<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_saichon_story1.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> จากนักวิ่งเมืองดอกบัวสู่ดอกทิวลิป_สายชล

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่ 6ก.ค.49<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>

จากนักวิ่งเมืองดอกบัวสู่ดอกทิวลิป

 

 

เล่าโดย...สายชล

การเเลกเปลี่ยนประสบการณ์ เป็นกิจกรรมที่น่าสนุกอีกกิจกรรมหนึ่ง ยิ่งถ้าเป็นการเเลกเปลี่ยนประสบการณ์ในกลุ่มหรือสังคมเดียวกันเเล้วหล่ะก็ ยิ่งสนุกขึ้นไปอีก ทั้งได้ความรู้ ประสบการณ์ หรือแม้จะเป็นข้อคิดดีๆ จากประสบการณ์ ของสมาชิกในกลุ่มหรือสังคนนั้นๆ ผมเองเป็นนักวิ่งคนหนึ่งที่อยากจะถ่ายทอดประสบการณ์ของผม ที่มีการวิ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง ให้กับนักวิ่งท่านอื่นๆ ที่มีความสนใจ ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ

ผมชื่อ สายชล คล้อยเอี่ยม เป็นคนจังหวัดปทุมธานี อายุ ๒๐ ปี ปัจจุบันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี  ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์

ในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ณ มหาวิทยาลัย Maastricht

                                                                                                                                    

แรงบัลดาลใจในการก้าวเข้าสู่การเป็นนักวิ่ง

ผมเริ่มวิ่งตั้งแต่ ผมอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ตอนนั้นผมเรียนอยู่ที่โรงเรียนคลองลาดช้าง จริงๆแล้วผมก็แข่งวิ่งกีฬาโรงเรียนมาโดยตลอด แต่ผมวิ่งในระยะ ๑๐๐ เมตร ฝีเท้าก็แค่ปลายเเถวครับ แต่ก็มีโอกาสได้ไปเเข่งวิ่งตลอด ในตอนนั้นช่วงที่ผมอยู่ ป. ๓ ผมก็เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน ไปแข่งในที่ต่างๆ โดยภายใต้การควบคุมทีมของคุณครูโอฬาร ลำใย  ผมเล่นวอลเลย์อยู่ ประมาณ ๒ ปี ด้วยเหตุที่ คุณครูโอฬาร ได้บรรลุเป้าหมายของท่านคือ การทำทีมให้เป็นเเชมป์ในระดับอำเภอ ในระดับประถมศึกษา คุณครูท่านก็เลย หันมาฝึกนักวิ่งระยะไกลแทน คุณครูโอฬารท่านเป็นนักไตรกีฬา ซึ่งต้องฝึกวิ่งอยู่แล้ว ท่านจะมีนักวิ่งรุ่นน้องอยู่ประมาณ ๓ คน ที่ตอนนั้นกำลังฝึกวิ่งอยู่กับท่าน ผมเองเห็นรุ่นน้องวิ่งอยู่กลางสนาม ผมเคยลองไปวิ่งด้วยอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  ตอนนั้นการเล่นกีฬา ไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยครับ จนกระทั่งคุณครูท่าน เห็นว่า หลังโรงเรียนเลิก ผมเองยังไม่กลับบ้าน ก็น่าจะมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทำ ท่านก็เลยมาชวนผม ให้มาฝึกวิ่งกับน้อง ๆ เพื่อเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ผมเองลังเลอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ตอบตกลงท่านไป เพราะอยากลองวิ่งอยู่เหมือนกัน จากนั้นผมเองก็ซ้อมวิ่งมาโดยตลอด พอถึงกีฑาอำเภอผมเองก็จะลงวิ่งในระยะที่ไกลขึ้น นั้นคือ ระยะ ๒๐๐ เมตร และผมก็คว้าเหรียญทองให้กับโรงเรียนคลองลาดช้างได้เป็นผลสำเร็จ

