เรื่องที่ 201
พลเมืองดีจริงๆ ?
ค่ำคืนวันหนึ่ง บุญล่ำ กำลังเดินข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าเพื่อกลับบ้านยังฝั่งธนบุรี เขามองเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังปีน ราวสะพานแล้วทำท่าจะกระโดดลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงรีบวิ่งเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นจับให้นั่งลงบนราวสะพาน
บุญล่ำ : เดี๋ยว หยุดก่อน อย่าทำอย่างนั้น
ผู้ชาย : ทำไมถึงต้องหยุด ? ผมกำลังจะฆ่าตัวตาย
บุญล่ำ : จะฆ่าตัวตายทำไม ? ในโลกนี้ยังมีอะไรดีๆที่น่าอภิรมย์อีกเยอะ
ผู้ชาย : เช่นอะไรล่ะ ?
บุญล่ำ : อ๋อ เช่นไปทำบุญตามวัดวาอาราม ไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ ชายทะเล ภูเขา น้ำตก ฯลฯ ไปเล่นกีฬาต่างๆ อืม์ คุณชอบกีฬาประเภทไหนล่ะ ?
ผู้ชาย : ผมเหรอ ? ผมชอบวิ่งมาราธอน
บุญล่ำ : จริงหรือ ? ผมก็ชอบวิ่งมาราธอนเหมือนกัน แล้วคุณชอบงานอดิเรกอะไร ?
ผู้ชาย : ผมชอบเล่นอินเตอร์เน็ต
บุญล่ำ : ผมก็ชอบเล่นอินเตอร์เน็ตเป็นงานอดิเรกเช่นเดีนวกัน นี่คุณเป็นคนกรุงเทพใช่หรือเปล่า ?
ผู้ชาย : เปล่า ผมเป็นคนจังหวัดสระแก้ว
บุญล่ำ : จริงซี ผมก็เป็นคนจังหวัดสระแก้วเหมือนกัน แล้วคุณอยู่อำเภออะไรล่ะ ?
ผู้ชาย : ผมอยู่อำเภออรัญประเทศ
บุญล่ำ : ผมก็คนอรัญฯเหมือนกัน เอ...แล้วคุณอยู่พรรคการเมืองไหนล่ะเนี่ย ?
ผู้ชาย : ผมเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย
บุญล่ำ : โอ๊ะ ผมก็ไทยรักไทยเหมือนกัน ว่าแต่คุณอยู่กลุ่มไหน ? กลุ่มวังน้ำเย็นหรือกลุ่มวังน้ำยมกันนะ ?
ผู้ชาย : อ๋อ ผมอยู่กลุ่มวังน้ำยมครับ
บุญล่ำ : จริงหรือ ? อืม์ ถ้างั้นก็ฆ่าตัวตายไปเสียเถอะ อย่าอยู่ให้หนักโลกเลย
ว่าแล้วบุญล่ำก็ผลักให้ผู้ชายคนนั้นตกจากราวสะพานลงไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา แล้วเขาก็เดินข้ามสะพานไปอย่างสะใจ
สายสร้อย เป็นสาวขี้อาย แม้เธอจะทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่มีโอกาสเจอผู้ชายโสดอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็เลือกที่จะครองตัวเป็น สาวโสดอยู่ตั้งหลายปี จนกระทั่งมาพบกับบุญแจ่มหนุ่มใหญ่ที่เอาอกเอาใจเก่ง ไม่ว่าสายสร้อยจะคิดหรือรู้สึกอย่างไรเขาก็ จะคอยดูแลจนสายสร้อยพอใจไปเสียทุกเรื่อง ในที่สุดคนทั้งสองก็แต่งงานกันแล้วเดินทางไปฮันนิมูนที่หัวหินทันที
คืนวันแรกที่ห้องชั้น 12 ของโรงแรมพิมานเมฆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้านอน
สายสร้อย : ฉันเคยได้ยินว่าตามโรงแรมต่างๆเขาซ่อนกล้องถ่ายรูปเอาไว้แอบถ่ายคน
บุญแจ่ม : นี่เป็นโรงแรมห้าดาวนะ เขาคงไม่ทำอย่างนั้นหรอกมันเสียชื่อเสียง
สายสร้อย : แต่ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล
บุญแจ่ม : ก็ได้ เดี๋ยวผมจะสำรวจให้ทั่วห้องเลย
ว่าแล้วบุญแจ่มก็เริ่มตรวจตามตู้ต่างๆ โต๊ะ ลิ้นชักทุกบาน เตียงนอน โคมไฟหัวเตียง โคมไฟตั้งโต๊ะ ผนังห้องทุกด้าน สวิทช์ ปลั๊กไฟฟ้า ลูกบิดประตู รูปภาพที่แขวนอยู่ทั้งหมด เขาใช้เวลาไปสองชั่วโมงโดยไม่พบสิ่งปกติใดๆ จนกระทั่ง เขาเดินมาที่กลางห้อง เขาเห็นโลหะชิ้นหนึ่งติดตรึงอยู่ที่พื้น หลังจากพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว
บุญแจ่ม : ผมคิดว่าผมเจอแล้วนะ มิน่าล่ะคุณถึงได้สังหรณ์ใจ ผมจะจัดการมันเพื่อให้คุณสบายใจ ไม่ต้องเป็นห่วง
บุญแจ่มจัดแจงเอาไขควงมาขันน็อตออก เสร็จแล้วก็เอาไปทิ้งในโถส้วมพร้อมกับกดชักโครก แล้วก็เดินมาหาสายสร้อย
บุญแจ่ม : เรียบร้อยแล้ว ทีนี้คงสบายใจได้
สายสร้อย : ขอบคุณมากค่ะ
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น บุญแจ่มเดินไปรับสาย
ผู้จัดการ : ผมผู้จัดการโรงแรมครับ พวกคุณทำอะไรในห้องของคุณ ผมได้รับแจ้งจากแขกที่พักตรงกับห้องของคุณใน ชั้น 11ว่า โคมไฟแชนเดอเลียที่เพดานห้องของเขาหล่นลงมาทั้งพวงเลย
นกเขาขันแปลก
หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว บุญชนะ ก็ได้ทำงานในบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียง เขามีรายได้สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ของตลาดค่อนข้างมาก เขาจึงสามารถเป็นแฟนประจำของบาร์บุญขจร เขาใช้ชีวิตชายโสดอย่างมีความสุขอยู่เจ็ดแปดปี จนกระทั่งเขาพบกับ สายพิมพ์ สาวสวยประจำบริษัท
บุญชนะต้องเปลี่ยนวิถีชิวิตไปอย่างสิ้นเชิง หลังเลิกงานแล้วเขาจะคอยอยู่ใกล้ชิดกับสายพิมพ์ตลอดเวลาโดยทิ้งเพื่อนชาย ทั้งหมดไว้เบื้องหลัง ความรักของคนทั้งสองได้สุกงอมจนถึงขั้นแต่งงานเป็นหลักเป็นฐาน แต่หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน บุญชนะก็ได้รับเชิญจากเพื่อนๆให้ไปฉลองรำลึกถึงความหลังที่บาร์บุญขจรในคืนวันหนึ่ง
แม้บุญชนะอยากจะไปร่วมงานนี้เป็นอย่างมาก แต่เขาก็เกรงใจสายพิมพ์ด้วยเช่นกัน หลังจากผุดลุกผุดนั่งอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาจึงเดินไปขออนุญาตสายพิมพ์
บุญชนะ : ที่รักจ๊ะ ผมห่างเหินเพื่อนๆมานานแล้ว วันนี้เขาอยากให้ผมไปร่วมงานสังสรรค์กับพวกเขาหน่อย คงจะไม่ดึก
สายพิมพ์ : นานๆไปทีก็คงไม่เป็นไร แต่คุณอย่ากลับเกินเที่ยงคืนก็แล้วกัน
เมื่อบุญชนะได้ไฟเขียวเช่นนี้แล้วเขาก็รีบไปที่บาร์บุญขจรทันที เพื่อนๆให้การต้อนรับเขาอย่างเต็มที่ เวลาผ่านไปอย่าง รวดเร็ว เขาดูนาฬิกา มันเป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว เขาตกใจรีบกระโดดออกมาแล้วกลับบ้านทันทีด้วยความไม่สบายใจ เขาย่องเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบ หวังว่าภรรยาคงจะนอนหลับไปแล้ว
ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาที่เป็นนกเขาขันบอกเวลาก็ดังขึ้น จุ๊กกรู จุ๊กกรู จุ๊กกรู มันเป็นเวลาตีสาม ไวเท่าความคิด บุญชนะ ทำเสียงให้เหมือนนกเขาขันบอกเวลา จุ๊กกรู จุ๊กกรู ต่อจากเสียงนาฬิกาอีกเก้าครั้ง แล้วเขาก็รีบเข้าไปนอนโดยสังเกตุ เห็นว่าภรรยาหลับอย่างไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น
สายพิมพ์ : เมื่อคืนคุณกลับกี่โมงคะ ?
บุญชนะ : ผมเหรอ ก็เที่ยงคืนพอดี ผมยังได้ยินเสียงนกเขาขันบอกเวลาสิบสองครั้ง
สายพิมพ์ : ฉันก็ได้ยินเหมือนกัน แต่ฉันว่าเราคงต้องเอานาฬิกานี้ไปซ่อมเสียหน่อย เพราะเสียงนกเขามันขันแปลกๆ มันขัน จุ๊กกรู จุ๊กกรู จุ๊กกรู สามที แล้วมีเสียง โอ๊ะโอ่ แล้วตามเสียงขันจุกกรูอีกสี่ที มีเสียงตดปู้ดหนึ่งแล้วค่อยขันอีกสาม ที จากนั้นมันก็กระแอมแล้วจึงขันอีกสองที
ความใฝ่ฝันของผู้เป็นภรรยา
บุญนำ ตื่นขึ้นมาตอนสายๆของวันเสาร์ เขารู้สึกปวดหัวและเมาค้างเนื่องจากเมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย แต่เขาก็ต้อง แปลกใจเมื่อเขาพบว่ามียาแก้ปวดหัว ไทรินอล 2 เม็ด กับน้ำหนึ่งแก้ววางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง เสื้อผ้าที่เขาใส่เมื่อ คืนนี้ได้ถูกซักสะอาดและรีดอย่างเรียบร้อย ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนอนถูกจัดไว้เป็นระเบียบ ขณะที่เขาเอายาขึ้นมา กินเขามองเห็นโน้ตวางอยู่บนโต๊ะมีข้อความว่า " ที่รัก อาหารเช้าของคุณอยู่ในเตา กาแฟอยู่ในกระติกน้ำร้อน ฉัน ไปซื้อของที่ตลาดประเดี๋ยวกลับมา รักคุณมากที่สุด "
บุญนำขยี้ตาแล้วลองหยิกแขนตัวเอง เมื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่เขาฝันไปแน่นอนจึงเกิดความสงสัย " มันเกิดอะไรขึ้น ? " โดยปกติเขาจะมีปากเสียงกับภรรยาของเขาทุกครั้งที่เขาเมากลับบ้าน แต่เมื่อคืนนี้เขาเมายิ่งกว่าคืนใดๆ แต่ทำไม ทุกอย่างมันกลับเป็นตาลปัตรอย่างนี้
เขาเดินเข้าไปในครัว อาหารเช้ากาแฟถูกเตรียมไว้อย่างดีสำหรับเขา เมื่อยกมานั่งกินที่โต๊ะอาหารเขาพบว่าลูกชาย นั่งกินอาหารเช้าอยู่ก่อนแล้ว
บุญนำ : เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ?
