เปิดไดอารี่ป้อหมานบันทึกตอนเป็นเด็กมัธยม

 

วันที่ 27 ตุลาคม 2529 วันเปิดภาคเรียนที่ 2 ชั้น ม.4 ปีการศึกษา 2529 ผลการ สอบก็ผ่านพ้ไปแล้ว บางคนก็สมหวัง บางคนก็ผิดหวัง สำหรับตัวผมเองก็อยู่ในเกณฑ์ ดี แต่อยากให้คะแนนสูงขึ้นอีก ปิดภาคเรียนที่ผ่านมาก็ซื้อหนังสือมาอ่านก่อน พอ เปิดก็เตรียมพร้อมที่จะรับสรรพวิทยาให้แน่น ระยะสัปดาห์เริ่มแรกของการเปิดภาค เรียน ก็เป็นการเตรียมตัวและการพบปะเพื่อนฝูง ครู อาจารย์ ตอนเช้าอากาศแจ่มใส บางวันก็หนาวเย็น รู้สึกว่าดวงตะวันจะขึ้นช้า พอขึ้นมาเล็กน้อยก็สายแล้ว การ มาโรงเรียนจึงต้องรีบเร่ง ระหว่างนี้ทางโรงเรียนก็แจ้งข่าวกิจกรรมกีฬาสีซึ่งจะ จัดขึ้นในวันที่ 1-4 ธันวาคม 2529 นี้ ได้มีการประชุมสี กระผมได้รับการเลือก ตั้งเป็นประธานสี ตอนนี้ย่างเข้าต้นเดือนพฤศจิกายนแล้ว ก็เหลือเวลาอีกปะรมา ณเดือนหนึ่งก็จะแข่งขันประลองความสามารถกันของนักกีฬา ผมจึงเตรียมตัวให้พร้อม โดยการฝึกซ้อมการวิ่ง โดยวิ่งวันละ 4 กม. เช้า-เย็น และฝึกซ้อมเล่นบาสเก็ตบอล จนค่ำทุกวันจึงกลับบ้าน ตอนกลับก็ปั่นจักรยานผ่านทุ่งนา ได้กลิ่นฝางข้าว และไอ เย็นจากน้ำแล้วรู้สึกสดชื่น

วันที่ 1 ธันวาคม 2529 ผมตื่นเช้าขึ้นมา ด้วยอาการ สดชื่น กระปรี้ กระเปร่า จากการนอนที่เต็มอิ่ม รู้สึกว่าพลังของร่างกายขณะนี้มี มาก เพราะได้เสียพลังในการฝึกซ้อมอย่างมากมาย แต่พลังที่ได้ตอนนี้บริบูรณ์ มากมายกว่าตอนฝึกซ้อมใหม่ๆ นัก ร่างกายผมเตรียมพร้อมแล้วในการแข่งขันประลอง ความสามารถทางกายกัน หลังจากที่ได้ฝึกซ้อมมาเป็นแรมเดือน วันนี้เป็นวันเปิดการ แข่งขันกีฬาภายในหรือกีฬาสี ของโรงเรียนสีชมพูศึกษา พิธีเปิดกีฬาสีปีนี้ได้จัด กันใหญ่โตทีเดียว โดยได้เชิญวงโยธวาธิตจากชุมแพศึกษา มาเป็นขบวนนำ

 พิธีจะเริ่ม หนึ่งโมงเช้านี้ ผมคิดได้ดังนี้แล้วก็รีบอาบน้ำสวมชุดกีฬาเตรียมตัวออกจากบ้าน ยังไม่ทันถึงหนึ่งโมงเช้าก็เข้าถึงโรงเรียนแล้ว ซึ่งในโรงเรียน ขณะนี้ก็มีนักเรียนมากพอ บริเวณโรงเรียนตอนนี้กำลังเขียวสดชื่นไปด้วยไม้ยืน ต้น และพื้นก็เขียวอ่อนนุ่ม เหมือนพรมผืนใหญ่ มีอาคาร 2 หลังตั้งหันทิศไปด้านภู เวียง ภายในสนามขณะนี้ ดูหญ้าอ่อนนุ่ม เขียวแกมขาว เนื่องจากถูดตัดมองดูแล้ว เรียบงามดี รอบสนามนักเรียนได้ช่วยกันดาหญ้าออกทำเป็นลู่วิ่ง โรยปูนขาว เป็น ลู่สำหรับวิ่ง ถึงมุมสนามลู่วิ่งก็โค้งอย่างมีระเบียบ อีกด้านหนึ่งของสนามกอง อำนวยการกลาง ได้ถูกสร้างขึ้นชั่วคราวโดยใช้ผ้าเต็นส์และโครงเหล็ก อีกด้านตรง ข้ามกันเป็นอัฒจรรย์กองเชียร์ ตั้งตระหง่านเรียงราย ของสีแสด อยู่ทิศเหนือ ถัด มาเป็นสีเหลือง และสีฟ้าโชคดีมีต้นตูมกาพฤกษชาติให้ร่มเงา อยู่ทิศใต้สุดเป็น ของสีแสดสร้างติดริมสนามบาสเก็ตบอล