ผมยังซ้อมวิ่งอยู่เสมอๆ และได้ออกไปเเข่งวิ่งตามสนามต่างๆ ที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์ งานเเรกของผม คือ งานวิ่งที่เซียร์รังสิต พ. ศ . ๒๕๔๑ ระยะทาง ๑๐ กิโลเมตร งานนี้ ผมวิ่งได้เวลา ๔๘ นาที แต่ผมผิดหวังมากที่ ผมวิ่งแพ้รุ่นน้องที่ฝึกวิ่งด้วยกัน เพราะความอ่อนประสบการณ์ ผมเริ่มมีความพยายามและเเรงกระตุ้นเพื่อที่จะสามารถเอาชนะรุ่นน้องคนนี้ให้ได้  งานที่สองของผม คือ งานวิ่ง จอมบึงครึ่งมาราธอน ปี ๒๕๔๒ ผมวิ่ง ระยะทาง ๑๐ กิโลเมตร เวลาผมไม่ทราบว่าเท่าไหร่  แต่ผมสามารถชนะรุ่นน้องได้แล้ว และก็ ได้รับป้ายคล้องคออันดับ ๔ ซึ่งตอนนั้นผมเองยังไม่ทราบเลยครับว่า ผมติดอันดับ ผมเดินมาที่รถแล้ว เตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่มีคนทักว่า ผมติดอันดับ  ผมก็เลยกลับมารับรางวัล ครั้งนี้เองครับ ที่ ผมได้รับเเรงบันดาลใจอันเเรงกล้า เพื่อที่จะฝึกวิ่งต่อไป โดยเป้าหมายไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจของผมเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อทำให้บุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประสบความสำเร็จของผม ได้รับความภาคภูมิใจด้วย

 

ประสบการณ์ ด้านการวิ่ง

หนึ่งปีผ่านมา ผมยังคงซ้อมวิ่ง อยู่ทุกวัน หลังโรงเรียนเลิก โดยการฝึกแบบวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่มีการวิ่งคอร์ดเหมือนเช่นปัจจุบัน เวลาเป้าหมายของผมคือ วิ่ง ๑๐ กิโลเมตร ให้ได้ ต่ำกว่า ๔๕ นาที  การสมัครแข่งขันวิ่งตามงานวิ่งต่างๆ ต้องใช้เงินค่าสมัคร ที่มากพอสมควรสำหรับผมในตอนนั้น ที่ผ่านมาคุณครูโอฬาร ท่านเองก็ออกค่าสมัครมาโดยตลอด ท่านก็ไม่ได้มีเงินอะไรมากมาย ตอนนั้นผมซ้อมกับรุ่นน้องอยู่ ๓ คน ซึ่งถ้ารวมค่าสมัครงานหนึ่ง ก็มากเลยหล่ะครับ  แต่โชคก็เข้าข้างพวกเราครับ เพราะมีนักวิ่งท่านหนึ่ง ที่งานวิ่ง บ้านเเพนมินิมาราธอน ปี ๒๕๔๒  พาพวกเรา ได้ไปรู้จักกับท่านประเสริฐ จิระศิริโสภณ ประธานชมรมวิ่ง แสงอรุณ ซึ่งท่านและสมาชิกชมรม มีจุดประสงค์เพื่อ ส่งเสริมเยาวชนไทยที่มีความสนใจทางด้านวิ่งระยะไกล ให้ไปเป็นตัวแทนทีมชาติในการแข่งขันกีฑาระดับนานาชาติ  นับจากนั้นทีมวิ่งโดยการนำของคุณครูโอฬาร ลำใย ก็ได้รับการอุปการะจากชมรมวิ่งแสงอรุณมาโดยตลอด พวกเราได้รับชุดวิ่ง รองเท้าวิ่ง และบางครั้งอาหารที่มีประโยชน์จากทางชมรม นอกจากนั้นแล้ว พวกเราได้รับการอบรมสั่งสอนอีกด้วยเกี่ยวกับการประพฤติตน การวางตัว ที่เหมาะสมในที่สาธารณชน ยกตัวอย่างเช่นนักวิ่งบางคน มาวิ่งก็หวังเงินรางวัลจนมากเกินไป อันนี้ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของทางชมรม  

พวกเราได้มีโอกาส ออกมาเเข่งขันวิ่งบ่อยขึ้น เพราะทางชมรมจะกำหนดงานวิ่งที่ทางชมรมอยากจะให้เข้าร่วม และออกค่าสมัครให้ ผมเองก็เริ่มเป็นวัยรุ่นเป็นตัว แต่ด้วยเหตุที่ผมมีกิจกรรมยามว่างทำ นั้นก็คือการฝึกวิ่ง ผมก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาอย่างที่วัยรุ่นทั่วๆไปเขามีกัน แต่จะมีบ้างก็เรื่องอารมณ์ ที่หงุดหงิดง่าย การวิ่งนี้ดีจริงๆนะครับ เหมือนกับเป็นการฝึกสมาธิไปในตัว เพื่อเป็นการฝึกควบคุมอารมณ์และการมีสติอยู่ตลอดเวลาได้เป็นอย่างดี  ผมสังเกตตัวผมเองได้เลยครับว่า ผมไม่ค่อยโกรธง่าย และมีสมาธิดีกว่า เมื่อก่อน และเมื่อผมเปรียบเทียบกับนักเรียนวัยเดียวกัน

