<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_poman_police_station.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อวิ่ง  ตอนวัยทำงานโดยป้อหมาน

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่ 8ก.ย.48<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>

 

ชีวิตนี้เกิดมาเพื่อวิ่ง  ตอน “วัยทำงาน”

 

พ.ต.ต.สมาน(ป้อ-สมาน)ตอนวัยหนุ่มหล่อไม่เบา

 

โดย...ป้อ-สมาน

 


                  เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2537 จึงได้มาทำงานที่ สน.บางซื่อ   เมื่อผมมาอยู่ สน. บางซื่อ ชีวิตการทำงานเริ่มขึ้นด้วยวัย 24 ปี   มาเรียนรู้ดูงานได้ประมาณ 2 วัน ทางผู้บังคับบัญชาก็จัดเข้าเวรรับแจ้งความร้องทุกข์ทันที   ขณะนั้นกำลังจบ ใหม่ หนุ่มไฟแรง  มีอุดมการณ์  มีความขยันขันแข็ง  เอาการเอางาน  มีความตั้งใจ บริการประชาชนให้ดีที่สุด   ให้เกิดความพอใจกับทุกฝ่าย  การทำงานก็ผ่านไปด้วยดี


                ในยุค พ.ศ.2537 ถึง พ.ศ.2541 นั้น  คดียาเสพติดกำลังระบาดหนัก  ในเขต พื้นที่ สน.บางซื่อ ก็มีชุมชนอินทามระ 10,14  ชุมชนลับแล ซอยอินทามระ และ ด้านประดิพัทธ์ซอย 15  เข้าเวรทีไร  ฝ่ายสายตรวจและฝ่ายสืบสวน เป็นต้องจับผู้ ต้องหาครอบครองยาบ้า มาส่งให้สอบสวนดำเนินคดี ร่วมวันละเกือบ 10 ราย   นอกจากคดียาเสพติดแล้ว คดีเช็คเด้งก็เยอะ  คดีลักทรัพย์ล้วงกระเป๋าที่หมอชิต และตลาด
นัดสวนจตุจักรก็เยอะ   แต่ละวัน ชีวิตการทำงานเริ่มต้น  จึงต้องขลุกอยู่ที่ สน. เกือบตลอดเวลาทั้งเข้าเวร ทั้งนอกเวลาเวรก็มาทำงานต่อ   วันละเกินกว่า 12 ชั่วโมง  สรุปแล้วรับคดีไปปีละประมาณ 300 คดี แต่ผมก็ทำงานโดยไม่มีคั่งค้าง  เนื่องจากเริ่มนำคอมพิวเตอร์มาใช้ตั้งแต่ปี 2538 และอาศัยความขยันเป็นที่ตั้ง  อบายมุข  เรื่องดื่มสุรา  เที่ยวกลางคืน  ยังไม่มี  

  ส่วนการออกกำลังกายนั้น ไม่ต้องพูดถึง   ไม่มีการออกกำลังกายเลย   ชีวิตมีแต่ เข้าเวร ออกเวร  ทำงาน  พักผ่อน เล่มเกมส์คอมพิวเตอร์บ้าง  มีอยู่เพียงเท่านี้   การออกกำลังกายปี หนึ่ง ก็จะมีอยู่ประมาณ 2 เดือน ช่วงเดือนสิงหาคม ถึงกันยายน ของทุกปี  เนื่อง จากเป็นช่วงฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลประจำ สน. ผมก็สังกัดทีมสอบสวน  เนื่องจากไม่ ค่อยมีพื้นฐาน การเล่นฟุตบอลนัก  แต่มีพื้นฐาน  เรื่องเรี่ยวแรงในการวิ่ง   ผม จึงได้ฉายา

 “นักเต๊ะจอมวิ่งสู้ฟัด”

เล่นแบบ  สไตล์เกาหลี  ได้รับตำแหน่ง กอง กลางตัวไล่  วิ่งไล่บี้คู่ต่อสู้  ทำลายเกมส์คู่ต่อสู้อย่างเดียว  แรงไม่มีหมด หรือหากหมด หยุดวิ่ง ก็ฟื้นได้เร็วมาก  คู่ต่อสู้ได้บอลมา แล้วอย่าหวังว่าจะ ผ่านผมไปได้ง่ายๆ   ถึงจะหลบได้ก็ไล่ตามประกบต่อ พันแข้งพันขา จนคู่ต่อสู้เล่น ไม่ได้  และเสียบอลไปในที่สุด 

หลังการแข่งขันฟุตบอลสิ้นสุดลง  ก็ไม่มีการออก กำลังกายอีกเลย  น่าเสียดายนะครับ    ความจริง เรื่องอ้างว่าไม่มีเวลาไม่ใช่ หรอก  เวลาก็พอมีบ้าง  อย่างเช่นเวลาเล่นเกมส์นั่นไง 

 แต่ที่ไม่ได้ไปออกกำลังกายไปวิ่ง   เพราะยังไม่ได้ชอบ  ยังไม่ได้ค้นพบการวิ่งต่างหาก  ชีวิตการทำงานผ่านไป ด้วยความขยัน ดังกล่าว  ด้วยการบริการประชาชนด้วยดี  และ ด้วยการสู้งาน  ผู้บังคับบัญชา มอบหมาย หรือเรียกใช้งานเกี่ยวกับด้านสอบสวน ไม่ เคยเกี่ยง ถือว่าเป็นประสบการณ์ 

 ทำให้ ปี 2540  ผมได้รับคัดเลือกให้เป็น พนักงานสอบสวนดีเด่นของ สน.บางซื่อ  ของ บก.น.2 และ บช.น.  พร้อมกับได้รับการ เลื่อนขั้นเงินเดือนอีก 2 ขั้น ในปีนั้น  ถือว่าเป็นการทำงานที่รุ่งโรจน์ใน
เบื้องต้น  โดยปีแรกสุด 2537 ได้ 2 ขั้นจากการสอบสวนทำสำนวนได้อันดับ 11 ปี 2538 ได้ 2 ขั้น จากการร่วมงานสมเด็จย่าฯ  ปี 2539 1 ขั้น ปี 2540 ได้ 2 ขั้นจากผลการทำงานได้เป็นพนักงานสอบสวนดีเด่น 

  จากนั้นมาชีวิตก็ราบเรียบ  1 ขั้นมาตลอด และตั้งแต่ปี 2544 ถึง 2546 มีเพื่อนที่ชอบเที่ยวกลางคืนมารู้จัก  ทำให้การใช้ ชีวิตช่วงนี้ เป็นแบบสิ้นเปลือง   ทั้งเงินทองทั้งสุขภาพร่างกาย  มีการเที่ยว กลางคืน  ดื่มสุรา เคล้านารีบ้าง  การทำงานก็ไม่ขยันเท่าที่ควร  มีแต่ผลเสีย ทั้งนั้น  เสื่อมถอยทั้งการงาน  และสุขภาพร่างกาย  เพื่อนที่ชอบเที่ยวนี้ เขามี คติของเขาว่า 

 “ชีวิตนี้เกิดมาแล้วก็ตาย  เที่ยวไว้เถอะเดี๋ยวตายแล้ว  ก็จะไม่ได้เที่ยว” 

 เขาก็มีความคิดของเขาอย่างนี้   ในตอนนั้น ผมก็ความคิดกลางๆ  คล้อย ไปตามเขา

  อย่างนี้แหละที่ว่า

“คบคนพาล  พาลพาไปหาผิด  คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหา ผล "


   หรือ 


           
   “คบคนเช่นไร ก็ย่อมเป็นคนเช่นนั้นแล” 

 

(ปัจจุบันคบคนวิ่งเร็ว -กุนซือเบญ แล้วก็จะวิ่งเร็วตาม) ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 

 ผมคบเพื่อนเที่ยว  ชอบ สุรา นารี   ผมก็เป็นไป ตามเขา   แต่ในทุกวันนี้   ได้ความคิดกับมาเป็นของตนเอง  แบบดั้งเดิมแล้ว  โดย คิดว่า

 

“วิ่งไว้เถอะ  เดี๋ยวตายแล้วไม่ได้วิ่ง "

 

ที่เพื่อนเขาชอบเที่ยว  กลัว ตายแล้วไม่ได้เที่ยวนั่น  เพราะเขาเห็นว่า การได้เที่ยวกลางคืน ไปรู้จักพูดคุย
กับหญิง ในสถานเริงรมย์ ไปเต้นรำ นั่นเป็นความสุข  เขาจึงอยากทำอย่างนั้นบ่อยๆ ส่วนผมเห็นว่า  คนเราถ้ามีความสุขอยู่กับอะไร  ก็ทำอย่างนั้นเถิด   เช่นเรามี ความสุข  อยู่กับการวิ่งออกกำลังกาย   การอ่านหนังสือ  การอ่านอินเตอร์เน็ตใน
การวิ่ง   เราก็ทำของเราอย่างนี้  ถ้าจะเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว  การที่เรามี ความสุขในการไปเที่ยว  กับมีความสุขในการวิ่ง  อะไรจะดีกว่ากัน    ผลก็คือได้ ความสุขใจเหมือนกัน  แต่สุขในการเที่ยว ทำให้เสียเงิน  เสียสุขภาพ   ส่วนสุขใน
การวิ่งไม่ต้องเสียเงิน  สุขภาพแข็งแรง เบิกบานใจอีกต่างหาก


            
ต้นปี 2547 ชีวิตผมจึงเริ่มตั้งต้นใหม่  โดยคิดว่า จะกลับไปทำตัวเหมือน เมื่อจบ มาทำงานใหม่ๆ   ผลปรากฎว่า  ทำได้ไม่เต็มร้อยเหมือนเดิม  เนื่องจากอายุที่เพิ่ม ขึ้นจากเดิมไปอีกตั้ง 10 ปีแล้ว การทำงานซ้ำซาก  จำเจ  ก็เกิดความอ่อนล้า  เบื่อหน่ายบ้าง   แต่ถึงจะไม่เหมือนเดิม ก็ดีกว่าปี 2546 ที่ผ่านมา  

แล้วในที่ สุด ปี 2548 ผมก็ค้นพบ สิ่งล้ำค่า  2  สิ่ง   ที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์ทั้งสองด้าน สิ่งล้ำค่า 1 ใน 2 สิ่งนั่นคือ การวิ่ง  คอยอ่านในตอนต่อไปนะครับ ว่า ผมพบ สิ่งล้ำค่า นี้ได้อย่างไร  และเหตุใดจึงเรียกว่า เป็นสิ่งล้ำค่า  

 จบตอนชีวิต วัยทำงาน..