โรคปวดเข่า
ปวดเข่า เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
โดยเหตุที่ข้อเข่าต้องรับน้ำหนักตัวเกือบตลอดเวลา
รวมทั้งอุปนิสัยของคนไทยที่ใช้เข่าในท่าพับงอ เช่น นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ
หรือการนั่งยอง ๆ จึงเกิดความเสื่อมของกระดูกอ่อนเร็ว การชลอความเสื่อมเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงและความสามารถปฏิบัติได้
หากได้รับการแนะนำในเรื่องการใช้เข่าให้ถูกต้อง การบำรุงรักษาสุขภาพ
และการบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
จะช่วยขจัดปัญหาอาการปวดเข่าเรื้อรังและการติดยาของผู้ป่วย
ลักษณะโครงสร้างของเข่า
เข่า
เป็นอวัยวะข้อของร่างกาย ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ คือ
กล้ามเนื้อ
ซึ่งเสริมความแข็งแรง และช่วยในการเคลื่อนไหวของข้อ
กระดูก
กระดูกอ่อนบุผิวข้อ
เยื่อบุด้านในของข้อ (ทำหน้าที่สร้างน้ำหล่อเลี้ยงข้อและช่วยหล่อลื่นข้อ
ปลอกหุ้มด้านนอกข้อ
เอ็น เป็นส่วนของปลอกหุ้มข้อที่หนาตัวเพื่อยึดข้อให้แข็งแรง
นอกจากนี้ยังมีเส้นเลือดและเส้นประสาทมาเลี้ยงบริเวณนี้ด้วย
สาเหตุข้อเข่าเสื่อม
1. น้ำหนักตัวมาก
อายุเกิน 40 ปี
การยืนหรือนั่งงอเข่านาน ๆ
การมีลักษณะเข่าโก่งออกนอกหรือโค้งเข้าใน
จากสาเหตุใดก็ตามที่ทำให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอ่อนแรง เช่น
ได้รับบาดเจ็บ
ปัจจัยส่งเสริมอื่น ๆ เช่น ขาดอาหาร หญิงวัยหมดประจำเดือน การได้รับยาฉีดเข้าข้อ
โรคข้ออักเสบจากสาเหตุอื่น เช่น โรคเกาส์ โรครูมาตอยด์ ฯลฯ
อาการ
ปวดรอบเข่า
นั่งแล้วลุกลำบาก หรือ ปวดมากเวลาเดิน
บวมและร้อนรอบเข่า
ในรายที่เป็นมากแม้เคลื่อนไหวโดยไม่ลงน้ำหนัก หรือขณะพักอยู่นิ่ง ๆ
ก็ปวด
สภาพเข่าโก่ง หรือโค้งผิดรูปมากขึ้น
การป้องกัน
ลดน้ำหนักตัว
โดยควบคุมอาหาร
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ ผัก ผลไม้รสไม่หวานจัด เช่น แตงโม ชมพู่ สับประรด
ส้ม มะละกอ พุทรา และฝรั่ง หลีกเหลี่ยงอาหารรถจัด อาหารมัน อาหารที่ทำจาก แป้ง
กะทิ ขนมหวานต่าง ๆ และผลไม้รสหวานจัด เช่น เงาะ ทุเรียน องุ่น มังคุด ละมุด ลำไย
น้อยหน่าและมะม่วงสุก
รับประทานอาหรให้เป็นเวลา ครบ 3 มื้อ
รับประทานอาหารพออิ่ม ไม่รับประทานอาหารจุกจิก และดื่มน้ำบ่อย ๆ
หลีกเหลี่ยงการนั่งกับพื้น การนั่ง งอเข่า ชันเข่า นั่งพบเพียบ
นั่งขัดสมาธิ นั่ง ยอง ๆ และเวลาขับถ่ายควรใช้ส้วมแบบนั่ง หรือใช้เก้าอี้เจาะรูวาง
หลีกเหลี่ยงการขึ้นที่สูง การขึ้นบันได้ บ่อย ๆ
การยืนหรือการเดินนาน ๆ
ออกกำลังบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ถึงแม้ในปัจจุบันยังไม่มีอาการปวดเข่า
วิธีการบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่า
1. ประโยชน์
1.1 ทำให้กล้ามเนื้อรอบเข่าแข็งแรง
1.2 ป้องกันการอักเสบ และ ชะลอความเสื่อมของเข่า
