รวบรวมกระทู้ถามตอบที่น่าสนใจ

 

 
หัวข้อ : อยากวิ่ง แต่อ้วน!!! วิ่งแล้วเหนื่อยนะครับ..ควรเริ่มต้นอย่างไรดี..เพราะอยากวิ่งเหมือนกัน
ข้อความ : อยากวิ่ง แต่อ้วน!!! วิ่งแล้วเหนื่อยนะครับ..ควรเริ่มต้นอย่างไรดี..เพราะอยากวิ่งเหมือนกัน

จาก : FatMan - 19/10/2000 07:18

 
ข้อความ : ผมเข้าใจว่าคุณคงเป็นนักวิ่งมือใหม่
ผมว่าใช้วิธีเดินเร็วๆก่อนดีกว่ามั๊ยครับวันละ 30 นาที สัก 1 เดือน
จากนั้นเพิ่มงานเป็นเดินเร็วๆ 5 นาที สลับกับวิ่งช้าๆ 1 นาที สัก 1 เดือน
จากนั้นค่อยๆลดการเดินเร็วๆให้เปลี่ยนเป็นวิ่งช้าๆ จนกระทั่งวิ่งช้าๆได้ตลอด 30 นาที
ลองดูนะครับแผนนี้ใช้เวลา 3 เดือนแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่หักโหม


จาก : blue runner - 19/10/2000 09:17

 
ข้อความ : ดีครับ มาออกกำลังกายกัน ค่อยๆเริ่มวิ่ง

แต่ควรระวังหัวเข่าด้วยครับ วิธีวิ่งไม่ให้ปวดเข่ามีแนะนำใน website นี้แล้วครับ เห้นมีคนเขาบอกว่าให้วิ่งเอาส้นลงดีกว่าเอาปลายเท้าลงครับ ลองวิ่งดูนะครับ แล้วมาคุยกันอีก

จาก : นายมะขาม - 19/10/2000 09:28

 
ข้อความ : คุณFatman อ้วนแค่ไหนเอ่ย ไม่เห็นบอกเสป็คมาด้วย ถ้าคุณพอจะมีเวลาช่วงเย็นประมาณหกโมงเย็นเป็นต้นไป ถ้าสะดวกไปที่สวนลุมฯ ลองไปเดินเล่นดูสักวันก่อนมั๊ยครับ ผมไปวิ่งแทบทุกวันจันทร์-ศุกร์ ระหว่างเวลา 18.30-19.40 น. ถ้าไปได้ลองนัดหมายมา ผมจะชี้ชวนไปดูมีผู้ชายอ้วนประมาณ 5 คน ผู้หญิงประมาณ 2-3 คน ที่วิ่งเวลานี้แทบทุกวัน
ไม่ว่าจะอ้วนหรือไม่ หากจะเริ่มวิ่งเริ่มตามคำแนะนำคุณblue runner ก็ดี หรือถ้าไม่อยากมีโปรแกรมให้ยุ่งยาก วันแรกก็ลองตั้งเป้าก่อนโดยหาสนามวิ่งที่มีระยะทางสักหน่อยเช่น สวนลุม 2.543 กม. หรือสวนจตุจักร 3 กม. ที่ให้หารอบใหญ่ๆ เพราะว่าจะเป็นการบังคับตัวเองว่าเริ่มแล้วต้องไปให้ถึง แล้ววิ่งเหยาะๆ เน้น วันแรกๆ ให้วิ่งเหยาะๆ เท่านั้น ถ้าวิ่งเร็วกว่านั้นจะเหนื่อยวิ่งไม่ไหว วิ่งเหยาะๆ ไปเรื่อยๆ เท่าที่วิ่งได้หากรู้สึกเหนื่อยจะเดินบ้างสลับ กันไปพอทุเลาเหนื่อยก็วิ่งเหยาะๆ ต่อจนครบระยะ เมื่อครบระยะแล้วอย่าเพิ่งหยุดวิ่งทันทีให้เดินต่ออีกระยะนึง

จาก : อาปาชี่ - 19/10/2000 10:20

 
ข้อความ : คุณ fatman คะ ไม่อยากให้คุณ fatman คิดอยู่คนเดียวว่า อยากวิ่ง
แต่อ้วน วิ่งแล้วเหนื่อย คุณลองวิ่งแล้วหรือยังล่ะคะ ถ้าลองวิ่งแล้ว
เหนื่อย ก็ลองลุกขึ้นมาใหม่ค่ะ ลองทำตามคำแนะนำของเพื่อน ๆ ใน
ที่นี้ดู หรือถ้ายัง ก็ให้รีบลุกขึ้นมาแล้วมาวิ่งเสียแต่เดี๋ยวนี้อย่ามัวแต่คิด พยายามหน่อยค่ะเพื่อสุขภาพของเราเอง และคนรอบข้าง ขอ
เป็นกำลังให้ค่ะ

จาก : บุบผา - 19/10/2000 11:08

 
ข้อความ : คุณ fatman ลองปรึกษาคุณ ศุภกิจดูซิครับแต่ตอนนี้เขาไปต่างประเทศยังไม่กลับมาครับ

จาก : คุณพ่อน้ำหวาน - 19/10/2000 12:45

 
ข้อความ : ค่อยๆฝึกค่ะ เริ่มจากเดินเล่นแบบคุณBlue runnerบอก ค่อยๆเปลี่ยนเป็นวิ่งช้าๆ ถ้าอยู่ใกล้สวนจตุจักรลองมาซิคะมีผู้ชายคนหนึ่งอ้วนแบบมีพุง อายุราว50ปี แมวเหมียวเห็นเค้ามาราวๆ2ปีแล้วจากเดิน -เดินเร็ว-วิ่งเหยาะๆ ตอนนี้พุงหายไปเยอะแล้วแถมชวนแมวเหมียววิ่งแข่งอีกตะหาก น่า..สู้เค้าๆ

จาก : แมวเหมียว - 19/10/2000 14:24

 
ข้อความ : ขอแก้หน่อยครับ วิ่งอย่าเดินหรือวิ่งลงส้นเท้าก่อนครับ ถ้าทำเช่นนี้หมายความว่าคุณก้าวเท้ายาวเกินธรรมชาติไป เวลาลงเท้าน้ำหนักต้องอยู่บนเท้าพอดีซึ่งจะทำให้ไม่บาดเจ็บ ดังนั้นให้ฝึกวิ่งหรือเดินแบบซอยเท้าถี่ๆ จะได้ไม่ก้าวเท้ายาวไป

จาก : lotus - 19/10/2000 17:51

 
ข้อความ : ลองใช้วิธีการตามที่สมาชิกที่มีประสบการณ์เสนอข้างต้น

อยากเชิญมาร่วมวิ่งกับกลุ่มใหญ่ เชิญที่งานวิ่งร.พ.ปทุมธานีวันอาทิตย์นี้ ไปสมัครหน้างานก็ได้ค่ะ ไปถึงราว ๆ ตีห้านะคะ ผู้จัดมีระยะ ๕ กม.ด้วย วิ่งๆ เดิน ๆ แล้วคุณจะรู้สึกได้ว่ามีเพื่อนคอยให้กำลังใจเยอะมากเลย

Let's start from 'run for finished' to 'run for fun', 'run for fitness, 'run for friendship' and 'run for further challenge'.

จาก : ดวงตา - 19/10/2000 22:33

 
ข้อความ : เรียนคุณ fatman
ตามที่หลายท่านแนะนำนั้นค่อนข้างดีแล้วครับ ผมขอให้ช่วยเริ่มจาการเดินก่อน และสลับกับการวิ่งบ้างเป็นเวลาสั้น ๆ และต้องกวนให้ช่วยออกกำลังกายหัวเข่าด้วย จะได้ลดการปวดเข่า โดยการนั่งห้อยเท้าและเตะเท้าขึ้นลงช้า ๆ (นั่งห้อยขาและเหยียดขาสลับกันทั้งสองข้าง) ที่สำคัญคือ ทำช้า ๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ต้นขาแข็งแรง และช่วยลดการบาดเจ็บของเข่าได้
การวิ่งที่ดี ควรใช้รองเท้าวิ่งด้วย จะได้ ลดแรงกระแทก
อย่าลืมอุ่นเครื่องก่อน โดยมากสำหรับมือใหม่ ผมขอให้อุ่นเครื่องด้วยการเดินสัก 10 นาทีแล้วค่อยเริ่มเดินเร็ว สลับกับวิ่งช่วงสั้น ๆ
ค่อย ๆ ทำไปครับ แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้นเอง อย่าพึ่งท้อถอยก่อน และหาเพื่อนร่วมออกกำลังกายด้วยก็คงดี จะได้ไม่เหงา


จาก : พงษ์เกียรติ - 21/10/2000 12:39

 
ข้อความ : ลองเข้าไปอ่านบทความ เดินออกกำลังกาย ก่อนซิครับอยู่ในหน้าแรก หาไม่ยาก

จาก : นายยิ้ม - 22/10/2000 22:57

 

 

 
หัวใจของการวิ่งคือการฝึกซ้อมท่านเห็นเป็นฉันใด
ข้อความ : โปรดแสดงความเห็นเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ข้าน้อยหน่อยเถิด

