หยาดเหงื่อ…เพื่อชาติ

 

ผมได้รับหนังสือเชิญจาก Mr. Laing Shanshui เลขาธิการสมาคมไตรกีฬาแห่งสาธารณะรัฐประชาชนจีนอีกครั้ง ขอให้ผมนำนักไตรกีฬาไทยเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ The 11th ASIAN TRIATHLON CHAMPIONSHIP ซึ่งเป็นการแข่งขันไตรกีฬาชิงแชมป์แห่งเอเชียที่ทางจีนจะจัดขึ้นที่เมือง Xushou  จังหวัด Jaingsu ช่วงระหว่างวันที่ 6 – 9 กันยายน 2545    เมือง Xuzhou นี่ ผมเคยพานักไตรกีฬาไทยไปมาแล้วเมื่อปี 2544  การเดินทางเราจะต้องนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯไปลงที่ Shanghai แล้วนั่งเครื่องบินสายภายในประเทศจาก Shanghai ไปลงที่ Xuzhou หรือนั่งรถไฟจาก Shanghai ไปลงที่ Xuzhou ก็ได้ แต่ไปทางรถไฟจะต้องใช้เวลาเดินทางนานถึง 6 – 7 ชั่วโมง

อย่างที่เคยเขียนเล่าในบทความชื่อ “ก้าวไปในโลกกว้าง” ว่า ผมกับเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของสมาคมไตรกีฬาแห่งสาธารณะรัฐประชาชนจีนนั้นอยู่ในระดับ “ซี้ปึ้ก”    ค่าเครื่องบินจากกรุงเทพฯไป Shanghai หากไปโดยสายการบิน China Eastern Airline จะถูกที่สุดในบรรดาสายการบินอื่นๆ แค่ 12,300 บาทต่อคน นอกจากค่าตั๋วระหว่างประเทศแล้ว เราจะต้องจ่ายค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินภายในประเทศจาก Shanghai ไป Xuzhou อีกคนละ 1,100 (หรือประมาณ คนละ 6,017 บาท) รวมทั้งสิ้นคนละ 18,317 บาท 10 คน เป็นเงิน 183,170 บาท…หนักแน่

 

พวกเราเป็นประเภท “รักชาติแบบไม่มีเงินเดือนกิน”  นอกจากจะออกแรงทำกิจกรรมกีฬาเพื่อชาติแล้วยังต้องออกเงินค่าใช้จ่ายกันเองทั้งสิ้น……..ทั้งเสียเหงื่อ  ทั้งเสียเงิน  และเสียเวลา โดยไม่มีความช่วยเหลือสนับสนุนจากใครหรือหน่วยงานใดแม้แต่บาทเดียว

 

ถามว่า…แล้วมีใครเขาขอร้องให้พวกนายมาทำอย่างนี้ล่ะ        ตอบ….ไม่มี  

ถาม….อ้าว… แล้วยังจะทนทำอยู่ทำไมเล่า      ตอบ…ไม่รู้สิ…เป็นบ้าไปแล้วมั๊ง

 

เราไม่รู้เหมือนกันว่า….หากนักไตรกีฬาไทยไปได้แชมป์แห่งเอเชียมา….จะมีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้เพื่อฉลองชัยออกทีวี หรือลงภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ หรือให้พวกเราเข้าพบเพื่อมอบเสื้อสามารถหรือมอบโล่เกียรติยศออกทีวีหรือออกข่าวหน้าหนังสือพิมพ์…เพราะเหตุการณ์อย่างนั้นในประเทศไทยของเรา ไม่ค่อยมีใครนิยมปฏิบัติ  การกระทำแบบ “ชุบมือเปิบ” คงไม่มีให้เห็นกันหรอก….จริงมั๊ย     ส่วนใหญ่แล้ว “ท่านๆทั้งหลาย” มักจะช่วยเหลือเกื้อกูล รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยให้ตั้งแต่ตอนที่เป็น “เมล็ด”   ไอ้ที่คอยสอดส่องมองหา รอจนเติบโตเองตามมีตามเกิดตามธรรมชาติ  แล้วค่อยเอาป้ายชื่อยี่ห้อของตนหรือขององค์กรของตนมาแปะเอาตอนที่เป็นดอกเป็นผลและเมื่อได้รางวัลผลผลิตยอดเยี่ยมแล้วนั้น…คงไม่มีมั๊ง

 

แต่แน่นอนที่สุดว่า…..สังคมไทยของเรานิยมส่งเสริมให้ทุกคน “สู้ด้วยตัวเอง”….พวกนายต้องช่วยตัวเอง

 

เอาล่ะ….เมื่อต้องแบกภาระอีกคนละหกพันเศษ 10 คนก็ปาเข้าไปตั้งหกหมื่น ผมก็คิดจะใช้วิชา “อ้อน” กับเพื่อนซี้ชาวจีน ขอให้ช่วยและขอให้เขาจัดรถไฟให้เราไปแทนเครื่องบิน ยอมอดทนไปทางรถไฟ ค่ารถไฟไปกลับก็ตกคนละ 550 หยวน(ประมาณคนละ  3,000 บาทเศษ) สิบคนก็ สามหมื่นบาทพอดี  ทางสมาคมไตรกีฬาจีนจึงมีหนังสือไปยังเทศบาลเมืองซูโช ขอให้ช่วยเหลือทีมไทยเป็นกรณีพิเศษ เขาอีเมล์ตอบกลับมาที่ผมว่า หากทีมไทยเดือดร้อนเรื่องเงินจริงๆเขาก็จะช่วย….ผมแจ้งพวกเรานักไตรกีฬาทีมชาติไทยทุกคนทันที…..เสียงเฮดังก้องในหัวใจ  เป็นอันว่า “อันความกรุณาปราณี จะมีใครบังคับก็หาไม่” …..แต่เกิดจาก …วิชาการอ้อน

 

ในที่สุดเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย  ทีมไทย 10 คนประกอบด้วย ผมและเปี๊ยก(วิสิษฐ์ วิจิตรพรกุล) ซึ่งทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีม ทีมชาติไทย 7 คน ได้แก่ เอ (สัณฐิติ อันทะบาล)   ปิ๊ก(จิรชัย หมื่นฤทธิ์)   ไปป์(ณรงค์ศักดิ์ จารุพันธ์)

ไผ่(ภาไดย พุ่มประพันธ์)   นูนู่(พิชานัน รตานนท์)   จิ(ทินกร อภิชาติอำมฤต)   แอม(ทรงศิริ โพธิ์เจริญ) และ

