรถเริ่มพลุกพล่าน ผมต้องคอยถามชาวบ้านแถวนั้น ค่อยเบาใจว่าอยู่ไม่ไกลนัก วิ่งสักครึ่งชั่วโมงก็กลับถึงโรงแรม หนุ่มน้อยเจ้าของนาฬิกายืนรอที่หน้าประตูโรงแรมบอกว่าเขาออกเวรแล้วจะกลับบ้านรอผมอยู่ และส่งแว่นตาให้ผมหลังจากที่ผมคืนนาฬิกาด้วยความขอบคุณ

วิ่งในห้องยิมบนสายพานมาหลายวันไม่สนุกเท่าวันนี้ ไม่ค่อยเหนื่อย อาบน้ำเสร็จมารับประทานอาหารเช้า    ทั้งที่ปรกติไม่ได้รับประทาน ซัดซะเต็มที่ หมดกันที่วิ่งมาตอนเช้ากับที่ใส่ท้องเข้าไปพอๆกัน

 วิ่งฟรี            ครับท่านผู้ชม 


จาก : นายมะขาม - 05/07/2001 16:34

 

<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>

 

ออกกำลังลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

วิ่งยาว วิ่งยาว วิ่งยาว

พ่อลูกผูกพัน

ความมหัศจรรย์ของการ