จาก : บุบผา - 23/10/2000 09:16

 
ข้อความ : ข้ามิบังอาจ ด้วยข้าพเจ้าก็อ่อนซ้อมเหมียนกัลล์

จาก : มะขามแก้ว - 23/10/2000 15:05

 
ข้อความ : ที่คุณบุปผาเข้าใจ ว่าหัวใจของการวิ่งคือการฝิกซ้อมก็ถูกต้องแล้วครับ เพียงแต่ว่านอกจากการฝึกซ้อมที่สมํ่าเสมอแล้วยัง
มีสิ่งอื่นๆประกอบด้วยก็คือการเข้าร่วมการแข่งขัน
นักวิ่งส่วนมากจะไม่ค่อยอยากซ้อมถ้าไม่มีโปรแกรม
การแข่งขัน(ไม่มีเป้าหมาย) ส่วนข้ออื่นๆขอเว้นไว้
ให้เพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆช่วยกันออกความเห็นบ้าง
(ผมกำลังฝึกซ้อมความใจกว้างอยู่ครับ)

จาก : ทอม(แมวใหญ่) - 23/10/2000 17:27

 
ข้อความ : คุณแมวใหญ่พูดตรงใจผมเลย ถ้าไม่มีเป้ามาราธอน ผมคงไม่ซ้อมหนักเท่าทุกวันนี้ และคงไม่ร่วมแข่งแทบทุกรายการ ที่ร่วมแข่งเพราะซ้อมคนเดียวน่าเบื่อนะ ก่อนจะมีเป้ามาราธอน ผมวิ่งแข่งเดือนละครั้ง แต่ตอนนี้วิ่งแข่งทุกอาทิตย์เลย นอกจากวิ่งแล้ว ยังหันมาออกกำลังกายอย่างอื่นที่เลิกไปนาน เช่น การว่ายน้ำเป็นต้น นับว่าการมีเป้ามาราธอนและบอกคนทั่วไปให้รับรู้ ทำให้เราไม่เกียจคร้านครับ กลัวขายหน้า ไม่มีผ้าขายเอาหน้ารอดด้วย

จาก : lotus - 23/10/2000 18:10

 
ข้อความ : ถูกต้องเลยค่ะคุณบุบผา ว่าหัวใจของการวิ่งคือการฝึกซ้อม แต่ดิฉันเป็นประเภทซ้อมเอาความภูมิใจมากกว่าลงแข่ง ที่ดิฉันไปแข่งก็แค่สนุก แต่อดภูมิใจเล็กๆไม่ได้ว่า สมัยก่อนตอนอยู่ประถม คุณครูให้วิ่งรอบตึกประชุมแล้วก็รอบสนามบาสถือเป็น 1 รอบ ให้วิ่งทั้งหมด 5 รอบ วิ่งยังไม่ทันครบ 3 รอบก็ลงไปนอนหอบร้องไห้แล้วก็พูดแต่ว่าทำไมวิ่งไม่ได้ ตอนนี้ยังอยากให้คุณครูลองให้วิ่งใหม่ จะวิ่งให้ดูเลยว่าวิ่งได้ไกลกว่าที่ครูสั่งอีก

จาก : อร - 23/10/2000 23:15

 
ข้อความ : วิชาพละนี่ความจริงก็ดีนะครับ ลูกสาวยังชอบวิ่งรอบสนามในโรงเรียนสมัยอยู่ม. ต้น เดี๋ยวนี้หยุดแล้ว เพราะอยู่ ม. 5 แล้ว เรียนหนักมาก หนักกว่าผมสมัยอยู่ในวัยเดียวกันอีก สงสารลูกเหมือนกัน สมัยผมไม่เคยเรียนพิเศษ และไม่พิษวาสด้วย แต่สมัยนี้แข่งกันเองมาก รุ่นผมนับว่าโชคดีกว่าสมัยนี้หลายเท่า ไม่รู้ว่าถ้าเกิดในสมัยนี้จะสู้เขาได้หรือเปล่า

จาก : lotus - 24/10/2000 00:19

 
ข้อความ : ครับเห็นด้วยแต่ถ้าซ้อมหนักมากไม่มีเวลาพักบ้างอาจจะเกิดการบาดเจ็บหรืออ่อนล้าได้ ควรซ้อมหนักสลับเบา ครับ

จาก : แยม - 24/10/2000 06:29

 
ข้อความ : ฝึกซ้อมเป็นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว
ถ้าเป้าหมายคือวิ่งเพื่อสุขภาพก็ไม่ต้องซีเรียสอะไรวิ่งตามสบาย
แต่ถ้าอยากก้าวไปมากกว่านั้น อยากดูว่าตัวเองจะไปได้ไกลแค่ไหน
น่าจะลองศึกษาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การกีฬาบ้างเพื่อนำมาวางแผน
การฝึกซ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พัฒนาตัวเองให้เร็วที่สุด

"วิ่งซะวันนี้ ก่อนจะไม่มีโอกาสวิ่ง เพราะพรุ่งนี้.......
ฝนอาจจะตก" :-)

จาก : blue runner - 24/10/2000 10:17

 
ข้อความ : เพื่อนๆตอบกันหมดแล้วนะครับ การซ้อมคือหัวใจของการวิ่ง ความหมายมันอยู่ในตัวของมันเอง แต่ถ้าใครไม่เคยวิ่ง และไม่เคยซ้อมด้วย ก็จะเป็นอีกประเภทนึงนะครับ

จาก : คุณพ่อน้ำหวาน - 24/10/2000 14:08

 
ข้อความ : ผมว่านอกจากการซ้อมเป็นประจำแล้ว อาหารก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายเราแข็งแรงเพราะฉนั้นถ้าจะให้ดีแล้วควรมีอาหารเสริมเป็นองค์ประกอบด้วย

จาก : วิโรจน์ - 26/10/2000 14:41

 
ข้อความ : หัวใจของการวิ่ง คือการวิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งแล้วมีความสุข ไม่ใช่วิ่ง
ไปเครียดไป คิดไปว่าจะเอาที่หนึง จะเอาที่หนึ่ง ถ้าเป็นยังงี้ ก็ยังไม่เข้าถึงแก่นแท้ของการวิ่ง ซึ่งเป็นการวิ่งแล้ว ทำให้ครอบครัวมีความสุข เพราะห่างไกลจากอบายมุข สุขภาพจิต
สุขภาพกายแข็งแรง ต่อสู้กับสิ่งเลวร้ายในสังคมทุกวันนี้ ได้อย่างดี และเป็นที่พึ่งของคนอื่น ๆ ที่ยังใจไม่เข้มแข็งได้นะโยม เอวัง ก็มีแค่นี้
ก็เยอะแล้ว

จาก : อดิศร เซ็นกุมาร - - ondisa@hotmail.com - 26/10/2000 21:45

 

 

 
วิธีแก้ไขอาการเหนื่อยขณะวิ่ง
ข้อความ : ผมได้มีโอกาสได้วิ่งหลายครั้ง ก็รู้สึกว่าระยะแรก ๆ ที่เริ่มวิ่ง เราเหนื่อยมากขณะวิ่งได้ประมาณ 3 กิโล แต่มาระยะหลัง ๆ ก็ลองสังเกตุตัวเองดู ก็มีความรู้สึกกว่า เวลาที่เราเหนื่อยขณะที่วิ่งแล้วเราพยายามปล่อยใจไม่ให้คิดถึงระยะทางหรือเอาใจจดจ่ออยู่กับการวิ่งแล้ว และพยายามปลุกความกระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาในขณะนั้น ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน มีความรู้สึกสนุกกับการวิ่งมาก และไม่เหนื่อยเลย ก็เลยยากฝากเพื่อนนักวิ่งบางคนที่ยังไม่พบหนทางแก้เหนื่อย ก็ลองปฏิบัติดูนะครับ ส่วนเพื่อน ๆ พี่ ๆ ท่านใด มีวิธีการอื่น ก็โปรดแนะนำด้วยนะครับ เผื่อจะได้นำมาประยุกต์ใช้บ้าง

จาก : หนุ่ม - - ืnoom2000@Showermail.com - 15/10/2000 20:39

 
ข้อความ : สำหรับดิฉันค้นพบอีกวิธีค่ะ ก็งานบ้านปืนมีคุณตา (จำชื่อไม่ได้) ทราบแต่ว่าท่านอยู่ชมรมวิ่งจอมบึง อายุประมาณ ๘๐ กว่า ๆ ท่านวิ่งเร็วและขยันวิ่ง ดูเพลินเลยค่ะหลังจากวิ่งตามมา ๔ กม.กว่า ๆ หายเหนื่อยเลยค่ะ เร่งฝีเท้าแซงท่านได้ สรุปวิ่งตามผู้ใหญ่นอกจากสุนัขไม่กัดแล้วยังทำให้มีกำลังใจวิ่งมากเลยค่ะ ไม่เหนื่อย

จาก : ดวงตา - 15/10/2000 21:36

 
ข้อความ : สำหรับดิฉันเวลาวิ่งแล้วเกิดอาการเหนื่อยมาก ๆ ก็จะหายใจลึก ๆ
แล้วมองไปรอบข้างส่งยิ้มหวาน ๆ ให้เพื่อนนักวิ่งที่วิ่งอยู่ข้าง ๆ
(เขาก็คงเหนื่อยเหมือนเราแหล่ะ) ถ้าได้รับยิ้มตอบความเหนื่อยก็จะ
มลายหายไปบ้างไม่มากก็น้อย

จาก : บุบผา - 15/10/2000 22:03

 
ข้อความ : ผมใช้วิธีวิ่งช้าลงอีกนิดสัก5-10นาทีพอค่อยยังชั่วแล้ว
ก็ลุยต่อได้ครับ


จาก : blue runner - 16/10/2000 00:31

 
ข้อความ : หายใจลึกๆ ทางจมูกอย่างเดียว จะเป็นการบังคับให้วิ่งได้ในระดับที่อ้อกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้พอดีไม่เร็วไป ไม่เหนื่อยครับ

จาก : lotus - 16/10/2000 23:20

 
ข้อความ : ถ้าวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะจะดีมาก เพราะมีวิว มีต้นไม้ ดอกไม้สวย ๆให้ดูทำให้ลืมเหนื่อยได้ พยายามมองวิวข้างทางอย่าไปจดจ่อกับเส้นทางวิ่งนะจ๊ะ

จาก : nueng - - thaimail.com - 25/10/2000 15:30

 

 

 
วิ่งแล้วทำไมเจ็บที่เท้า
ข้อความ : วันที่ไปวิ่งที่กระทรวงฯ วิ่งไปนานนานไม่ทราบว่าทำไมถึงเจ็บที่เท้า ครับ ต้องพักแล้วถึงจะหายครับ เป็นเพราะอะไรครับ

จาก : แมวน้อย garfield - 12/10/2000 20:56

 
ข้อความ : ก็เพราะหนูใช้เท้าวิ่ง มันก็เจ็บที่เท้าซี ใช้เท้าวิ่ง จะให้เจ็บที่มือได้งัย

จาก : แมวแซว - 12/10/2000 20:58

 
ข้อความ : เวลาวิ่งลงเท้าแรงเกินไปหรือเปล่าคะ..