ลูกชาย : เมื่อคืนนี้พ่อกลับบ้านตอนตีสาม พ่อเมามากเดินโซเซชนตู้แตก เก้าอี้หัก แล้วพ่อยังอาเจียรเลอะบ้านไปหมด
บุญนำ : จริงเหรอ ? แม่ไม่โกรธหรือ ?
ลูกชาย : แม่ลงมาดูแล้วโกรธมาก แม่ลากพ่อไปยังห้องนอนแล้วแม่ก็ถอดกางเกงของพ่อออก
บุญนำ : แล้วไงต่อ ? แล้วพ่อทำอะไร ?
ลูกชาย : พ่อไม่ยอมให้แม่ถอด พ่อได้แต่พูดว่า " คุณ คุณ อย่าดีกว่า ผมมีภรรยาแล้ว "
ยอดกลยุทธการตลาด
บุญเอนก เป็นวิศวกรหนุ่มไฟแรงของบริษัทผู้ผลิตสินค้าจากยางพารา วันหนึ่ง บุญเอนกต้องไปตรวจระบบควบคุม คุณภาพการผลิตสินค้าที่โรงงานอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา นี่เป็นการเยี่ยมโรงงานเป็นครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ เข้ามาทำงานในบริษัทนี้ ผู้จัดการโรงงานเป็นคนนำบุญเอนกชมการผลิตสินค้าด้วยตนเอง
ที่หน่วยผลิตจุกขวดนม บุญเอนกยืนดูการทำงานของเครื่องผลิตอย่างใจจดใจจ่อ มีเสียง ...ฟี้ดดดดดด....ป๊อก ...ฟี้ดดดดดด....ป๊อก ...ฟี้ดดดดดด....ป๊อก
ผู้จัดการ : จุกขวดนมนี้เป็นสินค้าที่มีกำไรต่อหน่วยสูงมาก มันจึงเป็นหัวใจของธุรกิจของเรา ส่วนเสียงที่คุณได้ยิน ...ฟี้ดดดดดด....นั้นเป็นเสียงของน้ำยางลาเท็กซ์ที่ถูกเครื่องฉีดๆเข้าไปในแบบจุกนม และเสียง ป๊อก นั้นเป็นเสียง ที่เข็มเจาะจุกนมให้เป็นรู
บุญเอนกดูการทำงานของเครื่องผลิตจุกนมจนเป็นที่พอใจแล้วจึงย้ายไปดูหน่วยผลิตถุงยางอนามัย เครื่องจักรชุดนี้ เพิ่งถูกนำมาติดตั้งใหม่เมื่อไม่นานนี้เอง เครื่องสามารถผลิตได้เร็วมาก มีเสียง ...ฟี้ดดดดดด....ฟี้ดดดดดด.... ฟี้ดดดดดด....ฟี้ดดดดดด....ป๊อก
ผู้จัดการ : ถุงยางอนามัยเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก อัตรากำไรต่อหน่วยต่ำ นี่เป็นเครื่องที่เราสั่งทำพิเศษจาก ประเทศญี่ปุ่น เอามาแทนชุดเดิมที่เราขายให้โรงงานอื่นไปแล้ว
บุญเอนก : มันทำงานได้เร็วมากเลยครับ เครื่องจักรที่ผลิตได้มากๆอย่างนี้ช่วยให้ลดต้นทุนลง แต่เอ...ผมสงสัยเรื่อง เสียงน่ะครับ เสียง ...ฟี้ดดดดดด.... ผมพอจะเข้าใจว่าเป็นเสียงของน้ำยางลาเท็กซ์ที่ถูกเครื่องฉีดๆเข้าไปในแบบถุง ยางอนามัย แต่เสียง ป๊อก นั่นมันเป็นขั้นตอนอะไรครับ ?
ผู้จัดการ : มันเป็นขั้นตอนที่เข็มเจาะปลายถุงยางอนามัยให้เป็นรู
บุญเอนก : อ้าว ! ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ปลอดภัยซิครับ แล้วมันจะสามารถใช้คุมกำเนิดได้อย่างไรครับ ?
ผู้จัดการ : อ๋อ เครื่องมันไม่ได้เจาะรูที่ถุงยางทุกอันหรอก มันจะเจาะรูทุกๆอันที่ 4 เท่านั้น มันเป็นความตั้งใจของเรา เอง ไม่อย่างนั้นธุรกิจจุกนมจะมีการขยายตัวช้าเกินไป
วิธีแก้ปัญหาการมีปากเสียง
บุญชาญ กับ สายเพทาย เป็นสองสามีภรรยาคู่กัด คนทั้งสองจะมีปากเสียงกันอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรืออยู่ที่ สถานแห่งหนไหนก็ตาม พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายต่อปัญหาดังกล่าว แม้จะไปพบจิตแพทย์มาแล้วหลายครั้งแต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้นเลย วันหนึ่งพวกเขาได้รับคำแนะนำให้ไปหาจิตแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในเรื่องชีวิตสมรสโดยเฉพาะ ระหว่างที่นั่งปรึกษาหมออยู่นั้น สองสามีภรรยาก็ยังมีปากมีเสียงกันจนกระทั่งหมอขอร้องให้หยุด หลังจากนั้นหมอ จึงสั่งให้ทั้งบุญชาญและสายเพทายเข้ามาคุยกับหมอทีละคน เมื่อสายเพทายคุยกับหมอเรียบร้อยแล้วก็ถึงตาบุญชาญ
จิตแพทย์ : คุณบุญชาญ ผมทราบว่าคุณเป็นนักวิ่งมาราธอนใช่ไหมครับ ?
บุญชาญ : ครับ ใช่ครับ ผมจะวิ่งมาราธอนเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง
จิตแพทย์ : ดีมาก ถ้าอย่างนั้นผมขอให้คุณไปวิ่งวันละ 20 กิโลเมตร ทุกวันเป็นเวลา 30 วัน แล้วมาพบผมใหม่ ผมเชื่อ ว่าปัญหาของคุณต้องทุเลาลงแน่นอน คุณทำได้ไหมครับ ?
บุญชาญ : ได้ครับ ได้ เรื่องแค่นี้ผมทำได้สบาย
30 วันต่อมา จิตแพทย์ได้รับโทรศัพท์จากบุญชาญ
จิตแพทย์ : สวัสดีครับ คุณบุญชาญ รู้สึกดีขึ้นไหมครับ ?
บุญชาญ : ครับ ดีขึ้นมากเลยครับ
จิตแพทย์ : แล้วภรรยาคุณล่ะ ดีขึ้นด้วยไหม ?
บุญชาญ : อืม์ ผมไม่รู้หรอกครับ เพราะตอนนี้ผมอยู่จังหวัดหนองคายห่างจากกรุงเทพ 600 กิโลเมตรพอดี
ดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่อสุขภาพ ?
ขณะนี้กำลังมีข่าวฮือฮาเรื่องรัฐบาลควบคุมการโฆษณาและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล กระทรวงสาธารณสุขได้ส่ง อาสาสมัครไปรณรงค์ให้ประชาชนเลิกดื่มแอลกอฮอล
บูญประเทือง เป็นอาสาสมัครหนุ่มผู้มีทักษะในการนำเสนอ วันหนึ่งเขาเข้าไปในบาร์บุญขจรเพื่อรณรงค์ตามภาระกิจ ที่ได้รับมอบหาย เขานำขวดโหลไปด้วยสองใบ ขวดโหลใบแรกเขาเติมน้ำประปาลงไปครึ่งขวด ส่วนขวดโหลใบที่สอง เขาเติมเหล้าลงไปครึ่งขวดเช่นเดียวกัน เมื่อลูกค้าในร้านมามุงดูสิ่งที่บุญประเทืองกำลังจะสาธิตเป็นจำนวนหลายสิบคน แล้ว เขาเปิดตลับแล้วหยิบหนอนผีเสื้อออกมาตัวหนึ่ง โยนหนอนผีเสื้อลงไปในขวดโหลที่ใส่น้ำประปา
บุญประเทือง : ท่านทั้งหลายดูซิครับ หนอนผีเสื้อตัวนี้ลอยตัวขึ้นมาและสามารถแหวกว่ายพาตัวเองไปถึงขอบขวดโหล ได้อย่างปลอดภัย มันไม่เป็นอะไรเลยครับ
จากนั้นบุญประเทืองก็หยิบหนอนผีเสื้อที่อยู่ในขวดน้ำนั้นขึ้นมาแล้วโยนมันลงไปในขวดโหลที่ใส่เหล้า หนอนผีเสื้อจม ลงไปที่ก้นขวดทันที ขณะที่มันลอยตัวขึ้นมามันแสดงอาการชักดิ้นชักงอแล้วตายทันทีที่มันขึ้นมาถึงผิวน้ำ
บุญประเทือง : ท่านทั้งหลายคงเห็นกับตาแล้วใช่ไหมครับว่าหนอนผีเสื้อตายทันทีที่มันเจอเหล้า สิ่งนี้คงไม่ต้องอธิบาย เพิ่มเติมแล้วใช่ไหมครับว่า แอลกอฮอลมีอันตรายต่อสิ่งที่มีชีวิตอย่างไรบ้าง
ทุกคนที่มุงดูการสาธิตของบุญประเทืองต่างเงียบกริบ ยกเว้นชายขี้เมาคนหนึ่งที่ยกมือขึ้น
บุญประเทือง : ท่านยังสงสัยอยู่อีกหรือ ? หรือท่านเห็นว่าการดื่มแอลกอฮอลยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอยู่อีก ?
