% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_tips_of_health.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %>
ผู้เข้าชมตั้งแต่ 4 พ.ค. 46 <% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>
เรื่องดี..ดี..โดย
อธินาง
เรื่องที่ 93 | เป็ดเป็นอาหารจานโปรดของชาวจีน และยังใช้บำบัดโรคไต บวมน้ำ อ่อนเพลีย โรคหืด อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และช่วยเพิ่มพลังให้กับผู้ที่เพิ่งฟื้นไข้ |
เรื่องที่ 92 | โตวเหมี่ยว เพาะมาจากเมล็ดถั่วลันเตา รสหวานและกรอบ รสเหมือนถั่วลันเตา โตวเหมี่ยวมีวิตามินบีและวิตามินซีสูง จัดว่าเป็นแหล่งสารโปรตีนชั้นดี นอกจากนั้นยังมีวิตามินบี 12 สูง และมีสารเลซิทินซึ่งช่วยการทำงานของประสาทและสมอง |
เรื่องที่ 91 | น้ำมันปลาลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้อย่างสำคัญ ด้วยการละลายการจับตัวเป็นก้อนของเลือด ลดความดันโลหิตสูง ลดไตรกลีเซอไรด์ให้อยู่ในระดับต่ำ |
เรื่องที่ 90 | กินโหระพาทำให้ห่างไกลจากโรคหัวใจขาดเลือดและมะเร็งที่มากับไขมันอิ่มตัว เพราะโหระพามีเบต้าแคโรทีนสูงถึง452.16 ไมโครกรัม มีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยแก้จุกเสียดแน่นท้อง เจริญอาหาร ช่วยให้กินผักอื่นได้มากขึ้น และข้อสำคัญยังช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่ทำให้ท้องอืดได้ดีอีกด้วย |
เรื่องที่ 89 | หน่อไม้ฝรั่ง มีฤทธิ์กระตุ้นปัสสาวะ รักษาอาการธาตุพิการอาหารไม่ย่อย โรครูมาติก และลดกรดในลำไส้ แต่คนเป็นโรคเกาต์ไม่ควรกิน เพราะหน่อไม้ฝรั่งไปเพิ่มกรดยูริกในกระแสเลือด หน่อไม้ฝรั่งมีฟอสฟอรัสและวิตามินเอสูง ยังมีวิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินบีคอมเพล็กซ์ |
เรื่องที่ 88 | มะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซี ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ตลอดจนมีไบโอฟลาโวนอยด์สูง สารอาหารนี้มีคุณสมบัติเป็นสารต้านออกซิเดชั่น ช่วยป้องกันร่างกายมิให้ได้รับอันตรายจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและมะเร็งได้ และยังช่วยป้องกันการเป็นหวัด ขับเสมหะ แก้ไอและเจ็บคอได้ |
เรื่องที่ 87 | พริกสวน เป็นพริกชนิดเผ็ดทั้งหลาย ถือเป็นผักสมุนไพรและเครื่องเทศแต่งรส ในพริกมีสารแคปเซซินสูงมาก ช่วยขับเสมหะทำให้จมูกโล่ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด โดยเฉพาะอีโคไลที่ทำให้ท้องร่วง และยังมีวิตามินซี เบต้าแคโรทีนสูงอีกด้วย ใช้สกัดทำยานวด บรรเทาอาการปวดเมื่อยเคล็ดขัดยอก |
เรื่องที่ 86 | พริกหวาน ถือเป็นผักผลที่มีน้ำมาก มีรสหวาน อุดมด้วยวิตามินซี เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน สารไบโอฟลาโวนอยด์ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น ทำให้สุขภาพผิว เอ็น และกระดูกแข็งแรงดี ช่วยในการขับถ่ายได้ดีเช่นกัน |
เรื่องที่ 85 | ดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยลดอาการไข้ได้เป็นอย่างดี ชะลออาการแก่ก่อนวัย เพราะช่วยทำให้ผิวหนังและผิวหน้าชุ่มชื่น ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน |
เรื่องที่ 84 | ตังโอ๋ มีเบต้าแคโรทีนที่สูงมากถึง 2,722 ไมโครกรัม นอกจากนั้นยังมีวิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็กอีกด้วย ซึ่งช่วยต้านมะเร็งได้ |
เรื่องที่ 83 | ผักโขม ผักสุขภาพชั้นยอดซึ่งมีโปรตีนสูงใกล้เคียงกับเนื้อหมู แถมยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกสูงกว่านมสด มีฟอสฟอรัสปริมาณใกล้เคียงกับนมสด อีกทั้งยังมีวิตามินซีสูงกว่าส้มเขียวหวาน มีเบต้าแคโรทีนและสารซาโปนิน มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ |
