% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_hamstring_by_krit.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %>
<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %> ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่19เม.ย.48
แฮมสตริง หรือ ไซติกา
โดย...กฤตย์ ทองคง
กล้ามเนื้อชุดใหญ่แฮมสตริง (Hamstring) คือกล้ามเนื้อขาด้านหลัง ตั้งแต่ปลายก้น ยาวลงไปข้างล่าง ที่เป็นอันทราบกันในหมู่พวกเราด้วยว่าเป็นกล้ามเนื้อตำแหน่งหลักที่ช่วยการวิ่ง ที่เรามักเผชิญการทักทายจากมันด้วยการบาดเจ็บในตำแหน่งนี้อยู่เสมอ แต่มีเพียงครึ่งต่อครึ่งเท่านั้นที่มีชัยชนะเหนือมันด้วยการหายดีและกลับไปวิ่งได้ใหม่ แต่อีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ยอมหายหรือเรื้อรังจนสร้างความเบื่อหน่าย ต้องหยุดนาน และอาจกลับมาใหม่ได้ ทำให้การฝึกชะงักงัน ขาดความต่อเนื่อง เหนื่อยฟรี ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ นำไปสู่ความท้อใจในที่สุด
ในพวกหลังนี้ ยังแบ่งออกเป็น 2 จำพวก จำพวกแรกจะเป็นพวกที่รักษาได้ตรงสมุฏฐาน ตรงสาเหตุ ตรงตำแหน่ง แต่นักวิ่งขาดความตระหนักในวินัย ไม่เห็นความสำคัญของการหยุดพักอย่างเพียงพอ กลับไปฝึกต่อที่เร็วเกินไป (Too soon) ส่วนอีกพวกหนึ่งเกิดจากการรักษาที่วินิจฉัยผิดพลาดในสมุฏฐาน เนื่องจากเข้าใจผิดจากกลุ่มอาการที่ใกล้เคียงกันมาก แต่การรักษาจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อเข้าใจที่ต้นเหตุต่างกันแล้วตั้งแต่ต้น ก็จะผิดต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ เรื่องนี้ นักวิ่งควรพัฒนาความรู้พื้นฐานตรงนี้ไว้ เพราะการบาดเจ็บมันเกิดที่ตัวของเราเอง ต้องติดตามการดูแลรักษาไปตลอดทั้งกระบวนการ ไม่ควรปล่อยภาระให้เป็นหน้าที่ของผู้รักษาแต่ฝ่ายเดียว เมื่อรักษาได้ถูกหรือผิดก็ตาม เราต่างหากที่จะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมันเต็มๆ และการที่เราพบสาเหตุของมันช้าเท่าไหร่เราก็จะหายช้าเท่านั้น เป็นของธรรมดา
ความบาดเจ็บ ณ ตำแหน่งนี้ ที่หลอกให้พวกเราสับสน เข้าใจว่าเป็นสาเหตุที่กลุ่มกล้ามเนื้อชุดแฮมสตริง อย่างหนึ่งก็คือ ความผิดปกติของเส้นประสาทใหญ่ที่ออกจากลำตัวไปที่ขาชื่อว่า Sciatic Nerve ตำแหน่งของมันเกาะเกี่ยวกับกระดูกสันหลังตอนปลายเรื่อยลงมาแยกสาขาที่หลังตอนล่างบริเวณกระเบนเหน็บลงไปที่ก้นแต่ละข้าง มีหน้าที่เป็นศูนย์รวมประสาท มันมีขนาดที่ใหญ่มากขนาดนิ้วก้อย เส้นประสาท Sciatic Nerve ได้มีเส้นเดินทางที่ยาวต่อลงไปในส่วนกลางของก้นลงไปด้านหลังของขาอ่อนสู่หัวเข่า และจากหัวเข่าก็มีทางแยกเส้นประสาทนี้อีกครั้ง เส้นหนึ่งยาวต่อเนื่องลงไปกลางน่อง อีกเส้นต่อไปยังด้านนอกของน่องและยาวไปจนถึงข้อเท้า