ขี้เมา : ผมว่ามันเป็นประโยชน์นะครับ เพราะมันจะฆ่าพยาธิในร่างกายเราจนหมดสิ้น
รอยสักที่เหมือน
สายลดา เป็นสาวบาร์เบียร์อยู่ที่พัทยา หล่อนมีแขกเป็นฝรั่งมากมาย แขกหลายคนมีรอยสักที่ลำตัวจนดูลายพร้อย คนที่นิยมสักร่างกายก็จะเห็นว่าสวยงาม สายลดาอยากมีรอยสักบ้างจึงได้ไปที่ร้านรับจ้างเพื่อสักลาย
สายลดา : ฉันอยากให้สักเป็นรูปหน้าคน คุณสักได้หรือเปล่า ?
ช่างสัก : แน่นอนผมสักได้ คุณอยากให้สักรูปหน้าใคร ? และจะสักที่บริเวณไหน ?
สายลดา : ฉันอยากให้สักรูปหน้า เอลวิส เพรซลีย์ ไว้ที่ต้นขาซ้ายด้านใน และสักรูปหน้า โรเจอร์ มัวร์ ไว้ที่ต้นขา ขวาด้านใน คุณสักได้เหมือนแน่นะ ?
ช่างสัก : เหมือนแน่ ถ้าไม่เหมือนผมไม่คิดเงิน ถ้าคุณพร้อมแล้วถอดกางเกงออกให้หมดแล้วขึ้นนั่งบนโต๊ะตัวนี้
สายลดาทำตามที่ช่างสักบอก แม้การสักจะกินเวลาและสร้างความเจ็บปวดให้แก่เธอ แต่เพื่อความสวยงามเธอทนได้ หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป การสักก็แล้วเสร็จ
ช่างสัก : เรียบร้อยแล้ว คุณลองส่องกระจกดูซิ
สายลดาส่องกระจกดูรูปหน้า เอลวิส เพรซลีย์ และ โรเจอร์ มัวร์ ที่สักอยู่บนต้นขาทั้งสองของเธออย่างละเอียด
สายลดา : ฉันว่ารูปหน้าที่สักมาไม่เห็นเหมือนเอลวิส และ โรเจอร์เลยแม้แต่น้อย ฉันคงไม่จ่ายเงินให้คุณหรอก
ช่างสัก : เฮ้ย ! ผมว่ามันเหมือนมากเลยนะ ไม่เชื่อลองให้ใครมาดูเป็นพยานก็ได้
สายลดาเห็นดีด้วยกับข้อเสนอนี้ ช่างสักจึงเดินออกไปที่หน้าร้านเห็นชายขี้เมาคนหนึ่งเดินผ่านมาจึงเรียกให้เข้า ไปดู สายลดานั่งแยกขาอยู่บนโต๊ะ ชายขี้เมาเดินเข้าไปดูใกล้ๆอย่างพิถีพิถัน
สายลดา : คุณเห็นรอยสักรูปหน้าคนบนต้นขาซ้ายและต้นขาขวาของฉันไหม ? ไหนลองบอกซิว่าเป็นรูปหน้าใคร
ขี้เมา : ผมไม่รู้ว่ารูปหน้าคนที่ต้นขาทั้งสองของคุณเป็นหน้าใคร แต่ผมรู้ว่ารูปตรงกลางนั้นคือ ลีโอนาร์โด ดา วินชี
เปลี่ยนพฤติกรรม
บุญเสนอ และ บุญสนอง เป็นเพื่อนร่วมก๊วนกอล์ฟ หลังจากการเล่นกอล์ฟในวันอาทิตย์หนึ่ง บุญเสนอได้ชวนบุญสนอง ไปกินข้าวที่บ้านของตนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามกอล์ฟ
เมื่อไปถึงบ้าน ภรรยาบุญเสนอมาเปิดประตูให้ เขาเข้าไปสวมกอดภรรยาของเขาพร้อมกับหอมภรรยาเขาหนึ่งที
บุญเสนอ : ที่รัก วันนี้คุณน่ารักมาก นี่คือคุณบุญสนองเพื่อนก๊วนกอล์ฟของผม ที่ผมโทรบอกคุณว่าเขาจะมากินข้าว ที่บ้านยังไง
เมื่อคนทั้งสองไปนั่งยังโต๊ะอาหาร ภรรยาของบุญเสนอนำอาหารที่เตรียมไว้ขึ้นมาเสิร์ฟ เขาลุกขึ้นโอบภรรยาพร้อม กับจุ๊บที่แก้มอีกหนึ่งครั้ง
บุญเสนอ : ที่รัก คุณนอกจากจะเป็นคนสวยแล้วยังเป็นคนที่มีเสน่ห์ปลายจวักอีกด้วยนะนี่
บุญสนอง : ชีวิตครอบครัวของคุณดูหวานชื่นมากเลยผมไม่เคยรู้มาก่อน ผิดกับของผม เราทะเลาะกันแทบไม่เว้น แต่ละวันเลย ทำให้ผมไม่ค่อยอยากอยู่บ้าน ผมอิจฉาคุณจริงๆ
บุญเสนอ : เมื่อก่อนนี้ผมก็เป็นอย่างคุณนี่แหละ เมื่อสัก 6 เดือนมานี้ผมได้เปลี่ยนพฤติกรรมผมอย่างสิ้นเชิง เดี๋ยว นี้ผมมีความสุขมาก คุณน่าจะทดลองทำดูนะ
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว บุญสนองกลับถึงบ้าน ภรรยามาเปิดประตูให้บุญสนอง เขาเข้าไป สวมกอดภรรยาพร้อมกับหอมแก้มหนึ่งครั้ง ภรรยาเขาปล่อยโฮน้ำตาไหลพราก
บุญสนอง : นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?
ภรรยา : วันนี้เป็นวันที่โชคร้ายที่สุดในชีวิตของฉัน เมื่อเช้านี้หนูจุ๊บแจงลูกคนเล็กหกล้มขาหัก เจ้าบ๊อบหมาอัลเซ เชี่ยนถูกรถยนต์ทับตาย เครื่องซักผ้าเสีย โทรศัพท์ใช้ไม่ได้ นี่สามีฉันยังเมากลับบ้านอีกด้วย
เหตุรถไฟชนกัน
บุญจรุง เป็นบัณฑิตเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย เขาไปสมัครงานเป็นเจ้าหน้าที่เดินรถที่สถานีรถไฟขอนแก่น ในเช้า วันสอบสัมภาษณ์ นายสถานีเป็นผู้ทำการสอบสัมภาษณ์ด้วยตนเอง
นายสถานี : คุณบุญจรุง สมมติคุณรู้ว่ารถไฟขบวนหนึ่งเดินทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพต้องชนประสานงากับรถไฟอีก ขบวนหนึ่งที่มุ่งหน้าไปอุดรธานีที่บริเวณสถานีรถไฟขอนแก่นพอดี เนื่องจากรถไฟทั้งสองขบวนวิ่งอยู่บนรางคู่เดียว กัน คุณจะทำอย่างไร ?
บุญจรุง : ผมจะรีบกดปุ่มสับหลีกเพื่อให้รถไฟขบวนหนึ่งสับหลีกไปวิ่งบนรางอีกคู่หนึ่งทันที
นายสถานี : แล้วถ้าปุ่มสับหลีกเกิดขัดข้องขึ้นมาล่ะ คุณกดไม่ลงคุณจะทำอย่างไร ?
บุญจรุง : ถ้าปุ่มสับหลีกเกิดขัดข้อง ผมจะรีบวิ่งไปที่ประแจสับราง แล้วใช้มือโยกประแจสับรางให้รถไฟขบวนหนึ่ง สับหลีกออกไป
นายสถานี : แล้วถ้าประแจสับรางติดกุญแจล็อกไว้ ลูกกุญแจได้หายไป คุณจะทำอย่างไร ?
บุญจรุง : ถ้าเป็นกรณีเช่นนั้น ผมจะรีบโทรศัพท์แจ้งสถานีบ้านสำราญให้สับรางรถไฟแทนเรา หรือถ้าติดต่อสถานี บ้านสำราญไม่ได้ผมจะโทรศัพท์ไปที่สถานีท่าพระให้เป็นผู้สับรางแทน
นายสถานี : แล้วถ้าบังเอิญศูนย์โทรคมนาคมจังหวัดขอนแก่นเกิดขัดข้องขึ้นมา ใช้โทรไม่ได้ คุณจะทำอย่างไร ?
บุญจรุง : ผมจะรีบเข้าเมืองไปหาลุงของผมโดยเร็วเลยครับ
นายสถานี : ลุงคุณเป็นช่างซ่อมระบบโทรคมนาคมหรือ ?
บุญจรุง : เปล่าครับ ลุงผมอยากเห็นรถไฟชนกัน แกไม่เคยเห็นน่ะครับ
พฤติกรรมนักกอล์ฟ
บุญชำนิ เป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง นอกจากจะเป็นคนชอบเล่นกอล์ฟเป็นชีวิตจิตใจแล้ว เขายังเป็นคน เจ้าชู้มากอีกด้วย ภรรยาของเขาก็ระแคะระคายพฤติกรรมของเขาพอสมควรแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
เช้าวันก่อนวันหยุดยาว เธอได้รับโทรศัพท์จากสามีที่โทรจากที่ทำงาน
บุญชำนิ : ฮัลโหล อาทิตย์นี้เป็นวันหยุดยาว เจ้านายผมเขาชวนไปเล่นกอล์ฟแถวหัวหิน ปกติแกไม่ค่อยชวนใคร นี่เป็นโอกาสที่ดีมากของผมที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับแกตั้งสามวัน เดือนหน้าก็จะมีการพิจารณาโยกย้ายพนักงานแล้ว ผมอาจจะได้ตำแหน่งที่ดีขึ้นก็ได้ ผมจึงอยากให้คุณช่วยจัดเสื้อผ้าสำหรับใส่สามวัน พร้อมกับเตรียมถุงกอล์ฟให้ ผมด้วย เดี๋ยวผมเลิกงานแล้วจะแวะไปเอา เราจะออกเดินทางตั้งแต่เย็นวันนี้เลย อ้อ ! อีกอย่างหนึ่ง คุณช่วยเอา ชุดนอนผ้าแพรที่ผมซื้อจากฮ่องกงใส่ไปด้วยนะ
สามวันผ่านไป บุญชำนิกลับบ้านมาด้วยอาการอิดโรย เขาไม่พูดไม่จาอะไรเลย
ภรรยา : เล่นกอล์ฟสามวันเป็นอย่างไรบ้างคะ ? เจ้านายคุณชอบหรือเปล่า ?
