% Set FileObject = Server.CreateObject("Scripting.FileSystemObject") Dir = Request.ServerVariables("SCRIPT_NAME") Dir = StrReverse(Dir) Dir = Mid(Dir, InStr(1, Dir, "/")) Dir = StrReverse(Dir) HitsFile = Server.MapPath(Dir) & "\hitcounter\hits_grandmom_rose.txt" On Error Resume Next Set InStream= FileObject.OpenTextFile (HitsFile, 1, false ) OldHits = Trim(InStream.ReadLine) NewHits = OldHits + 1 Set OutStream= FileObject.CreateTextFile (HitsFile, True) OutStream.WriteLine(NewHits) %>
ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่ 8ก.พ.49<% L=Len(NewHits) i = 1 For i = i to L num = Mid(NewHits,i,1) Display = Display & "" Next Response.Write Display %>
คุณยายโรส
โดย กฤตย์ ทองคง
คุณยายโรส สจ็วต แห่งสก็อตเดล , แอริโซน่า สหรัฐอเมริกา เป็นตัวอย่างของคำอธิบายถึงจุดสูงสุดของศักยภาพมนุษย์ ว่ามีมากกว่าที่เราเข้าใจหลายเท่านัก
เพียง 10% เท่านั้น ที่เราได้ใช้จากธรรมชาติ หากอีก 90% ที่เหลือจะเป็นสิ่งที่เราได้มาจากความเพียรพยายามขุดค้นให้ลึกลงไป และต้องเป็นไปอย่างกระหายใคร่รู้ว่า คนเราทำอะไรได้มากแค่ไหน
เมื่อเธออายุได้ 49 ปี สามีก็เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ นั่นเป็นจุดเริ่มเปลี่ยนทัศนคติที่ทำให้เธอมีความสนใจในกีฬา ทั้งนี้เพื่อให้สุขภาพดีขึ้น
แม้ว่าเธอจะตาบอดเกือบสนิททั้งสองข้าง แต่เธอก็เชื่อว่า เธอสามารถว่ายน้ำได้แน่ เพราะเธอไปรู้มาว่า ในสหรัฐอเมริกามีนักว่ายน้ำเก่งถึงสองคนที่ตาบอด แล้วเธอก็เลยหัดว่ายน้ำ ง่ายๆแค่นี้แหละที่เป็นการเริ่มทุกๆสิ่ง ต่อมาแล้วเธอก็เชื่อว่าเธอสามารถขี่จักรยานได้เช่นกัน เพราะจักรยานไม่ได้มีอย่างเดียว จักรยาน Tandem (จักรยานที่ขี่มากกว่า 1 คน คนทั้งหมดลงแรงถีบโซ่ด้วยกัน) มีกลไกที่อนุญาตให้เธอขี่ได้ เพราะคนที่ขี่ข้างหลังไม่จำเป็นต้องใช้สายตา เพียงแต่อาศัยคนข้างหน้าเป็นคนนำร่องให้
และเช่นเดียวกัน เรื่องวิ่ง เพียงแต่เธอต้องการเพื่อนร่วมวิ่งตลอดเส้นทาง และคอยบอกทิศทาง อธิบายภูมิประเทศให้ เท่านั้นเธอก็วิ่งได้ ทั้งหมดเธอบอกว่าง่ายมากที่จะเป็นนักไตรกีฬาหญิงผู้มีอายุมากที่สุดในสหรัฐ
ตลอดระยะเวลา 16 ปีแห่งการวิ่ง คุณยายโรสบอกว่า เพื่อนคู่ซี้ในชมรมวิ่งเดียวกันที่เคยช่วยเหลือมาตลอดสม่ำเสมอมากที่สุด คือ Ray Anderson อายุ 66 ปี โดยจะอาสาไปซ้อมและแข่งเป็นเพื่อนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
แอนเดอร์สันกล่าวว่า คุณยายโรสเป็นแบบอย่างของแรงบันดาลใจของผมและทุกคนในสนามวิ่ง ผมคอยอ่านสัญลักษณ์ป้ายถนนต่างๆขณะวิ่งและขี่จักรยานแทนสายตาของเธอ
คุณยายโรสเล่าว่า เธอจะฝึกไม่มากนัก ถ้าไม่ถึงเทศกาลแข่งขัน ที่เธอมักไปร่วมเสมอหลายร้อยครั้ง ชอบไปเพราะเป็นสถานที่ที่มีโอกาสพบปะเพื่อนใหม่มากหน้าหลายตา และรวมทั้งกลุ่มนักจักรยานอีกหลายร้อยชีวิตด้วยเช่นกัน