2 หลักการบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
2.1 เป็นการบริหารโดยการเกร็งกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
มีวิธีการบริหาร 4 ท่า ในแต่ละท่า ทำประมาณ 10 ครั้ง ในเข่าแต่ละข้าง ดังจะได้อธิบายต่อไป
2.2 ไม่บริหารอย่างเร่งรีบ หรือหักโหม ควรบริหารอย่าง ช้า ๆ
ด้วยความตั้งใจ บริหารทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า
เย็น
2.3 ในแต่ละท่าการบริหาร
จะบริหารเข่าที่ละข้างหรือสองข้างพร้อมกันก็ได้ ควรบริหารทั้ง สองข้าง
ถึงแม้จะมีอาการปวดเข่าเพียงข้างเดียวก็ตาม
2.4 ไม่มีน้ำหนักกดที่เข่าขณะบริหาร
2.5 งดการบริหารขณะมีอาการปวดเข่ามาก
ควรพักและใช้เข่าเท่าที่จำเป็นและให้เริ่มบริหารเมื่ออาการปวดเข่าทุเลาลงแล้ว
2. วิธีการบริหาร
ท่าที่ 1 นอนหงาย ศรีษะหนุนหมอนเหยียดขาตรงบนพื้นราบ
เกร็งกล้ามเนื้อรอบเข่า โดยขณะเกร็งใต้ท้องเข้าจะสนิทแนบกับพื้นตลอดเวลา
เกร็งค้างไว้นาน 6-10 วินาที หรือนับ 1-10 แล้วจึงคลาย พักสักครู่ และเริ่มบริหารใหม่ ช้า ๆ
ขณะเกร็งจะกระดกข้อเท้าขึ้นด้านบนด้วยก็ได้
ท่าที่ 2 นอนหงาย
ศรีษะหนุนหมอนใช้หมอนข้างหรือหมอนหนุนศรีษะอีกใบหนึ่ง วางไว้ใต้เข่า
ออกแรงต้นกดขากอดหมอนนี้ไว้ พร้อมกับเกร็งเหยียดส่วนของขาใต้เข่าให้ตรง
เกร็งค้างไว้นาน 6-10 วินาที หรือนับ 1-10 แล้วจึงคลาย พักสักครู่ และเริ่มบริหารใหม่ (ท่านที่มีอาการปวดหลังไม่ควรบริหารท่านี้)
ท่าที่ 3 นั่งบนเก้าอี้หลังพิงพนักพิง
เท้าวางราบกับพื้น หรือวางเท้าบนม้านั่งตัวเล็ก ๆ เพื่อไม่ให้เข่างอมาก
เริ่มบริหารโดยวางต้นขานิ่ง ๆ บนเก้าอี้
พร้อมกับเกร็งเหยียดส่วนของขาใต้เข่าให้ตรงในระดับแนวตะโพก เกร็งค้างไว้นาน 6-10 วินาที หรือนับ 1-10 แล้วจึงคลาย
พักสักครู่และเริ่มบริหารใหม่
ท่าที่ 4 นั่งบนเก้าอี้ หลังพิงพนักพิงไขว้ขาสองข้างซ้อนกัน
โดยให้ขาข้างหนึ่งข้างใดอยู่ด้านบนก่อนก็ได้ แล้วออกกำลังเกร็งกดขาสู้กัน
เกร็งสู้กันไว้นาน 6-10 วินาที หรือนับ 1-10 แล้วจึงคลาย พักสักครู่ และเริ่มบริหารใหม่สลับบริหารเข่าทั้งสองข้าง
การรักษา
การรักษาทางยา
ควรได้รับการรักษาจากแพทย์ ไม่ซื้อยาใช้เอง เพราะยาที่ใช้จะเป็นยาแก้ปวด
เมื่อใช้ไม่ถูกวิธี จะเกิดปัญหาต่อสุขภาพผู้ป่วย เช่น เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
โลหิตจาง หรือมีอาการแพ้ยา
การทำกายภาพบำบัด เพื่อคงการเคลื่อนไว้ของเข่า และลดการอักเสบ
การรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งอยู่ในการพิจารณาของแพทย์ในผู้ป่วยแต่ละราย การผ่าตัดมี
2 วิธี คือ
1. การผ่าตัดกระดูกขาให้ตรง
2. การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
และใส่ข้อเข่าเทียม
สรุป
ข้อเข่ามีความหมายต่อสุขภาพ ขอให้ท่านสนใจเสียแต่วันนี้
เพื่อสุขภาพของข้อเข่าที่แข็งแรงทุกวันในปัจจุบันและอนาคต