ขณะนี้ใกล้เวลา ที่ขบวนเปิดกีฬาสีจะเคลื่อนตัวแล้ว โรงเรียนจึงเรียกให้นักเรียนไปรวมตัวกันที่ บึงทาม ส่วนผมเมื่อมาถึงโรงเรียนหยุดยืนมองสถานที่นิดหนึ่งก็ตรงไปยังอัฒจรรย์ ของสีแสดที่ผมสังกัด อัฒจรรย์ของเราสร้างโดยใช้โต๊ะเรียงเป็นฐานและเรียงเป็น ชั้นสูงขึ้น ใช้ไม้ไผ่เป็นลำมัดลวด กันโต๊ะเก้าอี้เคลื่อน ดูความเรียบร้อย ของอัฒจรรย์เสร็จ ก็แว่วเสียงมาจากกองอำนวยการทิศตรงข้ามสนามว่า รายการแข่ง กรีฑาเปิดพิธีกีฬาสีในวันนี้คือ วิ่งมาราธอน 4 กิโลเมตร ดังนั้นผมนักวิ่งอีก หลายคนจึงไม่ได้ไปในขบวนกีฬาสีกับเขา จึงอบอุ่นร่างกายให้เตรียมพร้อม ตอนนี้ ผมเกิดความมั่นใจมากคิดว่าต้องเข้าอันดับ 1แน่ๆ

หลังจากที่ผมอบอุ่นร่างกายได้ไม่นาน เสียงกองพาเหรด และวงโยธวาธิตก็ดังก้องกระหึ่มมา ฟังดูน่าเอิกเกริก เป็นยิ่งนัก นำโดยขบวนโยธวาธิตกำลังผ่านที่ว่าการอำเภอตามถนนเข้ามาโรงเรียน วงโยธวาธิตใส่ชุดขาว หมวกขาว มองดูสง่า มีผู้นำถือคฑาให้จังหวะในการบรรเลง เขา เดินส่ายไปส่ายมา นำหน้าขบวน สลับโดยการกวัดแกว่งคฑา โยนลอยขึ้นไปในอากาศอย่าง ชำนิชำนาญ หลังขบวนวงโยธวาธิตก็เป็นขบวนพาเหรดสีแดงฟ้าเหลืองแสด ตามลำดับ ผู้คนข้างทางสนใจดูมาก นับว่ากีฬาสีปีนี้ยิ่งใหญ่จริงๆ พอขบวนผ่านไป นักวิ่ง ทุกคนก็เข้ามาประจำที่ เตรียมออกสตาร์ทวิ่ง ผมก็เดินไปจุด สตาร์ทกับเขา

พอ ถึงผมก็สำรวม สงบจิตนิ่ง พิจารณากลวิธีการวิ่ง เป็นการวิ่งที่ใช้ความอดทนและ พลังอันยอมเยี่ยม เพราะทาง 4 กิโลเมตรก็ไกลพอประมาณ อาจารย์ผู้ปล่อยตัวได้ชี้ แจงกติกา ระยะทาง และเส้นทางวิ่งเรียบร้อยแล้ว เสียงปืนก็ดังขึ้น นักวิ่งทั้ง หลายก็กรูกันผ่านผมไป ผมมองเข้าไปในสนามโรงเรียน

ขณะนี้ ก็กำลังเดินสวนสนามกัน อยู่ ใจผมขาดสมาธินิดหนึ่ง นักวิ่งทั้งหลายก็ทิ้งห่างผมเกือบ100 เมตร คิดได้ ดังนั้น ผมจึงใช้วิธีการก้าวช่วงยาวๆ เป็นจังหวะได้เร็ว แต่ใช้แรงไม่มาก ตาม ติดไปเรื่อยๆ พอถึงทางโค้งถึงตัดเข้าสู่ถนนสายใหญ่ ผมก็ตามติดไปไม่ให้เขาทิ้ง ห่าง จนถึงกิโลเมตรที่ 3 ผมก็ตามทันขบวนนักวิ่งนำหน้าเหงื่อผมเริ่มโทรมกาย แล้ว เหลือระยะทางอีกครึ่งกิโลเมตร ก็จะเข้าเส้นชัย ผมจึงปลีกตัวแซงหน้าออกไป ในจังหวะนั้นผมคิดถึงแม่ และเกิดปีติพลัง และกำลังใจมาก จึงไม่รู้สึกเหนื่อย วิ่งนำหน้าห่างไปเรื่อยๆ แล้วก็เข้าสู่สนามโรงเรียนซึ่งตอนนี้ประธานพิธีกำลัง กล่าวเปิดงานอยู่