เยาวชนทีมชาติไทยอีก 1 คน คือ กร(ตันติกร วิจิตรพรกุล) จึงได้หอบเสื้อผ้า หอบจักรยานมุ่งหน้าสู่จีนในวันที่ 6 กันยายน 2545     นั่งรอทนง่วงที่สนามบินดอนเมืองจนถึงเวลา 02.30 . เครื่องจึงบินออกจากกรุงเทพฯไปถึง

เซี่ยงไฮ้เวลา 07.30 . ทางจีนเขาจัดเจ้าหน้าที่มารับเราเพื่อเข้าพักผ่อนที่โรงแรม Longman Hotel ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ แต่กว่าจะไปถึงโรงแรมก็ต้องนั่งรถเดินทางจากสนามบินไปนานเกือบสองชั่วโมง  เซี่ยงไฮ้นี่รถติดมากพอสมควร แต่ก็ยังน้อยกว่า กทม.   เวลา 13.40 .เจ้าหน้าที่ได้พาเราและทีมชาติของไต้หวันเดินทางไปขึ้นรถไฟซึ่งเป็นรถนอน(Soft berth)   รถไฟตู้นอนของจีนนี่สะอาดมากไม่มีฝุ่นละออง แอร์เย็นสบาย เวลาวิ่งก็ค่อนข้างเงียบไม่โครมครามเหมือนรถไฟบ้านเรา ผมเข้าใจว่าช่วงต่อของรางคงจะทำดีกว่าของบ้านเรา เสียงล้อเหล็กบดไปกับรางเหล็กจึงไม่ดังมา ที่สำคัญคือไม่กระเด้งกระดอนไปมาเลย…ของฟรีนี่ทำไมถึงได้ดียังงี้ก็ไม่รู้   เวลาประมาณสองทุ่มเศษๆพวกเราก็มาถึงซูโช……..สหายเอ๋ย…ผมมาเยี่ยมท่านอีกแล้ว ตามที่ได้ให้สัญญาไว้เมื่อปีที่แล้ว

 

เมื่อไปถึงโรงแรมที่พักชื่อ  Yunquan Hotel   คุณ Wu Jain เลขานุการของท่านเลขาธิการ Laing Shansuhi ได้รอต้อนรับผมอยู่ที่ Lobby ประดับด้วยรอยยิ้มแห่ง “เพื่อนซี้” และได้จัดการทุกอย่างให้เราเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็น ห้องพัก บัตรอาหาร การลงทะเบียนการแข่งขันรับอุปกรณ์การแข่งขันต่างๆ…ในบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสมาคมไตรกีฬาต่างๆรวมทั้งนักไตรกีฬาทีมชาติต่างๆ 140 คน  เธอจัดให้ผมพักห้อง 101 ซึ่งเป็นห้องแรกของโรงแรมเลย….ซี้แค่ไหน

 

เช้าวันที่ ช่วงอาหารเช้าและเวลาแห่งการสังสรรค์  ผมได้พบปะทักทายกับบรรดาผู้บริหารของสหพันธ์

ไตรกีฬาแห่งเอเชีย(ASTC) นายกสมาคมและเลขาธิการของสมาคมไตรกีฬาชาติต่างๆ รวมไปถึงบรรดาผู้จัดการทีมและนักไตรกีฬาทีมชาติต่างๆที่คุ้นเคยชอบพอกันทุกชาติ  ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก ที่ได้มาพบปะสังสรรค์กับพวกเขาอีกครั้งที่ซูโช  ปีนี้คึกคักยิ่งใหญ่ ทุกชาติมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ยกเว้นเนปาลประเทศเดียวที่ไม่ได้มาร่วม นอกนั้น…พรึบ  โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น มากันเกือบสามสิบคน….มีกะตังค์ซะอย่าง  เกาหลีก็ไม่น้อยหน้า มีกฎอยู่ว่า  แต่ละชาติหากเจ้าหน้าที่และนักไตรกีฬาเกินโควต้าที่เขาให้ แต่ละชาติต้องออกเงินค่าที่พักและค่าอาหารเองตามอัตราที่กำหนด(ลดพิเศษ)

 

ฟิลิปีนส์ที่ว่าจนๆน่ะ….มากันเกือบยี่สิบ  ที่สำคัญนอกจากจะเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว นักไตรกีฬาสาวของฟิลิปีนส์นี่………สวยระดับนางงามของไทยเราเลยจริงๆ พวกเธอเป็นเลือดผสมระหว่างสเปนกับชาวพื้นเมือง…….ผิวขาว ตาคม สมส่วน สวยน่ารักแค่ไหนหรือ …พวกเรายังจำนักวิ่งสาวชื่อ “ลิเดีย เดอเวก้า” ได้หรือไม่  นักไตรกีฬาสาวฟิลิปปีนส์เหล่านี้ถอดแบบมาจากลิเดียยังไงยังงั้นเลย   ขอพิจารณาดูรูปไปก่อนนะ …เผื่อว่าบรรดานักวิ่งชาวไทยรันนิ่งดอทคอมจะมีใครเปลี่ยนมาเดินในเส้นทางสายเดียวกับเธอบ้าง….แล้วผมจะพาคุณไปแนะนำให้รู้จักกับเธอ….แต่พวกคุณต้องฝึกฝนจนเอาชนะบรรดาทีมชาติและเยาวชนทีมชาติลูกศิษย์ผมไปก่อน

 

ซานดร้า(Sandra Araullo)…คือ ชื่อสาวน้อยหุ่นดีสูง 170 คนผมยาวนั่นแหละ….เธอเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยแห่งชาติ ในภาควิชา ฟิสิคส์  ความสวยของเธอนั้นพอๆกับความเก่งทางด้านไตรกีฬาครับ พวกเราหลายคนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คนสวยๆระดับนี้จะมาเอาดีทางไตรกีฬา   จัดได้ว่าเป็นประเภท ……“สวย อึด เรียนสูง”    ส่วนอีกคนชื่อ เคย์ (Kaye Lopez) คนผมสั้นครับ สาวน้อยน่ารักคนนี้เธอเรียนอยู่ที่เดียวกับซานดร้าในภาควิชา จิตวิทยาการกีฬา ชั้นปีที่ 3 คนนี้ไม่ค่อยจะขี้เล่นเหมือนกับซานดร้า  เธอบอกว่า เธอจะเรียนไปจนจบปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา เพราะเธอชอบมันมาก   ที่สำคัญพวกเธอสนใจหนุ่มๆไทยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ “นักไตรกีฬา” เธอบอกว่า หนุ่มไทยน่ารักและขี้เล่น วันสุดท้ายก่อนพวกเราจะกลับไทย พวกเธอ(และหนุ่มๆนักไตรกีฬาฟิลิปปีนส์เกือบทั้งทีม) พากันเฮโลมาสังสรรค์กับพวกเราที่ห้องพักของผมเต็มห้องเลย    หนุ่มๆนักไตรกีฬาฟิลิปปีนส์รูปร่างหน้าตาเหมือนพวกเราเปี๊ยบ  หากเดินไปกับผมและไม่พูดออกมา รับรองว่า คนที่พบเห็นต้องเข้าใจว่าเป็นนักไตรกีฬาทีมชาติไทยแน่ๆ   เด็กๆพวกนี้รักไตรกีฬาเป็นชีวิตจิตใจและล้วนแต่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น…เรียกได้ว่า “เรียนก็ดี กีฬาก็เยี่ยม” นั่นเอง   นอกจากนี้พวกเขาล้วนมี