บุญชำนิ : โอ๊ย สนุกมากเลย เจ้านายผมเขามีความสุขมาก แกชวนผมเล่นทั้งเช้าทั้งบ่ายทุกวันเลย นี่เล่นเสียจนผมหมดแรงเลยล่ะ เออ แต่ว่าคุณลืมชุดนอนผ้าแพรของผมตามที่ผมสั่งล่ะซี
ภรรยา : ไม่ได้ลืมนี่คะ
บุญชำนิ : อะไรกัน ผมไม่เห็นเจอเลย คุณใส่ไว้ที่ตรงไหน ?
ภรรยา : ฉันใส่ไว้ในถุงกอล์ฟยังไง ตอนคุณเล่นกอล์ฟคุณก็ต้องเจอซีคะ
กลับตาลปัตร ?
ในการพิจารณาคดีแพ่งที่ บุญประสาท เป็นจำเลย ศาลได้นัดสืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยจนครบทุกปากแล้ว เช้าวันที่ศาลนัดโจทก์และจำเลยมาฟังคำพิพากษา ระหว่างนั่งรอ
บุญประสาท : ทนายคิดว่าตามรูปคดีแล้ว ผมเป็นอย่างไรบ้าง ? ถ้าผมแพ้คดีนี้ผมต้องหมดตัวแน่ๆเลย
ทนายจำเลย : ผมไม่ค่อยแน่ใจนะ แต่เท่าที่ประเมินดูพยานหลักฐานของโจทก์แน่นหนามาก ทางเราคงจะเสียเปรียบ
บุญประสาท : ผมซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์มาเรือนหนึ่ง ผมจะมอบเป็นของขวัญแก่ผู้พิพากษาจะทำให้สถานะการณ์ดีขึ้นไหม
ทนายจำเลย : ผมว่าอย่าดีกว่า เท่าที่ทราบผู้พิพากษาคนนี้เป็นคนตรงมาก การกระทำอย่างที่คุณว่าอาจเข้าข่ายติดสิน บนหรือหมิ่นประมาทศาลได้นะ มันไม่เป็นผลดีต่อคุณหรอก คนที่ทำอย่างนี้เคยถูกตัดสินให้แพ้คดีทุกรายเลย
เมื่อถึงเวลา ผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์ ผู้พิพากษาอ่านคำตัดสินให้คดีนี้เป็นพับ ยกฟ้องจำเลย
ทนายจำเลย : แสดงความยินดีด้วยครับ ไม่นึกไม่ฝันว่าเราจะชนะคดีได้ นี่ถ้าคุณเอานาฬิกาโรเล็กซ์ไปให้ผู้พิพากษา ตามที่คุณคิดละก็ ผมว่าคำตัดสินคงจะไม่เป็นอย่างนี้แน่ รับรองได้
บุญประสาท : อ๋อ ความจริงแล้ว ผมฝากนาฬิกาให้ผู้พิพากษาตามที่ผมคิดจริงๆนะ
ทนายจำเลย : จริงเหรอ มันเป็นไปได้อย่างไร ?
บุญประสาท : อ้าว ไม่อย่างนั้นเราจะชนะคดีได้อย่างไร ?
ทนายจำเลย : ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมมันกลับตาลปัตรอย่างนี้ได้อย่างไร ?
บุญประสาท : มันไม่กลับตาลปัตรหรอก ผมส่งนาฬิกาให้ผู้พิพากษาในนามของโจทก์นะซี ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ
ปฏิภาณผู้สูงอายุ
บุญเปล่ง เป็นคนแข็งแรงเพราะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแต่แกก็ดื่มเหล้าทุกวันเช่นเดียวกัน วันหนึ่งแกเข้าไปดื่ม เหล้าในบาร์บุญขจรเป็นครั้งแรก แกสั่งวิสกี้หนึ่งเป๊กแล้วบอกให้โจบาร์เทนเดอร์เหยาะน้ำผสมลงไปเพียง 2 หยด เท่านั้น หลังจากดื่มเหล้าแก้วแรกหมดไปแล้ว
บุญเปล่ง : ขอวิสกี้อีกเป๊กหนึ่ง วันนี้ขอฉลองวันเกิดครบ 80 ปี ของผมหน่อย เออ ! ผสมน้ำเพียง 2 หยดก็พอนะ
โจ : วันนี้วันเกิดของปู่ ผมขออวยพรด้วยการจ่ายค่าเหล้าแก้วนี้ให้ปู่ก็แล้วกัน ขอให้มีความสุขครับ
หลังจากดื่มเหล้าแก้วที่สองหมดไปแล้ว ชายหนุ่มที่นั่งดื่มอยู่ทางซ้ายของบุญเปล่งบอกกับ โจบาร์เทนเดอร์
ชายหนุ่ม 1 : โจ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ ผมขอซื้อวิสกี้เลี้ยงคุณปู่อีกหนึ่งเป๊ก ขอให้คุณปู่มีความสุขมากๆครับ
บุญเปล่ง : ขอบใจ หลานเอ๊ย วันนี้ปู่มีความสุขมาก อ้อ ! คุณโจ อย่าลืมผสมน้ำเพียง 2 หยดเท่านั้นนะ
เหล้าแก้วที่สามถูกดื่มหมดแล้ว ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ทางขวาก็พูดขึ้น
ชายหนุ่ม 2 : ผมเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้อวยพรวันเกิดครบรอบ 80 ปีของปู่ ดังนั้นขออนุญาติผมเลี้ยงวิสกี้ปู่อีกเป๊ก หนึ่งก็แล้วกัน ขอให้ปู่แข็งแรงและสุขภาพดีครับ
บุญเปล่ง : ขอบใจ ๆ คุณโจ เติมน้ำเพียงสองหยดเหมือนเดิม
โจ : ผมสงสัยมากเลยครับปู่ ทำไมปู่จึงให้ผมผสมน้ำเพียง 2 หยดทุกครั้งเลย หรือปู่เกรงว่าถ้าเติมมากแล้วรสชาติ มันจะเสียไปหรืออย่างไร ?
บุญเปล่ง : เปล่าหรอกไอ้หลานเอ๊ย ไม่ใช่เกรงว่ารสชาติวิสกี้มันจะเปลี่ยนไปหรืออะไรหรอก ปู่น่ะอายุมากแล้ว ปู่มี ปัญหาเรื่องกลั้นฉี่ไว้ไม่อยู่จึงต้องดื่มน้ำน้อยๆ ปู่รู้ว่าคืนนี้ยังไงๆปู่ก็จะต้องได้ดื่มวิสกี้หลายเป๊กแน่ๆจึงสั่งให้เติมน้ำ น้อยๆอย่างไรล่ะ ปู่ทำอย่างนี้ทุกคืนเลยไม่ว่าจะไปดื่มที่ไหนก็ตาม ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
พ่อหม้าย
บุญหนัก หนุ่มใหญ่วัย 50 ไปงานแต่งงานของลูกสาวเพื่อนสมัยเรียนชั้นมัธยม ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในคืนวันนั้นมี เพื่อนนักเรียนเก่าอีกหลายคนคุยกันถึงสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน
เพื่อน : บุญหนักมีลูกกี่คน ? แต่งงานกันหมดหรือยัง ?
บุญหนัก : เปล่าเลยเพื่อน ผมไม่มีลูกสักคน ผมแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุ 35 ปี แต่งงานได้ปีเดียวภรรยาผมก็ตาย
เพื่อน : จริงเหรอ เขาเป็นไรตายล่ะ ?
บุญหนัก : เขาโดนพิษจากเห็ดที่เขากินเข้าไปน่ะ
เพื่อน : จริงเหรอ อ้าวแล้วเพื่อนไม่ได้แต่งงานใหม่อีกเหรอ ?
บุญหนัก : แต่งซี ผมแต่งงานครั้งที่สองเมื่ออายุ 40 แต่แต่งได้แค่ 6 เดือนภรรยาผมก็ตายอีก
เพื่อน : โอ้ แย่จริง เขาเป็นไรตายอีกล่ะ ?
บุญหนัก : เขาโดนพิษจากเห็ดที่เขากินเข้าไปอีกนะซี
เพื่อน : แล้วคุณแต่งงานใหม่เป็นครั้งที่สามหรือเปล่าล่ะ ?
บุญหนัก : แต่ง ผมแต่งงานอีกครั้งหนึ่งเมื่อผมอายุ 45 แต่งได้ 9 เดือนภรรยาผมก็ตายอีก
เพื่อน : แหม โชคร้ายจริงๆเลย ภรรยาคุณคงตายเพราะโดนพิษจากเห็ดที่กินเข้าไปอีกใช่ไหม ?
บุญหัก : เปล่า คนนี้คอหักตาย
เพื่อน : อ้าว ! คอหักตาย ? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
บุญหนัก : อ๋อ ก็แกไม่ยอมกินเห็ดนะซี
อยากแต่งงานกับสาวอาชีพอะไร
บุญเต่ง ผู้จัดการรีสอร์ทหนุ่มใหญ่อายุราว 45 ปี ยังโสด เหตุที่ยังไม่แต่งงานเพราะไม่รู้ว่าจะเลือกแต่งงานกับสาว อาชีพอะไรดี จนกระทั่งวันหนึ่งมีคู่แต่งงานใหม่สามคู่มาฮันนิมูนที่รีสอร์ทพร้อมกัน ในขณะที่บุญเต่งพาคู่แต่งงาน ที่ 1 เข้าห้องพัก เขารู้ว่าเจ้าสาวมีอาชีพพยาบาล รูปร่างหน้าตาดี ท่าทางแจ่มใสร่าเริง เขากระซิบกับผู้ชาย
บุญเต่ง : ผมว่าคุณนี้ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ พยาบาลรู้เรื่องสรีระคนเราอย่างดีน่าจะทำให้เรื่องเพศสัมพันธ์ดี ผม อิจฉาคุณจริงๆ ถ้าผมจะแต่งงานผมคงจะเลือกสาวพยาบาลแน่ๆเลย
เมื่อเขานำคู่ฮันนิมูนที่ 2 เข้าห้องพัก เขารู้ว่าเจ้าสาวมีอาชีพเป็นพิธีกรเกมส์โชว์ รูปร่างหน้าตาเซ็กซี่ เป็นคนกระฉับกระเฉง เขากระซิบกับผู้ชาย
บุญเต่ง : ผมว่าคุณโชคดีมากๆเลย ที่มีเจ้าสาวเป็นพิธีกรเกมส์โชว์ เธอคงมีเสน่ห์มาก มันจะทำให้เรื่องเพศสัมพันธ์ ของคุณมีชีวิตชีวา ผมอิจฉาคุณจริงๆ ถ้าผมเจอพิธีกรสักคนผมคงต้องขอเธอแต่งงานด้วยอย่างแน่นอน
ครั้นคู่แต่งงานที่ 3 มาถึง บุญเต่งนำทั้งคู่เข้าห้องพัก เขารู้ว่าเจ้าสาวเป็นครู แม้จะมีรูปร่างหน้าตาดีแต่ท่าทางของ เธอดูเคร่งขึมและจริงจัง เมื่อมีโอกาสเขาจึงกระซิบกับผู้ชาย
บุญเต่ง : ดูเจ้าสาวคุณคงเป็นคนเจ้าระเบียบนะครับ แต่ถ้าผมจะแต่งงานละก็ ผมคงจะเลือกสาวพยาบาล หรือสาว พิธีกร เหมือนคู่แต่งงานสองคู่แรกดีกว่า
6 โมงเช้าวันรุ่งขึ้น บุญเต่งนำอาหารเช้าไปส่งให้คู่แต่งงานที่ 1 ตามที่เขาโทรสั่ง ผู้ชายกระซิบกับบุญเต่ง
ผู้ชาย 1 : ถ้าคุณจะแต่งงานละก็ อย่าได้เลือกพยาบาลนะ ตลอดคืนเธอมีแต่พูดว่า 'มันไม่ถูกสุขลักษณะๆ'
6.30 น. บุญเต่งนำอาหารเช้าไปส่งให้คู่แต่งงาน 2 ตามที่เขาโทรสั่งเช่นเดียวกัน ผู้ชายกระซิบบอกบุญเต่ง
ผู้ชาย 2 : ถ้าคุณจะแต่งงาน อย่าแต่งกับสาวพิธีกรเกมส์โชว์นะ เพราะตลอดคืนเธอมีแต่พูดว่า 'หมดเวลาๆ'
13.00 น. บุญเต่งนำอาหารไปส่งให้คู่แต่งงานที่ 3 เขาเห็นผู้ชายผมเผ้ายุ่งเหยิงมีรอยข่วนเต็มตัว เขากระซิบถาม
บุญเต่ง : มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ ? ถึงกับต้องออกแรงขนาดนั้นเชียวหรือครับ ?
