<% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_marathon_by_montree.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %> มาราธอนครั้งนี้ทุ่มสุดตัว

 

มาราธอนครั้งนี้ทุ่มสุดตัว

เล่าให้ฟังโดย...มนตรี 

         

         หลังจากที่ได้ถ้วยมาราธอนที่จอมบึง ทั้งๆที่เป็นการลงวิ่งมาราธอนครั้งแรกของ ผมได้อันดับ 7 ด้วยเวลา 3.00 ชม. ทำให้เกิดความฮึกเหิมในอารมณ์หนุ่มวัย27 ปีอย่างผม

สนามต่อไปมาราธอนที่พัทยา(ปี 43 )เป็นสนามมาราธอนครั้งที่สองของผม ผมจะต้องทำเวลาให้ได้ 2.50 ชม. แน่นอนเงินรางวัลก็เป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่ง ผมต้องทำได้แน่ๆ ผมจะคว้าเงินรางวัลมาให้ได้ นึกกระหยิ่มอยู่ในใจ

จากนั้นผมก็เริ่มเตรียมตัวฟิตซ้อมเต็มที่ ดูแลเรื่องอาหารการกิน แม้กระทั่งรองเท้าเสื้อผ้า เรียกว่างานนี้ผมทุ่มทุนสร้าง เงินที่เก็บหอมรอมริบจากเงินเดือนเพียงน้อยนิด ก็ยอมจ่ายลองมาดูกันหน่อยเป็นไง

ลงทุนซื้อรองเท้าวิ่งอย่างดีราคาแพงหน่อย ทุกทีก็ใส่รองเท้าวิ่งแบบธรรมดา

เสื้อและกางเกงวิ่งก็มีราคามียี่ห้อต้องดีเข้าไว้ เรียกว่าเปลี่ยนใหม่หมด ตั้งแต่หัวจรดเท้าเอี่ยมไปทั้งตัวทรงผมก็ลงทุนไปให้ช่างตัดทรงใหม่ ตัดสั้นเตียนแทบติดหนังหัว เกิดมาก็เพิ่งเคยตัดทรงนี้ ก็เพื่อให้เด่นสะดุดตาเวลาขึ้นรับรางวัลบนเวทีด้วย  โน่นฝันไปไกล

ทรงผมแล้วต่อไปก็ร่างกาย เริ่มจากโกนขนที่หน้าอก , แขนและขา บางคนกำลังสงสัยอยู่ว่าโกนหมดทั้งตัวหรือเปล่า (ไว้เจอกันตัวต่อตัวและจะบอก ) ทำไมต้องโกนขนด้วย มันมีที่มาครับ เพราะตอนนั้น นักเทนนิสชื่อดังอย่างอังเดร อากัสซี่ เขาก็โกนขน บอกเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี ผมก็เอาอย่างเขา เพราะเป็นคนขนดกมาก ไอ้เมฆเพื่อนผมตั้งฉายาให้ว่าลูกหมีแดนใต้

มาดูเรื่องอาหารบ้าง ยอมจ่ายเงินซื้อวิตามินบีรวมมากิน ปกติไม่ซื้อหรอกครับแพงเสียดายเงิน แต่งานนี้ยอมจ่าย เอาเข้าจริงก็กินไม่หมด วิตามินอะไรนี่ผมไม่เคยกินคนมันไม่ชอบ อาหารก็กินที่มีประโยชน์ ตามทฤษฏีที่อ่านมา

ลองมาดูการฝึกซ้อมบ้างผมซ้อมอย่างจริงจัง (อ่านได้ที่ วิธีฝึกซ้อมการลงคอร์ดในการวิ่งมาราธอน โดย…มนตรี )

เมื่อวันแข่งมาถึง  เพื่อนๆในชมรมเห็นผมซ้อมอย่างมุ่งมั่นเช่นนี้ ทุกคนคาดหวังในตัวผมมากว่าผมต้องทำได้แน่ๆ ไม่เกิน 3 ชั่วโมงชัวร์ๆ ก็มาคอยเชียร์ให้กำลังใจกันหลายคน ส่วนในใจผมนั้นก็หวังไว้เต็มที่เหมือนกัน คงทำ เวลาสัก 2.50 ไม่เกิน 3 ชั่วโมงแน่ เงินรางวัลก็ต้องได้แน่ๆคงติดอันดับ 1 - 5 ในรุ่น ( 20-29 ปี ) หรืออย่างน้อยๆ ต่ำสุด ก็คงได้สัก 10,000 บาท  เพราะงานนี้ทุ่มไปสุดตัว

และผมก็ทำเวลาได้ดีซะด้วย ตั้งแต่ช่วงออกตัวจนถึงประมาณ กิโลเมตรที่ 21 ผมวิ่งเกาะอยู่ 1 ใน 10 ของกลุ่ม แม้ตอนกลับตัวช่วง 21 กิโลก็ยังดีอยู่