การพัฒนาฝีเท้าของผมยังดำเนินต่อไปครับ แต่ผมไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ ซึ่งผมคิดว่านักวิ่งทุกคนก็น่าจะเคยเป็นมาแล้ว ที่คิดว่าการพัฒนาของเรา ทำไมมันช่างช้าแบบนี้ ทำไมไม่เหมือนกับคนอื่นเลย เป้าหมายสูงสุดของผมคือ การได้เป็นตัวเเทนทีมชาติไปเเข่งในระดับนานาชาติ และผมก็ได้เริ่มแบ่งเป้าหมายออกเป็นขั้นๆ โดยเริ่มจาก การเป็นตัวเเทนจังหวัดไปแข่งตัวเเทนเขต จากนั้นตัวเเทนเขตไปเเข่งระดับภาค และระดับภาคไปจนถึงระดับประเทศ  การฝึกซ้อมเริ่งเข้มข้นขึ้น มีการฝึกความเร็ว ลงคอร์ด และมีบางครั้ง ที่ผมแอบไปฝึกคนเดียว เพื่อที่จะพัฒนาได้เร็วขึ้น ตอนแรกๆ เราจะรู้สึกดี ที่ได้ฝึกมากกว่าเดิม แต่จริงๆแล้ว มันทำให้ร่างกายอ่อนล้า เพราะว่า เราไม่มีความรู้และประสบการณ์ในการฝึกวิ่ง พอผมอ่านคำแนะนำในหนังสือเกี่ยวกับการฝึก ผมเองจะเอามาฝึกทันที ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผิด เพราะคำแนะนำนั้น มันต้องคู่กับประสบการณ์ของตัวเองด้วย  เพราะฉนั้น เชื่อและทำตามคำแนะนำของผู้ฝึกสอนเป็นการดีที่สุด

ผมได้มีโอกาสไปแข่งกีฑาจังหวัด ระยะ ๓,๐๐๐ และ ๕,๐๐๐ เมตร  และสามารถคว้าเหรียญทองได้ทั้งสองระยะ และผมก็เป็นตัวเเทนเขตไปแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษา ปี ๒๕๔๓ ที่จังหวัดศรีษะเกษ ผมลงวิ่ง รายการ ๑,๕๐๐ เมตร รายการนี้ เป็นรายการที่ใหญ่ที่สุดของผมในตอนนั้น ผมตื่นเต้นมาก ผมวิ่งเข้ามาอันดับ ๗ จากทั้งหมด ๑๕ คน ด้วยเวลา ๔. ๓๗ นาที เมื่อเปรียบเทียบกับที่หนึ่งแล้วยังห่างกันอีกมาก ที่หนึ่งวิ่งได้ ๔.๐๐ นาที เป็นของนักวิ่งจากขอนแก่น ปฎิการ เพชรศรีชา ซึ่งตอนนี้น่าจะเป็นนักวิ่งทีมชาติไปเรียบร้อยแล้ว  ผมนึกอยู่ตอนนั้นว่า ผมจะต้องวิ่งให้ได้ดีแบบเขาให้ได้  และอีกหนึ่งการเเข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษา ปี ๒๕๔๔ ผมลงวิ่งระยะ ๑,๕๐๐ เมตรอีกครั้ง ครั้งนี้ ผมวิ่งเข้ามาเป็นอันดับสุดท้าย เวลา ห้านาทีกว่า ผมผิดหวังมาก เพราะว่า เวลาซ้อมผมจะวิ่งได้ดี แต่พอเวลาเเข่งกลับวิ่งได้แย่มากๆ หรือที่พูดกับติดปากว่า หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม หลังจากนั้น ผมก็ไม่ค่อยได้ทำการแข่งขันวิ่งในลู่บ่อยนัก แต่ยังแข่งวิ่งถนนอยู่เป็นประจำ ตลอดระยะเวลาที่ผมเรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบัวเเก้วเกษร  และเมื่อผมมีรายการแข่งขันวิ่ง ผมจะได้รับความช่วยเหลือจากคุณครูฝ่ายพลศึกษา และท่านผู้อำนวยการของทางโรงเรียนบัวแก้วเกษร อยู่ตลอด นักวิ่งบางท่านอาจจะยังไม่ทราบ ว่าพี่สายพิณ พัฒจุล ก็เคยเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนบัวเเก้วเกษรมาแล้ว และก็เริ่มวิ่งจากที่นี่ โดยการฝึกของคุณครูทางฝ่ายพลศึกษาของโรงเรียนนี้