อาการที่บ่งบอกว่า ความบาดเจ็บครั้งนี้มีสาเหตุจากเส้นประสาท Sciatic Nerve นั้นมีหลายอย่าง เช่นการค่อยๆแผ่ขยายลุกลามของบริเวณเจ็บปวดที่เริ่มแต่กระเบนเหน็บลงไปจนถึงแก้มก้น และปวดลามไปจนถึงขาอ่อนด้านหลัง และบางรายอาจลามไปจนถึงน่องและข้อเท้า ตามที่ Sciatic ตั้งอยู่ นี่จึงเป็นเหตุให้เราสับสนว่าความเจ็บปวดครั้งนี้มีสาเหตุมาจากแฮมสตริง เป็นความรู้สึกแปลบปลาบที่ร่วมกับอาการชาและขาหมดเรี่ยวหมดแรง
แม้อาการจะไม่เหมือนกันเช่นนี้หมดทุกราย แต่ถ้าผู้บาดเจ็บเพียงแต่แสดงออกมาอย่างหนึ่งอย่างใดก็ให้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเหตุที่เส้นประสาท Sciatic Nerve นี้
ส่วนกล้ามเนื้อชุดแฮมสตริง เริ่มเกาะเกี่ยวกับกล้ามเนื้อตอนปลายสะโพก และพันเกลียวเป็นกล้ามมัดไหลเรื่อยลงมาข้างล่าง และ ณ จุดเกาะเกี่ยวตรงนี้เองที่เป็นตำแหน่งเจ้าปัญหา ขาอ่อนใต้แก้มก้น และอีกตำแหน่งคือ ภายในช่องระหว่างเกลียวกล้ามเนื้อ (Belly of the muscle) ที่น่าจะเกิดจากแรงดึงของกล้ามเนื้อที่ทำงานมากเกินระดับ ในการซ้อมหรือแข่ง 3 ชนิด คือ
# Running too much
# Running too fast และ
# Running too soon
ไม่อย่างหนึ่งอย่างใดหรือสองอย่างหรือทั้งหมด
อาการที่แสดงว่าใช่ก็คือ เมื่อมีกิจกรรมใช้กล้ามเนื้อออกแรงส่วนนี้ไม่ว่าจะเดินหรือวิ่ง แม้แต่การงอหัวเข่า ก็จะรู้สึกเจ็บ และในทำนองกลับกันคือการพักหรือไม่ทำกิจกรรมกล้ามเนื้อส่วนนี้ก็จะปวดน้อยหรือไม่ปวด ถ้าเป็นอย่างนี้ น่าจะใช่ความผิดปกติที่กล้ามเนื้อกลุ่ม แฮมสตริง
การดูแลรักษา
ถ้าเป็นความผิดปกติจากกลุ่มกล้ามเนื้อ Hamstring ยาที่ดีที่สุด ก็คือความสามารถรักษาวินัยและความมีเหตุผลของนักวิ่ง ที่เล็งเห็นความสำคัญของการเชื่อฟังโค้ชและแพทย์ ที่ให้หยุดวิ่งที่นานเพียงพอตามคำแนะนำ โดยอย่าออกมาวิ่งก่อนกำหนด ฟังดูง่าย แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า นักวิ่งทำผิดพลาดตรงนี้มากที่สุด คนวิ่งมันก็จะเอาแต่วิ่งตะพึดตะพือ นี่พูดอย่างที่เรารู้จักพวกเดียวกันเอง
ซึ่งโดยปกติแล้ว ความบาดเจ็บชนิดนี้ เป็นความบาดเจ็บธรรมดาที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ถ้าไร้วินัย มันก็จะลุกลามกลายเป็นการบาดเจ็บมากภายหลัง