ผู้ชาย 3 : เปล่า ไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอก แต่ผมอยากจะบอกว่าการมีภรรยาเป็นครูนี่ดีจริงๆ เพราะตลอดทั้งคืน จนถึงเที่ยง เธอเอาแต่บอกว่า 'มันยังไม่ถูก ลองทำใหม่ๆ'
บทเรียนในการเพิ่มประสิทธิภาพ
บุญประการ เป็นวิทยากรเพิ่มผลผลิต เขาได้รับเชิญไปพูดในหน่วยงานต่างๆมากมาย วันหนึ่ง เขาได้รับเชิญให้ไปพูด ในงานสัมนาของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึง
บุญประการ : การเพิ่มผลผลิตก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานนั่นเอง เช่น การผลิตสินค้าคุณภาพคงที่ได้ปริมาณ เท่าเดิมโดยการใช้เวลาและค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเดิม หรือไม่ก็ผลิตได้มากกว่าเดิมในขณะที่เวลาและค่าใช้จ่ายในการผลิต ไม่เพิ่มขึ้นเป็นต้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมนำเสนอให้ทั้งหมดในวันนี้ไม่เหมาะที่จะนำไปใช้ที่บ้าน
พนักงาน : อาจารย์ครับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่เหมาะที่จะนำไปใช้ที่บ้าน ? อาจารย์เคยลองดูแล้วหรือครับ ?
บุญประการ : อืม์ ผมเคยลองดูแล้ว มันไม่เป็นผลดี จึงสรุปว่าไม่เหมาะที่จะนำไปใช้ที่บ้าน
พนักงาน : อาจารย์ลองยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆหน่อยได้ไม่ครับว่ามันไม่ดีอย่างไร ?
บุญประการ : อ๋อ ได้ซิ เมื่อก่อนนี้ภรรยาผมเข้าครัวทำอาหารเช้า เขาจะเดินเข้าเดินออกระหว่างครัวกับตู้เย็นนับได้ ประมาณ 20 ครั้ง เพราะเขาจะเดินไปหยิบไข่ เดินไปหยิบต้นหอม เดินไปหยิบปลา หมู ผัก เครื่องปรุงฯลฯ ทีละอย่าง ผมสอนเขาว่าถ้าเขาวางแผนนิดหนึ่งว่าเขาต้องใช้อะไรบ้าง เวลาไปตู้เย็นก็หยิบของที่ต้องใช้คราวเดียวหลายๆอย่าง มันจะประหยัดเวลาลงได้มาก นั่นก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพนั่นเอง
พนักงาน : อ้าว แล้วมันจะไม่ดีตรงไหนละครับ ? ผมว่ามันก็ควรจะต้องทำอย่างที่อาจารย์ว่าอยู่แล้ว หรือว่ามันยังไม่ สามารถลดเวลาลงได้ ?
บุญประการ : อ๋อ มันลดได้แน่นอน เพราะแต่ก่อนนี้ภรรยาผมใช้เวลาในการเตรียมอาหารเช้าให้ผมนานตั้ง 20 นาที แต่เดี๋ยวนี้ ผมใช้เวลาเพียง 7 นาทีเท่านั้นในการเตรียมอาหารเช้าสำหรับตัวเอง
เรื่องม้าๆ
บุญไพศาล เป็นจิตแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เขาและผู้ช่วยมีหน้าที่ที่จะต้องนำคนไข้ในระดับดีเลิศไป ชมการแข่งขันกีฬา ซึ่งนอกจากจะเป็นการพักผ่อนหย่อนใจเนื่องจากต้องถูกกักบริเวณมานานแล้วยังเป็นการ ฝึกให้คนไข้รู้จักเกมส์กีฬาด้วย เพราะต่อไปคนไข้คงต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก่อนจะถึงวันไปชมการแข่ง ขันเทนนิสที่ทางจังหวัดนนทบุรีจัดขึ้น บุญไพศาลได้ฝึกซ้อมให้คนไข้รับฟังและปฏิบัติตามคำสั่งอย่างพร้อม เพรียงกันเพื่อป้องกันความยุ่งเหยิงที่อาจจะเกิดขึ้นในที่สาธารณะ การฝึกซ้อมได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
วันแข่งขันมาถึง บุญไพศาลและผู้ช่วยพาคนไข้จำนวน 30 คนไปยังสนามกีฬา เมื่อได้เวลาที่เริ่มการแข่งขัน มีการร้องเพลงชาติ เขาออกคำสั่งด้วยเสียงอันดัง
บุญไพศาล : ยืนม้า
คนไข้ทั้ง 30 คนยืนขึ้นพร้อมกัน ครั้นเพลงชาติจบลงเขาออกคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง
บุญไพศาล : นั่งม้า
คนไข้ทั้ง 30 คนนั่งลงโดยพร้อมเพรียงกัน พอถึงตอนที่ฝ่ายเราชนะแต้มจากลูกวินเนอร์ขนานคอร์ท เขาตะโกน
บุญไพศาล : ตบม้า
คนไข้ทั้ง 30 คนใช้มือตบขาของตนเองประหนึ่งเป็นม้าที่กำลังขี่อย่างพร้อมเพรียงเช่นเดียวกัน บุญไพศาลรู้สึก พอใจในกลุ่มคนไข้เหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง ตอนพักระหว่างเกมส์เขาจึงปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำโดยทิ้งให้ผู้ช่วยเป็นคน ดูแลคนไข้ เมื่อเขากลับมาเขาต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีการชกต่อยกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด เมื่อทุกอย่างอยู่ ในความสงบแล้ว เขาถามผู้ช่วยว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้ช่วย : มีคนหาบไข่ปิ้งมาขาย คนคะนองปากคนหนึ่งตะโกนด้วยเสียงอันดังว่าขอซื้อไข่ ' เยี่ยวม้า ' เท่านั้นเอง
คืนแรกของคู่แต่งงานใหม่
บุญทำนุ กับ สายโพยม คบกันมาหลายปีพวกเขาไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวกันเลย ถึงกระนั้นพวกเขาก็มีความรักใคร่จน กระทั่งตัดสินใจแต่งงาน ในคืนวันแรกหลังจากการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเสร็จแล้ว พวกเขาอยู่กันตามลำพังในห้อง
บุญทำนุ : ที่รัก เรารักกันมาก็หลายปีผมไม่เคยเห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของคุณเลย ตอนนี้เราแต่งงานกันแล้ว ขอ ให้คุณได้ถอดเสื้อผ้าคุณออกเพื่อผมจะได้เห็นคุณชัดๆ
สายโพยมทำตามที่บุญทำนุร้องขอ เธอถอดเสื้อผ้าออกหมดจนเหลือแต่ร่างอันเปลือยเปล่า
บุญทำนุ : โอ้ ที่รัก คุณนี้สวยมากจริงๆ ผมขออนุญาตถ่ายรูปคุณไว้หน่อยได้ไหม
สายโพยม : คุณจะถ่ายรูปฉันไปทำไม ?
บุญทำนุ : เนื่องจากผมรักคุณมาก ผมอยากเก็บรูปอันสวยงามของคุณไว้ในกระเป๋าอกเสื้อ มันจะได้แนบกับหัวใจ ของผมตลอดเวลายังไงล่ะ
หลังจากบุญทำนุได้ถ่ายรูปกายอันเปลือยเปล่าของสายโพยมแล้ว
สายโพยม : ฉันว่าคุณก็ควรให้ฉันได้เห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของคุณเช่นเดียวกัน เพราะเราแต่งงานกันแล้วอย่าง ที่คุณว่านั่นแหละ
บุญทำนุถอดเสื้อผ้าเขาออกจนเหลือแต่ร่างอันเปลือยเปล่า
สายโพยม : ขอฉันถ่ายรูปคุณไว้ด้วยได้ไหม ?
บุญทำนุ : คุณจะถ่ายไปทำไม ? คุณจะเอามันไปแนบกับหัวใจของคุณหรือ ?