จาก : แมวเหมียว - 12/10/2000 21:03

 
ข้อความ : รองเท้าที่ใส่น่ะพอดีกับเท้าหรือเปล่า

จาก : คุณพ่อน้ำหวาน - 12/10/2000 22:05

 
ข้อความ : โชคดีแล้วละน้องกาฟิลด์ที่ไม่เจ็บที่อื่น เข้าใจถามจริงๆ(สมกับชื่อ) ขอแนะนำให้วิ่งมินิฯต่อไป
จนกว่าน้องจะมีศิริอายุครบ17ปีเต็ม แล้วค่อยขึ้นฮาล์ฟฯ อย่าริอ่านก้าวกระโดดก่อนเวลาอันควร และที่สำคัญ
ถ้าไม่จำเป็นอย่าถอยไปลง2.5 หรือ5กม.เป็นอันขาด
พยายามพัฒนาเวลาให้ดีขึ้นอย่างช้าๆ(ยังมีเวลาอีกนาน) น้องๆแมวทุกคนเริ่มต้นใด้ดีแล้ว
ขอให้รักษาความตั้งใจเอาไว้ ส่วนเรื่องวิ่งแล้วเจ็บเท้าน่ะใครๆก็เป็นเหมือนน้องกาฟิลด์ทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมดาๆครับพักซักวันสองวันก็ค่อยยังชั่ว เรื่องขี้ผงครับ

จาก : พี่ทอม(แมวใหญ่) - 12/10/2000 22:07

 
ข้อความ : ก็ป้าบอกแล้วไงคะว่า ป้าเห็นการ์ฟิลด์วิ่งเร็วเกินไป และในจังหวะที่วิ่งเร็วนั้นน่ะ ป้าได้ยินเสียงลงส้นเท้าดังสนั่น (แผ่นดินเกือบหวั่นไหว)

ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามทอมแมวใหญ่นักวิ่งจอมลาก ที่ก่อนจะไปลากใครต่อใคร ก็ติวคนกลัวแมวและกานต์แมวหล่อตอนช่วงก่อนเริ่มวิ่งว่า ให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ไปจนกำลังอยู่ตัวแล้วค่อยเร่งความเร็วในตอนหลัง โดยเฉพาะนักวิ่งหน้าใหม่

แล้ววันหนึ่งเมื่อน้องการ์ฟิลด์ลงสนามฝึกซ้อมบ่อย ๆ ก็คงจะลากทอมแมวใหญ่ ล้างแค้นให้ป้า (และลุง อา อีกหลายคน) ได้

จาก : คนกลัวแมว - 12/10/2000 23:21

 
ข้อความ : หันมาวิ่งแบบซอยเท้าถี่ๆ จะทำให้ไม่วิ่งหนัก ไม่เจ็บเท้ามาก แต่เรื่องเจ็บเท้านี่ห้ามจริงๆ ไม่ได้ถ้าเราวิ่งนานไป ยาวไป เร็วไป ค่อยๆให้ร่างกายชินในการวิ่งยาวๆ จึงจะหายได้ ระหว่างที่เจ็บก็หยุดวิ่งซักระยะ หันมาเดินเร็วๆ หรือขี่จักรยาน จะช่วยให้หายเร็วขึ้น ในขณะเดียวกัน ร่างกายก็ยังคงความฟิตไว้ได้

จาก : lotus - 16/10/2000 20:22

 
ข้อความ : บางคนอ่านแล้วสงสัย เจ็บเท้าทำไมเดินเร็วๆ ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำจะทำให้หายเร็วขึ้น นัก exercise physiologist ให้เหตุผลว่า ร่างกายมีระบบรักษาตัวเองดีอยู่แล้ว แต่ต้องให้เลือดลมได้สูบฉีดไปยังส่วนนั้นๆ ได้ดี ในกรณีเจ็บเท้าแบบน้อง ไม่ได้หนักแบบกระดูกร้าว จึงไม่จำเป็นต้องหยุดการใช้เท้าเลย การวิ่ง ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนที่เจ็บได้ดีขึ้น ไปรักษาเนื้อเยื่อย่อยๆ (microfibre) ที่ได้รับการฉีกขาดให้หายได้เร็วขึ้นกว่าการอยู่เฉยๆ เพราะการอยู่เฉยๆ เลือดลมไม่ได้เดินได้เต็มที่ อีกอย่างการออกกำลังกายเบาๆ ก็กระตุ้นความสามารถในการป้องกันโรค เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายเป็นของแถมด้วย


จาก : lotus - 16/10/2000 20:30

 

 
หัวข้อ : ซ้อมมากแล้วปวดหัว
ข้อความ : ดิฉันเป็นนักวิ่งระดับกลางๆวิ่งมินิทําเวลา48-50นาที อยากให้เวลาดีกว่านี้จึงลงคอร์ดกับเค้าบ้างโดยปรับให้เหมาะสมกับตัวเองคือวันจันทร์วิ่งช้า15-20K ; วันอังคารวิ่งสปรีด 400+200ม(วิ่งเร็วกว่าตอนแข่ง400ม สลับจ๊อกกิ้ง200ม) 4รอบ พอวิ่งไปได้ 3รอบ เหนื่อยสุดๆและปวดหัวจี๊ดขึ้นมาเลย ตกใจมากจึงผ่อนโดยจ๊อกเบาๆจนหายเหนื่อยอาการปวดหัวก็หาย ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรือวิ่งเร็วไปร่างกายปรับไม่ทัน นักวิ่งท่านใดที่มีประสบการณ์ ช่วยตอบและแนะนําด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

จาก : นักวิ่งน้องใหม่(สุวรรณา จิตปรีดากร) - 11/10/2000 16:32

 
ข้อความ : ไม่ทราบว่าก่อนที่จะสปีด 400 คุณสุวรรณาได้วอร์มก่อนหรือเปล่าเพราะถ้าวิ่ง 400 ทันทีโดยไม่วอร์ม ร่างกายปรับตัวไม่ทันแน่และนั่นจะเป็นอาการของการหน้ามืดและพลอยจะเป็นลมไปด้วย ผมเคยเป็นแบบนี้ครับ

จาก : คุณพ่อน้ำหวาน - 11/10/2000 18:00

 
ข้อความ : เลือดอาจไปเลี้ยงไม่ทัน อีกอย่างหนึ่งควรแน่ใจว่าทานน้ำ เกลือแร่เพียงพอก่อนวิ่งหรือไม่ ควร warm up อย่างน้อย 10-15 นาที และทำกายบริหาร (stretching) สัก 5 นาที จากนั้นก็วิ่งแบบ tempo (คือความเร็วใกล้เคียงกับวิ่ง 10K) สักระยะหนึ่งอาจ 10-15 นาที แล้ว jogging เยาะๆ จากนั้นทำการวิ่งแบบ interval ที่คุณทำอยู่ คิดว่าถึงตอนนี้ร่างกายคงอุ่นมาก กล้ามเนื้อยืดเต็มที่แล้ว การฝึกสปรินท์คงไม่ทำให้ปวดหัวครับ

จาก : lotus - 11/10/2000 18:35

 
ข้อความ : อ่านข้อเขียนของคุณสุวรรณาแล้ว เขียนได้อารมณ์ดีมาก วิ่งมินิสถิติดีกว่าผมอีก แต่ผมเป็นพวกแก่ดีเซลครับ วิ่งฮาล์พผมเร็วกว่า 5 นาทีที่แม่น้ำแคว รู้สึกจะเห็นหน้า ได้คุยกันนิดหน่อยผมจำชมรมได้ และคุณบอกว่าเป็นนักวิ่งหน้าใหม่ แต่อ่านประวัติแล้ว วิ่งก่อนผมเสียอีก ผมวิ่งเพิ่งครบ 1 ปี เดือนนี้เอง มาลงเขาชะโงก 32 กม กันไหม จากนั้นก็ กรุงเทพมาราธอนเลย

จาก : lotus - 11/10/2000 22:28

 
ข้อความ : เคยเป็นเหมือนกันค่ะ ถ้าซ้อมมากๆและไม่ได้วอร์มก่อนอาจทำให้Over Heatได้ ควรดื่มน้ำ(เย็นหรือธรรมดานี่ไม่แน่ใจแต่แมวเหมียวดื่มน้ำไม่เย็นค่ะ)มากๆ วิ่งเสร็จเดินคลายกล้ามเนื้อซักพักนึงให้เหงื่อแห้งก่อน (เราซ้อมวิ่งสูตรคล้ายๆกันเลยค่ะ)