ปี 1999 เพียงปีเดียว เธอร่วมทริปจักรยานแล้วถึง 111 ไมล์ (รวมกัน) และสนามแข่งวิ่ง 5 โล กับ 10 โล อีกเป็นสิบๆสนาม
ทุกครั้งจะได้รับรางวัลชนะเลิศในกลุ่มอายุทุกครั้ง คุณยายโรสกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า ตนเองมิได้เก่งอะไรเลย แต่เพราะไม่มีอันดับที่สองให้แข่งด้วยต่างหาก ทั้งรุ่นมีคุณยายเพียงคนเดียว
คุณยายโรสซ้อมวิ่งในความเร็วประมาณ 15-22 นาที/ไมล์ (1,600 เมตร) ช้าลงไปกว่าที่เคยทำได้ที่ 12 นาที เพราะตอนนี้แก่ลงไป แต่คุณยายก็ไม่เคยเดินเลย เวลา P.R. ระยะ 5 ก.ม.อยู่ที่ 47 นาที และระยะ 10 ก.ม. อยู่ที่ 2:16
ชีวิตแข่งขันของคุณยายโรสเริ่มเมื่ออายุได้ 55 ปี ตอนนั้นเป็นปี 1973 ด้วยการลงแข่งว่ายน้ำ สมัยนั้นยังมีผู้หญิงลงเล่นกีฬาไม่มากนัก และเริ่มลงเล่นไตรกีฬาเมื่ออายุ 68 ปี
คุณยายโรสมีน้ำหนัก 110 ปอนด์ ความสูง 5 ฟุต 2 นิ้ว ชอบกินผลไม้เยอะมาก ดื่มน้ำวันละ 8 แก้วทุกวัน และมีนิสัยที่ดีทำเป็นประจำก็คือ ตรวจเต้านมด้วยตนเอง และทำแมมโมแกรมอย่างสม่ำเสมอเมื่อแพทย์นัด และเมื่อตรวจอย่างสม่ำเสมออย่างนี้ก็พบก้อนเนื้อด้วย จึงกลายเป็นพบแต่ต้นมือ ถึง 2 ครั้ง และตัดมันออก ตอนนี้หน้าอกคุณยายแบนเหมือนผู้ชายทั้ง 2 ข้าง
คุณยายเคยมีอาชีพเป็นพยาบาลในกองบินสหรัฐสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทำหน้าที่ช่วยทหารบาดเจ็บจากการสู้รบในหลุมหลบภัยแนวหน้าที่สมรภูมิโอกินาวา
ปี 1987 คุณยายเข้าผ่าตัดหมอนรองกระดูกแตก
ปี 1994 ขณะที่คุณยายขี่จักรยานตามลำพัง แต่ไปรู้สึกตัวตื่นอีกทีในรถพยาบาลกับหมวกกันน็อกแตก ซี่โครงหัก และถลอกปอกเปิก
และทุกวันนี้คุณยายก็ยังไม่รู้สึกหยุดสนุกกับชีวิต แล้วไม่รู้ว่า การที่ตัวเองตาบอดทั้ง 2 ข้าง จะเป็นอุปสรรคอะไร
เพียงแต่ฉันขับรถกลางคืนไม่ได้เท่านั้น
ตอนนี้กำลังพยายามขับกลางวันให้ได้
ด้วยความที่คุณยายไม่มีทัศนคติในชีวิตอย่างไม่หดหู่ท้อถอย ทำให้เป็นที่น่าประทับใจกับผู้พบเห็น หลังแข่งเสร็จก็จะมีผู้คนเข้ามาชื่นชมมากมาย และแนะนำตัวว่า เขาหรือเธอได้รับแรงบันดาลใจจากคุณยายมากที่ทำให้เขาสู้ชีวิตกับอุปสรรคทุกวันนี้ไปได้
ทอม สจ็วต หลานคนหนึ่งและเป็นเพื่อนร่วมวิ่งของคุณยายบ่อยๆ กล่าวเสริมว่า พวกผู้คนมักจะกล่าวว่า นึกตัวเองไม่ออกเหมือนกันว่า เมื่อพวกเขาอายุไขเท่าคุณยายโรสแบบนี้แล้วจะมีพละกำลังถึงครึ่งหนึ่งนี้หรือไม่ ปัจจุบันเพียงรู้ว่าคุณยายทำได้เช่นนี้ ทำให้เขาต้องเพียรรักษาการวิ่งอย่างเป็นทุกวันนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
คุณยายตอบคนพวกนั้นไปว่า ให้มีทัศนคติที่ถูกต้องและหมั่นออกกำลังกายเสมอ แม้ในขณะที่คุณมีปัญหาสุขภาพก็ตาม ไม่มีเหตุผลใดที่จะหยุดออกกำลังกายเลย ยิ่งตรงกันข้าม ภาวะสุขภาพและอายุที่เพิ่มขึ้นเท่ากับเป็นสิ่งที่บอกเราว่า การออกกำลังกายนั้นจำเป็นมากขนาดไหน และอย่าให้ใครมาบอกกับเราว่า อายุมากแล้ว อย่าวิ่งเลยเป็นอันขาด จำไว้
7 มกราคม 2549
Like a Rose
Bob Cooper
R.W. Feb 2000 P.50