มนุษยสัมพันธ์ดีมาก  ผมพยายามให้เด็กๆนักไตรกีฬาไทยได้พยายามสังสรรค์พูดคุยภาษาอังกฤษกับเขา  ผิดบ้างถูกบ้างไม่ต้องอาย สาวไทยคุยกับหนุ่มปินส์ สาวปินส์คุยกับหนุ่มไทย ต่อไปในภายหน้า ภาษาอังกฤษของพวกเราก็จะดีขึ้นพัฒนาขึ้น มันไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เรา ผิดถูกอย่างไรเขาก็ให้อภัยและพยายามเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อความหมายออกไป

 

ในวันที่ 16 - 17 พฤศจิกายน 2545 นี้ ผมจะนำนักกีฬาไทยไปแข่งขัน ทวิกีฬาชิงแชมป์แห่งเอเชียที่ ซูบิค ประเทศฟิลิปปีนส์ ในรายการ The 2nd ASIAN DUATHLON CHAMPIONSHIP อีกทั้งผมได้รับการแต่ตั้งจากสหพันธ์ไตรกีฬาแห่งเอเชียให้ไปทำหน้าที่ ผู้ตัดสิน (Judge)  ในรายการดังกล่าวด้วย

 

หนุ่มๆนักกีฬาไทยผู้ใด สนใจอยากไปเจอสาวสวยจอมอึดชาวฟิลิปปีนส์ กรุณาฝึกฝนไตรกีฬาทวิกีฬาได้แล้ว….สักวันหนึ่งคุณอาจจะได้ไปร่วมเดินเคียงคู่กับพวกเธอบน “เส้นทางสายไตรกีฬา”…ระดับนานาชาติก็ได้

 

หลังจากอาหารเช้า พวกเราก็นำจักรยานและหมวกกันน๊อค ไปให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคจีนทำการตรวจเช็ค

 นักกีฬาทุกชาติพาจักรยานของตนออกมาเข้าคิวเรียงแถวรอตรวจเช็ค หลายคนหลายชาติต่างก็จูง

จักรยานไฮเทค ราคาแพงระยับ นับแต่นี้ไป เป็นที่แน่นอนว่า ไตรกีฬาระดับนานาชาตินั้น นอกจากคนจะต้องเก่งและแกร่งแล้ว จักรยานต้องไฮเทค สุดยอดอีกด้วย   ผมกำลังคุยกับพรรคพวกชาติต่างๆ ….“ลุงๆ…มีปัญหาไม่ผ่าน” …..จำได้ว่าเป็นเสียงเจ้าจิ(ทินกร อภิชาติอำมฤต  มีปัญหาเหมือนที่ต้าลี่อีกแล้วหรือนี่ ผมหันไปที่โต๊ะเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบอุปกรณ์ พร้อมกับเดินไป ปรากฏว่า หมวกกันน๊อคของเจ้าจิ เจ้าเอ ไม่ผ่านเพราะมีรอยแตกร้าว จะผ่านได้ไง ในเมื่อหมวกเหล่านี้มีรอยแตกที่ขอบจริงๆ  เป็นอันว่าอุตส่าห์หอบจักรยานข้ามน้ำข้ามฟ้ามาด้วยค่าเครื่องบินคนละหมื่นสองกว่าๆต้องมาจบ อดแข่งเพราะหมวกกันน๊อกไม่ผ่านการตรวจเช็ค    อย่ากระนั้นเลย….ต้องใช้วิชา…. ที่ผมได้รับการถ่ายทอดมาจาก “บรมครู” ในอดีตเมื่อ 30 ปีก่อน  ผมพูดกับเจ้าหน้าที่จีน(ซึ่งส่วนใหญ่มาจากนักจักรยาน)ว่า… “คุณว่า หมวกนี้ไม่แข็งแรงใช่ม๊ย”…… “เอ้า…ดูนี่” ว่าแล้วผมก็เอาหมวกทิ้งโครมลงกับพื้นแล้วพลิกคว้ำลง จากนั้นผมก็ขึ้นไปเหยียบทั้งสองขา “นี่ไง…..น้ำหนักตัว 62 กิโลขนาดผม หมวกยังรับน้ำหนักไหว”….ไม่เพียงแค่นั้น ผมลงจากการยืนบนหมวก แล้วหยิบมันขึ้นมาเตะเดาะเหมือนกับเดาะลูกบอลเดาะตะกร้อและจบลงด้วยการเตะหมวกกันน๊อคให้ลอยขึ้นเหมือนเตะตะกร้อ  พร้อมกับพูดดังๆว่า….. “พวกคุณรู้จักตะกร้อมั๊ย”   พวกเจ้าหน้าที่และบรรดานักไตรกีฬาชาติต่างๆที่เข้าคิวอยู่พากันหัวเราะในกระบวนยุทธที่ผมแสดงให้ดู  จากนั้นผมก็คว้าหยิบหมวกที่ลอยตกลงมา เอามาถือไว้ แล้วถามเขาว่า พวกนายเห็นว่าหมวกใบนี้แข็งแรงมั๊ย   ทุกคนหัวเราะ    ผลน่ะหรือ……ผ่านครับ…หมดปัญหาไปหนึ่งเรื่อง       ผมเดินกลับมาคุยจ้อกับเลขาธิการสมาคมไตรกีฬาสิงคโปร์    ยังไม่ทันไร เจ้าปิ๊กเรียกอีกแล้ว …“ลุงๆ…คอแฮนด์ไม่มีฝาปิด เขาไม่ให้ผ่าน”….เดือดร้อนต้องใช้วิชาพิเศษอีกแล้ว……ห้านาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย……ผ่าน  เป็นอันว่าอุปกรณ์การแข่งขันของนักไตรกีฬาไทยผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุญาตให้เข้าแข่งขันครบทุกคน  …โล่งอกไปที     ก่อนออกจากจุดตรวจเช็ค ผมได้บอกกับเด็กๆให้เป็นอุทาหรณ์ว่า อุปกรณ์สำหรับออกงาน…การแข่งขันระดับนานาชาติ ต้องเตรียมไว้ให้พร้อม  อย่าให้ตายน้ำตื้น  หมวกกันน๊อคสำหรับแข่งควรจะแยกต่างหากจากหมวกที่ใช้ฝึกซ้อมประจำวัน อย่าเอามารวมใช้ปนกัน มันจะมีปัญหาอย่างที่เห็นนี่แหละ อุปกรณ์อะไรเอาไว้ออกงานระดับนานาชาติ นานๆจึงจะเอาออกมาใช้ทดสอบซะที(ก่อนแข่ง อุปกรณ์อะไรที่ใช้ซ้อมหรือใช้ฝึกสมบุกสมบันอย่างไรก็ให้ใช้แยกต่างหากจากกัน  อย่าเอามาใช้ปนเปกัน…แม้แต่จักรยาน   นั่นก็หมายความว่า….จักรยานที่ใช้แข่ง(ระดับนานาชาติกับ จักรยานที่ใช้ซ้อมปกติประจำวันหรือประจำสัปดาห์ต้องแยกจากกัน(นั่นคือ…มีคนละสองคัน…หนึ่ง..ตัวจริง…อีกหนึ่ง คือ ตัวซ้อม) หากเอาตัวจริงมาใช้ซ้อมสมบุกสมบัน  มันก็จะเละ มันก็จะโทรม….….อย่าเอาตัวซ้อมมาออกงาน(แข่งนานาชาติมันจะไม่ผ่านการตรวจ เพราะมันเละจากการใช้งานมามาก….ตัวจริงต้องเอาไว้ออกงาน…ใช้ซ้อมบ้างก็เพื่อทำความคุ้นเคยก่อนแข่งก่อนออกงาน(นานาชาติ)เท่านั้น

