<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_triathlon_diary.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> Triathlon Diary

 

Triathlon Diary: Hong Kong 2001

โดย...ธนากร

 

12 ตุลาคม 2544

วันนี้เป็นวันที่ผม จะเดินทางไปแข่งไตรกีฬาที่ ฮ่องกง ประเทศจีน ผมออกจากบ้านเวลา 7.00 น. ถึงสนามบิน ดอนเมืองเวลาประมาณ 7 โมงครึ่ง ก็ไปเจอ นิจิ เบนซ์ และ เอที่อาคาร 2 เพราะทั้ง 3 คนขึ้นสายการบิน Gulf air ส่วนผมไปการบินไทย

ผมไปถึง ฮ่องกงเวลา ประมาณ 14.30 น. ก่อนที่เครื่องบินจะลงนั้นผมมองไปนอกหน้าต่างเห็นทิวทัศน์เมืองฮ่องกงบ้างเท่าที่มองดูเห็นแต่ตึกสูงและภูเขาเต็มไปหมด ผมคิดในใจว่าการแข่งครั้งนี้ไม่ง่ายแน่

หลังจากรถของโรงแรมมารับ และพาพวกเราทั้ง 4 คนมาถึงโรงแรม Royal Park Hotel แล้วเราก็เช็คอิน และผมเห็นว่าตามกำหนดการตอนนี้เราต้องลงทะเบียนแล้ว ผมก็เลยโทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่การแข่งขันชื่อ Angela เธอบอกว่าตอนนี้กำลังแถลงข่าวอยู่ให้เราเข้าพักก่อน และจะมีเจ้าหน้าที่มาหาที่ห้องเอง ระหว่างนั้นเราก็ประกอบรถจักรยานกัน จนเวลาประมาณ 19.00น. มีเจ้าหน้าที่ของสมาคมไตรกีฬาฮ่องกงมาหาที่ห้อง เขาเอาเบอร์การแข่งมาให้และนำเงินเบี้ยเลี้ยงมาให้

2,360 ฮ่องกงดอลลาร์ คือ ให้เราไปซื้ออาหารกินกันเองแต่ผมรู้สึกว่ามันมากมายเหลือเกิน ยกตัวอย่างมื้อเย็นเค้าให้งบเราตั้ง 120 เหรียญฮ่องกงคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 700 บาท

ตอน 2 ทุ่มเราก็ออกไปหาอะไรกินกัน ผมกับเอ ลงความเห็นว่าควรกินที่มันเป็นศูนย์อาหารเพราะจะได้ถูก พอไปเจอศูนย์อาหาร เราก็ต้องพบกับความงง เพราะเราไม่รู้จะสั่งอาหารกันอย่างไร ไม่มีภาษาอังกฤษซักตัวมีแต่ภาษาจีนเต็มไปหมด เราเลยต้องใช้วิธีชี้อาหารที่จะกินแทน หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จก็กลับโรงแรมและก็เข้านอน

 

13 ตุลาคม 2544

วันนี้เรามีนัดที่จะต้องไปดูที่แข่ง เวลา 10.00 น. โดยจะมีรถของสมาคมมารับที่โรงแรม พอไปถึงที่แข่ง MR. Andrew Patrick ซึ่ง เป็นนายกสมาคมไตรกีฬาของฮ่องกงก็พาเราขี่จักรยานดูเส้นทางขี่จักรยานและส้นทางวิ่ง ทางจักรยานต้องผ่านเนินหลายมาก ถ้านับขาไปมีเนินอย่างน้อยประมาณ 2-3 เนินยาวๆทั้งนั้นและเราต้องขี่ทั้งหมด 4 รอบหนักแน่ๆ ส่วนทางวิ่งนั้นมีทั้งเนินและต้องวิ่งบนสันเขื่อนซึ่งลมแรงมาก ส่วนว่ายน้ำนั้นก็จะว่ายในเขื่อน 2 รอบทุ่นที่วางไว้

