บาดเจ็บจากความร้อน

 

 

1. ตะคริวแดด ( Heat Cramps )

เกิดจากการวิ่งในที่อากาศร้อนเป็นระยะเวลานาน ๆ ทำให้เหงื่อออกมาก แต่ได้รับการทดแทนน้ำและเกลือแร่ไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้อกระตุก เกร็ง เป็นตะคริว โดยเฉพาะที่ขา แขน และหลัง เป็นต้น

การปฐมพยาบาลและการรักษา

เมื่อเกิดตะคริวที่ตำแหน่งใดก็ตามขณะวิ่ง ให้หยุดวิ่งทันที (จะวิ่งต่อก็ไม่ได้อยู่แล้วเพราะเจ็บปวดมาก) พัก ทำการยึดกล้ามเนื้อที่รักษาตะคริว (ดูบทบาทเจ็บกล้ามเนื้อ) และที่สำคัญต้องทดแทนน้ำและเกลือแร่ให้เพียงพอ เช่น ให้ดื่มน้ำส้มหรือน้ำผลไม้ซึ่งมีปริมาณเกลือแร่หลาย ๆ อย่างสูงพอตามที่ร่างกายต้องการ ให้ดื่มช้า ๆ จนรู้สึกอิ่มหรือหายกระหายน้ำ น้ำร้อนหรือเย็นไม่แตกต่างกัน แต่การดื่มน้ำเย็นทำให้สดชื่นและช่วยสภาพจิตใจมากกว่า ถ้าอาการตะคริวไม่หายไปภายในครึ่งชั่วโมงถึง 2 ชั่วโมง ต้องพักการวิ่งอย่างน้อย 1 ถึง 2 วัน

การป้องกัน

1. ดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนเริ่มวิ่ง 10 นาที และดื่มน้ำ 1 – 2 แก้ว ทุก ๆ 15 นาที ขณะวิ่งระยะไกล ถึงแม้ไม่กระหายน้ำก็ควรดื่ม หลังเสร็จสิ้นการวิ่งให้ดื่มน้ำ 1 – 2 แก้วเช่นกัน หรือที่ดีคือ น้ำส้ม น้ำผลไม้เย็น ๆ สัก 1 – 2 แก้ว

2. บริหารกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริวให้มีความแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อจะได้ทนภาวะการบาดเจ็บจากตะคริวแดดด้วย และที่ถูกที่ควรคือการบริหารกล้ามทุก ๆ ส่วนของร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ

3. ใส่เสื้อผ้าชุดวิ่งสีอ่อน เพื่อไม่ให้ดูดซับความร้อนและปิดบังแสงแดดให้ได้มาก เช่น ใส่หมวก ปิดหน้าอก หลัง ไหล่ ต้นคอ เป็นต้น แต่ที่สำคัญต้องให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

4. เมื่อเริ่มอาการเหนื่อยอ่อนเพลีย ให้หยุดวิ่งและพักทันที ดื่มน้ำส้มหรือน้ำผลไม้เย็น ๆ สัก 1 – 2 แก้ว

2. เพลียแดด (Heat exhaustion)

รุนแรงกว่าตะคริวแดด อาการที่แสดงคือ อาการอ่อนเพลียเนื่องจากร่ายกายสูญเสียน้ำมากเกินไป ถ้าเป็นมากขึ้นจะมีอาการ ปวดศรีษะมึนงง สับสน กระสับกระส่าย คลื่นไส้ อาเจียน และมีตะคริวของกล้ามเนื้อ ผิวหนังเย็น ชื้น ชีพจรจะเบาและเร็ว