จาก : แมวเหมียว - 12/10/2000 10:51

 
ข้อความ : เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เนื่องจากวิ่งเร็วเกินไป ไม่ทราบว่า คุณสุวรรณาได้วอร์มก่อนหรือเปล่า และวิ่งแบบ INTERVAL เป็นครั้งแรกหรือไม่ ถ้าเป็นครั้งแรกไม่ควรให้เร็วเกินไป ควรเพิ่มความเร็วไปเรื่อยๆในอาทิตย์ต่อไป

จาก : ชัยพัฒน์ - - chapat1966@hotmail.com - 12/10/2000 11:46

 
ข้อความ : คุณสุวรรณา เป็นนักวิ่งน้องใหม่ไฟแรง ที่น้องใหม่ดูเป็นแบบอย่างได้ค่ะ ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ ผลที่ตามมาคือได้ถ้วยรางวัลมาหลายใบ สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ตนเอง และเพื่อน ๆ ไปด้วย
ลองเข้าไป อ่านข้อเขียน
ที่คุณสุวรรณา เขียนเล่าประสบการณ์ ส่วนตัวได้ ที่ หัวข้อ นักวิ่ง-นักเขียน และ มีภาพคุณสุวรรณา กำลังรับถ้วยรางวัลที่ 3 ในภาพงานวิ่ง รพ.นพรัตน์
ประสบการณ์ของคุณสุวรรณา บางเรื่องที่ผิดพลาดสามารถเป็นอุทธาหรณ์ ให้แก่นักวิ่งน้องใหม่ได้

จาก : รุจิรา - - thairunning.com - 12/10/2000 12:33

 

 
เคยรู้สึกผิด...จากการวิ่งไม่ครับ?
ข้อความ : ตอนนี้ผมกำลังพยายามอย่างมากที่จะกลับมาวิ่งให้ได้เหมือนเก่า ปล่อยตัวไม่ถึง 1 ปีได้เรื่อง น้ำหนักมาจากไหน
ไม่รู้กว่า 15 กิโล กลับมาวิ่งอีกครั้งก็พบกับปัญหา เจ็บเข่า เจ็บหน้าแข้ง ท้อแท้มากครับ เห็นเพื่อนๆ นักวิ่ง แล้วตัวเองวิ่ง
ไม่ได้ทรมานใจมากครับ เพื่อนๆใครเคยเป็นแบบผม แล้วกลับมาวิ่งเหมือนเดิมได้ช่วยแนะนำผมด้วยครับ

จาก : ต้อง - 06/10/2000 20:15

 
ข้อความ : ก่อนอื่นก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ โหแค่ปีเดียวเองน้ำหนัก เพิ่มตั้ง 15 โล ถ้าวิ่งแล้วปวดหน้าแข้ง ปวดเข่า ลองเดินดูก่อนไม่ดีหรือครับ จนกว่ากล้ามเนื้อแข็งแรง น้ำหนักลด ถึงค่อยๆ วิ่งต่อไป(คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ครับ) หรือไม่ก็หาทางออกกำลังกายอย่างอื่นดู เช่นว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานนะครับ
การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ถ้าเราหยุดเพียง 6 อาทิตย์ ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ละครับ นี้ปีนึงก็ต้องเริ่มต้นใหม่หมด


จาก : นายเจต - 06/10/2000 20:53

 
ข้อความ : เห็นด้วยกับคุณเจตนะ คุณต้อง ใจเย็น ๆ ค่ะค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป
ไม่ต้องท้อแท้ สู้ สู้ สู้ ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ


จาก : บุบผา - 07/10/2000 07:22

 
ข้อความ : อ่านเรื่องของคุณแล้วขอบอกว่า "อย่าพึ่งท้อใจ" นะคะ ดิฉันเคยอ้วนมากมีน้ำหนักถึง 72 กิโลกรัม แถมยังเป็นโรคหอบหืดอีก ต้องฉีดยาประจำ เมื่อประ 3-4 ปีที่แล้วคุณหมอประจำตัวเสียชีวิต ดิฉันและคุณแม่จึงเริ่มออกกำลังกายด้วยการ "เดิน" ก่อน จริงๆแล้วอยากวิ่งค่ะ แต่วิ่งไม่ไหว เพราะอ้วนและเหนื่อยง่ายจากโรคหอบหืด เดินแค่ 5 รอบตึกศาลากลางอยู่เป็นเดือนๆ แล้วค่อยๆเริ่มวิ่งบ้าง แล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณการวิ่งไปเรื่อยๆ พร้อมกับการลดอาหารลงทีละน้อย ตอนนี้ดิฉันยังวิ่ง 3 กิโลเมตรทุกวัน (ถ้าฝนไม่ตก ฯลฯ) หรือว่ายน้ำ โยคะ และบริการ ตอนนี้น้ำหนักอยู่ที่ 48 กิโลกรัมค่ะ โดยไม่ต้องใช้ยาลดความอ้วน ฝังเข็ม ฯลฯ แถมยังมีคนทักอีกด้วยว่าดูแข็งแรงและรูปร่างดี ไม่เหี่ยวและกลับมาอ้วนง่ายๆเหมือนการใช้ยาลดน้ำหนัก นอกจากนี้ดิฉันไม่มีอาการหอบหืดบ่อยๆเหมือนอย่างเคยด้วยค่ะ ไม่ต้องฉีดยาด้วย มันหายไปพร้อมๆกับไขมันล่ะค่ะ ลองพยายามดูนะคะ อาจใช้เวลาเป็นปีๆ แต่คุ้มค่ามากค่ะ ที่สำคัญคือ อย่าเครียด และวางเป้าหมายตึงเกินไปนัก น้ำหนักอาจขึ้นๆลงๆบ้างแต่ขอให้ลงมากกว่าขึ้นเป็นใช้ได้ค่ะ อ้อ! อย่าลืมชั่งน้ำหนักทุกวันนะคะ หรือทุกมื้อก็ได้ค่ะ

จาก : อรวลี - - onvalee@cscoms.com - 07/10/2000 13:38

 
ข้อความ : ขอเป็นกำลังใจให้คุณต้องค่ะ ในอดีตคุณต้องเคยทำได้ ปัจจุบันคุณต้องก็ต้องทำได้ค่ะ เพราะตอนนี้มีนักวิ่งมารวมกันอยู่ในเวป เชื่อว่าคงมีหลาย ๆ คนส่งกำลังใจมาให้ค่ะ ยังไงก็อย่าลืมรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะๆ นะคะ
คุณอรวลีคะ คงต้องเล่ารายละเอียดมาให้เพื่อน ๆ ฟังแล้วค่ะ ว่ามีเคล็ดลับในการลดน้ำหนัก จาก 72 กิโลกรัม เหลือเพียง 48 กิโลกรัมเท่านั้น ทึ่งมากค่ะ ใช้เวลานานแค่ไหนคะ คงมีอีกหลายๆคน คงอยากรู้วิธีลดน้ำหนัก หุ่นจะได้สวยแบบคุณอรวลีไงคะ
ส่งเรื่องวิ่งออกกำลังกายแล้วหุ่นสวย มาให้เราบ้างนะคะ จะได้นำมาลงให้เพื่อนๆ นักวิ่งได้อ่านกันค่ะ

จาก : รุจิรา - - thairunning.com - 07/10/2000 14:25

 
ข้อความ : ดีใจและขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจและคำแนะนำ

จาก : ต้อง - 07/10/2000 14:27

 
ข้อความ : ข้าน้อยขอคารวะความมุ่งมั่น ความพยายาม ความสม่ำเสมอของคุณอรวลีมา ณ ที่นี้

จะรออ่านเรื่องที่คุณเล่าอย่างใจจดใจจ่อ

จาก : ดวงตา - 07/10/2000 21:14

 
ข้อความ : ขอเอาใจช่วยค่ะ มั่นใจเถอะค่ะว่าการออกกำลังกายและควบคุมอาหารเป็นวิธีการลดความอ้วนที่ดีที่สุด..แต่อาจไม่ทันใจวัยจ๊าบก็เลยพึ่งยากัน ซึ่งเป็นวิธีที่เสี่ยงมากๆ ขอยกตัวอย่างแมวใกล้ตัวค่ะ คุณแมวหง่าวนี้ ตะก่อนก็น้องๆคุณพ่อน้ำหวาน(ขอพาดพิงหน่อยค่ะฮิๆ) แถมยังเป็นหวัดทุกๆ3เดือน พอเริ่มวิ่งน้ำหนักก็เริ่มลดลง (โดยที่ยังทานเก่งเป็นปกติ)แถมอาการหวัดที่มาเยือนบ่อยๆก็หายหน้าหายตาไปด้วย ตอนนี้ก็หล่อเพรียวลมอย่างที่เห็นแหละค่ะ

จาก : แมวเหมียว - 09/10/2000 13:59

 

 

 
การวิ่งดีจริงหรือไม่
ข้อความ : การวิ่ง บางคนก็บอกว่าดีเพราะเป็นการออกกำลังกาย บางคนก็บอกว่าไม่ดีเพราะเหนื่อย ไม่รู้จะวิ่งไปทำไม