เรื่องที่ 82 | การดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปมีอันตรายต่อสุขภาพโดยเฉพาะกระดูก! เพราะน้ำอัดลม 1 กระป๋องจะให้พลังงาน 150 แคลอรี่ มีคาเฟอีนผสมตั้งแต่ 70 มิลลิกรัมขึ้นไป และมีน้ำตาลประมาณ 10 ช้อนชา ซึ่งความหวานจะทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดฟันผุ กรดในน้ำอัดลมสามารถทำลายสารเคลือบฟัน จากการวิจัยของนักวิชาการพบว่าการเติมฟอสฟอรัสในน้ำอัดลมเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แคลเซี่ยมในร่างกายลดลง เป็นบ่อเกิดให้กระดูกมีความหนาแน่นลดลง ดังนั้นผู้ติดน้ำอัดลมควรหาอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีแคลเซียมสูงมาทดแทนแคลเซียมที่สูญเสียไป เช่นการบริโภคนม ปลากรอบที่รับประทานทั้งตัว และควรหันไปดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นน้ำผลไม้หรือน้ำเปล่าจะดีกว่า |
เรื่องที่ 81 | กะหล่ำดอก มีสรรพคุณยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็งในปอดและลำไส้ใหญ่ นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินซี โฟเลท แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และธาตุทองแดง มีไขมันและแคลอรีต่ำ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำไปประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ |
เรื่องที่ 80 | กะหล่ำปลี มีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 กะหล่ำปลีคั้นสดช่วยรักษาโรคกระเพาะ เพราะมีสารกลูตามีนช่วยเคลือบกระเพาะ กระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้ขับถ่ายได้ดี ต้านสารก่อมะเร็งและช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ระงับประสาท ทำให้นอนหลับสนิท |
รื่องที่ 79 | เมื่อหยุดสูบบุหรี่ ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอดและโรคหัวใจจะลดลงอย่างหน้าทึ่ง จากหลักฐานชี้ว่า หลังจากงดสูบบุหรี่เป็นเวลานานกว่าสิบปีแล้ว เนื้อเยื่อของปอดและหัวใจของผู้ที่เคยสูบบุหรี่จะฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมได้ ลดความเสี่ยงจากการตายด้วยโรคหัวใจและโรคมะเร็งปอดได้มาก |
เรื่องที่ 78 | ผักกาดหอม เป็นผักสุขภาพแนวหน้า เพราะมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามินซีสูง ยังให้ฮีโมโกลบิน จึงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาโลหิตจาง โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์จะช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้อย่างดี ผักกาดหอมมีแคลอรี่ต่ำมาก ขณะเดียวกันก็มีเลซิทินสูงซึ่งช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ด้วย |
เรื่องที่ 77 | ผักกวางตุ้ง อุดมด้วยเบต้าแคโรทีนสูง มีวิตามินซี ใช้บำรุงดวงตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แก้ปวดข้อ และช่วยลดอาการอักเสบ อาการบวมต่าง ๆ ได้ |
เรื่องที่ 76 | กลืนน้ำลายบ่อย ๆ มีพลังอย่างหน้าอัศจรรย์ในการสร้างความเป็นหนุ่มเป็นสาว น้ำลายบำรุงสมอง ช่วยย่อยอาหาร ขจัดพิษจากร่างกาย เพิ่มความยืดหยุ่น ช่วยให้ผิวหนังและผิวหน้าเนียนเรียบเป็นเงางาม เพิ่มพลังทางเพศ และสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยเสริมทุกระบบที่มีหน้าที่ต่อต้านความแก่ |
เรื่องที่ 75 | คะน้าจีน มีเบต้าแคโรทีน และวิตามินซีสูงมาก ป้องกันโรคมะเร็งที่กระเพาะอาหาร ลำไส้ ลำคอ ปอด และกระเพาะปัสสาวะได้ ช่วยให้สายตาดี ช่วยให้เนื้อเยื่อชุ่มชื้น ทำให้ผิวงาม เสริมระบบภูมิคุ้มกันโรค วิตามินซียังเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ ป้องกันเกล็ดเลือดไม่ให้แข็งตัว ช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น |
เรื่องที่ 74 | การสางผมด้วยนิ้วมือบ่อย ๆ ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและลมปราณไปเลี้ยงสมอง ช่วยให้มีสติมั่นคง ทำให้ความจำดี และรักษาสีสันของเส้นผมให้งดงามตามธรรมชาติ |