 

การสอบทุน ๑ อำเภอ ๑ ทุน

ผมเองสอบได้ทุนนี้เมื่อปี ๒๕๔๖ และได้มาประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี ๒๕๔๗ มาถึงตอนนี้ ผมอยู่ที่นี่เกือบจะสองปีแล้วครับ จุดประสงค์ของทุนนี้เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่ยากจน ได้เรียนต่อในระดับสูงขึ้น และเป็นนโยบายในการพัฒนาประเทศในระยะยาว เพราะว่า นักเรียนที่ได้ทุนนี้ จะกระจายไปตามประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรปและเอเชีย แต่ไม่มีในประเทศแถบอเมริกา เพราะว่า รัฐบาลต้องการให้นักเรียนสามารถพูดภาษาท้องถิ่นได้ ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ ที่เป็นภาษากลาง
              ทุนนี้ ยืนระยะเวลาในการเรียน ๖ ปี คือ สองปีแรกจะเป็นการเรียนภาษาท้องถิ่น และสี่ปีเป็นการเรียนในระดับปริญญาตรี เมื่อเรียนจบแล้ว นักเรียนทุกคนจะต้องมีจิตสำนึก และกลับมาพัฒนาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ต้องมากังวลว่าเราจะต้องใช้ทุนนี้คืนเป็นเงิน แค่เรากลับมาทำงานเพื่อประเทศชาติ ก็พอแล้ว ปีนี้ ก็มีทุนนี้อีกครับ ซึ่งเป็นรุ่นที่สอง
              เงื่อนไขของทุนนี้ ถือว่าเข้มงวดครับ พ่อแม่ต้องมีรายได้รวมกันแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี นักเรียนต้องมีผลการเรียนค่อนข้างดี มีคุณสมบัติของนักเรียนที่ดี เป็นผู้ที่สร้างคุณประโยชน์แก่สังคม มีไหวพริบที่ดี และมีผลการสอบGATเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
              ผมเองเนื่องจากพ่อผมเสียชีวิตไปตั้งแต่ผมอายุ สี่ขวบ ทำให้แม่ผมต้องดูแลผมกับน้องมาตลอด ซึ่งแน่นอนครับว่า รายได้ไม่สูงอย่างแน่นอน ผลการเรียนของผมถือว่าอยู่ในเกณฑ์สามารถเข้าสมัครทุนนี้ได้ ส่วนเรื่องการทำประโยชน์ให้กับสังคม ผมใช้เรื่องการวิ่งเข้ามาช่วยครับ เพราะที่บ้านเราส่วนมาก งานวิ่งจะจัดขึ้นเพื่อการกุศลอยู่แล้ว จุดนี้แหละครับ ที่ทำให้ผมคิดว่าผมได้เปรียบกว่านักเรียนคนอื่นที่สมัครแข่งขันด้วยกัน แล้วผมก็สามารถสอบทุนนี้ได้เป็นผลสำเร็จ

 

ชีวิตในฮอลแลนด์

ประเทศนี้มีนักเรียนไทยทุนนี้ มาเรียนประมาณ ๘๐ คน เมืองที่ผมอยู่ มีด้วยกัน ๘ คน ทุกคนปรับตัวกับสภาพสิ่งแวดล้อมของที่นี่ได้ดีครับ พวกเรารักกันดีมากครับ เพราะว่าอยู่ต่างแดนด้วยกัน พวกเราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันครับ
              การแต่งตัวของคนที่นี่ จะไม่ค่อยเหวอหวาเท่าที่บ้านเรา ผมเองแต่งตัวออกไปข้างนอกชุดเดียวกันกับชุดอยู่บ้านก็ยังมีเลยครับ ด้วยเหตุที่ว่า มันหนาวครับ ผู้คนก็เลยสวมใส่เสื้อคลุมกันหมด ก็เลยไม่มีแฟชั่นอะไรมากมาย

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป