ผู้เยี่ยมชมตั้งแต่วันที่ 22เม.ย.50

ง่ายแต่ทำกันไม่ค่อยได้

และเพราะมันยากจึงต้องทำ

โดย   กฤตย์  ทองคง

 

การวิ่งนั้น  มีลักษณะดังนี้

“Easy to run , difficult to start ,

A life time to master  but  only few can do it .”

 

Easy to run

                การวิ่งมันง่าย  เพราะมันเป็นกิจกรรมที่เป็นธรรมชาติ  สำหรับผู้คนที่มิได้พิการ     ไม่ต้องมีการเรียนรู้อะไรมากมายเป็นพิเศษ  แค่การก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า  เพื่อรับน้ำหนักตัวที่เคลื่อนไป  ในขณะที่อีกข้างกำลังถีบแรงส่งไปทางข้างหลัง  และสลับกันไปสลับกันมาอย่างนี้เท่านั้นเอง

                เราวิ่งกันได้มาตั้งแต่เล็กๆแล้ว  และทุกวันนี้เราเพียงแต่รื้อฟื้นความทรงจำ , ความชำนาญ และทักษะเหล่านี้ให้กลับคืนขึ้นมาอีก  ทำนองเดียวกันกับที่เราได้มีโอกาสหวนกลับมาชุบชีวิตให้มีสภาพที่เยาว์วัยขึ้นอีกครั้งจากการวิ่ง  (Rejuvenate)

 Difficult to start

               “เริ่มยาก”     ใช่แล้วครับ  แม้ว่าการวิ่งมันจะง่าย  แต่การเริ่มซิยาก  ดังที่มีผู้คนจำนวนมากพยายามหัดวิ่งอีกครั้งแล้วล้มเหลว  ไม่สามารถจัดการวิ่งเป็นกิจวัตรใหม่จนป็นนิสัยสุขภาพขึ้นมาได้  จำนวนมาก ไปได้ไม่ถึงเดือนแล้วก็หายจ้อย

               “เริ่มยาก”     เห็นได้ชัดก็ตรงที่  การที่พวกเราพยายามชักชวนใครบางคนให้ออกมาวิ่ง  แล้วไม่ค่อยจะสำเร็จ  ทั้งๆที่มีเป้าประสงค์เพื่อตัวพวกเขาเองทั้งสิ้น  หาใช่เราเองจะได้ประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย

                “เริ่มยาก”     การที่เริ่มลงมือทำเสียทีกับสิ่งถูกต้องที่เราเคยรู้มา     รู้มานานแล้วว่า  การยืดเส้น  นั้นจำเป็นก่อนวิ่ง  แต่ก็เป็นแค่รู้  ไม่ยอมทำ  สำหรับผู้เขียน  ใช้เวลาเริ่มตรงนี้ตั้งหลายปี     รู้น่ะมันง่าย  แต่ทำน่ะมันยาก  ที่จริงทำก็ไม่ยาก  แต่ไม่ยอมเริ่มเสียที     ชีวิตก็เป็นอย่างนี้

                “เริ่มยาก”     อยากวิ่งได้เร็วกว่าเดิม  คือความปรารถนาประการแรก  ตั้งแต่เริ่มวิ่งมาจนบัดนี้  ความอยากเร็วก็ยังมิจางคลาย  แม้ว่าจะวิ่งได้เร็วแล้ว  ก็อยากเร็วยิ่งขึ้นไปอีกไม่รู้จบ  แต่จู่ๆมันก็ไม่มีทางเร็วให้หรอก     เบื้องหลังแชมป์ทุกคนคือ  “การบ้าน”     และเบื้องลึกของยอดแชมป์คือ  “ปึกการบ้านที่หนากว่า”     ของแบบนี้  ไม่มีฟลุ้ค ลูกเอ๋ย”

                ใช่........รู้ทั้งรู้  ตัวเราจะวิ่งได้เร็วขึ้น  ก็ต้องเริ่ม  “ทำการบ้าน”  เช่นกัน    แต่กว่าที่เราจะปลงใจเริ่มทำการบ้านอย่างจริงๆจังๆ  ก็เสียเวลาเถลไถลไปอีกหลายปี       ทำไม?  เป็นปีเชียวหรือ    ถูกต้องเป็นหลายปีเลยหละ     ธรรมชาติมนุษย์  ล้วนอ่อนแอเสมอ

                “เริ่มยาก”     มีพฤติกรรมบางอย่าง  สวนทางกับการวิ่ง  แต่เราก็ยังทำ  และกว่าที่จะเลิกได้ บอกได้คำเดียวว่า  ”นาน”    บางคนวิ่งมาเป็นสิบๆปีแล้วน่าตกใจยังไม่ยอมเลิกบุหรี่เสียที  !!!!!!

                “เริ่มยาก”     บางคนเริ่มยากอยู่ตรงที่  เริ่มที่จะไม่โกง  เริ่มดัดแปลงตนเองให้เข้าเกลียวกับสังคม     ตามสนามแข่งขัน  ของมันเคยตัวไปงานทีไร  โกงแม่งทุกที  เสพติดความฉ้อฉล  เพราะโกงสำเร็จไม่เคยมีใครค้าน  ไอ้บ้ามันนึกว่าไม่มีใครรู้  ที่จริงเขาปล่อยไป  อายแทนนายจังว่ะ  ตอนรับถ้วยบนเวที  นายไม่รู้หรอก  เบื้องหลังแววตาเรือนร้อยเรือนพันที่เขามองมายังนายนั้นนายไม่รู้ว่ามันคืออะไร  เพียงแต่ถ้านายรู้  นายจะเลิกนิสัยจังไรนั้นทันที     หากจุดใต้ตำตอกำลังอ่านอยู่  ขอบอกสำหรับนาย     “เริ่ม(ที่จะไม่โกง)เสียที”      นะ..นะ..เพื่อน

 A life time to master

                กว่าจะวิ่งเก่ง  ยิ่งต้องใช้เวลาที่นานกว่า  “การเริ่มต้นที่ยาก”  ยิ่งขึ้นไปอีก  การวิ่งเก่งไม่ได้มีความหมายแต่เพียงว่า  วิ่งได้เร็ว  วิ่งได้รางวัลเป็นแชมป์เปี้ยนเสมอไป     วิ่งเก่งก็คือ  ได้บรรลุเป้าหมายที่ตัวเองวาดฝันไว้ในโลกแห่งการวิ่ง  จะเป็นอะไรก็แล้วแต่คุณ

               จะเป็นดังนี้ได้ย่อมต้องประกอบด้วย  มีความฝันระดับที่พอเหมาะกับตัวเอง  มีมากไปจะไปไม่ถึง  ฝันเฟื่อง  มีน้อยไปจะไม่ตื่นเต้น  และยังจะต้องใช้วินัยจากส่วนลึกเป็นสิ่งเคี่ยวหลอมดัดแปลง

                วิ่งแบบเช้าชามเย็นชาม  เรื่อยๆมาเรียงๆ  จะไม่ถึงฝั่งฝันเสียที  ต้องหวนระลึกถึงเป้าหมายนั้น  และไตร่ตรองอยู่เป็นนิจ  (จิตตะในอิทธิบาทสี่)     มีวุฒิภาวะตะล่อมตัวเองมิให้หลุดไปจากแนวทางที่ตั้งไว้

                คนเราจะวิ่งเก่ง  ไม่จำเพาะแต่วิ่งเร็วเพียงอย่างเดียว  เปรียบได้กับการเล่นกล้วยไม้เก่ง  บางรายเก่งด้านเพาะเชิงพาณิชย์  ขายได้มากร่ำรวย  บางรายเก่งด้านส่งออกกล้วยไม้  อย่างนี้ต้องของคุณภาพเท่านั้น  ไม่ดีจริงผ่านมือไม่ได้  อย่างนี้ก็นับว่าเก่ง  บางเจ้าเป็นมือรางวัล  ชนะประกวดทุกงานล่าถ้วยรางวัลไม้งาม มีแต่ของเยี่ยมๆน้อยชิ้น  ที่เชิงพาณิชย์และส่งออกทำไม่ได้  นี่ก็เก่ง  ยังมีบางรายไม่เหมือนเพื่อน   ลงวิจัยอย่างเดียว  พันธุ์ใหม่ในโลกทุกชนิดออกมาจากห้องทดลองของเขา  นี่ก็เก่ง

                “อาการวิ่งเก่ง”     ย่อมมีพื้นที่มากกว่าหนึ่งให้เล่นได้เสมอ  We’ve plenty of room to smart running.จะเอาถ้วยมากก็ฝึกกันไป  บางคนวิ่งไม่ค่อยเร็ว  แต่รู้เทคนิควิธีบอกคนได้  เคี่ยวคนเป็น  ก็ไปเอาดีทางโค้ช  ก็ต้องถือว่าวิ่งเก่งด้วยเหมือนกัน

                ที่ฟังดูง่ายๆ  อย่างวิ่งจนแก่  ก็ต้องถือว่าเก่ง  เพราะไม่เลี้ยวบาดเจ็บเลิกวิ่งไปก่อน  เป็นเต้ย  เป็นพี่ใหญ่ในสนามซ้อม  ใครๆเรียกพี่  สามารถแนะนำน้องๆได้ว่า  do  and  don’t  whatever  นี่ก็วิ่งเก่ง

                รายที่เก็บสนามมาราธอนเข้าแฟ้มประวัติของตนเองเป็นร้อยๆสนามนี่ถ้าไม่เรียกว่าวิ่งเก่งแล้วจะเรียกว่าอะไร

                การที่เพื่อนนักวิ่งรุ่นใหม่จำนวนมากนับเนื่องว่า  เราเป็นคนชักชวนและจุดประกายให้เขามาวิ่ง  นี่ก็ต้องถือว่าวิ่งเก่ง  ด้วยว่าเป็นคุณูปการต่ออนุชนทั้งหลาย

                จะเก่งอย่างนี้ในปริมณฑลต่างๆ  ไม่มีใครทำได้ในระยะเวลาอันสั้น  เพียงแต่เป็นที่น่ายินดีนัก  หากชีวิตหนึ่ง  เกิดมาเป็นนักวิ่งกับเขาทั้งที  มันต้องวิ่งเก่งกับเขาให้ได้สักอย่าง  ย่อมจะเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง

                เพราะเมื่อพิจารณาจากหลายเรื่อง  ความเก่งกาจตรงนั้นล้วนมาจากประสบการณ์ที่เก๋าพอตัว  มันจึงต้องใช้เวลา  “ตกผลึก”  พอสมควร

 But only few can do it.

                ใช่แล้วครับ  ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าการเริ่มต้นวิ่งหรือการวิ่งจนเก่งนั้นจะทำไม่ได้สำเร็จกันทุกคน  และเพราะทำกันได้บ้างไม่ได้บ้างอย่างนี้  มันจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างที่สุดใช่ไหมครับ

 

แ ล้ ว คุ ณ ล่ ะ .

 09:38  น.

8  กันยายน  2549

 

หนังสือวิ่งกับกฤตย์ ทองคงเล่ม1-5 คลิกที่นี่

http://www.thairunning.com/krit_runbook.htm