จงหยุดวิ่งสัก 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อยหรืออาจมากกว่านี้แล้วแต่กรณี ระหว่างนี้ แม้จะหยุดวิ่งแล้ว ก็สมควรหยุดทำกิจกรรมร่างกายหนักและกิจกรรมขาใดๆ ไม่ใช่แค่หยุดวิ่งแล้วไปลงจอบทำสวนครัว ลุกๆนั่งๆ ก้มๆเงยๆ ไม่ได้นะครับและประคบน้ำแข็งบริเวณปวด ครั้งละราว 15-20 นาที และหาผ้ายืดพันรัดบริเวณนั้นด้วยถ้าทำได้ และทำกายภาพบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ก็จะช่วยให้ระยะเวลาบำบัดสั้นลง
หลังจากสองสัปดาห์แล้ว ถ้าปราศจากอาการอะไรในทางลบ ก็ให้เริ่มออกซ้อมแต่เพียงเบาๆก่อนบนทางราบและนิ่มอย่างพื้นหญ้าทำนองนั้น ก่อนที่จะค่อยๆเขยิบความเข้มข้นขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปทีละน้อย
สำหรับการดูแลความผิดปกติที่มาจากเส้นประสาท Sciatic Nerve ที่แม้จนบัดนี้เราก็ยังไม่ทราบเรื่องที่เกี่ยวกับมันทุกอย่าง ที่ได้เพียงแต่คาดคะเนว่า มันน่าจะเกิดจากการกด,อัด,บีบ,ทับ,หนีบจากอะไรบางอย่างภายใน เช่นข้อกระดูกหรือหมอนรองกระดูกขณะเคลื่อนไหว ถ้าเป็นเช่นนี้ ถือว่าเป็นความผิดปกติชนิดธรรมดา ควรให้หยุดพักวิ่งสัก 1 สัปดาห์ และประคบน้ำแข็งบริเวณกระเบนเหน็บราว 15-20 นาที วันละ 4-5 ครั้ง
แต่ถ้าทำแล้ว ความเจ็บปวดยังคงอยู่ แสดงว่ามันไม่ใช่ชนิดธรรมดา ควรไปพบแพทย์ เพื่อเขาจะได้เช็ค ความยาวขาที่มีความสัมพันธ์กับระยะห่างระหว่างก้าวขนาดไหน , เช็คดูความสามารถขา , เช็คดูความสามารถหมุนของข้อต่อต่างๆบริเวณเอว,สะโพกและต้นขา เพื่อให้ทราบระดับความผิดปกติของข้อกระดูกสันหลังส่วนล่างที่เคลื่อนทับ แม้กระทั่งอาจต้อง X-Rays ดูว่าข้ออักเสบหรือไม่ รวมทั้งวิเคราะห์ระบบประสาทที่เกี่ยวพันกับขาส่วนล่าง
ส่วนจะหายดีเร็วขนาดไหน น่าจะขึ้นอยู่กับความสามารถของแพทย์ผู้รักษาที่จะวินิฉัยได้ตรงกับสมุฏฐานและเข้าใจร่างกายผู้ป่วยได้อย่างแจ่มแจ้ง จะกล่าวให้แน่นอนกว่านี้ไม่ได้ เพราะเรื่องระบบประสาทและสันหลังมีระดับของความแตกต่างของแต่ละคนแทบจะไม่เหมือนกันเลย ต้องว่าไปทีละราย วิเคราะห์และรักษาไปเป็นรายกรณี เหมาเหมือนกันหมดไม่ได้
สำหรับเราทำได้แค่พักวิ่ง , ประคบเย็น , กินยาแก้อักเสบสักระยะหนึ่ง แต่ถ้าไม่มีอะไรคืบหน้า ก็จงไปพบแพทย์ ช้าไม่ได้
จาก Hamstring or Sciatica โดย Dr.Timothy J.Maggs , Sports Medicine
R.T. Feb 1993 P.14 12:15 น. 18 ต.ค. 2547
คลิกอ่าน เพิ่มเติมเกี่ยวกับแฮมสตริง