<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_yim_japan_May24_26.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> ญี่ปุ่นเป็นประเทศยากจน24-26พ.ค.2545

ญี่ปุ่นเป็นประเทศยากจน

ศุกร์ ที่ 24 พฤษภาคม

 

             วันนี้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยมาบรรยายเกี่ยวกับการศึกษา เศรษฐกิจ การเมือง ของญี่ปุ่น ซึ่งปัญหาอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น คือ วัยรุ่นญี่ปุ่น 1.3 ล้านคน ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง หรืออยู่ในโลกของตัวเอง เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ เล่นอินเตอร์เน็ต พูดแต่โทรศัพท์มือถือทั้งวัน การคบหาคนรอบข้างลดน้อยลง ชอบที่จะคุยผ่าน email มากกว่าเจอกัน นอกจากนั้นผู้บรรยายยังบอกอีกว่า ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศยากจน รายได้สูง แต่ ค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย เฉลี่ยส่วนใหญ่จะมีฝากแบงค์ 7 ล้านเยน(2.4 ล้านบาท) แต่ก็อยู่ได้ไม่ถึง 5 ปี คนจบปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 200,000 เยน( 68,000 บาท) แต่ค่าเช่าอพาร์ทเม้น ห้องเล็กๆ ก็ 70,000 เยน ต่อเดือน แล้ว ค่าก่อสร้างบ้าน ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ 80-90 ตารางเมตร ก็ตกประมาณ 20 – 30 ล้านเยน( 6 – 10 ล้านบาท)

เย็นนี้ชวนพิเชษ ออกไปวิ่ง ตามฟุตบาทข้างถนน ซึ่งมีรถไม่มากนัก ได้ระยะซัก 3 กม. ไปแวะร้าน Discount Store ซื้อแยมโรลกลับไปกินที่ห้อง วันนี้ได้ฤกษ์ซักผ้ากองใหญ่ ที่ศูนย์ฯ จะมีเครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้าให้ทุกชั้น แต่ต้องหาผงซักฟอกไปเอง

 

 

เดินตลาด

เสาร์ที่ 25 พฤษภาคม

 

             เป็นวันหยุดเสาร์แรก ต้องเข้าไปในเมืองซ่ะหน่อย 10 โมงเช้า นั่งรถบัสไปลงที่สถานนีรถไฟ Hankyu ซึ่งบริเวณรอบๆ จะมีร้านค้ามากมาย เดินสำรวจพวกของกินของใช้ ที่ Hankyu Hondori Shopping Mall ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็คล้ายกับเดินเข้าไปในตลาดสดบ้านเรา เจอหัวไชเท้ายาวเกือบเท่าแขน ต้นหอมยาวเท่าแขน(สงสัยคนละพันธุ์กับบ้านเรา) เจอแตงโม ลูกใหญ่ๆ ลูกละ 500 บาท (ถ้าบ้านเราแค่ 50 บาท) ทุเรียน โอ้ อยากกินทุเรียนจัง ไอ้หย่า ลูกละ 1,000 บาท กลับบ้านไว้รอกินปีหน้าดีกว่า เดินหลบเข้าไปตามห้าง ดูอุปกรณ์ไฟฟ้า เห็นโทรศัพท์มือถือ 4-5,000 บาท เล็กกระทัดรัด เล่นเกมส์ก็ได้ ฟังเพลงก็ได้ ถ้าแพงขึ้นอีกหน่อย ก็เป็นกล้องดิจิตอลด้วย เดินจนถึงบ่าย 2 โมงกว่า กลับเข้าหอ นอนดู เบสบอล ซึ่งเป็นกีฬายอดฮิตอันดับ 1 มีถ่ายทอดสดทั้งของญี่ปุ่นเองและของอเมริกา แทบทุกวัน

บ่าย 4 โมงเย็นเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่เคยได้ร่วมงานที่เมืองไทย มาหาที่ ศูนย์ฯแล้วชวนออกไปเลี้ยงต้อนรับที่ร้านอาหารใกล้ๆ สถานีรถไฟ Ibaraki สั่งอาหารมาหลายอย่างแต่เป็นชามเล็กๆ แบบของใครของมันนะ ไม่ได้สั่งมาชามใหญ่ๆ แล้วกินด้วยกันเหมือนบ้านเรา นั่งคุยกันไปกินกันไป ทางร้านมี surprise โดยให้ลูกค้าจับสลากใครโชคดีก็ได้รางวัล ปรากฏว่าไปกัน 3 คน โชคดีจับได้ 2 คน รางวัลที่ให้เป็น Lottery ของญี่ปุ่นซึ่งขายใบละ 300 เยน รางวัลที่ 1 ตั้ง 200 ล้านเยน จะออกรางวัลในวันที่ 11 มิถุนายน นี้ ช่วยลุ้นกันหน่อยนะครับ เพื่อฟลุ้ก นั่งกินกันจนถึง 2 ทุ่มกว่า ก็เลิกเพื่อให้ทันรถ Shuttle Bus เที่ยวสุดท้าย กินกัน 3 คน มีทั้งเบียร์และสาเก หมดไป ประมาณ 3,000 บาท(ไม่รู้ว่าถูกหรือแพง)…..