เรื่องที่ 73 | กระเจี๊ยบมอญ มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม กรดโฟลิก เหล็ก วิตามินเอ และวิตามินบี 3 และวิตามินซี สารในฝักช่วยขับพยาธิตัวจี๊ด รักษาความดันโลหิตให้เป็นปกติ บำรุงสมองและเป็นยาระบายอย่างดี เมือกกระเจี๊ยบช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะและลำไส้ |
เรื่องที่ 72 | ขบฟันเบา ๆ วันละหลาย ๆ ครั้ง ไม่เพียงแต่ช่วยให้ฟันแข็งแรง ป้องกันการเสื่อมของฟันก่อนเวลาอันควรแล้ว ยังช่วยให้การมีเพศสัมพันธ์และสติทรงพลังอีกด้วย |
เรื่องที่ 71 | ถั่วลันเตา อุดมด้วยสารอาหารที่ทำให้อิ่มท้อง ให้พลังงานต่ำเป็นใยอาหารที่ละลายในน้ำได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ฝักถั่วลันเตามีเบต้าแคโรทีนที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ ยังมีเหล็ก ไนอะซิน และวิตามินซี ตลอดจนให้แคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นผักที่รักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง |
เรื่องที่ 70 | ถูฝ่าเท้าหลาย ๆ ครั้งต่อวันจะช่วยให้มีอายุยืนยาว |
เรื่องที่ 69 | มะระขี้นก มีแร่ธาตุต่าง ๆ ทั้งเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก มีสรรพคุณช่วยเจริญอาหาร และเป็นยาระบายอ่อน ๆ ตลอดจนรักษาโรคเบาหวาน เพราะสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ |
เรื่องที่ 68 | ขมิบกล้ามเนื้อรอบทวารหนัก และเกร็งหัวแม่เท้าบ่อย ๆ ถ้ามีอาการเสื่อมถอยทางเพศ เนื่องมาจากอาการแก่ก่อนวัยอันควร การขมิบทวารหนักและเกร็งหัวแม่เท้าเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เป็นหนทางในการชะลอความแก่ และป้องกันอาการดังกล่าว |
เรื่องที่ 67 | ฟักเขียว มีสารอาหารและแร่ธาตุอยู่หลายชนิด มีวิตามินซีอยู่ในปริมาณพอสมควร คนโบราณเชื่อว่าฟักเป็นยาเย็น ในหน้าร้อนหากตัวรุม ๆ มีไข้ และกระหายน้ำ ให้นำฟักมาปรุงเป็นอาหาร หรือจะต้มเป็นน้ำฟักกินก็ได้ เชื่อว่าฟักช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย |
เรื่องที่ 66 | ฟักทองเป็นผักสุขภาพแนวหน้าชนิดหนึ่ง เพราะมีเบต้าแคโรทีนสูง ผลการวิจัยพบว่าช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะของผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมี ธาตุเหล็ก วิตามินซี ไนอะซิน วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 เหมาะเป็นอาหารลดน้ำหนัก เพราะมีเส้นใยมาก ไขมันน้อย แคลอรีต่ำ |
เรื่องที่ 65 | ผักบุ้งจีน มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียมและเหล็กสูง ช่วยแก้โรคตาบอดกลางคืนได้ดี ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ผักบุ้งมีสารชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลิน สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานได้ |
เรื่องที่ 64 | ป้องกันการเกิดต้อกระจกได้ด้วยการปิดเปลือกตาเพื่อพักตาทุกหนึ่งชั่วโมง หลังจากใช้สายตาในการทำงาน เลี่ยงการกระทบแสงแดดและแสงฟลูออเรสเซนต์โดยตรงด้วยแว่นกันแดด ป้องกันต้อกระจกและกล้ามเนื้อตาเสื่อม ด้วยการกินอาหารที่มีวิตามินเอและอี และบริหารดวงตาสม่ำเสมอ |
เรื่องที่ 63 | ขึ้นฉ่าย มีโปแตสเซียมสูงมาก ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยขับปัสสาวะ รักษาโรคปวดข้อ เช่น รูมาติกและโรคเกาต์ มีโซเดียมอินทรีย์ช่วยปรับกรดและด่างในเลือดให้สมดุล เกิดผลดีต่อระบบประสาท น้ำขึ้นฉ่ายคั้นมีสรรพคุณเป็นยากล่อมประสาท ทำให้รู้สึกสบาย นอนหลับได้ดี |
เรื่องที่ 62 | ถ้าเป็นหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหล มีอาการไอร่วมด้วย ให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทผลิตภัณฑ์จากนมและแป้งสาลี เพราะเป็นอาหารประเภทก่อให้เกิดเมือก ซึ่งทำให้ติดเชื้อและเกิดเสมหะที่ระบบทางเดินหายใจได้ |