การปฐมพยาบาลและการรักษา

เมื่อเกิดอาการขึ้นในระยะต้นคืออ่อนเพลีย ให้หยุดวิ่ง พักและดื่มน้ำส้มหรือน้ำผลไม้เย็นจนรู้สึกอิ่มหรือหายกระหายน้ำ ในรายที่มีอาการมาก ๆ เช่น ปวดศรีษะ คลื่นไส้ วิงเวียน และเหงื่อออกน้อยขณะลงวิ่ง เพราะถ้าวิ่งต่อไปจะกลายเป็นลมแดดซึ่งอันตรายมาก (ซึ่งจะกล่าวต่อไป) นอนพักยกท้าวทั้งสองข้างสูง ให้ตัวเย็นลงโดยใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวแล้วจึงใหเดื่มน้ำส้มหรือน้ำผลไม้ ในรายที่อาการเป็นไม่มาก การดื่มน้ำเปล่าที่ไม่มีส่วนผสมเกลือแร่มาก ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว จะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่าเกิดภาวะน้ำเป็นพิษเกิดการเวียนศรีษะ บางครั้งปวดร้าวบริเวณสมอง ทั้งนี้เพราะความเข้มข้นของเกลือแร่นอกเซลล์จะลดลงทันทีขณะที่ภายในเซลล์ยังมีความเข้มค้นอยู่ ทำให้น้ำซึมผ่านเข้าเซลล์มากขึ้น เซลล์สมองจะบวมน้ำทำให้เกิดอาการดังกล่าวแล้ว

3. ลมแดด (Heat stroke)

เป็นภาวะที่รุนแรงและอันตรายมาก จะมีอาการกระหายน้ำมากปวดศรีษะ มึนงง วิงเวียน คลื่นไส้ หายใจเร็ว ตัวร้อนขึ้นเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวและสติสัมปชัญญะควบคุมไม่ได้ อาเจียน ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อย ๆ และต่อมาหมดสติ ถ้าไม่ได้รับการปฐมพยาบาลรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สาเหตุเกิดจากการเสียน้ำ (เหงื่อ) มาก ๆ เมื่อวิ่งนาน ๆ โดยผู้วิ่งไม่ได้การชดเชยน้ำหรือเกลือแร่ที่สูญเสียอย่างเพียงพอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมการระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ เพราะเมื่อเกิดการขาดน้ำมาก ๆ ร่างกายต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง ในการส่งน้ำหรือเลือดไปเลี้ยงอวัยวะภายในหรือผิวหนัง ซึ่งร่างกายก็ต้องเลือกสิ่งที่สำคัญกว่าคือ อวัยวะภายใน เช่นสมอง ตับ และกล้ามเนื้อ เป็นต้น ทำให้ผิวหนังขาดเลือดและน้ำไปหล่อเลี้ยง ไม่สามารถระบายความร้อนได้ไม่มีเหงื่อออก อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้น ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถควบคุมได้

การปฐมพยาบาลและการรักษา

จะต้องปฏิบัติควบคู่กันไป คือ การให้นอนราบยกเท้าสูงทั้งสองข้างเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่สมอง ถอดเสื้อผ้าออก ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดให้ทั่วตัว หรือเทน้ำเย็นลงบนตัวเลย ให้น้ำเกลือเข้าเส้นทันที รีบนำส่งโรงพยาบาล จากนั้นเป็นเรื่องของแพทย์ที่จะต้องให้น้ำและเกลือแร่ทางเส้นเลือดให้เพียงพอ เพื่อควบคุมภาวะน้ำ เกลือแร่ และการซับน้ำออกทางปัสสาวะให้อยู่ในภาวะที่สมดุลหรือปกติ การให้ดื่มน้ำเกลือแร่ทันทีในนักวิ่งที่เป็นลมแดดนั้น เป็นดาบสองคม ถ้าได้รับเกลือแร่มากจะทำให้อาการเพิ่มมากขึ้นเพราะขณะนั้นความเข้มข้นของเกลือแร่มากอยู่แล้ว ในรายที่อาการยังไม่มาก จึงควรให้ดื่มน้ำเปล่าธรรมดาจนเมื่อการกระหายน้ำหมดไปจึงจะให้น้ำส้มหรือน้ำผลไม้ เมื่อเกิดการกระหายขึ้นมาใหม่ ข้อสังเกตที่สำคัญสำหรับลมแดดคือ ไม่มีเหงื่อออกเลย อุณหภูมิร่างกายร้อนจัดและเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งต่างกับเพลียแดดที่ยังมีเหงื่อออกอยู่บ้างในรายที่มีอาการมาก

 

 

( จากหนังสือบาดเจ็บจากการวิ่ง )