สายโพยม : เปล่า ฉันจะเอาไปที่ร้านให้เขาขยายให้ต่างหาก
อย่าเป็นไข้หวัดแบบนี้
บุญอร่าม เป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารชื่อดังในกรุงเทพรู้สึกไม่ค่อยสบายคล้ายคนเป็นหวัด แต่เนื่องจากเขา เป็นคนรักษาสุขภาพเขาจึงรีบไปโรงพยาบาลเพื่อพบกับหมอ หลังจากหมอได้ตรวจอย่างละเอียดแล้วหมอได้ สั่งยาและบอกกับคนไข้
หมอ : คุณเป็นโรคหวัดชนิดหนึ่ง หมอยังบอกไม่ได้ว่าเป็นไวรัสชนิดไหน หมอให้ยาคุณกลับไปกินที่บ้าน ถ้า อาทิตย์หน้ายังไม่หายละก็ ให้กลับมาหาหมอใหม่
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา บุญอร่ามมาโรงพยาบาลเพื่อพบกับหมอคนเดิม นอกจากอาการไม่ได้ทุเลาลงแล้ว เขากลับ รู้สึกว่ามันเป็นหนักกว่าเดิมเสียอีก หลังจากที่หมอตรวจอย่างละเอียดแล้วจึงฉีดยาให้เขาเข็มหนึ่งพร้อมกับให้ ยากลับไปกินที่บ้านด้วย
หมอ : โรคหวัดที่คุณเป็นนี้เกิดจากไวรัสนิรนาม มันจะมีความดื้อยาสูงการฉีดยาหนึ่งเข็มวันนี้คงทำให้คุณดีขึ้น แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่หมอว่า อาทิตย์หน้ากลับมาหาหมอใหม่
อีกหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป อาการของบุญอร่ามมีแต่ทรงกับทรุด เขาจึงมาพบหมออีกเป็นครั้งที่สาม หมอตรวจดู อาการอย่างละเอียดแล้วจึงแจ้งแก่คนไข้
หมอ : ผมขอแนะนำให้คุณกลับบ้านไปแช่น้ำอุ่นค่อนข้างร้อนสัก 20 นาที เสร็จแล้วขึ้นมาไม่ต้องเช็ดตัว แต่ ให้ไปยืนอยู่ใกล้ๆเครื่องปรับอากาศ ใช้พัดลมช่วยเป่าให้ตัวแห้งแล้วจึงใส่เสื้อผ้า
บุญอร่าม : โอ๊ย ! อย่างนั้นผมจะไม่เป็น'นิวมอเนีย'แย่หรือครับ ?
หมอ : อ๋อ ใช่ซิ คุณต้องเป็น'นิวมอเนีย'อย่างแน่นอน แต่ว่าหมอชำนาญในการรักษาโรค'นิวมอเนีย' นะ
ไม่มีใครได้ขี่
บุญจินดา เป็นเจ้าของไร่อ้อยอยู่แถวกาญจนบุรี เขามีลูกชายสามคน เพชร ลูกชายคนโตเรียนจบทางเกษตรกรรม ทอง ลูกชายคนที่สองเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 ส่วน แก้ว ลูกคนเล็กยังเรียนอยู่ในชั้นมัธยม วันหนึ่งลูกชาย คนโตเดินเข้ามาหาบุญจินดา
เพชร : พ่อ ผมอยากได้รถเก๋งมาขี่สักคัน บางโอกาสผมจะได้ใช้ขับพาแฟนไปเที่ยวได้บ้าง
บุญจินดาจูงแขนลูกชายออกไปข้างนอก ชี้ให้เขาเห็นรถแทร็กเตอร์ 5-6 คันจอดอยู่
บุญจินดา : พ่อซื้อรถแทร็กเตอร์มาใช้ทำไร่ ตอนนี้ยังต้องผ่อนธนาคารอยู่ ถ้าพ่อผ่อนหมดเมื่อไร แกก็ได้รถยนต์
วันรุ่งขึ้น ลูกชายคนที่สองเดินเข้ามาหาบุญจินดา
ทอง : พ่อ ผมอยากได้รถจักรยานยนต์มาขี่สักคัน ตอนนี้เพื่อนๆของผมเขามีกันทุกคนเลย
บุญจินดาจูงแขนทอง ลูกชาย ไปดูรถแทร็กเตอร์ 5-6 คัน ที่จอดอยู่ข้างนอกพร้อมกับบอกว่า
บุญจินดา : ขอให้พ่อผ่อนรถแทร็คเตอร์เหล่านี้หมดเมื่อไร พ่อจะซื้อรถจักรยานยนต์ให้ทันที
แก้ว ลูกชายคนเล็กเดินเข้าไปหาบุญจินดาด้วยเช่นกัน เขาขอพ่อซื้อรถจักรยานเสือภูเขาคันหนึ่ง คำตอบที่แก้ว ได้รับก็เป็นเช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสองไม่มีผิด เขาทั้งสามคนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก วันหนึ่งแก้วเดินอยู่ในบริ เวณบ้านซึ่งบุญจินดาเลี้ยงไก่ไว้หลายตัว เขาเห็นไก่โต้งตัวหนึ่งวิ่งไล่ผสมพันธุ์กับแม่ไก่เป็นพัลวัน เขาจึงใช้เท้า เตะเจ้าไก่โต้งตัวนั้นกระเด็นไป การกระทำของเขาหาได้พ้นสายตาของบุญจินดาไม่
บุญจินดา : แก้ว ลูกไม่สมควรกระทำอย่างนั้น
แก้ว : ในเมื่อรถแทร็กเตอร์ยังผ่อนไม่หมด จึงไม่มีใครสมควรได้ขี่อะไรทั้งนั้น ซึ่งก็รวมถึงไอ้โต้งด้วย
ควรจะทำประกันดีหรือเปล่า ?
สายเรียม เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท โตซิท่า เธอเป็นคนแกร่งทำงานถึงลูกถึงคน เวลาคิดอะไรชอบคิดหลายชั้น เป็นนักเจรจาต่อรองชั้นยอด วันหนึ่ง เกิดเหตุไฟไหม้โรงงาน เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยจึงได้เข้ามาประเมิน ความเสียหาย
สายเรียม : ฉันทำประกันไว้ 100 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ : ผมทราบครับ ในกรมธรรม์ได้ระบุไว้อย่างนั้น แต่ผมจะต้องประเมินความเสียหายก่อนว่าความเสีย หายทั้งหมดมีมูลค่าเท่าไหร่ บริษัทจะชดใช้ให้แค่ความเสียหายนั้น ทั้งนี้ก็ไม่เกิน 100 ล้านบาท
สายเรียม : แล้วผลการประเมินเป็นเท่าไหร่ ?
เจ้าหน้าที่ : คงประมาณ 50 ล้านบาทเห็นจะได้
สายเรียม : โอ๊ย 50 ล้านบาทจะพออะไร ? ฉันต้องปรับปรุงนู่นนี่อีกเยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้นฉันว่ามันต้อง ไม่น้อยกว่า 80 ล้านบาทจึงจะอยู่
เจ้าหน้าที่ : บริษัทจะชดใช้ให้เท่าของเดิมเท่านั้น จะไปทำมากกว่าเดิมไม่ได้ครับ ในกรณีของท่านนี้ ผมได้รับคำ สั่งจากบริษัทมาแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัทจะทำการซ่อมแซมให้ท่านจนเหมือนสภาพเดิมทุกประการเลยครับ
สายเรียม : ถ้าอย่างนั้น ฉันขอถอนประกันชีวิตของสามีฉัน
เจ้าหน้าที่ : อ้าว ทำไมละครับ
สายเรียม : เกิดสามีฉันตาย ฉันกลัวว่าฉันจะไม่ได้เงิน แต่พวกคุณจะชดใช้สามีให้ฉันแบบคนเดิมนะซี
นวดแบบแขก
บุญแสง เป็นคนที่ชอบการนวดเป็นชีวิตจิตใจ เขาจะเลือกไปสถานนวดโดยไม่เคยซ้ำที่กันเลย วันหนึ่ง เขาไปยัง สถานนวดชื่อ หัตถโพธิ์เวช เขาถามหมอนวดคนหนึ่ง
บุญแสง : อัตราค่านวดที่นี่เป็นอย่างไร ?
หมอนวด : นวดแผนไทยชั่วโมงละ 300 บาท นวดน้ำมันชั่วโมงละ 600 บาท แต่ถ้านวดแบบอะโรมาชั่วโมงละ 800 บาท
บุญแสง : นวดแบบแขกมีไหม ? ผมต้องการนวดแบบแขก 2 ชั่วโมงผมให้ 2,000 บาท
หมอนวด : ที่นี่เราไม่มีนวดแบบแขก
บุญแสง : อะไรกัน ที่อื่นเขามีกันทั้งนั้นแหละ เอางี้ 2 ชั่วโมงผมให้ 3,000 บาทเอ้า
หมอนวด : บอกแล้วไงว่าที่นี่ไม่มีนวดแบบแขก
บุญแสง : อืม์...... อย่างนั้น 2 ชั่วโมงผมให้ 4,000 บาทเลยเอาไหม ?
หมอนวดต้องชะงักกับข้อเสนอของบุญแสง เขาตรึกตรองดูแล้วก็เห็นว่าเขามีอาชีพเป็นหมอนวดมานับสิบปีแล้ว ไม่ว่าลูกค้าจะให้นวดกดจุดหรือนวดส่วนไหนเป็นพิเศษเขาก็ทำให้ได้ทั้งหมด การนวดแบบแขกมันจะมีอะไรพิศดารนักหนา ถึงจะมีก็น่าจะรับมือได้ ถือเป็นประสบการณ์ก็ดีเหมือนกัน
หมอนวด : ตกลง นวดแบบแขกก็ได้
หมอนวดเห็นว่าค่านวดตั้ง 4,000 บาท จึงได้นวดแบบอะโรมาให้แก่บุญแสงจนหมดเวลา
หมอนวด : 2 ชั่วโมงครบแล้ว คุณไม่เห็นบอกเลยว่านวดแบบแขกมันต่างจากที่นวดอยู่นี่อย่างไร
บุญแสง : อ๋อ นวดแบบแขกคือนวดแบบนี้ตอนนี้ แต่จ่ายเงินปีหน้า
สายอุษา แต่งงานกับ บุญนาน มาแล้ว 20 ปี ทั้งสองไม่มีลูกด้วยกัน ไม่ว่าจะไปพบหมอแล้วกี่คน ทำกิฟท์มาแล้ว กี่ครั้งก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย จนในที่สุดก็หมดความพยายาม แต่ความอยากมีลูกยังมีอยู่ จึงได้ตัดสินใจไปขอเด็กจากสถานรับเลี้ยงเด็กแรกเกิด เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติและฐานะของทั้งคู่แล้วเห็นว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน วันหนึ่ง คนทั้งสองได้รับโทรศัพท์แจ้งให้ไปรับเด็กกำพร้าที่สถานรับเลี้ยงได้ พวกเขาดีใจมากจึงได้รีบไปทันที
เจ้าหน้าที่ : ตอนนี้เรามีเด็กอยู่เพียงสองคนเท่านั้น เด็กชายหนึ่งคน
เด็กหญิงหนึ่งคน คุณต้องการคนไหน ?