หลังจากดูเส้นทางเสร็จแล้ว เราทั้ง 4 คนก็คิดว่าน่าจะเข้าไปดูร้านจักรยานในเมือง โดยเราต้องไปขึ้นรถไฟเพื่อเข้าเมืองที่สถานี Sha Tin ซึ่งใกล้กับโรงแรมที่เราอยู่และไปลงที่ สถานี Mong Kok ซึ่งเป็นย่านการค้า ระหว่างทางเราเจอนักกีฬาชาวฟิลิปปินส์ ชื่อ Noir คนนี้เป็นเจ้าของสถิติฟิลิปปินส์ในระยะ Olympic Distance (2:01 ชั่วโมง) เค้าก็จะไปร้านจักรยานเหมือนกันเราจึงให้เค้าพาไปด้วย พอถึงสถานี Mong Kok เดินไปซักพักก็เจอร้านจักรยานชื่อร้าน Flying ball Bicycle ร้านจักรยานที่นี่แน่นมาก คล้ายกับร้านน้ายักษ์แต่ของในร้านเยอะมากๆ หลังจากนั้นโค้ชของฟิลิปปินส์ก็หิวข้าวและเขาอยากกินติ่มซำมาก เราพยายามเดินหาร้านติ่มซำอยู่นานแต่ก็ไม่เจอ Noir กับแฟนเค้าจึงขอตัวกินก่อน และเรา 4 คน โค้ช Rick และ นักกีฬาหญิงของฟิลิปปินส์อีกคน ชื่อ Alto จึงพากันเดินหาร้านติ่มซำ จนในที่สุดก็เจอ ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆแต่คนค่อนข้างแน่น คนเสิร์ฟพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เราจึงต้องใช้วิธีชี้รูปเอา หลังจากกินเสร็จเราก็กลับมาที่ร้านจักรยานร้านเดิมอีกครั้ง ผม เอ และเบนซ์ซื้อยางในกันคนละเส้นเจ้าของร้านลดราคาให้โดยขาย 3 เส้น 100เหรียญ หลังจากนั้นก็เดินเที่ยวกันต่อนิดหน่อย และก็กลับโรงแรม ผมกับเอ ตกลงกันว่าจะกินข้าวกันที่เดิมส่วนเบนซ์ กับ จิ แยกไปกิน ผมสั่งข้าวหน้าหมูไปราคาก็ 33 เหรียญ แต่ให้เยอะมากประมาณ ข้าวแกง 3จานของเมืองไทย กินเสร็จก็กลับโรงแรมและต้องรีบนอนเพราะวันรุ่งขึ้นเราต้องตื่นตั้งแต่ ตี 4 เพื่อให้ทันรถที่จะมารับ เวลา 4:45 น. เพราะการแข่งจะเริ่มเวลา 7.00 น.

 

14 ตุลาคม 2544

วันนี้ผมตื่นประมาณ 3:50 น. ก็รีบเข้าห้องน้ำเตรียมตัวให้พร้อม เสร็จแล้วก็รออีก 3 คน เรา4 คนลงมาที่หน้าโรงแรมเป็นกลุ่มแรก ก็เอารถจักรยานขึ้นรถบรรทุก รถออกค่อนข้างตรงเวลา บนรถคันนี้มีนักกีฬาหลากหลายชาติทีเดียวไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ มาเก๊า และไทย

เราถึงสนามแข่งประมาณ ตี 5 ครึ่งมีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนที่การแข่งจะเริ่ม เราทั้ง 4 คนก็ไปเขียนเบอร์ รับหมวกว่ายน้ำ และเตรียมของที่จุด Transition ทั้ง 2 จุด หลังจากนั้นก็ ยืดกล้ามเนื้อ

ผมเดินไปที่จุดสตาร์ทว่ายน้ำ 20 นาที ก่อนเวลาเริ่มปรากฎว่า ทุ่นว่ายน้ำยังไม่ได้วางก็ยืนดูเจ้าหน้าที่วางทุ่น ก่อนการแข่งเริ่มขึ้น Mr. Andrew ตะโกน บอกนักกีฬาจากบนฝั่งว่า ว่ายน้ำเปลี่ยนจากว่าย 2 รอบ เป็น ว่าย 3 รอบ นับดูแล้วคนที่แข่งประเภท Male Elite มีประมาณ 30 คน

Three.. Two ..One GO! นักกีฬาชาย elite รวมทั้งผมต่างว่ายออกจากฝั่ง ไม่ถึง 100 เมตร ผมก็หลุดจากกลุ่ม เงยหน้าขึ้นมองเห็น เอ อยู่ข่างหน้าประมาณ 10 เมตร และมีชาวต่างชาติอีกคนมาว่ายกบ ข้างผม ผ่านไป 1 รอบ ผมถูกนักกีฬาหญิง elite ที่สตาร์ทหลังผมประมาณ 5 นาที แซงไป และพอว่ายจบรอบที่ 2 ผู้ชายกลุ่มแรกก็ขึ้นจากน้ำแล้ว ผมได้แต่หวังว่า ในกลุ่มแรกๆ จิ กับเบนซ์คงจะติดอยู่ด้วย จบรอบที่ 3 ผมขึ้นฝั่งเป็นคนสุดท้าย ถามว่าอายมั้ย อายสิครับ แต่ถึงตอนนี้ผมไม่สนใจสายตาใครทั้งสิ้นแล้ว เวลานี้ผมมีหน้าที่ต้องแข่งให้จบให้ได้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร

หลังจากพบว่าผมเป็นคนสุดท้ายที่จุดเปลี่ยนแรก ผมขี่จักรยานออกไปเห็นนักกีฬากลุ่มอายุ เริ่มมาเตรียมตัวกันบ้างแล้ว เนินแรกเป็นเนินที่ชันที่สุดแต่ไม่ยาวมากนัก รอบแรกของการขี่จักรยานผมขี่ช้ามาก เห็นคนแรกสวนมาคือ Daniel Chee Wu Lee จากฮ่องกงมาคนเดียว หลังจากนั้นก็มีอีก 2 กลุ่มตามมา ต่อมา จิ กับ เบนซ์ และ เอ ก็ตามมา รอบที่ 2,3,4 ผมขี่ได้เร็วขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่ดีนัก เพราะขาไปเขาค่อนข้างเยอะแต่ยังดีที่ขากลับมีทางลงยาวเยอะ

จบจากจักรยานเข้าสู่การวิ่ง เริ่มวิ่งผมวางแผนว่าจะค่อยๆ วิ่งไป เส้นทางวิ่งนั้นเราจะต้องวิ่งทั้งหมด 2 รอบ บนสันเขื่อนซึ่งลมค่อนข้างแรงทีเดียว รอบแรกขาไปผมวิ่งสวนกับ Che wu lee เป็นคนแรกเค้านำมาคนเดียวเลย หลังจากนั้นอีกประมาณ 2-3 นาทีก็มีกลุ่มใหญ่วิ่งตามมา เบนซ์วิ่งสวนกับผมเป็นคนแรกของกลุ่มเรา ตามด้วย เอ และ จิ พอขากลับรอบแรกมีนักกีฬาหญิงฮ่องกงจะแซงไปแต่ผมก็พยายามเกาะไปก่อน วิ่งอยู่กับเค้าประมาณ 15 นาทีก็หลุดเพราะตะคริวทำท่าจะขึ้นที่น่อง ขึ้นรอบที่ 2 ผมแทบจะวิ่งไปโดยไม่มีความเร็วเลยแต่ก็ยังคงวิ่งอยู่ ซักพักเริ่มรู้สึกว่าเท้าขวาโดนรองเท้ากัดแต่ก็ยังฝืนวิ่งต่อ จนเข้าเส้นชัยโดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง 42 นาที แย่ที่สุดที่เคยแข่งมาแต่ผมกลับไม่รู้สึกเสียใจหรือกลุ้มอะไรทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าผมหน้าด้านอะไรหรอกครับเพียงแต่ผมรู้ตัวเองก่อนแข่งอยู่แล้วว่าผมแทบจะไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการแข่งนี้เลย หลังจากรับเหรียญแล้วผมเดินไปรับอาหารและเกลือแร่ที่เขาแจกให้ และก็เดินไปหาพวกเราซึ่งคอยอยู่

หลังจากกลับมาที่โรงแรมแล้วเรามีเวลานิดหน่อยเพื่อเตรียมตัวไปกินเลี้ยงที่สำนักงานการกีฬาของฮ่องกง พอไปถึงผมเดินดูที่นี่เห็นเขามีประวัตินักกีฬาที่ทำชื่อเสียงให้ประเทศจัดเป็นบอร์ดไว้ค่อนข้างใหญ่โต ที่รู้จักก็เช่น Wong Kam Po นักกีฬาจักรยานที่ได้เหรียญทองเมื่อคราวเอเชี่ยนเกมส์ที่กรุงเทพ กินข้าวเสร็จก็เดินดูร้านค้าในนั้น ผมซื้อแว่นว่ายน้ำของ Swan มา 1 อัน

กลับมาโรงแรมอีกครั้งเราตกลงกันว่า จะไปร้านจักรยานย่าน Cause Way Bay และจะไปกินข้าวย่าน จิมซาจุ่ย ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร ไปถึง Cause Way Bay โดยรถไฟใต้ดินใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เราไปห้างโซโกก่อนเพราะเจ้าหน้าที่ของฮ่องกงแนะนำว่าที่นี่จะมีอุปกรณ์กีฬาขายเยอะ หลังจากนั้นก็ไปร้านจักรยานและร้านรองเท้าวิ่ง เท่าที่ดูผมคิดว่าฮ่องกงมีของให้เลือกมากกว่าไทยเยอะทีเดียวโดยเฉพาะรองเท้าวิ่ง