จาก : ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม - 19/10/2000 11:59

 
ข้อความ : การออกกำลังกายถ้าไม่เหนื่อย เหงื่อไม่ออก เราจะออกกำลังกายไปทำไมครับ การวิ่งดี่จริงหรือไม่อันนี้คุณต้องลองทำด้วยตัวของคุณเองแล้วจะทราบ ถ้ามัวแต่ฟังจากคนอื่นมันไม่ได้ผลหรอกครับ
แต่สำหรับตัวผมเองตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาที่ผมวิ่งอย่างจริงจังผมยังไม่เคยไปหาหมอเลย นอกจากไปหาหมอฟัน เพื่อถอนฟันครับ ( อันนี้ไม่เกี่ยวกับการวิ่งครับ )

จาก : คุณพ่อน้ำหวาน - 19/10/2000 12:42

 
ข้อความ : ผมคิดว่าการวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดี และอาสัยอุปกรณ์น้อย แค่รองเท้าคู่เดียวก็พอ และไม่ต้องรอใคร คอยใคร เพื่อนไปหาเอาข้างหน้า และยังช่วยคลายเครียด มีสุขภาพแข็งแรง
ถ้าลองวิ่งดูแล้วจะรู้เอง ระวังจะติดน่ะ ขอเตือน สำหรับผมลงวิ่งทุกเย็นพอวิ่งเสร็จแล้วรู้สึกสบาย

จาก : Suchart - - s_suchart@hotmail.com - 19/10/2000 14:06

 
ข้อความ : การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี ไม่เฉพาะวิ่ง กีฬาอื่นๆก็สามารถทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ แล้วแต่ความชอบและถนัด แต่"วิ่ง"เป็นกีฬาที่มีการลงทุนน้อย รองเท้าคู่ ชุดวิ่งก็แล้วแต่ เสื้อยืดที่ใส่อยู่ก็ได้ ไม่ต้องรอทีม มีถนนให้วิ่ง เพื่อนมีอยู่ทั่วไปแล้ว วิ่งจนเหนื่อยอยากหยุดก็พอ สิ่งที่ต้องระวังก็แค่ถนนที่ซ้อมปลอดภัยหรือเปล่า การออกกำลังกายก็ต้องให้ได้เหงื่อ คุณลองเล่นกีฬาอะไรก็ได้ระยะแรกๆจะเหนื่อย เมื่อย แต่ต่อมาจะรู้สึกหายไปหมด นั่นเพราะร่างกายหลั่งสารชนิดหนึ่งEndrophines คุณสมบัติคล้ายฝิ่น ทำให้หายปวด สดชื่นและเมื่อวันไหนไม่ได้ออกกำลังกายก็จะรู้สึกหงุดหงิด เหมือนอาการขาดยานั่นแหละแต่ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะไม่เป็นอันตราย
อ ย า ก วิ่ ง บ้ า ง ห รื อ ยั ง ค ะ!!!!

จาก : แมวเหมียว - 19/10/2000 14:35

 
ข้อความ : ไม่ลองไม่รู้

จาก : lotus - 19/10/2000 17:47

 
ข้อความ : แล้วจะติดใจ ผมวิ่งมา 3 ปีกว่าแล้ว

จาก : yam - 19/10/2000 19:00

 
ข้อความ : การวิ่งดีจริงๆค่ะ ไม่ทราบว่าดีกว่ากีฬาอื่นหรือเปล่า แต่ว่าดีกว่าไม่ออกกำลังกายแน่ค่ะ อยากอ่านรายละเอียดดิฉันจะเขียนไว้ในกระทู้ การวิ่ง...ส่วนหนึ่งของชีวิต (ดิฉันเอง) แล้วกันนะคะ

จาก : หนูอร - 19/10/2000 21:31

 
ข้อความ : ที่คุณผู้ไม่ประสงค์จะออกนามบอกว่ามีบางคนบอกว่าการออกกำลังกายโดยการวิ่งไม่เห็นจะดีเลยเหนื่อยอีกตั่งหาก อันนี้ถูกต้องเลยครับ โธ่จะมาอดทนวิ่งทำไม เหนื่อยจะตาย ไม่สนุกด้วย กีฬาอะไรก็ไม่รู้โดดเดี่ยวสุดๆ ชุดก็ไม่สวย อุปกรณ์ก็มีแค่รองเท้าคู่เดียว ไม่เท่ห์ หากีฬาอย่างอื่นเล่นดีกว่าครับ เลือกแบบที่ไม่เหนื่อยแถมเท่ห์ๆเก๋อีกต่างหาก
นี่ผมไม่ได้ประชดนะ ถ้าคุณไม่ชอบการวิ่ง ยังมีกีฬาประเภทอื่นๆอีกมากที่น่าสนใจ
แต่ขอให้เลือกซักอย่างแล้วตั้งอกตั้งใจเล่นแล้วคุณจะทราบเองว่ากีฬามันคืออะไร
แต่ถ้าคุณใจร้อนอยากจะรู้ว่ากีฬาคืออะไร?
ผมก็จะบอกให้(ไม่เอาบุญ)
กีฬาคือยาวิเศษยังไงครับ.

จาก : ทอม(แมวใหญ่) - 19/10/2000 21:35

 
ข้อความ : ผมเคยดูคนอื่นวิ่งไม่ว่าจะเป็นการซ้อมหรือในการแข่งขัน
ในความเห็นส่วนตัวแล้วผมว่าจะเป็นกีฬาที่น่าเบื่อมากที่สุดที่เคยเจอมา
แต่เมื่อมาลองเป็นนักวิ่งเองผมว่าสนุกไม่แพ้กีฬาอื่นเหมือนกัน
กีฬาที่ต้องออกแรงจนได้เหงื่อดีทุกอย่างครับ แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหน


จาก : blue runner - 20/10/2000 07:34

 
ข้อความ : การออกกำลังด้วยกีฬาชนิดใด ๆ ก็ดีทั้งนั้น ขอให้เรารักที่จะเล่น เล่น
แล้วมีความสุขไม่ใช่ไปฝืน การเล่นกีฬาทุกชนิดก็เหนื่อยทั้งนั้นแหล่ะค่ะ แต่ที่พวกเราชอบวิ่ง ก็มีเหตุผลต่าง ๆ กันไป แต่ที่มีความเห็นตรง
กันก็คือ วิ่งแล้วทำให้สุขภาพแข็งแรง และพวกเรารักที่จะเล่นกีฬาชนิดนี้ค่ะ ลองซิคะแล้วคุณจะติดใจ จนถอนตัวไม่ขึ้น นี่คือเรื่องจริง
ที่เกิดกับตัวของดิฉันแล้ว

จาก : บุบผา - 20/10/2000 10:33

 
ข้อความ : ต้องลองแล้วจะรู้
(หารองเท้าสักคู่นึงมีคนแนะนำว่าให้ซื้อแพงหน่อย
จะได้รู้สึกเสียดาย)
ต้องดูถึงจะเห็น (อันนี้แนะนำให้ลองไปดูสนามวิ่งสักสนามครับลองไปดู)
ต้องทำจึงจะเป็น
(สิบปากว่าไม่เท่าลองทำดูครับ)


จาก : หนุ่มเชียงใหม่ - - phundit@hotmail.com - 20/10/2000 19:45

 
ข้อความ : ต้องขอเชิญ อ่านบทความ วิ่งทำไม ของคุณน่าน ในคอลัมน์ นักวิ่งนักเขียน แล้วจะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นครับ

จาก : นายยิ้ม - 22/10/2000 22:54

 
ข้อความ : จะดีหรือไม่ ก็อย่างน้อยก็ดีกว่าเที่ยวผับเที่ยวบาร์ เหมือนลูกนักการ
เมืองวัยทองบางคน นะท่าน กลุ่มนักวิ่งส่วนมากก็มีความเป็นคนมาก
กว่ากลุ่มนักเที่ยวผับเที่ยวบาร์ แน่นอน ผมวิ่งมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๐ แล้ว ตอนนี้ ก็ยังวิ่งอยู่เลย การวิ่ง ถ้าไม่ดีจริงคงเลิกไปแล้ว ไม่วิ่งบ้าอยู่จนทุกวันนี้ หรอกครับท่าน ตอนวิ่งก็สบาย วิ่งเสร็จยิ่งสบาย

จาก : อดิศร เซ็นกุมาร - - ondisa@hotmail.com - 26/10/2000 21:51

 

 

 
หัวข้อ : อยากรู้ครับ
ข้อความ : ว่า นักวิ่งแต่ละท่าน มีรองเท้าวิ่งกันคนละกี่คู่ครับ ตอนนี้ผมมี 2คู่ มีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร ว่า ต้องเปลี่ยนรองเท้าเมื่อวิ่งครบ เมื่อวิ่งเท่านี้โล...เหมือนยางรถยนต์ไงครับ....

