<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_runner_pornsawan.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> นักวิ่งกับพรสวรรค์โดยกฤตย์

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่13ต.ค.48<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>

นักวิ่งกับพรสวรรค์

 

โดย   กฤตย์  ทองคง

 

               เคยได้ยินมาว่า  ความสามารถที่จะวิ่งได้ดีของคนเรา  เป็นมาแต่กำเนิด  บ้างก็ว่าฝึกอย่างไรก็คงจะไม่ดีขึ้นมาได้  สังเกตจากบางคนที่ฝึกน้อยแต่สามารถวิ่งได้เร็วมากและบางคนฝึกมากแต่ได้ผลไปทำนองกลับกัน  จึงเริ่มมีความคิดว่า  ตัวเองไม่มีแววทางนี้  ในขณะที่พวกที่วิ่งเก่ง  เป็นพวกที่มีแนวโน้มจะดีอยู่แล้ว

 

               แต่ในสายตาและความเชื่อของผู้เขียน  กลับเห็นว่า  ความเป็นจริงของธรรมชาติมนุษย์ไม่ว่าจริงๆแล้วมันจะเป็นเช่นใด  แต่เราควรเลือกที่จะอยู่กับความเชื่อที่ทำให้มนุษย์มีกำลังใจ  มีศักดิ์ศรีและมีคุณค่า  ที่มันเป็นผลมาจากความเชื่อนั้นๆ

 

               ผีสางนางไม้มีจริงหรือไม่  ไม่มีใครยืนยันได้  แต่สังคมที่ถือผี  ก็เป็นสังคมที่ร่มเย็น  ไม่ร้อนรุ่มร่านระทมเหมือนสังคมปัจจุบัน

               พระเจ้ามีจริงหรือไม่  ผมไม่ทราบ  แต่สังคมที่รับเอาพระผู้เป็นเจ้าไว้ในเรือนใจก็พิสูจน์มาหลายยุคหลายสมัยว่า  เป็นสังคมที่น่าอยู่น่าอาศัย  ที่ต่างจากสังคมที่พระเจ้าตายแล้ว

 

               แม้ต่อให้ พระเจ้าหรือผีนั้นไม่มีอยู่  แต่เราแทบจะปฏิเสธไม่ได้ว่า  ผลของความเชื่อเช่นนั้น  มันยังผลชนิดใดต่อสำนึกผู้คน  มันหล่อหลอมจิตสำนึกร่วมชนิดไหนกับประชาคม  ท้ายสุดมันก่อรูปแบบจิตสาธารณะอย่างไรบ้างต่อบ้านเมือง

 

โกวเล้ง  กล่าวว่า

“จริงคือเท็จ

เท็จคือจริง

จริงๆ  เท็จๆ

ที่จริงมิอาจถือเป็นเรื่องจริงจังนัก”

 

               ผู้เขียนไม่ค่อยสนใจว่าความจริงมันคืออะไรแน่  แต่สนใจว่าความเชื่อชนิดใดที่มันจะมีผลขึ้นรูปจิตสำนึกที่เรามีต่อตัวเรามีต่อชีวิต  และที่เรามีต่อกัน  และเราทั้งหลายมีต่อต่อโลก

 

               ดังนั้นจากตรงนี้  คงป่วยการที่จะมาหาข้อยืนยันว่าความจริงมันเป็นพรสวรรค์ที่ทำให้นักวิ่งวิ่งได้ดี  เมื่อวิ่งได้ดี  แล้วพรแสวงจึงเข้ามาหนุนช่วยพรสวรรค์ให้ดียิ่งขึ้น  อย่างที่เคยได้ยินได้ฟังอยู่บ่อยๆ

 

               ถ้าเป็นอย่างนั้น  พวกเราๆชาวนักวิ่งที่ไม่มีพรสวรรค์ทั้งหลายก็มิต้องเลิกวิ่ง  ไปเล่นหมากฮอสมิดีกว่าหรือ?

               ใช่หรือไม่ว่า  การวิ่ง  สมควรที่จะนำเราไปสู่ทัศนะที่แจ้งชัดต่อการตระหนักในศักยภาพของตัวตนว่า  ที่สุดแล้ว  เราทำอะไรได้แค่ไหน  ที่ความเป็นแชมเปี้ยน  ไม่ได้มีความหมายกับเรามากไปกว่า  การสอย P.R.  ใหม่มาเชยชม  ก็ชีวิตและโลกมันรันทดแก่งแย่งกันขนาดนี้  เกิดมาฉันยังไม่เคยทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันเลย  ก็มีแต่การวิ่งนี่แหละที่ทำให้ฉันดูดีขึ้นเมื่อส่องกระจกเงา  ที่ไม่ใช่หมายความว่าหุ่นดี  แต่เป็นการมองตัวเองได้อย่างภาคภูมิ  ตรงข้ามความเชื่อในทัศนะอย่างพรสวรรค์นี่ซิที่ทำให้ผู้คนไม่อยากออกมาออกกำลังกาย  ผู้คนไม่ออกมาวิ่ง  ชักชวนไปสนาม Mach Event ต่างๆก็ไม่ไป  พวกเขาก็อยากจะใช้เวลาและความพยายามไปกับสิ่งต่างๆที่เขามีพรสวรรค์มากกว่าใช่หรือไม่  คงจะยากที่จะคาดหวังว่าให้พวกเขาออกวิ่งไปทั้งๆที่ไม่มีพรสวรรค์นั่นแหละ  ไปฝึกให้ตายกับความโง่เขลาที่วิ่งกันอย่างผิดวิธีแล้วไม่ได้ผลหรือบาดเจ็บแล้วก็ไปโทษว่า “เพราะกูไม่มีพรสวรรค์”  แต่ไม่ได้โทษตัวเองว่า   “เพราะกูวิ่งไม่ถูกวิธีเอง”