สรุปว่าเราไม่ได้ไปจิมซาจุ่ยเพราะหลังจากดูร้านจักรยานเสร็จก็ดึกแล้วและทุกคนก็ไม่มีแรงเดินกันแล้ว เราจึงกลับมาที่สถานี Sha Tin และก็หาข้าวกิน เดินหาอยู่ซักพักเห็นร้านอาหารญี่ปุ่น    

อยู่ร้านนึงคนต่อคิวเยอะเราจึงไปต่อคิวบ้าง รออยู่ไม่นานเค้าก็เรียก เราสั่ง ราเมงกันคนละชามและก็ข้าวปั้นอีกชุด กินกันเสร็จเดินกลับโรงแรมผ่านโรงหนังเห็นมีเรื่อง “จัน ดารา”     ฉายอยู่ด้วย เอ     อยากดู เพราะถ้าดูที่เมืองไทยเพื่อน เอ บอกว่าเซ็นเซอร์เยอะ แต่มีปัญหาที่ เบนซ์กับจิ ดูไม่ได้เพราะอายุยังไม่ถึง 18 และทางโรงหนังติดประกาศว่าใครจะดูเรื่อง จัน ดารา ต้องแสดงบัตรประจำตัว หรือ พาสพอร์ต เอจึงไปถามพนักงานว่าเสียงในเรื่องเป็นภาษาไทยหรือเปล่า พนักงานบอกว่าแน่นอน ผมกับเอจองตั๋วพยายามจองแทนเบนซ์และจิ แต่เค้าไม่ให้

หนังเริ่มประมาณ 4 ทุ่ม คนฮ่องกงเข้าไปดูเยอะเหมือนกันแต่เรืองของมารยาทการดูหนังและสภาพของโรงที่นี่ ไทยเราดีกว่าเยอะ เพราะนั่งไปซักพักจะได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือทุกๆ 10-15 นาที ดูเสร็จ เกือบเที่ยงคืนก็กลับโรงแรม ส่วนเรื่องหนังนะเหรอครับขอปิดเป็นความลับทางราชการครับ วันนี้พอแพ็ครถจักรยานใส่กล่องเสร็จก็เข้านอนครับ

 

15 ตุลาคม 2544

กลับบ้านแล้ววันนี้ ผมต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาจัดกระเป๋าให้ทันรถของโรงแรมที่จะออกเวลา 9:45 น. เอ กับ จิ ตื่นกันก่อนและไปหาข้าวกินกันแล้ว รถโรงแรมมาตรงเวลาพอดีเป็นรถโค้ชใหญ่ทีเดียวมีเรา 4 คนเท่านั้นที่ไปรอบนี้ รถวิ่งมาซักพักก็มารับอีก 2 คน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงถึงสนามบิน Chek Lap Kok ผมไปเช็คอินก่อนเพราะเครื่องบินจะออกเวลา 12:45 น. ส่วนเอ เบนซ์ และ จิ นั้นก็โทรศัพท์กลับบ้านกัน เสร็จแล้วเราก็ไปหาข้าวกิน เราไปเจอร้านที่ขายข้าวคล้ายข้าวแกงจึงเข้าไปกินร้านนั้น ปรากฎคนขายเป็นคนไทยเราจึงสั่งอาหารค่อนข้างง่ายหน่อย แถมเค้ายังบอกคนคิดเงินให้ลดราคาให้เพราะเรามาแข่งกีฬาด้วย หลังจากกินเสร็จผมก็เดินเล่นซักพักแล้วก็ไปขึ้นเครื่องบิน

ผมถึงกรุงเทพเวลาประมาณ บ่าย 2 หลังจากนั้นแม่ก็มารับกลับบ้าน มาแข่งฮ่องกงคราวนี้ผลงานของทุกคนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ทิ่งที่เราได้กลับมานอกจากเหรียญรางวัลและประสบการณ์แล้วนั้น ก็คือบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่สอนให้เรารู้ว่าการแข่งระดับนี้ต้องมีความพร้อมอย่างเต็มที่และการเตรียมตัวที่ดีเท่านั้น เราจึงจะประสบความสำเร็จ

 

 

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่ 30 ต.ค.44<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>