จาก : เต่าซิ่ง - 10/04/2001 16:01 เก็บกระทู้นี้ ไว้ในที่ส่วนตัวของคุณ

 
ข้อความ : จริงๆ ผมว่าถ้าได้รุ่นที่ถูกใจจริงๆแล้ว ใช้แค่สองคู่ แข่งคู่ ซ้อมคู่ ก็น่าจะพอ

แต่ของผม ยังไม่ได้ที่ถูกใจ เลยซื้อมาลองจนตอนนี้รองเท้าเต็มบ้านไปหมดแล้ว

สี่เดือนที่เริ่มวิ่งมานี่รองเท้า เกือบสิบคู่แล้วมั้ง

เริ่มจาก Nike Air อะไรก็ไม่รู้ ซื้อจากห้างแถวบ้าน ใส่วิ่งเล่นๆ

แล้วก็มาเป็น Nike Air Pressto คู่นี้ดี นุ่มและเบา ใส่ซ้อมได้วิ่งได้

ต่อมาก็เป็น Adidas Concerto 2 คู่นี้เบาแต่บางไปหน่อยเหมาะสำหรับแข่ง แต่ซ้อมไม่ไหวเจ็บง่าย

แล้วก็มา เป็น Prospec Hyper 2 รองเท้าแข่งที่เค้ากำลังฮิตกัน เพราะว่าเบาสุดๆ บางสุดๆ เห็นแมวเหมียว กับคุณเอ๋ดุษณีย์ ก็ใช้อยู่ แต่ผมใส่แข่ง ทีไรเลิกงานเจ็บเข่าทุกที เพราะว่าอ้วนแต่ไม่เจียมตัว

ที่ซื้อพร้อม Prospec อีกตัวเอามาไว้ซ้อมเป็น Nike Air อะไรก็ไม่รู้ เอามาจากร้านพิทักษ์ เห็นว่าสวยดี แต่ Flexibility น้อยไปหน่อย

แล้วก็มา Adidas Star Racing รองเท้าที่ไม่ใช้เชือกผูกแต่ใช้สลิงรัดกับตัวล้อค เวลาใส่ คนหาว่าใส่ถุงเท้า กับ รองเท้าแตะวิ่งทุกที แต่ก็ดี ครับ เบาดี และไม่บางมาก ซ้อมได้แข่งได้ และปลายเท้าไม่บีบ วิ่งแล้วไม่ค่อยเจ็บเล็บ

เมื่อวันก่อนไปเอามาอีกสองตัว คือ ตัว Asics ที่ อุตส่าห์ไปเดินเลือก ที่บริษํท World wide Sport ที่เป็นตัวแทนนำเข้า มา เลือกได้ตัว Top ที่เค้านำเข้าคือ Gel DS Training VI ที่เค้าว่ารับแรงกระแทก ได้ดี และพื้นมีระบบ กันลื่นที่ดีที่สุด แต่ปรากฎว่าลองใช้จริง แล้ว น้ำหนักมันมากไปนิดนึง ถ้าคนที่ ตัวไม่หนักมาก น่าจะใช้ Gel Lite หรือ Tiger น่าจะดีกว่า

อีกตัว ที่กะเอามาใช้ซ้อม คือ Nike Shock สวยดี และน้ำหนักไม่มากนัก รับแรงกระแทกได้ดี แต่พื้นแข็งไปนิด

แต่ผมว่า การใช้รองเท้าหลายๆคู่พร้อมกันๆ นี่ก็ไม่ค่อยดี เวลาวิ่งมันรู้สึกไม่คุ้นเคยกับรองเท้า ทำให้ฝืนๆ

กะว่า ต่อไปจะต้องรวบรวมเอาไปเปิดท้าย ขายรองเท้า ซะแล้นนนนนน :P

จาก : -=jfk=- - 10/04/2001 20:01

 
ข้อความ : ผมมีสามคู่ครับ D-Maq Reebok Adidas ใช้แข่งก็แค่ D-Maq สำหรับฮาล์พลงมา Adidas ใช้ตั้งแต่ฮาล์พขึ้นไป Reebok ทิ้งไว้ที่ห้องยิมที่ทำงานครับ

จาก : lotus - 10/04/2001 21:15

 
ข้อความ : คุณเต่าซิ่งครับ ทุกๆอ่างในโลกล้วนไม่จีรังยั่งยืน พระท่านสอนเอาไว้ครับ รองเท้าก็เหมือนกันครับ
ตอนซื้อมามันก็ใหม่ พอใส่ไปมันก็เก่า นานๆเข้ามันก็เบื่อ
พยายามหมุนดูรอบๆหาจุดบกพร่องให้เจอให้ได้ ก็หาจนพบแหละครับ และนี่ก็คือวัฎจักรเริ่มต้นของการ
หาเหตุซื้อรองเท้าคู่ใหม่ วนเวียนไปเรื่อยๆอยู่อย่างนี้
ตามกฏของเซอร์ไอแซค นิวตั้น " อาหารในจานของผู้อื่น ย่อมน่ากินกว่าอาหารในจานของเรา รถในเลนข้างๆมักจะเคลื่อนตัวได้ไหลลื่นกว่าเลนของเราเสมอ "
ฉันใดก็ฉันนั้น รองเท้าวิ่งของนักวิ่งคนอื่นๆ (ก็) มักจะ(คิดว่า) ดี
กว่ารองเท้าคู่เก่าของเราเสมอๆ
ร่ายมาซะยาว ของผมก็มีไนกี้ 2 คู่ นิวบาลานซ์ 1 คู่ อาดิดาส 2 คู่
และรีบอค 1 คู่ (บ้าจี้เหมือนกัน).....อิ......อิ.....

จาก : ทอม(สปอร์ตแมน) - 10/04/2001 21:35

 
ข้อความ : ทุกๆอ่างในโลกล้วนไม่จีรังยั่งยืน

จริงๆ ครับ ต้องเชื่อคุณทอม ครับ เรื่องอ่าง นี่คุณทอมแกชำนาญ

แต่เรื่องของคุณอื่นดีกว่า ของตัวเอง นี่คุณทอม ตกไปอย่างนีงครับ
"เมีย" ครับ

ถ้ามีใครเปิดเต๊นท์ รับเทิอร์น เมีย ล่ะก้อ ผมว่ากิจการ รุ่งแน่ๆ ลูกค้าตรึม ตีราคาสูง ต่ำไม่ว่า ขอออกของไว้ก่อน แฮ่ะๆๆๆๆ

จาก : -=jfk=- - 10/04/2001 23:08

 
ข้อความ : ผมมีสองคู่ คู่หนึ่งใช้ใส่วิ่งไม่เกิน 15 กม. นุ่มเท้าดี ส่วนอีกคู่หนึ่งใช้วิ่งระยะยาวรวมทั้งมาราธอนด้วย ทั้งสองคู่เป็นยี่ห้ออะดีดาส รุ่นอะไรก็ไม่รู้ ยอดชายนายพิทักษ์เป็นคนจัดการให้ วิธีหารองเท้าให้ผมก็แปลกดี คือขอดูเท้าก่อน แล้วไปหามาให้ ราคาสมคุณภาพ ดีจริงๆ

มีอยู่วันหนึ่งในวันปีใหมีปีนี้ไปวิ่งแข่งที่เลย ในรายการเมืองเลยมาราธอน ผมวิ่ง 30 กม. โดยที่ 21 กม.แรกวิ่งเร็วกว่าปรกติ ทางขึ้นเขาลงเขา วิ่งเสร็จเจ็บข้อเท้า เข้าใจว่าขอบรองเท้าไปเสียดสี ไปหานายพิทักษ์ทันทีให้ช่วยจัดหาใหม่ให้ ถูกปฏิเสธครับ พิทักษ์บอกว่า " ป๊า คู่ที่ใส่อยู่ยังดีใช้ได้ ป๊าไม่ต้องซื้อใหม่ ไว้รองเท้ามันแย่จริงผมจะขายให้ใหม่ ไม่ยากหรอกป๊า " ว่าแล้วก็ไปขายให้คนอื่นต่อ

มาวันก่อนที่งานวิ่งสุขภาพจิตโลก เดินไปกับแม่บ้าน บอกนายพิทักษ์ว่าช่วยหารองเท้าวิ่งระยะไกลให้แม่บ้านสักคู่ นายพิทักษ์มาฟอร์มเก่า ให้เอาคู่เก่ามาให้ดูก่อน จึงต้องบอกว่ายังไม่มี พี่แกจึงเงียบลงได้ มีอย่างนี้ด้วยครับท่านผู้ชม

จาก : นายมะขาม - 11/04/2001 06:58

 
ข้อความ : เห็นด้วยครับ
เล่ากันว่า มีตาฝรั่งคนนึงลงโฆษณาว่า " WIFE WANTED"
มีคนตอบมาเป็นพัน จม.ทุกฉบับเขียนว่า "You can have
mine"
ว่าแต่กระทู้เรื่องรองเท้ากลายเป็นเรื่องเมียได้ไง อิ อิ อิ

จาก : ไม้ประดับ(หนุ่ม) - 11/04/2001 07:10

 
ข้อความ : ผมมี 4 คู่ Nike, Adidas, D-Maq, Asics
ซ้อม 2 คู่ ผลัดกันใส่คู่ละวัน
แข่ง 2 คู่ แบ่งกันใส่ตามระยะที่แข่งครับ

จาก : ชินจัง - 11/04/2001 07:45

 
ข้อความ : I had 2 nike air for marathon , mini
1 adidas for training , mini
1 D-maq for half marathon

จาก : parinya - 11/04/2001 08:12

 
ข้อความ : คือผมอยากได้ รองเท้าวิ่งเพิ่มอีก1คู่ สำหรับ marathon ตอนนี้กำลังดู Asics รุ่น Gel Lite หรือ Tiger และ adidas รุ่น boston ขอคำแนะนำหน่อยครับ

จาก : เต่าซิ่ง - 11/04/2001 09:09

 
ข้อความ : See www.asicstiger.com
or give me your fax no. I have most of cataloque,detail and price list of Asics.