 

จากนั้นผมบอกให้เด็กๆปั่นจักรยานไปดูเส้นทางการแข่งขันรอบทะเลสาป Yun Long Lake เพราะนอกจาก “เอ” แล้ว ยังไม่เคยมีเด็กๆของพวกเราคนใดเคยมาแข่งที่นี่เลย  ถนนหนทางที่นี่เต็มไปด้วยจักรยาน   บรรยากาศคึกคักมาก นักไตรกีฬาชาติต่างๆเอาจักรยานมาปั่นตามเส้นทางการแข่งขันเพื่อตรวจสอบสภาพถนน

 

ทางจีนเขาจัดเจ้าหน้าที่สาวประจำทีมชาติต่างๆมาให้ชาติละคน สำหรับทีมไทย เธอชื่อ Wei Li Mei (เวย์ ลี เมย์) ผมเรียกสั้นๆว่า “เมย์” เธอบอกว่า ผู้ใหญ่สั่งมาว่า ให้เธอดูแลพวกเราอย่าให้คลาดสายตาเลยนะ เธอพูดภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำ ดีมาก ดีกว่าผมมากมาย  มารู้ตอนหลังว่า เธอเป็น “ครู” เธอเป็นอาสาสมัครมา ไม่มีเงินค่าตอบแทนแต่อย่างใด มีแต่อาหารให้กินพร้อมๆกับพวกเราที่โรงแรมที่พัก เธอคอยดูแลอำนวยความสดวกทุกอย่าง เดี๋ยวนี้ชาวจีนที่มีการศึกษาต่างตื่นตัวพัฒนาศักยภาพทางด้านภาษาอังกฤษกันมาก ทุกคนสามารถพูดได้ชัดถ้อยชัดคำ สำเนียงไม่แปร่งมาก   ไปจีนเที่ยวนี้ผมได้เตรียมเสื้อ T- Shirt โลโก้ TRIATHLON THAILAND ไปแจกเด็กๆชาติต่างๆ 35 ตัว เฉพาะทีมชาติฟิลิปปีนส์ชาติเดียวก็เกือบหมดแล้ว แจกทีมมาเก๊าบ้าง ไทเปบ้าง แจกเจ้าหน้าที่จีนอีกสองสามคน หมดพอดี……..เงินส่วนตัวของผมเองทั้งนั้น

 

อาหารการกินเขาจัดไว้ให้พวกนักกีฬาชาติต่างๆนั้นถือว่า ใช้ได้  อาหารจีน(แท้)นี่ ยังไงๆก็จืดๆ  แต่หลายอย่างก็อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ สำหรับโรงแรมที่พักก็ไม่ถึงขั้นหรูหราห้าดาว แต่ก็ประมาณว่าจะอยู่ในระดับระดับสี่ดาว  ภายในสะดวกสบาย นอนหลับสบายดี  บรรยากาศภายในโรงแรมคึกคักเป็นพิเศษ นักไตรกีฬาชายหญิงทีมชาติต่างๆเดินกันขวักไขว่ไปมา ทักทายปราศรัย…..นี่เป็นกำไรชีวิตของผู้ที่ก้าวเข้ามาเดินในเส้นทางสายเกียรติยศ…..นักกีฬาทีมชาติ

 

ช่วงบ่ายของวันที่ 7 ผมต้องเข้าร่วมประชุมสหพันธ์ไตรกีฬาแห่งเอเชีย มีนายกสมาคมและเลขาธิการจากสมาคมไตรกีฬาชาติต่างๆที่เป็นสมาชิกเข้าร่วมประชุมครบทุกชาติ ยกเว้นเนปาล ได้มีการพิจารณาปัญหาต่างๆมากมาย นานถึงสี่ชั่วโมง ปัญหาหนึ่งที่อยากจะเรียนให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบไว้ก็คือ ตามที่มีข่าว(ปล่อยออกมา)จากยุโรปชาติหนึ่ง(รวมทั้งกลุ่มทำข่าว ที่มีอคติต่อไตรกีฬาและ ITU) แล้วมีทีวีไทยช่องหนึ่งตกหลุมเป็นเหยื่อเขาด้วยการรีบออกข่าว(โดยไม่ตรวจสอบ หรือสอบถามมาทางสมาคมฯซึ่งเกี่ยวข้องและรับผิดชอบโดยตรงในประเทศไทยให้แน่ชัดเสียก่อนว่า ข่าวที่ได้รับมานั้นจริงหรือไม่)ว่า ไตรกีฬาจะถูกตัดออกจากการแข่งขัน