เรื่องที่ 61 | ผักกาดขาว เป็นผักซุปเปอร์แคลเซียม อีกทั้งยังมีโฟเลทหรือกรดโฟลิกสูง สำคัญต่อสุขภาพของแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ โฟเลทมีบทบาทสำคัญคือทำให้กระบวนการสร้างสารพันธุกรรมหรือ DNA เป็นปกติ และช่วยให้เม็ดเลือดแดงสมบูรณ์ ตลอดจนมีเส้นใยอาหารมาก ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ |
เรื่องที่ 60 | ชา โดยเฉพาะชาเขียว ชาวจีนถือว่ารักษาได้ทุกโรค ถ้าอาหารไม่ย่อยหรือธาตุพิการ เขาจะดื่มน้ำชา ถ้าปวดหัวหรือเป็นหวัดเขาจะนึกถึงชา ถ้าเขามึนเมาได้รับพิษจากอาหาร รู้สึกไม่สดชื่น เมาค้าง เขาก็จะดื่มน้ำชา ชาจึงถือได้ว่าเป็นยาที่ยอดเยี่ยม |
เรื่องที่ 59 | ต้นหอม คือหอมต้นที่ใช้ทั้งใบและหัวในการแต่งกลิ่น ประดับ และเป็นผักมีสรรพคุณสารพัด ตั้งแต่ช่วยแก้หวัดและอาการติดเชื้อต่าง ๆ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ควบคุมความดันโลหิตสูง และป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน |
เรื่องที่ 58 | ผู้มีอาการหวัด ให้แช่เท้าลงในน้ำอุ่นจัดสัก 15 นาที แล้วดื่มน้ำขิงก่อนเข้านอน |
เรื่องที่ 57 | การกินบรอกโคลีมีส่วนช่วยป้องกันและต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง ทั้งนี้เพราะในบรอกโคลีมีสารต้านมะเร็งเป็นองค์ประกอบ |
เรื่องที่ 56 | ท้องผูกให้กินอาหารที่มีเส้นใยสูง ปรุงจากเมล็ดธัญญาพืชและข้าวโอต ข้าวกล้อง ผักและผลไม้สดทั้งหลาย เส้นใยจะไม่ถูกย่อย เคลื่อนตัวไปตามลำไส้ ไปรวมกับกากอาหารอื่น ๆ เส้นใยจะทำหน้าที่ดูดน้ำมาสู่มวลอุจจาระ ทำให้มวลอุจจาระเพิ่มขึ้นและนุ่มขึ้น |
เรื่องที่ 55 | กล้วยอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ช่วยลดความเสี่ยงโรคเส้นเลือดอุดตันในสมอง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูง บรรเทาอาการท้องผูก ท้องร่วง อาหารไม่ย่อย โรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก กามตายด้าน โรคหัวใจและโรควูบ ใช้ผิวเปลือกด้านในถูตามบริเวณที่เป็นสิว ทำให้สิวเบาบางลงได้ |
เรื่องที่ 54 | กลอกลูกตาหลาย ๆ ครั้ง 7 ครั้งตามเข็มนาฬิกา อีก 7 ครั้งทวนเข็มนาฬิกา ขณะที่กลอกลูกตาให้หายใจลึก ๆ รวมศูนย์จิตใจไปที่ท้องน้อย การบริหารดวงตาเช่นนี้ ให้ทำสองครั้งต่อวัน คือช่วงเช้ากับช่วงก่อนนอน |
เรื่องที่ 53 | องุ่นใช้รักษาโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ ท้องผูก ข้อต่ออักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ ระบบย่อยอาหารผิดปกติ นอนไม่หลับ โลหิตจาง หมดแรง โรคตับ การดื่มไวน์แดงซึ่งอุดมไปด้วยสารโพลิฟีนอล วันละ 1 แก้ว ช่วยบำรุงหัวใจ ลดการสะสมของคอเลสเตอรอลและยับยั้งการจับตัวเป็นลิ่มของเลือด |
เรื่องที่ 52 | ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ ทุกวัน ช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น ข้อต่อยืดหยุ่น ชำระล้างร่างกายภายใน ช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ช่วยให้ระบบภายในต่าง ๆ กระฉับกระเฉง |
เรื่องที่ 51 | รากบัวใช้บรรเทาอาการคลื่นเหียนอาเจียน สะอึก ท้องร่วง เบื่ออาหาร โรคเส้นเลือดอุดตันในสมองและอาหารเป็นพิษ ในทางโภชนาการรากบัวประกอบไปด้วยโปรตีน แป้ง วิตามินชนิดต่าง ๆ เอนไซม์ช่วยย่อย และแร่ธาตุต่าง ๆ |
เรื่องที่ 50 | ผู้มีอาการซึมเศร้า ให้หัวเราะหรือร้องไห้ดัง ๆ ระเบิดออกมา ช่วยระบายความกดดันอย่างได้ผลและมีประสิทธิภาพ การหัวเราะก็เหมือนกับการออกกำลังกาย ช่วยให้ระบบภายในร่างกายสมบูรณ์ |