จาก : parinya - 11/04/2001 10:47

 
ข้อความ : มี 5 คู่ครับแบบว่าซื้อปีละคู่ คู่เก่าที่เคยใช้แข่งหรือซ้อมยาวก็ปลดระวางไว้วิ่งวันเบาๆ ครับ

คู่ที่1 Asics จำรุ่นไม่ได้ครับซื้อตอนลด 50 % ราคา 800 เมื่อก่อนตอนเริ่มวิ่งก็ใช้ทั้งซ้อมและแข่งปัจจุบันเอาไว้วิ่งเบาเพราะพื้นเริ่มสึกไปเยอะแล้ว
คู่ที่2 Asics Gel Kayano ซื้อตอนลด 50 % ราคา 1850 เอาไว้ซ้อมในวันวิ่งยาวเพราะมีการรองรับแรงกระแทกและการบิดตัวของข้อเท้าได้ดีมากพื้นทนเป็นเยี่ยม ตอนนี้เหลือสภาพประมาณ 50 % แต่ก็ยังใส่ซ้อมไว้ลง เทมโปถนน
คู่ที่3 Nike Air Contrail ซื้อกับพิทักษ์ ราคา 900 คู่นี้เอาไว้ซ้อมวิ่งลงคอร์ตในสนามดินครับ
คู่ที่4 Adidas Adios 2U ซื้อตอนลด 50 % ราคา 1300 คู่นี้เอาไว้แข่งอย่างเดียว ผ่านมา 3 มาราธอน กับ5-6 ฮาล์ฟ
คู่ที่5 Saucony Grid B Gone ซื้อตอนลด 50 % ราคา 1000 คู่นี้เอาไว้ซ้อมวิ่งบนถนนแต่พื้นสึกเร็วมาก

อนาคตอันใกล้นี้ในวันวิ่งสิงห์บุรีจะเตรียมหามาเพิ่มอีกสักคู่เล็ง Asics Gel Lyte ไว้สำหรับลงแข่งกรุงเทพมาราธอนครับ
และก็หารองเท้าสำหรับใส่ซ้อมยาวสำหรับมาราธอนสักอีกคู่

ผลดีของการมีรองเท้าหลายคู่ก็มีครับเพราะจะช่วยให้เท้าเราไม่เกิดการกระแทกในจุดเดิมซ้ำๆกันทุกวันอันมีผลทำให้เกิดการ
บาดเจ็บ และควรเปลี่ยนเมื่อมันหมดอายุ คงไม่ต้องนับตามระยะทางหรอกครับเอามันหงายขึ้นมาดูพื้น จับผ้าที่มันห่อหุ้มเท้าเราอยู่
จับความรู้สึกในขณะวิ่ง ดูจากการบาดเจ็บที่เป็นซ้ำอยู่ในจุดเดียวบ่อยก็จะรู้เองครับว่าสมควรเปลี่ยนเมื่อไหร่
เงื่อนไขที่เจออีกข้อ ก็คือผมมักจะซื้อรองเท้าที่เซลเพราะราคามันดึงดูดเงินในกระเป๋าดีครับ เพราะว่าลดตั้ง 50 % แต่รองเท้าก็อาจจะมีอายุการใช้งานที่สั้นลง เพราะการนับอายุเริ่มนับจากวันที่ผลิตออกมาจากโรงงานครับ(อันนี้เคยมีผู้เชี่ยวชาญตอบในกระทู้เก่าครับ) ยางและพลาสติคมันมีอายุของมันแค่นั้น เพราะฉะนั้นถ้ามีรองเท้าอยู่
ก็ต้องใช้ครับ มีหลายๆคู่ก็ต้องใช้ให้คุ้มซื้อไปเถอะครับเพราะถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแลกกับสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
บวกลบคูณหารอย่างไรก็คุ้ม เหมือนหมอ JFK ซื้อไว้หลายคู่ก็ถือว่าได้ทดลองแล้วยังมีผลการทดลองมาเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ได้รู้อีก

ส่วนที่คุณเต่าซิ่งดู Asics ไว้ผมว่า Gel Lyte น่าจะเหมาะกว่า Tiger Paw นะครับเพราะมีเจลทั้งหน้าและหลังลดอัตราเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
ถ้าสนใจ Adidas ลองดู Equipment Gazelle เหมาะลงมาราธอนครับ

คุณหมอ JFK ครับบริษัท World wide Sport ที่เป็นตัวแทนนำเข้าอยู่ตรงไหนครับเห็นคุณหมอบอกว่าอยู่แถวๆ สยาม ขอรายละเอียดหน่อยครับแล้วที่คุณหมอซื้อ Gel DS Training VI ราคาเท่าไรครับ
อันนี้ฝากไว้ให้อ่านครับเกี่ยวกับรองเท้าสำหรับใส่วิ่งมาราธอนขอโทษด้วยที่ไม่ได้แปลครับ

runner's world : shoes and gear : shoes : shoe buzz

Marathoners today need stability

by Paul Carrozza
The number of marathoners has been on the rise for the past couple of years.
As more and more runners are flocking to the marathons, they have virtually
created a new category of footwear--marathon shoes. Today’s marathoners are
no longer satisfied with the flyweight racing shoes of years past that met the
needs of only a very few biomechanically perfect elite racers. Today’s marathoners
not only need footwear that is about running speed, but also need shoes that are
stable and well-cushioned.
Marathoners today need stability, but don’t want a heavy, stiff or bulky shoe.
A proven example is the Asics GT-2000 series (the latest being the GT-2050). Technically,
the GT-2000s are not a racing shoe, but if you spend any time observing 3-hour marathoners,
it’s the racing shoe of choice.
Why? The 2000s have everything a marathoner would want: mid-weight, breathable, stable,
flexible, low profile and have great cushioning. When a runner reaches the final miles of the marathon,
his/her biomechanics fall apart. As the feet contact the ground, the heel strikes harder, the ankle rolls
quicker and the knee falls over the foot faster. If you’re wearing a typical seven-ounce racing flat,
you’re in trouble. But a "marathon" shoe such as the GT-2040 or 2050 provides the added stability you need.
The same qualities that make it a great training shoe also make it an exceptionally stable marathon shoe.
Motion-control shoes are certainly the most stable, but few runners want to carry that extra weight
for 26.2 miles. The added weight of motion-control shoes tend to make them inefficient for the long haul.
Runners who may need a motion-control shoe in training should consider a stability shoe with an insert
for added stability for marathons. But very large runners who are running the marathon and just want
to finish should probably stick with their motion-control training shoes.
The marathoner who has a foot type that is very neutral, legs that are straight and good form,
can wear shoes that have less medial control and better cushioning.. A great marathon shoe for
neutral runners is the New Balance 827 or 828. Both are a single- density shoe with a great heel and
forefoot without the bulk.
The bottom line with marathon shoes is get the best combination of features in the lightest package
possible. Assume that the end of the marathon will be ugly and you’ll want the best cushioning and
support you can wear. Find either a "heavy" racing flat, or a "light" training flat. The best test is use
this shoe on your long runs. If they check out well on a long run, then you should be set on the day of the big marathon.
Other good marathon shoes to check out:


Adidas Shimanto

Asics DS-Trainer

Asics GT-2040 or 2050

New Balance 827 or 828

Nike Span/Althea Triax

Nike Air Ghost Racer

Reebok Arriba

Copyright 1999 RODALE PRESS, INC. All rights reserved. The information contained in the preceding
story may not be published, broadcast or otherwise distributed without the prior written authority of
Rodale, Inc., Emmaus, PA 18098; (610) 967-8809.

จาก : หนุ่มเชียงใหม่ - - phundit@hotmail.com - 11/04/2001 11:54

 
ข้อความ : คุณเต่าครับ ถ้าคุณจะไปซื้อเอซิคเมื่อไหร่ ช่วยบอกผมด้วยได้ไหมครับ อ่านจากหัวหน้าแผนกฝ่ายส่งเสริมการขาย(คุณหมอ jfk) กับหัวหน้าฝ่ายเทคนิค(คุณหนุ่มเชียงใหม่) แล้วซึ้งครับ เกิดอาการอยากได้ไว้ใช้มั่ง ไปเมื่อไหร่ก็บอกนะครับ ยี่ห้อนี้ผมยังไม่เคยลองใช้ หรือว่าคุณหมอจะโล๊ะรองเท้าที่พึ่งซื้อไปก็บอกมาครับ ผมsize 9.5-10 ครับ ถ้าพอดีก็น่าสนใจครับ กะจะเอามาใส่ซ้อมลงพัทยามาราธอนครับ.......

จาก : ทอม(สปอร์ตแมน) - 11/04/2001 13:24

 
ข้อความ : พูดถึงเรื่องรองเท้า เมื่อวันที่ 8 ลืมบอกคุณเต่าไปว่าคุณแอร์ระยอง ฝากขอบคุณที่นำรองเท้ามาบริจาคให้ค่ะ
คุณแอร์เธอมีเด็กในสังกัดเยอะค่ะ แฮะๆๆเธอไม่ใช่เจ้าแม่ค่ายมวยหรือประกวดนางงามนะคะ แต่น้องๆเยาวชน ในชมรม"ระยอง แรงมา" อยากเป็นนักวิ่งค่ะ ทางคุณแอร์ ก็ช่วยเหลือได้ตามเทาที่กำลังจะมี จึงขอบริจาครองเท้าที่ชาวนักวิ่งไม่ใช้แล้ว ถ้าพอจะซ่อมได้ก็จำนำไปซ่อมเอง เช่นเปลี่ยนพื้นรองเท้า ดังนั้น..อิอิ...ในกระทู้นี้เราก็พอมองเห็นผู้ใจบุญแล้ว เอาเป็นว่า ถ้าใครมีรองเท้าเก่าๆ เก่าใช้ เก่าเก็บ รับหมดค่ะ ของแมวเหมียวให้ไปแล้ว อยู่กับเราวิ่งมินิตั้ง 50กว่านาที พอไปอยู่กับน้องเค้า เหลือ 30นาทีกว่าๆเอง ไม่เชื่ออย่าแซว อิอิ ถ้าจะบริจาค ก็ผ่านมาทางแมวเหมียวได้ค่ะ