สายอุษา : เด็กหญิงก็น่ารักดีนะคะ หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวพรรณผุดผ่อง
บุญนาน : เด็กชายก็น่ารักดีเหมือนกัน ดูท่าโตขึ้นคงหล่อเหลาเอาการ
ที่สำคัญจะได้สืบตระกูลต่อไปได้ด้วย
เจ้าหน้าที่ : อ้อ ฉันลืมบอกไป เด็กหญิงเป็นเด็กไทย
ส่วนเด็กชายนั้นเป็นเด็กเวียตนามนะคะ
ทั้งบุญนานและสายอุษา นั่งปรึกษาหารือกันอยู่พักใหญ่
ในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจเลือกเอาเด็กชาย หลังจากจัดการเรื่องเอกสารต่างๆเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงรับเด็กชายกลับบ้าน
ระหว่างทางพวกเขาได้แวะที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ที่ศูนย์การค้ามีโรงเรียนอยู่ด้วย พวกเขารีบไปลงทะเบียนเพื่อเรียนหนังสือ
ครู : ขอโทษค่ะ ใครจะเรียนกันคะ ? และจะเรียนอะไรดีคะ ?
บุญนาน : ก็พวกเราทั้งสองคนนั่นแหละ จะเรียนภาษาเวียตนาม
ครู : จะเรียนภาษาเวียตนามหรือคะ ? มันไม่ค่อยมีใครเขาเรียนกัน
แล้วคุณจะเรียนไปทำไมล่ะคะ ?
สายอุษา : อ๋อ มันจำเป็นต้องเรียน เพราะเรารับเด็กเวียตนามมาเลี้ยง
เดี๋ยวปีหน้าเขาก็จะพูดเป็นแล้ว เราต้องเตรียมที่จะพูดคุยกับเขาค่ะ
สายสวรรค์ และ บุญประสบ สองสามีภรรยาอยู่กินกันมายี่สิบกว่าปี ลูกๆโตและแยกย้ายไปอยู่กันต่างหาก ทั้งคู่จึงอยู่กันเพียงลำพังอย่างหงอยเหงา กลางดึกของคืนวันหนึ่ง สายสวรรค์ตื่นขึ้นมาปลุกสามี
สายสวรรค์ : พี่ ฉันนอนไม่หลับ
บุญประสบ : ทำไมถึงนอนไม่หลับ ?
สายสวรรค์ : ก็.....ก็..มันหนาวนะซี
บุญประสบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้เก็บของ
หยิบผ้าห่มมาผืนหนึ่งห่มให้กับภรรยาแล้วตัวเองก็ล้มตัวลงนอนต่อ อีกพักหนึ่งต่อมา สายสวรรค์ปลุกให้เขาตื่นขึ้นอีก
สายสวรรค์ : พี่ พี่ ฉันยังนอนไม่หลับอยู่อีก
บุญประสบ : ทำไมถึงนอนไม่หลับอยู่อีก ?
สายสวรรค์ : ก็....มันร้อนน่ะ
บุญประสบลุกขึ้นมาปรับแอร์ให้เย็นกว่าเดิม
เสร็จแล้วก็กลับมาที่เตียงล้มลงจะนอนต่อทันที
สายสวรรค์ : พี่ ฉันไม่ต้องการผ้าห่ม และไม่ต้องการปรับแอร์
ฉันอยากได้ไออุ่นผู้ชายน่ะ
บุญประสบ : นี่เธอ ขอให้มีเหตุผลหน่อย ดึกดื่นป่านนี้จะไปหาผู้ชายได้ที่ไหนกัน
เช้าวันหนึ่งที่ศาลอาญา
ในห้องพิจารณาคดีอาญา ผู้พิพากษานัดไต่สวนคดีทำร้ายร่างกายโดยมีผู้สนใจเข้าฟังการ
ไต่สวนเต็มห้อง เมื่อถึงเวลาเบิกตัวจำเลยขึ้นให้การ
ผู้พิพากษา :
จำเลยช่วยบอกซิว่าทำไมจำเลยจึงผลักตู้เย็นจากห้องจำเลยให้ตกลงมาทับโจทย์ ?
จำเลย : คือว่า ผมอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์กับลูกสาว
ผมสงสัยไอ้หนุ่มที่อยู่อพาร์ทเม้นท์ตรงข้ามชอบแอบมาหาลูก
สาวผมบ่อยๆตอนที่ผมไม่อยู่ ในวันเกิดเหตุ ผมกลับมาบ้านไม่ตามเวลา
จึงพบลูกสาวอยู่ในสภาพที่เพิ่งอยู่กับใคร
บางคน ผมถามลูกสาวผมว่า " เขาอยู่ไหน ? " ลูกสาวผมไม่ยอมตอบ
ผมมองออกนอกหน้าต่างเห็นผู้ชายคนหนึ่ง
ใส่เสื้อกล้ามและนุ่งกางเกงขาก๊วยวิ่งอยู้ข้างล่าง
ผมมั่นใจว่าต้องเป็นเขาคนนี้แน่เลยที่แอบมาหาลูกสาวผมเป็นประจำ
พอเขารู้ว่าผมกลับมาจึงชิงเผ่นหนีอย่างที่เห็น จึงทำให้ผมเกิดบันดาลโทสะขึ้นมา
ผมมองเห็นตู้เย็นตั้งอยู่ริมหน้าต่าง
ตำแหน่งตรงกับที่ผู้ชายคนนั้นวิ่งอยู่พอดี
ผมจึงผลักตู้เย็นให้ตกลงไปใส่ผู้ชายคนนั้น
ผู้พิพากษาให้เบิกตัวโจทก์ขึ้นมาให้การ
ผู้พิพากษา : โจทก์ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่โจทก์ถูกจำเลยทำร้ายร่างกายหน่อยซิว่า
มันเป็นมาอย่างไร ?
โจทก์ : ผมเป็นนักวิ่งมาราธอน ผมกำลังซ้อมวิ่งเพื่อที่จะลงแข่งขัน
ผมออกจากอพาร์ทเม้นท์ของผมแล้ววิ่งอยู่รอบๆ
แถวนี้ อยู่ๆก็มีตู้เย็นใบหนึ่งหล่นลงมาจากข้างบนลงมาที่ตัวผมพอดี
โชคดีที่ผมเป็นนักกีฬาจึงอาศัยความว่องไวหลบ
ตู้เย็นได้หวุดหวิด อย่างไรก็ตามผมก็ยังถูกตู้เย็นกระแทกขาหักไปข้างหนึ่ง
ผู้พิพากษาให้เบิกตัวพยานขึ้นให้การ
ปรากฏว่าพยาบาลสองคนทำการเข็นชายคนหนึ่งที่มีผ้าก๊อซพันเต็มหัว แขน
ขาเข้าเฝือกทุกข้างนั่งในรถเข็น เข้ามาอย่างทุลักทุเล
ผู้พิพากษา : ไหนพยานเล่าเรื่องที่พยานรู้เห็นให้ฟังหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?
พยาน : เอ้อ...อ้า...คือ...คือ ผมนั่งอยู่ในตู้เย็นเฉยๆ
อยู่ๆตู้เย็นมันก็ตกลงมาที่ถนน ผมแขนขาหักหลายท่อน ครับ
บุญถนัด
และ สายแย้ม
สองสามีภรรยาแต่งงานมานาน 20 ปีแล้ว บุญถนัดเป็นข้าราชการไต่เต้าขึ้นมาเป็นระดับหัวหน้าฝ่าย
ในขณะที่สายแย้มเป็นแม่บ้านคอยเลี้ยงดูลูกและปรนนิบัติสามีอยู่กับบ้านไม่ได้ทำงานอย่างอื่นอีกเนื่องจากค่าใช้จ่ายต่างๆขยับสูงขึ้นตามค่าครองชีพ
เงินที่บุญถนัดให้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายก็ไม่ค่อยจะพอ สายแย้ม พยายามขอเงินเพิ่มอย่างไรก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งวันหนึ่ง
สายแย้ม : เวลาคุณไปกินข้าวนอกบ้าน ไปซื้อของ เล่นกอล์ฟ หรือไปใช้บริการอื่นใด
คุณไม่ได้สังเกตหรือว่า
ทุกอย่างมันแพงขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ฉันยังได้รับค่าใช้จ่ายเท่าเดิม
บุญถนัด : ผมว่ามันไม่แพงกว่าที่เราใช้จ่ายอยู่ในบ้านทุกวันหรอก
สายแย้ม : ถ้าอย่างนั้น ฉันขอคิดเงินกับคุณเป็นรายการๆไปก็ได้ โดยคิดราคาตามตลาด
บุญถนัดไม่ขัดข้อง ดังนั้นเมื่อเขารับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย
เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วออกมานั่งดูโทรทัศน์ สายแย้มจึงขอเรียกเก็บเงินค่าอาหารเย็น 400 บาท ค่าอาบน้ำ 50 บาท
ค่าดูโทรทัศน์ 50 บาท ซึ่งบุญถนัดก็จ่ายให้แต่โดยดี
เมื่อถึงตอนเข้านอน บุญถนัดหันไปกอดสายแย้ม เธอผลักเขาออกมา
สายแย้ม : ค่านอนด้วยกัน 2,000 บาท
บุญถนัด : ผมมีเงินเหลืออยู่เพียง 1,300 บาทเท่านั้น
สายแย้ม : อย่างนั้นก็เสียใจ
บุญถนัดรู้สึกผิดหวังมาก เขานอนหันหลังให้เธอแล้วก็หลับไป
กลางดึกคืนนั้นเขาต้องตื่นขึ้นเห็นไฟในห้อง
เปิดอยู่ สายแย้มกำลังค้นหาอะไรในตู้
บุญถนัด : หาอะไรอยู่ ? ทำไมไม่ยอมหลับยอมนอนเสียที มันดึกมากแล้ว
สายแย้ม : ฉันกำลังหาเงินอีก 200 บาทรวมกับเงินที่คุณจ่ายมา 500 บาท เป็น 700 บาท
เพื่อให้คุณยืมไง
บูญวาน เป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ วันหนึ่ง ขณะที่เขาเดินออกกำลังกายอยู่ในสวนลุมพินี มีขอทานคนหนึ่งมาหาเขา
ขอทาน : ขอได้โปรดเถิดครับ ผมขอเงินท่านสัก 100 บาท เพื่อนำไปซื้ออาหาร
ผมไม่ได้กินอะไรมา 3 วันแล้ว
บุญวาน : ถ้าผมให้คุณ 100 บาทแล้วคุณคงไม่เอาไปซื้อเหล้าใช่ไหม ?
ขอทาน : ไม่แน่นอน ผมเลิกดื่มเหล้ามาเกือบ 20 ปีแล้วครับ
บุญวาน : แล้วคุณคงไม่ไปซื้อบุหรี่สูบด้วย ใช่ไหม ?