เรื่องที่ 49 | กินเห็ดเป็นประจำ ช่วยลดความดันโลหิตสูงและระดับคอเลสเตอรอล ในขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันเลือดเกาะตัวเป็นก้อน และปัญหาทางด้านหัวใจ เสริมสร้างระบบย่อยอาหาร เพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกัน บำบัดโรคผิวหนัง ป้องกันและทำลายเซลมะเร็งหลายชนิด |
เรื่องที่ 48 | สำหรับผู้เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ให้ดื่มน้ำชาแก่ ๆ เพื่อลดอาการเป็นพิษ ดื่มน้ำคั้นหัวผักกาดแดง (แรดิช) เพื่อขับสารพิษ กินผลไม้มาก ๆ ดื่มน้ำส้มสายชูหรือน้ำคั้นจากขิง กินมะกอก (ฝรั่ง) มาก ๆ ใช้ผ้าเย็นโปะหน้าผาก |
เรื่องที่ 47 | มะกอกและน้ำมันมะกอกช่วยลดคอเลสเตอรอลและควบคุมความดันโลหิต ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ นอกจากนี้น้ำมันมะกอกยังใช้ทารักษาแผลไฟไหม้ ฟกช้ำดำเขียว เคล็ดขัดยอกได้ด้วย |
เรื่องที่ 46 | ผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร อย่านั่งนานเกินกว่า 30 นาที ในแต่ละครั้ง การนั่งเป็นเวลานานเกินไปจะทำให้เลือดไหลเวียนบริเวณทวารหนักไม่สะดวก |
เรื่องที่ 45 | หอมใหญ่ช่วยลดความดันโลหิตสูงและระดับคอเลสเตอรอล บรรเทาอาการหวัดและไข้หวัดใหญ่ ทำลายแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยเจริญอาหาร ลดภาวะอาหารไม่ย่อย อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นยาทาภายนอก บรรเทาอาการปวดแสบ ระคายเคือง ยุงกัด และแผลไฟไหม้ |
เรื่องที่ 44 | สำหรับผู้เป็นโรคความจำเสื่อม เมื่อทำงานใช้สมองนาน ๆ ให้พักสมองช่วงสั้น ๆ ด้วยการหลับตาให้สนิท หายใจลึก ๆ ในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ รวมศูนย์จิตใจไปอยู่ที่ท้องน้อย |
เรื่องที่ 43 | ส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี โพแทสเซียมและกรดโฟลิก บรรเทาอาการหวัด ไข้หวัดใหญ่ ปวดศรีษะ อาหารไม่ย่อย โรคหืด ไอ โรคเกี่ยวกับตา เช่น ต้อกระจก ตาบอดกลางคืน โรคมะเร็ง และโรคฟัน สร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น ดื่มน้ำส้มประจำจะช่วยให้ปัสสาวะสะดวก |
เรื่องที่ 42 | ผู้ที่มีอาการตาอ่อนล้า ถ้าไม่มีเวลานวดตา ให้กระพริบตาบ่อย ๆ อันที่จริงแล้วภายใต้จิตสำนึกเราจะกระพริบตาทุก ๆ 5 วินาทีอยู่แล้ว แต่ถ้าเราใจจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า เราอาจจะลืมกระพริบตาและอาจกระพริบตาได้ไม่เพียงพอ |
เรื่องที่ 41 | สำหรับผู้เป็นโรคความจำเสื่อม ให้สะบัดหัวจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง วันละหลาย ๆ ครั้ง เพื่อช่วยเพิ่มพลังและการไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงสมองได้ดี |
เรื่องที่ 40 | ลูกแพร์ ใช้บำบัดโรคหืด ไอ เสียงแหบ ท้องผูก โรคปอด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะลำบาก อาหารไม่ย่อย และหัวใจวาย ลูกแพร์เป็นอาหารประเภทหยินที่ช่วยให้ความร้อนในร่างกายเกิดความสมดุลย์ |
เรื่องที่ 39 | ในหมู่คนจีนเชื่อว่าพริกไทยช่วยเจริญอาหาร ช่วยระบบการย่อย และระบบการไหลเวียนต่าง ๆ ในร่างกาย ทั้งเพิ่มความต้องการและความสามารถทางเพศด้วย มีสรรพคุณลดอาการบวม รักษาไข้หวัดใหญ่ อาการปวดศรีษะและโรคภัยไข้เจ็บที่มีสาเหตุมาจากความชื้นและความหนาวเย็นของอากาศ |
เรื่องที่ 38 | ชาวจีนโบราณค้นพบว่าสับปะรดสามารถรักษาอาการหวัดและโรคไซนัสอักเสบ เพราะสับปะรดจะช่วยเปิดช่องในจมูก นอกจากนี้ยังดีต่อการรักษาแผลไฟไหม้และบาดแผลต่าง ๆ อีกด้วย |
เรื่องที่ 37 | ถ้ามีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง นั่งลงดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว หรือนอนราบลง หลับตาผ่อนคลาย หายใจลึก ๆ |
เรื่องที่ 36 | ผักปวยเล้งบรรเทาอาการโรคเบาหวาน โลหิตจาง ท้องผูก โรคตับ ต้อกระจก เพลียตา ตาบอดกลางคืน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล ได้เป็นอย่างดีพอ ๆ กับการช่วยรักษาบาดแผล |
เรื่องที่ 35 | อ้อยสามารถใช้รักษาอาการคลื่นเหียนอาเจียน ท้องผูก อาหารเป็นพิษ ชะลอความแก่ ชาวจีนผู้มีอายุยืนกล่าวว่า พวกเขาดื่มน้ำอ้อยวันละ 1 แก้วทุกวัน โดยเฉพาะอ้อยที่คั้นสด ๆ จากลำต้นยิ่งดี |
เรื่องที่ 34 | แตงกวาเป็นหนึ่งในอาหารช่วยรักษาสิวบนใบหน้าและลำตัวได้ ด้วยการกินแตงกวาสด การดื่มน้ำผึ้งชงกับน้ำเย็น ดื่มชาเขียวทุก ๆ เช้า สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ วันละสองครั้ง เพื่อช่วยให้เกิดภาวการณ์นอนหลับสนิท ทำจิตให้ปลอดโปร่ง ปลดปล่อยความกดดันออกไป ก็ช่วยรักษาสิวด้วยเช่นกัน |
เรื่องที่ 33 | สำหรับผู้มีอาการปวดศีรษะ ให้กินไข่ทุกวัน ในไข่แดงประกอบด้วยเลซิติน และคอเรสเตอรอลดี ซึ่งเป็นสารอาหารบำรุงสมองและสร้างพลังงาน |
เรื่องที่ 32 | มะม่วงเป็นอาหารช่วยรักษาโรคความจำเสื่อม เพราะมีวิตามินเอสูง นอกจากนั้นวิตามินเอยังมีในตับ ไข่แดง น้ำมันตับปลา มะเขือเทศ และมันพื้นบ้าน |
เรื่องที่ 31 | ดื่มน้ำคั้นจากหัวแรดิชและหัวไชเท้า หรือกินอาหารที่ทำจากหัวแรดิชและหัวไชเท้าเป็นประจำ นอกจากจะป้องกันและรักษาโรคมะเร็งแล้ว ยังอาจฆ่าเซลล์มะเร็งได้โดยตรง |
เรื่องที่ 30 | ดื่มน้ำแครอท 5 แก้วทุกวัน ช่วยป้องกันและรักษาโรคมะเร็งที่ปอด ท้อง มดลูก ลำคอ ต่อมลูกหมาก เต้านมและที่อื่น ๆ ส่วนคนที่มีปัญหาด้านสายตา เกิดอาการเพลียตา ให้กินแครอทเป็นประจำจะช่วยบำรุงสายตา และยังมีผลดีต่อตับอีกด้วย |
เรื่องที่ 29 | กินกระเทียมเป็นประจำทำให้ระบบการสร้างภูมิคุ้มกันแข็งแรง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก ต่อต้านแบคทีเรียและพยาธิต่าง ๆ กินสดป้องกันการเกิดสิว ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ บรรเทาอาการโรคบิดและไทฟอยด์ ป้องกันและรักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ แก้อาการปวดท้องและท้องร่วง |
เรื่องที่ 28 | ออกกำลังกายช่วยชะลอความแก่ นอกเหนือจากประโยชน์ที่มักกล่าวถึงกัน คือช่วยการไหลเวียนของโลหิต สร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่นอย่างมาก จึงเป็นการป้องกันรอยตีนกาบนใบหน้าอันเนื่องจากการแก่ชรา |
เรื่องที่ 27 | มะเขือเทศกินประจำช่วยบรรเทาอาการตับอักเสบ แผลเปื่อย โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดในสมองแตก รักษาแผลไฟไหม้ ท้องร่วง โรคหืดหอบ และโรคภูมิแพ้ตามผิวหนัง มะเขือเทศมีโพแทสเซียมทำให้หัวใจและความดันโลหิตทำงานเป็นปกติ ดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำช่วยชำระล้างมลพิษในปอด |
เรื่องที่ 26 | กินขิงสด ๆ หรือกินจากอาหารช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี บำรุงเส้นผมที่เกิดใหม่ บรรเทาปัญหาการย่อยอาหาร ท้องร่วง หรือเป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ เพียงฝานขิงเป็นแว่นแล้วต้มใส่น้ำตาลกรวด ดื่มร้อน ๆ ก่อนเข้านอน แล้วห่มผ้าหนา ๆ ให้เหงื่อออก รุ่งเช้าอาการหวัดจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง |
เรื่องที่ 25 | ดื่มน้ำซุป 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนกินอาหารแต่ละมื้อ ลดภาวะโรคชราได้เป็นอย่างดี คนจีนโบราณเชื่อว่า การกระทำดังกล่าวช่วยให้เจริญอาหารและช่วยย่อย เป็นการป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร |
เรื่องที่ 24 | กินมะเขือเป็นประจำ ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และป้องกันผนังเส้นเลือดแข็งตัว เพราะในมะเขือมีวิตามินพี หรือที่เรียกว่า "ไบโอฟลาโวนอยด์" |
เรื่องที่ 23 | การบริโภคเมล็ดถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองทุก ๆ วัน จะช่วยชะลอความแก่ เพราะถั่วเหลืองอุดมด้วยโปรตีน เส้นใย วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 บี 12 กรดโฟลิกคลอไรด์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไขมันไม่อิ่มตัวและฮอร์โมนแอสโตรเจน ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอล ต้านมะเร็งในเต้านม รักษามวลกระดูก |