 

               ถ้าความเป็นจริงๆ  โลกนี้เอื้อเฟื้อแก่นักวิ่งที่มีพรสวรรค์เท่านั้น  ทัศนะความเห็นที่จะบรรยายต่อไปข้างล่างนี้ก็จะเป็น “ความเพ้อฝัน”  ส่วนตัวของลุงกฤตย์  ที่แอบๆแบ่งปันกันอ่าน  แบ่งแชร์ความรู้สึกกับเพื่อนนักวิ่งจำเพาะในรายที่มีความฝันร่วมกันเท่านั้นว่า

 

               “ธรรมชาติของมนุษย์  มิใช่จะวิ่งได้ดีหรือไม่ดีจากภูมิเดิม  หากแต่ล้วนมาจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ที่ผ่านมาต่างหาก”

 

สิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ชนิดใดเล่า

 

               ก็เป็นสิ่งแวดล้อมชนิดที่ให้เขาเติบโตมาในบ้านที่มีพ่อแม่บ่มเพาะเขามาอย่างไรที่ขึ้นรูปจิตสำนึกให้เขามีจิตวิญญาณช่างสังเกตจดจำ และสรุปบทเรียนจากความผิดพลาดเพียงไม่กี่ครั้ง

 

               ก็เป็นสิ่งแวดล้อมที่เขาอยู่ภายใต้การดูแลของบุพการีที่กล่อมเกลาเขาอย่างไรให้เป็นผู้ใหญ่ภายหน้าที่เอาจริงเอาจังต่อสิ่งที่จับที่ทำ  ไปพร้อมๆกับความน้อมใจสดับรับฟังคำเตือนต่างๆอย่างไม่ดันทุรังเอาชนะให้มากพอเพียงจนกระทั่ง  ตัวเขาสามารถคลุกเคล้าส่วนผสมเหล่านั้นเข้ากับความพากเพียรส่วนตัว  อย่างได้สัดส่วน  จนกระทั่งเป็นผู้ที่เราเรียกได้ว่า    “วิ่งได้ดี”

 

               และมีแต่เพียงนักวิ่งที่วิ่งได้ดีบางคนเท่านั้นที่ไปกันได้ดีกับสูตรวิ่งที่เหมาะสม  จึงจะให้ผลออกมาได้ดังใจ  ไม่ใช่สูตรที่เลอเลิศแต่ประการเดียวที่จะชี้เป็นชี้ตายให้ใครผู้ปราศจากคุณสมบัติข้างต้น  เป็นนักวิ่งที่ดีขึ้นมาได้

 

ฟังวาทะของโกวเล้งอีกสักคราเถิด

 

      “ชาติกำเนิดของผู้คน       หาได้เป็นสิ่งสำคัญไม่

คนเราย่อมมิใช่สุนัข     อีกทั้งมิใช่อาชา

ที่ต้องมีพันธ์ที่ดี     ถึงจะวิ่งได้ดี

ชาติบุรุษ คิดจะเป็นบุคคลเยี่ยงไร  ล้วนอยู่ที่ตัวของมันเอง  เลือกกระทำทั้งสิ้น”

 

               ถ้าพรสวรรค์มีลักษณะที่เรียกสิ่งที่บังเกิดขึ้นกับเราอย่างที่เราไม่สามารถเลือกกำหนดได้ตามใจแล้วล่ะก็  นักวิ่งที่ดีอย่างนี้เองที่จะต้องมีพรสวรรค์

 

               พรสวรรค์ที่กำหนดให้เราปฏิสนธิในครอบครัวที่มีพ่อแม่หมั่นรดน้ำพรวนดิน  ใส่ปุ๋ยเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม  ไม่ใช่พ่อแม่ที่เอาแต่ซ้ำเติมความผิดพลาดต่างๆโดยไม่ให้กำลังใจ

 

               พรสวรรค์ที่ให้เราไปกำเนิดในครรภ์พ่อแม่ที่มีใจรักกีฬา  เห็นความสำคัญกับภาวะสุขภาพอนามัยรอบด้าน  ไม่ใช่แต่วิชาการและอาหารเท่านั้น

 

               พรสวรรค์ที่ลิขิตให้ชะตาชีวิตโคจรไปเจอกับโค้ชที่รู้จริงและรักจริง  ที่ประจงรับทอดไม้บาตองที่พ่อแม่ส่งมาให้สู่สนามอัฒจรรย์กีฬา และทอดยาวสู่โพเดี้ยม

 

               และนักวิ่งผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้แหละที่จะเข้าไปเผชิญกับสมรภูมิชีวิตได้อย่างกล้าหาญและสมศักดิ์ศรี  อย่างที่  แพ้หรือชนะไม่สำคัญ  ในขณะที่แชมป์พรสวรรค์ตัวจริงร่ำไห้เมื่อพ่ายกีฬา  ที่พวกเราเคยพบเห็นอยู่บ่อยๆ

  

15:15  น.

9  ตุลาคม  2548