โอลิมปิคที่ปักกิ่งในปี 2008 หรือแม้แต่ที่เอเธนส์ในปี 2004    ผมขอเรียนท่านทั้งหลายว่า ข่าวดังกล่าวล้วนเป็นเรื่องไม่จริงทั้งสิ้น กีฬาที่จะถูกตัดออกไปคือ เบสบอล ซอฟท์บอลและปัญจกีฬาสมัยใหม่(Modern Pentathlon) จริงๆแล้วผมได้รับทั้งเอกสารจากประธานสหพันธ์ไตรกีฬานานาชาติ (ITU) และบันทึกการประชุมของคณะกรรมการโอลิมปิคสากลแฟ้มหนาเตอะมาก่อนหน้าทีวีไทยจะเอามาออกข่าวแล้ว โดย ITU ส่ง Email และแนบ File เอกสารมาให้ผม  ซึ่งมีรายละเอียดการประชุมถึงเรื่องต่างๆ ทั้งที่ว่าด้วยกีฬาที่กำลังพิจารณาจะเอาเข้ามาและกีฬาที่ไม่มีทางที่จะเอาเข้ามา รวมทั้งกีฬาที่จะถูกตัดออกไป และขอยืนยันว่า ไตรกีฬาไม่มีวันที่จะถูกตัดออกเด็ดขาด เพราะมัน คือ กีฬาสมัยใหม่ เป็น Future Sport ไม่ใช่กีฬาล้าสมัยที่จะต้องโละเอาออกแต่อย่างใดเลยและที่สำคัญที่สุดคือ ไตรกีฬาจะได้รับการบรรจุเป็นชนิดกีฬาที่มีการแข่งขันในซีเกมส์ที่ฟิลิปปีนส์ในปี 2005 และ

เอเชี่ยนเกมส์ที่กาต้าร์ในปี 2006 ต่อจากเกาหลีใต้แน่นอน   สำหรับซีเกมส์ที่ฟิลิปปีนส์นั้น Mr. Tom  (Tomas T. Carrasco Jr.) นายกสมาคมไตรกีฬาแห่งฟิลิปปีนส์เขายืนยันกลางที่ประชุมว่า “เอาแน่นอน”

 

สำหรับเอเชี่ยนเกมส์ที่เกาหลีใต้นั้น ผมได้พูดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสมาคมไตรกีฬาเกาหลีช่วงนั่งกินอาหารเช้ากันว่า ผมเสียดายที่ผู้บริหารระดับสูงของคณะกรรมการโอลิมปิคเกาหลีใต้เขามองเห็นแต่จำนวนเหรียญทองที่เกาหลีจะได้รับมากกว่าการพัฒนาไตรกีฬาของเด็กๆในชาติ ผมพูด(ไม่รู้แรงไปหรือเปล่า แต่เขาพยักหน้ายอมรับในเหตุผล)กับเขาว่า หากเกาหลีต้องการเหรียญทองจำนวนพันเหรียญ ผมก็เชื่อว่า โรงงานทำเหรียญในเกาหลีก็จะสามารถทำให้ได้ แต่ประเทศเกาหลีจะได้อะไรนอกจาก(จำนวนเหรียญ)นั้น การสร้างประชาชนของชาติ(โดยเฉพาะเยาวชน) เพื่อให้พวกเขาเป็นนักไตรกีฬาที่มีคุณค่ามีประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ด้วยกีฬาสุดยอดของโลกอย่าง “ไตรกีฬา” นั้น  มันจะไม่มีค่าเหนือกว่าจำนวนเหรียญทองที่จะได้รับเสียอีกหรือ…..เขาพยักหน้า…แต่ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากเขาเลย

 

นอกจากนี้สหพันธ์ ASTC ยังกำหนดให้จัดการแข่งขันไตรกีฬาชิงแชมป์แห่งเอเชียปี 2003 ที่ประเทศอินเดีย พวกเราจะไปร่วมการแข่งขันแน่นอนและเราตระหนักว่า ต่อแต่นี้ไป พวกเราจะต้องเคี่ยวให้ข้นขึ้นสำหรับการชิงชัยในซีเกมส์ที่ฟิลิปปีนส์และเอเชี่ยนเกมส์ที่กาต้าร์    เพื่อนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทยของเราให้ได้…..ไม่ว่าจะนานเท่าใดและยากลำบากเพียงใด     ผู้ใดมีลูกหลานญาติพี่น้องอยากจะให้เข้ามาเดินในเส้นทางสายเกียรติยศ….นักไตรกีฬาทีมชาติไทยหรือเยาวชนทีมชาติไทยด้วยความเสียสละ ทุ่มเท มุ่งมั่น “เพื่อชาติ” แล้วละก้อ….มาเลย   และที่มองกันว่า ไตรกีฬามันเป็นกีฬาหนักโหดๆกลัวลูกๆหลานๆจะเหนื่อยตายคาสนามแล้ว หากท่านได้เห็นนักไตรกีฬาสาวน้อยชาวญี่ปุ่น ที่อายุเพียง 14 ปี ว่ายปั่นวิ่งแซงผ่านหน้าหนุ่มๆชาติต่างๆรวมทั้งไทยด้วยเข้าสู่เส้นชัยด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ไม่มีอาการหมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว  ท่านจะต้องสงสัยว่า …ไตรกีฬานี่ โหดจริงหรือ

 