เรื่องที่ 22 | ผู้ชายที่ชอบกินถั่วมีโอกาสที่จะเกิดหัวใจวายกระทันหัน หรืออาการของโรคหัวใจอื่น ๆ ได้น้อยกว่าคนที่ไม่ชอบกินถั่วอยู่มากโข เรื่องนี้ดูจะเป็นกำไรของผู้ชายโดยเฉพาะ เพราะถั่วจะไม่ลดอัตราการเกิดอาการดังกล่าวในผู้หญิงแต่อย่างใด |
เรื่องที่ 21 | ตับมีหน้าที่มากกว่า 500 อย่างต่อร่างกายของคนเรา เช่น- การทำลายสารพิษ (Detoxification) -การสะสมพลังงานแก่ร่างกายในรูปของไกลโคเจน (Glycogen) -การสังเคราะห์สาร สำคัญต่าง ๆ อาทิคอเลสเตอรอล กรดอมิโนที่จำเป็น |
เรื่องที่ 20 | อาการเตือนภาวะตับไตเสื่อม -อ่อนเพลียเรื้อรัง -มีไข้ต่ำ ๆ -ซีด ตาเหลือง ตัวเหลือง -นอนหลับไม่สนิท มักฝันร้าย -ท้องอืด กดปวด ท้องบวม -ท้องเสียติดต่อกันเป็นเวลานาน -ขาบวม กดแล้วเนื้อบุ๋ม หน้าบวม -ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขัด |
เรื่องที่ 19 | ประโยชน์ของบัวบก -แก้อาการช้ำใน -มีผลต่อการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย -ทำให้บาดแผลหายเร็ว -รักษาแผลไฟไหม้ที่ไม่รุนแรงและโรคผิวหนังหลายชนิด -เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นเลือดโดยมีผลต่อการสร้างเนื้อเยื่อของผนังหลอดเลือด -ช่วยลดอาการและป้องกันการเกิดโรคของหลอดเลือด เช่นเส้นเลือดขอด -แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า -บำรุงธาตุ บำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ |
เรื่องที่ 18 | หากปัสสาวะของคุณเป็นสีเหลืองเข้มกว่าปกติ แสดงว่าคุณกำลังขาดน้ำ แพทย์แนะนำว่าควรดื่มน้ำให้มากพอที่จะถ่ายปัสสาวะได้ทุก 3-4 ชั่วโมง |
เรื่องที่ 17 | แม้น้ำหนักจะเกินเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับส่วนสูง ก็เสี่ยงกับการเป็นโรคหัวใจล้มเหลวอยู่ไม่น้อย โดยพบว่าผู้ที่มีร่างกายอ้วนจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจถึง 2 เท่า ในขณะที่ผู้ที่มีน้ำหนักเกินพิกัดจะมีความเสี่ยงร้อยละ 34 เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติ |
เรื่องที่ 16 | ผู้สูงอายุที่มองโลกในแง่ร้ายโดยคิดว่าสังขารที่ร่วงโรยและอายุที่มากขึ้นจะทำให้ตนมีประโยชน์น้อยลงนั้น อาจนำไปสู่การมีอายุสั้นกว่าที่ควร ส่วนผู้สูงอายุที่อารมณ์ดี ไม่พะวงกับความชรา จะมีอายุยืนยาวกว่าคนวัยเดียวกันที่มองโลกในแง่ร้ายโดยเฉลี่ยประมาณ 7 ปี 6 เดือน ดังนั้นการมองโลกในแง่ดีของผู้สูงอายุมีความสำคัญยิ่งกว่าการควบคุมคอเลสเตอรอลหรือความดันเสียอีก เพราะการควบคุมเหล่านี้ช่วยให้อายุยืนไม่เกิน 4 ปี |
เรื่องที่ 15 | การรับแสงแดดในปริมาณเล็กน้อยส่งผลดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกระดูก รังสีอัลตร้าไวโอเล็ต-บี หรือยูวีบีจากดวงอาทิตย์ช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างวิตามินดี ส่งผลให้กระดูกแข็งแรง และกระตุ้นสารพันธุกรรม(ยีน) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเติบโตของเซลล์ ทำให้เซลล์ไม่เกิดการแบ่งตัวอย่างไร้การควบคุม จึงไม่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ในหนึ่งสัปดาห์ควรให้ร่างกายได้รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที |
เรื่องที่ 14 | กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหวัดคือ ผู้ที่มีความเครียด ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มสุรา รวมทั้งผู้ที่ไม่รับประทานอาหารเช้า สรุปได้ว่าปัจจัยด้านจิตใจและพฤติกรรมล้วนมีอิทธิพลต่อการป่วยเป็นโรคหวัด |