รองเท้าวิ่งแมวเหมียวมีที่ใช้อยู่ 2 คู่ค่ะ คู่แรกได้บัตรลด 25%จากอาดิดาสมา ก้เลยไปฉลองบัตรซะ รุ่น PROTECTION ใส่ดีค่ะ ใช้มาค่อนปีแล้ว ตอนนั้นก็ใช้อยู่คู่เดียวทั้งซ้อมทั้งแข่ง ลง 32 กิโลที่เขาชะโงก ลงมาราธอน ที่จอมบึงก็คู่นี้แหละค่ะ ไม่บาดเจ็บเลย ส่วนคู่ยอดฮิตที่เค้านิยมกัน Prospec Hyper 2 ซื้อเมื่องานปีใหม่ชมรมนี่เอง ด้วยความเห่อ จึงใส่ลงงาน ภปร. ราชวิทยาลัย 23 กิโลเมตร ในวันที่ 11 ก.พ ได้เรื่องเลยค่ะ เจ็บตั้งแต่กิโลที่ 15 คงเพราะความบางของรองเท้า ตอนหลังถ้าลงระยะสั้นๆ ก็จึงเรียกใช้คู่นี้ แต่ถ้าวิ่งเกินฮาล์ฟก็ไม่กล้าค่ะ และถึงแม้ว่าลงระยะสั้นก็ต้องใส่ยางรองส้นรองเท้าด้วยค่ะ..
ความจำเป็นที่จะมี หลายๆคู่นั้น แมวเหมียวคิดว่า ไม่จำเป็นค่ะ

จาก : แมวเหมียว - 11/04/2001 14:11

 

คิดอย่างไร????
ข้อความ : อ่านเจอในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งค่ะ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเค้าบอกว่า"นอนเอกเขนกเป็นยาอายุวัฒนะ เกียจคร้านยิ่งอยู่ยืน"เค้าบอกประมาณว่าการปล่อยตัวให้ขี้เกียจสันหลังยาว ดีกว่าไปฝืนใจออกกำลัง คนที่นอนเปลญวนให้สบายแทนการไปวิ่งทรมานสังขาร ย่อมอายุยืนยาวกว่า และบอกว่าผู้ที่มีอายุควรจะระวัง การวิจัยพบว่าผู้ที่ยังฝืนวิ่งระยะทางไกลๆมาจนกระทั่งอายุเข้า 50 ปีเท่ากับเป็นการผลาญแรงงานไปเสียแทนที่จะเอาไปทำอย่างอื่นอาจทำให้ความจำเสื่อมหรือแก่เกินวัย...
Ref. นสพ.ไทยรับ หน้า7 ฉ.24/4/44

สำหรับแมวเหมียวคิดว่าน่าจะเป็นการออกกำลังแบบหักโหมมากกว่าจึงเป็นแบบนี้ได้ หรือเอาผลดีกับผลเสียมาชั่งน้ำหนัก แมวเหมียวคิดว่าน่าจะมีผลดีมากกว่า...เค้าเอามาพูดเฉพาะผลเสียหรือเปล่า
นักวิ่งทั้งหลายคิดอย่างไรคะ

จาก : แมวเหมียว - 28/04/2001 23:58 เก็บกระทู้นี้ ไว้ในที่ส่วนตัวของคุณ

 
ข้อความ : ใช่ครับ ออกกำลังกายอย่างหักโหม ก็มีผลเสียแน่นอน (อย่างพวกเราๆ นี่ความจริง ก็เข้าข่ายหักโหมเหมือนกันนะ แฮ่ะๆๆๆๆ )

แต่ถ้าแค่พอสมควร นี่ช่วยเผลาผลาญไขมัน ดีกว่า ปล่อยให้มันพอกพูนอุดตันเส้นเลือดแน่นอน

แต่จริงๆแล้ว ไม่คิดอย่างไรหรอก

คิดถึงแมวเหมียวครับ งานเมื่อเช้าไม่เห็นมาวิ่ง

ปล่อยให้คุณเอ๋ ดุษณีย์ วิ่งเข้าป้าย คว้าที่ 1 คนเดียว

จาก : -=jfk=- - 29/04/2001 11:54

 
ข้อความ : มองต่างมุม สัตว์ที่มีการเคลื่อนไหวช้าๆ หัวใจเต้นช้าๆ เช่น เต่า กลับมีอายุยืนนานกว่าคนเรา ถ้ามองข้าม species ก็น่าจะเข้ากันได้นะครับ
แต่เราเป็นมนุษย์ ขอให้ยึดตามทางสายกลางดีกว่าครับ ออกกำลังกายหักโหมเกินไป หรือ เกียจคร้านไม่ออกกำลังกายเลยก็มีผลเสียทั้งสองแบบครับ

จาก : แมวหง่าว - 29/04/2001 15:16

 
ข้อความ : มองอีกมุม ครับ ถ้านอนมากไป ร่างกายก็ไม่มีแรง ถ้าอยากมีแรงก็ต้องไปออกกำลัง แต่การออกกำลังก็ต้องออกให้พอดี
ไม่เสียสุขภาพ บรรดานักวิ่งไม้ประดับทั้งหลาย ถือได้ว่าออกกำลัง
มากเกินไปครับ แต่เพื่อความสนุก นักวิ่งทั้งหลายไม่กลัวผลเสียเล็กๆน้อยๆครับ

จาก : runchak - 29/04/2001 18:21

 
ข้อความ : ถ้าศึกษาดูพวกที่อายุเกินร้อยใน Ajerbaijan เป็นพวกทำงานหนักตลอดในชีวิตคล้ายๆ กับปู่เป็ง ขนาดที่ 90 กว่าแล้วก็ยังเดินวันละหลาย กม ทำงานในไร่ครับ ที่อ่านมันแค่ study อันเดียวเมื่อเทียบกับหลายร้อย หลายพัน study ที่ยืนยันว่าออกกำลังกายแข็งแรงและอายุยืนกว่าครับ

จาก : lotus - 29/04/2001 19:40

 
ข้อความ : เนื่องจากเป็นอดีตอาจารย์ ขอสารภาพว่า อาจารย์มี hidden agenda คือมีความลำเอียงเช่นกันครับ ถ้าเชื่ออบย่างไรแล้ว สามารถเลื่อกตัวอย่างศึกษา (population sample) เพื่อให้มีผลสอดคล้องกับความเชื่อของเราได้ ดังนั้นอ่านอะไรแล้วต้องพิจารณาแล้วดูการศึกษาใน field เดียวกันจากนักวิจัยอื่นๆ ด้วยครับ

จาก : lotus - 29/04/2001 19:44

 
ข้อความ : สิ่งมีชีวิตดำรงพอยู่ด้วยการเคลื่อนไหว
มนุษย์ก็เช่นกัน ต้องร่างกายต้องเคลื่อนไหวจึงจะมีพลัง ในขณะที่จิตต้องหยุดจึงจะมีพลัง หากร่างกายไม่เคลื่อนไหวจักอ่อนแอลง ในขณะที่จิตหากเคลื่อนไหวย่อมอ่อนแอเช่นกัน
พืชดำรงชีพอยู่ด้วยความการติดตรึง อาศัยการสังเคราะห์เพื่อดำรงชีวิตและเจริญเติบโต คนไม่ใช่พืชน๊ะจ๊ะ
สงกะสัยว่าแมวเหมียวจะไปเจอคนในยุคพะสีอานเข้าแล้วซี ในยุคนั้นเขาว่ามีพรมลูกฟัก ไม่รู้ว่าฟักเขียวหรือฟักทอง ผู้คนจักนั่งกินนอนกิน
ในปัจจุบันมีคนจำนวนนึงเข้าใกล้คนในยุคนั้นบ้างเหมือนกัน คือแขนขาอ่อนแรง นั่งกินนอนกิน
พวกที่ไกลออกมาหน่อย คือ คนในสังคมเมืองที่ตามหลังฝรั่งอย่างเอาเป็นเอาตายที่แหละ ทำงานนั่งโต๊ะ หรือหน้าจอคอมฯ ใช้สมองเคร่งเครียดทั้งวัน ไม่ค่อยได้ออกกำลัง กินอาหารขยะ(โปรตีน ไขมันสูง)ออกกำลังน้อยมาก เหนื่อยง่าย ไขมันในเส้นเลือดสูง น้ำตาลสูง ไขมันพอกพูน อายุไม่ยืน ต่างจากคนสมัยก่อนซึ่งทำงานออกกำลังทั้งวัน ร่างกายแข็งแรง กินอาหารธรรมชาติ(คาร์โบไฮเดรท พืช ผักสูง โปรตีน ไขมันต่ำ) อายุยืนยาว แม้อายุมากยังแข็งแรง
ใครพึงพอใจแบบใด เชิญใช้ชีวิตตามต้องการเทอญ

จาก : อาปาชี่ - 30/04/2001 16:17

 
ข้อความ : สาธุธุธุ แหมกระจ่างดีครับคุณพี่อาปาชี่ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม
และยังทางวิ่งด้วยนับถือๆ

จาก : หนุ่มเชียงใหม่ - - phundit@hotmail - 01/05/2001 11:38

 

วิ่งทำไม

สาเหตุของการบาดเจ็บจากการวิ่ง

การวิ่งคือสิ่งเสพติด

การออกกำลังกายในผู้หญิง

  ผู้สูงอายุกับการวิ่งเพื่อสุขภาพ