เช้าวันที่ 8 อันเป็นวันแข่งขัน ปีนี้แตกต่างจากปีที่แล้ว เขาจัดให้มีการปล่อยตัวนักกีฬาออกเป็นกลุ่มๆห่างกันเป็นชั่วโมงเลย นักไตรกีฬาชายทีมชาติ, ทีมชาติกลุ่ม U/23(หมายถึงอายุต่ำกว่า 23 ปี)และเยาวชนทีมชาติ ปล่อยก่อนเพื่อน หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น จึงปล่อยกลุ่มหญิงทีมชาติ U/23 และเยาวชนหญิงทีมชาติ  สิบเอ็ดโมงปล่อยกลุ่ม Age Group ชาย หลังจากนั้นเกือบชั่วโมงจึงปล่อยกลุ่มหญิง Age Group ……ยิ่งสายยิ่งร้อนมาก  เพราะปีนี้อากาศร้อนกว่าปีที่แล้วมาก  ที่สำคัญคือ คนดูมีไม่ถึงหกแสนตามที่คุยไว้ ผมกะคราวๆประมาณสองแสนรอบสองข้างทางทะเลสาปไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว  เพราะช่วงที่ผมไปดักดูเด็กๆของเราบนทางจักรยานรอบทะเลสาปนั้น แน่นขนัด ปีที่แล้วบริเวณนี้ไม่แน่นเท่าไหร่ พอแทรกตัวไปได้ ปีนี้ แทรกตัวไม่ได้เลย แต่ “เอ” บอกผมว่า ไม่น่าจะถึงสองแสน เพราะเขาดูว่า น้อยกว่าปีที่แล้ว ไม่ว่าจะสองแสนหรือหกแสนหรือไม่ถึงสองแสน แต่ยังไงๆก็เป็นแสนแน่นอน มากกว่าประเทศใดๆที่รู้เห็นมา ซึ่งผมว่า จริง ที่จีนนี่คนดูไตรกีฬามากที่สุดในโลก มากกว่าพวกฝรั่งแถบยุโรป แถบอเมริกา ออสเตรเลียแน่นอน รวมทั้งที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย  สำหรับประเทศไทยเรา อย่าไปถามเรื่องจำนวนคนดู แต่ให้ถามว่า มีคนด่ามากมั๊ย……  “ไอ้พวกบ้า มาปิดถนนแข่งบ้าๆอะไรของพวกมึงวะ…กูไม่เห็นได้เรื่อง น่าสนุกตรงไหนเลย”….นั่นเป็นค่าเฉลี่ยของถ้อยคำ่ที่ออกจากปากชาวบ้านผู้ใช้รถใช้ถนนในประเทศไทยที่มีต่อการแข่งขันกีฬาเกือบทุกชนิด…ผมเคยได้ยินเต็มสองหูมาหลายปี ช่วงที่ผมวิ่งกรุงเทพมาราธอนมาเมื่อหลายปีก่อน ไม่ทราบว่า ปัจจุบัน พวกเขายังด่าอยู่อีกหรือไม่

 

ปีนี้มีชาวจีนมารุมแย่งกันขอลายเซ็นนักไตรกีฬาไม่มากเหมือนปีที่แล้ว…….แต่ยังไงเขาก็มีมาขอลายเซ็นจากผมสองสามคนช่วงที่ผมยืนรอดูเด็กๆของเราในเส้นทางวิ่ง  เมื่อเขารู้ว่าผมเป็น หัวหน้าทีม “ไท้กั่ว” แค่นี้ผมก็ภูมิใจแล้ว เพราะตอนอยู่เมืองไทย ไม่มีใครเขาอยากได้ลายเซ็นผมหรอก  นอกจากบรรดานักไตรกีฬาเอง ตอนต้องการหนังสือรับรองจากผมไปเข้าเรียนมหาวิทยาลัย

 

สำหรับผลการแข่งขันครั้งนี้ มีดังนี้ครับ  เริ่มต้นใน กลุ่ม Elite หรือ ทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งมีนักไตรกีฬาชาติต่างๆเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 32 คนรวมทั้งไทยด้วย 2 คน และเพื่อการเปรียบเทียบ ผมขอนำเฉพาะ 5 อันดับแรกของกลุ่มและของนักไตรกีฬาของไทย มาวิเคราะห์คราวๆ เพื่อเราจะได้หาทางปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาในส่วนที่ด้อยของเราต่อไป

 

           Name

Nat.

   Swim

     T.1

     Bike

       T.2

   Run

      Total

1.  Sapunov Dannilo

KAZ

19:19.02

00:45.08

0:58:26.4

00:50.24

33:38.69

    1:52:59.4

2.  Nishiushi

JPN

19:04.82

00:45.66

1:00:44.3

00:50.95

32:41.10

    1:54:06.8

3.  Gaag Dmitriy

KAZ

19:25.66

00:45.03

1:00:24.7

00:49.11

32:58.90

    1:54:23.4

4.  Lee Cho

HKG

19:15.83

00:47.04

1:00:30.4

00:47.67

33:51.65

    1:55:12.6

5.  Smurov Dmitriy

KAZ

20:08:62

00:50.77

0:59:36.9

00:53.04

34:13.85

    1:56:02.8

30.  Santiti Untabal

THA

28:53.99

01:00.18

1:04:25.2

01:05.88

42:34.74

    2:18:00.0

ผลการแข่งขันเมื่อปีที่แล้วของสัณฐิติ “เอ”

THA

30:45.19

01:12.34

1:13:19:.4

00:48.35

52:55.68

    2:39.01

 *Kitisak  Kasudjai*

THA

31:57.52

00:58.45

1:02:17.3

00:42.32

41:46.05

    2:17.41

หมายเหตุ  เมื่อนำผลการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว  มาเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่า  สัณฐิติ อันทะบาล ทำเวลาได้ดีขึ้นทุกประเภทที่ทำการแข่งขัน คือ ว่ายน้ำดีขึ้น 1 นาที 51.2 วินาที จักรยานดีขึ้น 8 นาที 44.2 วินาที วิ่ง ดีขึ้น 10 นาที 20.94 วินาที สรุปเวลารวม สัณฐิติ ทำเวลาได้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ถึง 21 นาที 01 วินาที    แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติของนักไตรกีฬาอีกคนหนึ่งที่ได้ทำไว้เมื่อปีที่แล้วมาในสนามเดียวกัน คือ กิตติศักดิ์ คะสุดใจ   สัณฐิติยังทำเวลาไม่ได้ดีเท่ากับกิตติศักดิ์ โดยที่เวลาแตกต่างกันอยู่ 19 วินาที  หากปรับปรุงลดเวลาเรื่องการเปลี่ยนอุปกรณ์ T.1  และ T.2 ลงแล้วก็จะดีขึ้นอีก 30 วินาที  นี่เฉพาะกลุ่มทีมชาติไทย 2 คน ในการแข่งขันกลุ่ม Elite ชายนี้ เราส่งนักไตรกีฬาเข้าทำการแข่งขัน 2 คน คือ สัณฐิติ อันทะบาลและจิรชัย หมื่นฤทธิ์    จิรชัย ยางแตกต้องออกจาการแข่งขัน  สรุปคือ ถ้าหากเปรียบเทียบกับนักไตรกีฬาอันดับนำ 5 คนแรกของเอเชียแล้ว ไทยเรายังห่างไกลอันดับหนึ่งของเอเชียอยู่ถึง 25 นาที เศษๆ  เราจะพยายามหาและสร้างนักไตรกีฬารุ่นใหม่ขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่ง สำหรับสัณฐิตินั้น ผมได้เคยพูดคุยกับสัณฐิติมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้วว่า ตัวเขาเหมาะที่จะแข่งขันไตรกีฬาระยะไกลมากกว่าระยะ Olympic และหากเป็นทวิกีฬา (Duathlon) ด้วยแล้ว เขาจะถนัดและทำได้ดีกว่านี้แน่นอน เราจะไปพิสูจน์กันที่ ฟิลิปปีนส์ในวันที่ 16-17  พฤศจิกายนนี้อีกครั้ง