 

 

เปิดท้ายขายของ (ญี่ปุ่น)

อาทิตย์ ที่ 26 พฤษภาคม

 

             กินข้าวเช้าเสร็จรีบขึ้นไปรีดผ้า เพราะ 10 โมงเช้าจะออกไปเที่ยว วันนี้จะไปเดินตลาดนัดของญี่ปุ่นที่เรียกกันว่า Flea Market ก็คือเปิดท้ายขายของบ้านเรา เค้าจัดขึ้นในสวนสาธารณะ ชื่อ Expo’70 Commemoration Park ไม่ไกลมากนักจาก OSIC เพียง 3 สถานีเท่านั้น ขาไปนั่งรถไฟ Monorail ค่ารถ 80 บาท ลงจากสถานีก็เดินเข้าสวน แต่ต้องซื้อตั๋วเข้าชมสวนนะ คนละ 85 บาท คงเป็นค่าบำรุงรักษาสวน เข้าไปข้างในก็ตรงดิ่งไปที่ ตลาดนัด อะแฮ่ม!! ยังเข้าไม่ได้นะครับ ต้องซื้อตั๋วก่อน ที่นี่เค้าจะมีรั้วกั้นไว้ ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 120 บาท เด็ก 34 บาท คนญี่ปุ่นเดินกันตึม มีคนมาเปิดขายของสัก 200 กว่าร้านเห็นจะได้ ของที่มาขายส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า มีทั้งของมือสอง และของใหม่

เดิน Shopping ได้ของมาหลายอย่าง ได้นาฬิกา คาสิโอ เมดอินแจแปน สำหรับวิ่ง มา 1 เรือน สภาพตัวเรือนยังใหม่เลย ราคาตั้ง 2000 เยน ต่อ เหลือ 1000 เยน (340 บาท) ไปเจอกล้องดิจิตอล Fuji 1.3 MegaPixel ต่อจาก 9000 เยน เหลือ 5000 เยน ไม่ยอมขาย ให้ 7000 เยน (2400 บาท) ก็ยังไม่ยอมขาย ก็เลยไม่เอา ไม่รู้ว่าที่เมืองไทย กล้องรุ่นนี้ราคาอยู่ที่เท่าไร เดินดูของจนถึง บ่าย 2 โมง ชักหิวน้ำมองไปมองมาเห็นคนญี่ปุ่นเข้าคิวซื้อน้ำแข็งไสเหมือนบ้าน ราดด้วยน้ำแดง ก็เลยไปซื้อมั่ง ราคาแก้วละ 85 บาท ขอโทษที่แทบจะบ้าตาย 85 บาท ได้แต่น้ำแข็งไส เพราะเทน้ำแดง จากขวดลงไป 2 ที คงได้ซัก 10 หยด และให้หลอดที่ปลายแบนเหมือนช้อนไว้ตักน้ำแข็งกิน ฮื่อ..ฮื่อ..เกิดมาก็เพิ่งเคยกินน้ำแข็งไสแก้วละ 85 บาท แพงกว่าค่ารถไฟอีก

ขากลับเดินกลับจนถึง OSIC เกือบ 40 นาที ขาลากเลย รีบขึ้นห้องอาบน้ำ กินข้าว แล้วนอนเอาแรงซ่ะหน่อย ตื่นขึ้นมาตอนเย็นๆ ยืมจักรยานขี่ออกไปซื้อไม้แขวนเสื้อที่ร้าน 100 เยน (ได้มา 3 อัน)

อ้อ…มารู้ที่หลังว่า ถ้าเป็นชาวต่างชาติ ให้แสดง Passport ก็ไม่ต้องเสียค่าเข้าสวนฯ รู้อย่างนี้แส้วต้องหาโอกาสไปอีกรอบ เพราะในสวนยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ดู……

 

นายยิ้มดูการสาธิตทำอาหาร  tamagoyaki

 

 

      นายยิ้มหัดทำ อาหารญี่ปุ่น makizushi
กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ต้องมาสอนพี่สาวหน่อยนะน้อง
เพราะชอบกิน ZUSHI มาก....ก อยากทำแบบที่น้องกำลังทำ
อย่างที่เห็นในรูปนี้มานานแล้วจ้า...

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่27 มิ.ย.45<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>