รอบแรกผมวิ่งผ่านไป กองเชียร์ก็ปรบมือเกรียวกราวให้แก่ผม รอบสุดท้ายผมเร่งความเร็วขึ้นสุดขีด พุ่งทะยาน รวดเร็วปานม้าคะนองศึก เข้า เส้นชัยไป ได้ชัยชนะจริงๆ ทิ้งห่างนักวิ่งอื่นๆประมาณ 300 เมตร ตอนนี้ผมก็ เหนื่อยหอบเต็มกำลัง จึงเดินไปดื่มน้ำเพื่อแก้กระหาย แล้วก็เดินพักผ่อนจนร่าง กายเข้าสู่ปกติ เย็นสบายตามลมพัด ของบรรยากาศฤดูหนาว พิธีเปิดใกล้จะเสร็จแล้ว ได้ปล่อยลูกโป่งสามสี ห้อยด้วยผ้าข้อความการเปิดการแข่งขันกีฬาสี ปล่อยขึ้นไป แล้ว ทุกคนปรบมือ แล้วเสียงแกสก็ระเบิดสนั่นหวั่นไหวรอบสถานพิธีเปิด แล้วต่อจาก นั้นการแสดงบรรเลงเพลงของวงโยธวาธิตก็เริ่มขึ้น หลังจากวงโยธวาธิตเสร็จ ก็ เป็นการฟ้อนรำของนักเรียนหญิง ฟ้อนได้อ่อนงาม น่าดูมาก แล้วพิธีก็เสร็จการ แข่งกีฬาสีก็เริ่มขึ้น ช่วงเช้าโปรแกรมการแข่งขันของผมก็คือ แข่งบาสเก็ตบอล พอถึงเวลาแข่งพวกผมและเพื่อนในทีมต่างก็ลงอบอุ่นบริหารกายให้พร้อม คิดจะโชว์ ฝีมือให้เต็มที่ ต่อจากนั้นการแข่งขันก็เริ่มขึ้น จบลงทีมผมได้คะแนนมากกว่า จึง ชนะไป วันนี้ผมได้ชัยชนะทุกอย่างจึงกลับบ้านด้วยความเบิกบานใจ" เป็นที่น่าสังเกตุว่า

ในการวิ่ง 4,000 เมตร นั่น ผมใช้เทคนิคการวิ่ง แบบ N.S หรือ negative sprit ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน แต่คิดเองและทำเอง โดย บังเอิญทำให้การวิ่งดีจากนั้นก็มีการวิ่ง 400 เมตร แพ้เพราะออกตัวช้า วิ่งไล่ แซงไม่ทัน วิ่ง 800 เมตร ชนะที่ 1 วิ่ง 1500 เมตร เร่งแซงในช่วง 10 เมตรสุด ท้าย ชนะที่ 1 แบบฉิวเฉียด สร้างความหวาดเสียวให้กับกองเชียร์ ผลจากการวิ่งใน ปี 2529 นี้ ทำให้ผมร่างกายแข็งแรงนับแต่นั้นมา ไม่ค่อยป่วยไข้ อัตราการเต้น ของหัวใจก็ลดต่ำลง เหลือ 56 ครั้งต่อนาที เป็นการทำให้ประหยัดการใช้หัวใจนับ แต่นั้นมา สืบเนื่องมาถึงทุกวันนี้ ปี พ.ศ. 2530 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้เหรียญทองวิ่ง 5,000 เมตร เหรียญทอง วิ่ง 1,500 เมตร,เหรียญทองวิ่ง 800 เมตร และ เหรียญทองแดง ทุ่มน้ำหนัก ปีนี้ ร่างกายผมบึกบึน สูง 170 ซม. หนัก 64 กก. เนื่องจากนิยมรูปร่างแบบมีกล้ามเนื้อ จึงเล่นเพาะกาย ราวคู่ ราวเดี่ยว ดันพื้น รูปร่างคงที่นับแต่นั้นมา

 ถึง ปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2531 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ เหรียญทองวิ่ง 1,500 เมตร อย่างเดียว นอกนั้นพลาดหมด รุ่นน้องแซงเนื่องจาก ไม่ค่อยซ้อม อ่านหนังสือมาก และอ่าน หนังสือดึกเตรียมสอบเรียนต่อ จึงแรงไม่ดี (จบเรื่องชีวิตนี้เกิดมาเพื่อวิ่ง ตอนวัยประถม-มัธยม

บันทึกเมื่อ 5 ส.ค.2548 เวลา 00.30-04.00 น.)