*** T.1  หรือ T.2 หมายถึงเวลาที่นักกีฬาเสียไปในการเปลี่ยนอุปกรณ์ช่วงต่างๆ    T.1 เป็นเวลาใช้ไปจากการขึ้นจากการว่ายน้ำมาเป็นจักรยาน เช่น สวมหมวกกันน๊อค ใส่แว่นตากันแดด คาดเข็มขัดเบอร์ประจำตัว(Race belt)  ส่วน T.2 เป็นเวลาทีเสียไปในการเปลี่ยนรองเท้า ถอดหมวกกันน๊อค แขวนจักรยานแล้วออกมาเป็นวิ่ง ***

 

สำหรับ กลุ่ม U/23 (นักไตรกีฬาที่อายุต่ำกว่า 23 ปี )มีนักไตรกีฬาชาติต่างๆเข้าแข่งขันรวมจำนวน 28 คน ดังนี้

          Name                   Nat.         Swim             T.1                  Bike                  T.2               Run                    Total

1. Klyuyev Andrey

KAZ

19:6.14

  00:52.56

 01:00:42.7

 00:51.33

  37:38.26

   01:59:11.0

2. Xing Zheng

CHN

19:01.27

  00:53.32

 01::00.45.9

 01:01.77

  38:15.23

   01:59:57.5

3. Zhou Zhongwei

CHN

19:27.92

 00:54.64

01:02:35.7

 00:59.81

  38:09.31

   01:59:57.5

4. Aklhil Sheikh

IND

22:17.18

 00:58.10

01:01:24.6

01:05:33

 36:31.38

   02:02:16.6

5. Morosov Lvan    Aleksevich

KAZ

22:22.38

 01:00.38

01:01:14.7

01:07.14

37:02.36

   02:0246.9

24. Narongsak Charuphan

THA

21:20:.40

 01:09:.98

01:05:07.2

01:11.93

52:09.42

  02:20:59.0

26. Pichanan Ratananda

THA

20:15.76

 01:10.01

01:12:26

01:12.95

47:28.19

  02:22:33.0

27. Padai Phumpraphan

THA

22:45.89

 01:10.79

01:10:01.0

01:07.45

 

51:18:00

  02:26:23.1

 

หมายเหตุ สำหรับกลุ่มนี้นักไตรกีฬาเยาวชนของเรายังห่างไกลกับเขามากโดยเฉพาะการวิ่ง จำเป็นจะต้องมาปรับปรุงฝึกฝนกันให้มากขึ้น  ผมได้ยืนดูท่วงท่าของณรงค์ศักดิ์ จารุพันธ์แล้ว ผมรู้ว่า เด็กคนนี้หากได้รับการฝึกสอนเทคนิคท่วงท่าการวิ่งใหม่หมด  แล้วไต่ระดับขึ้นไป  เขาจะต้องทำเวลาได้ดีกว่านี้มาก……เพราะที่วิ่งอยู่นี่ เหมือนเป็ดวิ่งยังไงยังงั้นเลยออกแรงมาก แต่ไม่พลิ้ว   ทนายวิจิตรจะลงมือด้วยตัวเอง ยกเว้นเด็กไม่เอาถ่าน พ่อแม่ไม่เอาขี้เถ้า…ก็ช่วยไม่ได้  แต่เท่าที่คุยกับคุณแม่ของเขาช่วงที่ไปส่งพวกเราที่สนามบินดอนเมือง (แม่ณรงค์ศักดิ์ทำงานอยู่ศาลจังหวัดพังงา) เธอได้ฝากฝังให้ช่วยดูแลฝึกสอนลูกของเธอให้ด้วย ผมมีอาชีพหลักเป็นทนายความ เคยไปว่าความทำคดีตามศาลต่างๆมาทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 30 ปี มีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้จักมักคุ้นอยู่ตามศาลต่างๆมากมายทั่วประเทศ เมื่อพรรคพวกฝากลูกหลานให้ผมช่วยดูแลฝึกสอนเช่นนี้  ผมมันประเภทบ้ากิจกรรมกีฬานี้อยู่แล้ว ….มีหรือจะปฏิเสธ ทั้งๆที่ไม่มีเงินเดือนค่าตอบแทน เด็กๆของเราบางคนพ่อแม่ทำตัวเป็น Coach ซะเอง สอนผิดสอนถูก เวลา Coach ของจริงเขาบอก เขาสอน…ไม่เอา  ผลคือ …เละ 

การฝึกฝนกีฬาประเภท ทนทานอย่างไตรกีฬานี่ จำเป็นจะต้องฝึกด้วยความรู้และอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ จะฝึกแบบสองคูณสองเป็นสี่ สี่คูณสี่เป็นสิบหกไม่ได้  นอกจากร่างกายจะไม่พัฒนาแล้ว  มันยังจะพังอีกต่างหาก ฝึกมาก แข่งบ่อย ใช่ว่าจะเกิดผลดี   Coach ฝรั่งทั่วโลก เขาก็สอนมากันอย่างนี้ วิ่งแข่งมันทุกงาน เหรียญเต็มบ้าน ถ้วยเต็มตู้ แต่พอจะออกงานใหญ่ งานนานาชาติ ….ขึ้นไม่ถึง….

 

สำหรับกลุ่ม Junior Sprint มีนักไตรกีฬาเยาวชนเข้าแข่งขันรวม 23 คน (ว่ายน้ำ 750 เมตร จักรยาน 20 กิโลเมตร วิ่ง 5 กิโลเมตร) มีดังนี้

 

          Name

   Nat.          