 แต่พอกิโลที่ 23 น็อคไปเฉยๆ หยุดเลย ผมเริ่มปวดที่หัวไหล่ก่อน แขนแกว่งไม่ไป ตกใจมาก ผมงงไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน รู้จักแต่ตะคริวที่น่อง เพิ่งรู้จากเพื่อนนักวิ่งที่วิ่งผ่านมาบอกเป็นตะคริวที่แขน ต่อจากนั้นตะคริวก็เล่นงานผม ไปตามส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ท้อง และไปที่ ขา เป็นอันดับสุดท้าย ทรมานมากก็เดินๆวิ่งๆบีบๆ จนถึงกิโลที่ 25รถพยาบาล แล่นตามมาเห็นท่าทางจะไปไม่รอดของผมจึงถามว่า "จะวิ่งต่อมั๊ย " ผมก็ตอบไปว่า " วิ่ง " ก็เดินๆ หยุดๆ จนมาถึงหน้าโรงแรมที่พวกเราพักกันริมชายหาด ถึงตอนนี้ผมเหนื่อยที่สุดในชีวิตมันทรมานมาก นั่งพักอยู่ที่หน้าโรงแรมประมาณซัก 10 นาที เอาไงดีวะ จะวิ่งต่อหรือเข้านอนในที่พักซะเลย สองจิตสองใจ จะสู้หรือยอมแพ้ ใจหนึ่งอยากจะนอน แต่อีกใจก็รู้ว่าเพื่อนๆ กำลังรอเชียร์ ดันไปคุยโม้ไว้เยอะ ทุกคนก็คาดหวังในตัวผมไว้มากเช่นกัน เพราะเห็นผมซ้อมหนัก จิตใจมุ่งมั่น

ในที่สุดก็ตัดสินใจวิ่งต่อ เดินๆจ๊อกๆ วิ่ง ๆไปเรื่อย หยุดมั่ง ผมหิวน้ำมาก  อาการปวดเจ็บ ก็ไม่หายซะที ที่สุดของความเจ็บปวดทรมานประดังกันเข้ามา แต่ก็ไปจนถึงเส้นชัยแบบหมดสภาพ ด้วยเวลา 4.50 ชม. ผมเดินก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพื่อนๆ รู้สึกอายมาก

ผมต้องกลับมาแก้ตัวใหม่ที่สนามพัทยาอีก แต่จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ได้แก้ตัวยังเข็ดขยาดอยู่เลยครับ

เมื่อเวลาผ่านไปผมได้ข้อคิดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า

-ในความคิดของผมนะคงเกิดจากความผิดพลาดก่อนลงสนามแข่งประมาณ 15 วัน ผมไป TEST ฝึก 2.30 วิ่งไปเรื่อยๆ แต่ผมพลาดเรื่องเส้นทางวิ่งไปฝึกวิ่งบนทางวิ่งที่ไม่ราบเรียบเป็นอิฐบล๊อคแบบตัวหนอนมาต่อๆ กัน ขรุะขระ พอรุ่งเช้ารู้สึกปวดขา หลังจากนั้นผมฝึกซ้อมไม่ได้ และยังมีอาการเจ็บอยู่บ้างเรียกว่าฟื้นไม่ทันก่อนวันแข่งขัน แต่คงคิดว่าไม่เป็นไรเพราะซ้อมมาเต็มที่ก่อนหน้านี้แล้ว  มีคนแนะนำช่วงที่ซ้อมวิ่งไม่ได้ให้ปั่นจักรยานแทนผมก็ไปปั่นจักรยาน เพื่อ ฝึกกล้ามเนื้อเอาไว้

-เกิดจากความเครียดที่ไปมุ่งหวังเงินรางวัลมากเกินไปทำให้รู้สึกกดดัน งานมาราธอนครั้งต่อๆไปที่ผมวิ่งไม่ตั้งเป้าที่เงินรางวัลทำให้ผมวิ่งได้อย่างสบายๆ 2.53 -3.16 ชม.

แต่มีเพื่อนผมชื่อจ้อ คอยเผาผมเป็นประจำ เหตุการณ์นี้ผ่านมา 2 ปีแล้วเขายังชอบล้อว่าผมทุบหม้อข้าวหม้อแกงหวังไปคว้าเงินรางวัลผลที่สุดต้องไปกินข้าวลิงอยู่บนเขา ทุกครั้งที่เล่าให้คนอื่นฟังจะตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะดังๆ แต่ไหงเวลาที่ผมวิ่งแซงเห็นขำไม่ออกทุกที…. (งานนี้ขอเผาคืนให้รู้กันไปทั่ววงการว่าวิ่งแพ้เรา…ทั้งๆที่ขยันฝึกซ้อม...เคยได้ยินมั้ยเพ่... หัวเราะทีหลังดังกว่า... )

-ขอฝากเพื่อนๆนักวิ่งที่จะลงมาราธอน ถ้าซ้อมไม่พร้อมอย่าเพิ่งลงเพราะมันจะเจ็บและรู้สึกทรมานแบบสุดๆไปเลย

ประสบการณ์วิ่งของผม

วิ่งมาประมาณ 4 ปี

ลงสนามวิ่งมาราธอนที่จอมบึง 2 สนาม โดยสนามแรกในการลงแข่งมาราธอนก็ได้ถ้วยรางวัลทำเวลา 3.00 ชม. แต่วิ่งที่จอมบึงครั้งหลังผมทำเวลาได้ดีที่สุด 2.53 ชม.

พัทยามาราธอน  1 ครั้ง ก็ตามที่เล่าให้ฟังน่ะครับ

กรุงเทพมาราธอน 2 ครั้ง  ครั้งแรกในสนามนี้ทำเวลา 3.13 ชม. และปี2544 ทำเวลา 3.20ชม.

ส่วนวิ่งอาล์ฟ เวลาที่ทำได้ดีที่สุด 1.17 ชม.

วิ่งมินิ เวลาที่ดีที่สุดคือ 35 นาที

 

ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.45<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>