เรื่องที่ 13 | สำหรับคนที่น้ำหนักไม่ลดเพราะหิวโซ หลังจากออกกำลังกายทุกครั้งให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ นอกจากจะช่วยทดแทนน้ำที่เสียไปจากการออกกำลังกายแล้ว ยังทำให้ท้องอิ่มและไม่อยากอาหารมากนัก ใครต้องการลดน้ำหนักให้ดื่มน้ำมาก ๆ ในแต่ละวัน นอกจากจะกินน้อยลงแล้ว หน้าตายังผ่องใส เพราะระบบในร่างกายทำงานได้คล่องตัวอีกด้วย |
เรื่องที่ 12 | การเดินเพื่อสุขภาพคือการเดินทุกวัน วันละ 2.5 กม. เพื่อกระดูกและหัวใจที่แข็งแรง ถ้าเดินได้ไม่ถึงขนาดนั้นให้ใจเย็น ๆ ทุกสองอาทิตย์ให้เพิ่มเวลาเดินให้มากขึ้นสัก 5 นาที นั่นคือ การเพิ่มระยะทางประมาณ 400 เมตรด้วยอัตราเดินปกติ ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ถึง2.5 ม. |
เรื่องที่ 11 | ร่างกายของผู้หญิงจะซึมซับแอลกอฮอล์ได้เร็วกว่าผู้ชาย (เมาเร็วกว่า) และยังมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ดื่มถึง 50 % และทำให้กระดูกเปราะมากขึ้นเพราะจะเข้าไปทำลายเนื้อกระดูก (bone mass) |
เรื่องที่ 10 | การกินอาหารแต่ละมื้อในปริมาณน้อยแต่กินบ่อย ๆ ตลอดวัน (ประมาณ 5-6 มื้อต่อวัน) จะดีกับร่างกายมากกว่ากินน้อยมื้อแต่ปริมาณมาก เพราะเลือดจะรับสารอาหารได้ดีกว่า และยังช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย ทั้งนี้ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ไม่ใช่ขนมหรือของขบเคี้ยวอย่างเดียว |
เรื่องที่ 9 | การหายใจลึก ๆ ช้า ๆ เป็นเวลานานต่อเนื่องกันแบบโยคะนั้นส่งผลดีกับร่างกายและจิตใจ ปกติคนเราจะหายใจประมาณ 14 ครั้งต่อนาที ถ้าหายใจตามแบบโยคะก็ประมาณ 6 ครั้งต่อนาที การหายใจ ลึก ๆ ช้า ทำให้ได้รับปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือดมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด |
เรื่องที่ 8 | การวิ่งนอกจากจะเป็นการทำให้ร่างกายได้ออกกำลังแล้วยังช่วยให้สมองได้ออกกำลังอีกด้วย โดยวิ่งเหยาะ ๆ ครั้งละ 30 นาที จำนวน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็สามารถช่วยพัฒนาการทำงานของสมองส่วนหน้าได้ |
เรื่องที่ 7 | วิธีป้องกันและดูแลรักษาการเกิดแผลในปาก ให้แปรงฟันหรือบ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหารทันที, ดื่มน้ำมาก ๆ (สำคัญมาก) และงดอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด จนกว่าแผลจะหาย |
เรื่องที่ 6 | การดื่มน้ำผลไม้ทำให้ฟันสึกกร่อนได้ เพราะน้ำผลไม้มีกรดซีตริก ซึ่งสามารถละลายแคลเซี่ยมในผิวเคลือบฟันออก เมื่อดื่มน้ำผลไม้ควรดื่มน้ำตามหรือบ้วนปากทุกครั้ง |
เรื่องที่ 5 | การแปรงฟันควรแปรงฟันนานประมาณ 2-3 นาทีฟันจึงจะสะอาดทั่วถึง แต่ผู้ที่เป็นโรคปริทันต์ต้องใช้เวลามากขึ้น |
เรื่องที่ 4 | การทำความสะอาดช่องปากให้ลูกน้อยแรกเกิด ควรใช้ผ้าก๊อส หรือสำลีชุบยาสีฟันเช็ดเหงือก ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ดูแลช่องปากลูกน้อยได้ จนกระทั่งฟันน้ำนมขึ้นก็ได้ |
เรื่องที่ 3 | ผู้สูงอายุควรออกกำลังกายด้วยการเดินประมาณวันละ 45 นาที อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะจะทำให้มีออกซิเจนเข้าไปเลี้ยวสมองมากขึ้น ส่งผลให้มีความจำดีขึ้นและมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว |
เรื่องที่ 2 | การกินหรือฉีดยาคุมกำเนิดเป็นประจำ ทำให้กระดูกบางลงได้ นำไปสู่ปัญหากระดูกพรุนได้เมื่อแก่ตัวลง ดังนั้นหากจำเป็นต้องกินหรือฉีดยาเหล่านี้ ก็อย่าลืมหมั่นกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ผักในเขียวเข้ม ปลาเล็กปลาน้อย ฯลฯ |
เรื่องที่ 1 | การออกกำลังกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง เช่น เล่นโยคะ ช่วยลดความเสี่ยงต่อกาการกระดูกสันหลังหักหรือเคลื่อนในสตรีสูงอายุได้ และยังทำให้อัตราการสูญเสียความหนาแน่นของกระดูกลดลงอีกด้วย |
Update : อาทิตย์, 05 พฤศจิกายน 2549 12:14