       Swim

   T.1              

   Bike + T.2 +  Run

            Total

1. Hosoda Yuichi

   JPN         

     10:31.58

 48.30                   

        00:48:52.12

        1:00:12.00

2. Andrew Wright

  HKG

     09:39.08

 49.39

        00:49:45.54

        1:00:14.01

3. Ito Hiroaki

   JPN

     10:19.43

 46:08.17

        00:49:08.17

        1:00:14.07

4. Stupin Alexandr

  KAZ

  09:49:49.45

 44.93

        00:49:52.29

        1:00:26.67

5. Son Won Kook

  KOR

  09:43.20

 47.90

        00:50:13.49

        1:00:45.91

20. Tantikorn Vijitpornkul

  THA

  13:11.61

01:00.28

        00:58:10.64

        01:12:22.53

 

หมายเหตุ สำหรับตันติกรเรามองเห็นจุดที่จะต้องแก้ไขฝึกฝนเขาแล้วในหลายๆจุด เมื่อบิดาเอาขี้เถ้าและลูกเอาถ่าน ผมเชื่อว่า เราจะสามารถฝึกฝนเขา เอามาทำงานเพื่อชาติได้ดีขึ้นแน่นอน  พวกเราจะพยายามกันต่อไป โดยเฉพาะการฝึกฝนจักรยานและวิ่ง  แน่นอนว่ายน้ำนั้นยังอ่อนอยู่ แต่จุดที่จะพัฒนาได้ดีและลดเวลาลงได้มากนั่นก็คือ จักรยาน  รองลงมาคือ วิ่ง

 

 

หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขัน เมื่อกลับถึงโรงแรม โล่งอกไป คืนนี้จะได้ชมการแสดงศิลปะของจีนให้สุขใจ แต่ผมกลับได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายขนส่งนักกีฬาว่า ทีมชาติไทย ทีมชาติไต้หวัน ทีมชาติฟิลิปปีนส์และทีมชาติเกาหลี รวมทั้ง Mr. Balwant Singh Kler เลขาธิการสมาคมไตรกีฬาแห่งมาเลเซียจะต้องออกเดินทางไปเซี่ยงไฮ้โดยรถไฟ(นอน)เที่ยว 18.30 . เพราะวันที่ 9 กันยายนตามกำหนดเดิมนั้นไม่มีตั๋วโดยสารเลย รถไฟเต็มหมด  เป็นอันว่าพวกเราจะอดได้เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลและชมการแสดงที่ยิ่งใหญ่ของนักแสดงเมืองซูโชในห้องส่งทีวีเหมือนเช่นทุกปี ผมจึงแจ้งให้เด็กๆรีบจัดของลงกระเป๋า   พวกเราจะถึงเซี่ยงไฮ้เวลา 06.00 . เครื่องบินไปกรุงเทพฯจะออกเวลา 22.00 . ฉะนั้นพวกเราก็จะได้เดินเที่ยวเซี่ยงไฮ้เกือบ 14 ชั่วโมง…..ไม่เป็นไร เมื่อเหตุการณ์บังคับเช่นนี้เราก็ต้องยอมรับ  แต่ก็เสียดายจริงๆ เพราะการแสดงบนเวทีและออกทีวีไปทั่วประเทศของจีนนั้น ยิ่งใหญ่จริงๆ จีนเขาให้ความสำคัญในส่วนนี้มาก มันเป็นหน้าตาของเขาและยังได้ออกอากาศเผยแพร่ไปยังประชาชนทั่วประเทศอีกด้วย  เนื่องจากปี 2008 เขาจะมีงานใหญ่ คือ เป็นเจ้าภาพโอลิมปิค ฉะนั้นจีนจึงทำทุกทางและทุกโอกาสที่มีเพื่อปลุกเร้าจิตสำนึกของประชาชนที่มีต่อ “การกีฬา” ให้ลุกโชติช่วงก่อนถึงวันสำคัญนั้น

 

จีนเขามองเห็นประโยชน์ของกีฬามากถึงเพียงนี้หรือ ผู้บริหารเหมือนกันแต่ทำไมจึงได้มองไกลมองเห็นไม่เท่ากันหนอ…….ขออนุญาตตะโกนดังๆในเรื่องนี้ด้วย

 

ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศจีน ผมมีความรู้สึกสบายๆเหมือนกับอยู่บ้านในประเทศไทย ไม่มีอะไรทำให้ต้องรู้สึกอึดอัดหรืออยากกลับบ้านเลย  เพราะพวกเขาดูแลเราเหมือนญาติพี่น้อง เงินทองก็ไม่ต้องใช้ อาหารการกินเพียบ ที่พักก็ฟรี แลกเงินไปสามพันหยวน ใช้ไปเพื่อซื้อขนมที่เซี่ยงไฮ้เอามาฝากลูกสาวไม่กี่ร้อยหยวน ชาติอื่นๆเขาเสียค่ารถไฟและเครื่องบินภายในประเทศกันทั่วหน้า แต่สำหรับพวกเราชาวไทย….ฟรี

 

ขอบคุณมาก สหายเอ๋ย ก่อนจากมา ผมขอพูดคำว่า “คอมมิวนิสต์ เพื่อนรัก”  ถ้ากล่าวอย่างนี้เมื่อสามสิบปีก่อน…ทนายวิจิตร จะต้องติดคุกแหงๆ  ก็เป่าหัวกันมานานมากว่า พวกคอมมิวนิสต์ คือ ปีศาจร้ายที่น่าเกลียดน่ากลัว   ใครฝักใฝ่…คุก    มาปัจจุบัน  ถ้าใครได้ไปสัมผัสและใกล้ชิดจริงๆแล้ว……คำๆว่า  “คอมมิวนิสต์ เพื่อนรัก” นี่ ยังมีความหมายน้อยเกินไป สำหรับคนดีๆอย่างนี้   สักวันหนึ่ง ทนายวิจิตรและทีมชาติไทยคงจะได้ตอบแทนท่าน…..และถ้ามีโอกาส….ผมจะไปเยี่ยมเยียนและคารวะพวกเขาอีก

 

สำหรับบรรดานักไตรกีฬาไทยและเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกับผมไปทำหน้าที่ในครั้งนี้ แม้พวกเราจะไม่ได้แชมป์ไม่ได้ตำแหน่งดีๆอะไรกลับมา แต่ผมก็ขอปรบมือให้กับทุกคนที่ยอมเสียเหงื่อ ยอมเสียเวลา ยอมเสียเงิน…… เพื่อชาติ

 

หยาดเหงื่อ….เพื่อชาติไทย

สักวันหนึ่ง …..สวรรค์คงมีตา

 

                                                                                                                            ทนายวิจิตร

                                                                                                                                23  .. 45