ขอทาน : ครับ ผมไม่ซื้อบุหรี่เพราะผมเลิกมาเกือบ 20 ปีเช่นเดียวกัน
บุญวาน : แล้วหวย หรือล็อตเตอรี่ ล่ะ คุณไม่เอาเงินนี้ไปซื้อใช่ไหม ?
ขอทาน : ผมสาบาญว่าจะไม่ซื้อ เพราะผมเลิกมาเกือบ 20 ปีด้วย
บุญวาน : อืม์ ดีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องใช้เงินหรอก คุณไปบ้านผมเดี๋ยวนี้
ผมจะเลี้ยงข้าวคุณเอง มีของหวานและผลไม้ด้วย คุณกินได้จนคุณพอใจและจะเอาไปเผื่อมื้อหน้าด้วยก็ยังได้นะ
ขอทาน : ผมแต่งตัวมอซออย่างนี้แล้วไปกินข้าวที่บ้านคุณ เมียคุณจะไม่ว่าเอาหรือครับ
?
บุญวาน : โอ๊ย เมียผมไม่ว่าหรอก ผมอยากให้เมียผมดูว่าคนที่เลิกเหล้า เลิกบุหรี่
เลิกการพนัน มีสภาพเป็นอย่างไร
บุญร้อย เป็นหนุ่มเพลบอยเนื่องจากมีพ่อรวย นอกจากไม่คิดทำงานทำการอะไรแล้ว เขายังชอบแต่งตัวไปงานเลี้ยงอยู่แทบทุกคืน วันหนึ่ง บุญร้อยเดินเข้าไปในร้านตัดผม เขาบอกกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นชายหัวล้านวัยกลางคน
บุญร้อย : ผมอยากตัดผม และช่วยหาคนขัดรองเท้าให้ผมด้วย ผมจะรีบไปงานลีลาศเย็นนี้
ผมจะจ่ายให้อย่างงาม
ช่างตัดผมเดินไปหลังร้านสักพักหนึ่งก็เดินออกมาตัดผมให้เขา
ระหว่างนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างสวยงาม หน้าหวาน นัยตากลมโต เดินออกมาขัดรองเท้าให้บุญร้อย
เขาต้องตะลึงกับความงามของหญิงสาวคนนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาชอบเธอขึ้นมาทันที
บุญร้อย : คุณทำงานที่นี่มานานเท่าไหร่ ?
หญิงสาว : เพิ่งมาทำได้สามเดือนค่ะ
บุญร้อย : รายได้ที่นี่คงไม่มากเท่าไหร่มั้ง
หญิงสาว : ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกค่ะ
บุญร้อย : ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมตัดผมเสร็จ เราออกไปเที่ยวด้วยกันไหม ?
ผมจะจ่ายคุณอย่างงาม
หญิงสาว : อ๋อ ไม่ได้หรอกค่ะ หนูแต่งงานแล้ว เดี๋ยวแฟนหนูเขาจะว่าเอาค่ะ
บุญร้อย : คุณแต่งงานแล้วจริงเหรอ ? แต่ไม่เป็นไร
คุณบอกเขาว่าคุณทำโอเวอร์ไทม์ก็แล้วกันนี่นา
หญิงสาว : คุณบอกเขาเองดีกว่า เขากำลังโกนเคราให้คุณอยู่นี่ไง
บุญกังวาล
เป็นหนุ่มรูปงามเขาไว้หนวดเครายาวดูเคร่งขรึม หลังจากที่แต่งงานมาแล้วหลายปี
บุญกังวาลยังคงใช้ชีวิตเป็นคนเจ้าสำราญ มีผู้หญิงอื่นๆอีกหลายคนโดยไม่มีความเกรงใจภรรยาเลยแม้แต่น้อย
บางทีก็หายจากบ้านไปหลายวันโดยบอกภรรยาว่าจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัด
หรือไม่เช่นนั้นก็จะกลับบ้านดึกๆดื่นๆอยู่เนืองๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง บุญกังวาลได้พบผู้หญิงใหม่อีกคนหนึ่ง ดูเขาจะหลงใหลในผู้หญิงใหม่คนนี้มาก
ผู้หญิงใหม่ : พี่เป็นคนหน้าตาหล่อมากแต่หนวดเคราของพี่มันบดบังหมด
พี่น่าจะโกนหนวดโกนเคราทิ้งเสีย
บุญกังวาล : โอ้ย โกนไม่ได้หรอก ภรรยาผมเขาชอบผมตรงหนวดเคราของผมนี่แหละ
ขืนโกนทิ้งผมโดนด่าแน่
ผู้หญิงใหม่ : แต่หนูว่าพี่ควรจะโกนนะ ภรรยาของพี่อาจไม่เคยเห็นความหล่อเหลาของพี่
ถ้าเขาเห็นเขาคงพอใจ
บุญกังวาล : ไม่ได้หรอก ผมเคยสัญญากับเขาแล้วว่าจะไม่โกน
แต่ถ้าจะโกนเมื่อไรต้องบอกเขาก่อน
ผู้หญิงใหม่ : หนูว่าเขาคงพูดเล่นไปอย่างนั้นเอง ถ้าพี่โกนจริงๆเขาคงไม่ว่าอะไรหรอก
หนูเองก็อยากเห็นความหล่อของพี่เป็นที่สุดเลย
บุญกังวาล ต้องใจอ่อนต่อการร้องขอ เขาโกนหนวดโกนเคราเสียเกลี้ยงเกลา
เมื่อส่องดูกระจกก็มองเห็นความหล่อเหลาของเขาอย่างที่ไม่เคยเห็นมานาน เขาขลุกอยู่กับผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งวัน
เขาไม่กล้ากลับไปสู้หน้ากับภรรยาของเขาในทันที เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรชี้แจงเขาได้
เขารอจนกระทั่งตอนดึกจึงกลับบ้าน ภรรยาของเขาเข้านอนไปก่อนแล้ว เขาหายใจโล่งอก แล้วย่องเข้าไปนอนอย่างเงียบกริบที่สุด
กลางดึกคืนนั้น ภรรยารู้สึกตัวตื่นขึ้น
เธอเอามือไปลูบถูกหน้าของบุญกังวาลไม่พบหนวดเครา
ภรรยา : คุณสมชาย คืนนี้คุณมาทำไม เดี๋ยวสามีฉันก็จะกลับมา คุณกลับบ้านไปก่อนเร็ว
เย็นวันศุกร์
บุญอุรา
เลิกงานตามเวลาแล้วรีบไปยังบาร์บุญขจรทันทีเพราะรู้สึกเปรี้ยวปาก
เขาดื่มเหล้าไปหลายแบนจนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืน
เขารู้สึกว่าเมามากแต่ยังมีเหล้าเหลืออยู่อีกครึ่งแบนเห็นจะได้ แต่เขาก็ตัดสินใจกลับบ้าน
โดยเอาขวดเหล้าเหน็บใส่กระเป๋าหลังแล้วเดินเด้งหน้าเด้งหลังกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไร
เมื่อมาถึงบ้านพบว่าภรรยาเข้านอนแล้ว
เขาจึงค่อยๆย่องขึ้นบันไดอย่างเงียบกริบหมายจะรีบเข้านอนก่อนโดยไม่รบกวนภรรยา แต่โชคร้าย เขาสะดุดขาตัวเองทำให้หงายหลังตกบันไดก้นกระแทกพื้น
ขวดเหล้าที่เหน็บอยู่ที่กระเป๋าหลังแตก แก้วบาดก้นเป็นแผล
เพื่อให้เห็นแผลได้ชัดเจนเขารีบเข้าไปในห้องน้ำถอดกางเกงออก ส่องกระจกดูเห็นแผลเหวอะหวะมีเลือดไหลเป็นทางก็ตกใจ
เขาจึงรีบจัดแจงเอาพลาสเตอร์ยามาปิดรอยแผลเสร็จแล้วก็เข้านอนทันที
รุ่งขึ้นตอนเช้า เขาตื่นมาอย่างงัวเงีย
รู้สึกปวดหัวเพราะมีอาการแฮงค์แต่ก็พยายามแข็งใจเดินลงมาห้องอาหารพบว่าภรรยากำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่
ภรรยา : เมื่อคืนนี้กลับดึกซิท่า
บุญอุรา : ใช่ เมื่อวานเป็นวันศุกร์งานมันประดังเข้ามามากตอนเย็น
กว่าจะเคลียร์งานเสร็จก็เล่นเสียค่ำเลยจึงแวะไปกินเหล้าแก้วสองแก้วที่บาร์ก่อนกลับบ้าน
ภรรยา : จริงหรือ ? กินเหล้าแก้วสองแก้วทำไมถึงเมาได้ขนาดนั้น ?
บุญอุรา : เมาหรือ ? ใครว่าผมเมา ?
ภรรยา : เห็นคุณใช้พลาสเตอร์ยาหลายแผ่น คุณไปไหนมา ?
บุญอุรา : อ๋อ
พอดีตะปูที่เก้าอี้นั่งมันเกี่ยวก้นนิดหน่อยก็เลยใช้พลาสเตอร์ยาปิดแผลไว้
อีกสองวันก็คงหาย
ภรรยา : จริงสิ แต่พลาสเตอร์ยามันติดอยู่บนกระจกเงาเต็มไปหมดนี่นะ
บุญพฤกษ์
ไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน
เขาลืมตัวดื่มหนักไปหน่อยเลยทำให้เมา ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านตำรวจสังเกตุเห็นรถของบุญพฤกษ์ส่ายไปส่ายมาไม่ตรงเลนแถมยังฝ่าไฟแดงอีกต่างหากจึงเรียกให้จอด
ตำรวจ : คุณเมาสุราแล้วขับรถมันผิดกฏหมาย
เพื่อเป็นพยานหลักฐานคุณต้องเป่าเครื่องตรวจสอบแอลกอฮอล์จากลมหายใจของคุณที่เครื่องมือนี้
บุญพฤกษ์ : ผมเป่าไม่ได้ครับ
ตำรวจ : ทำไมถึงเป่าไม่ได้ ?
บุญพฤกษ์ : ผมเป็นโรคหอบหืดอย่างแรง
ถ้าผมเป่าเครื่องนี้ผมอาจหายใจไม่ออกแล้วอาจตายได้
ตำรวจ : ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยปัสสาวะใส่กระป๋องใบนี้หน่อย
ผมจะตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในปัสสาวะคุณ
บุญพฤกษ์ : ผมปัสสาวะใส่กระป๋องตอนนี้ไม่ได้ครับ
ตำรวจ : ทำไมจึงปัสสาวะตอนนี้ไม่ได้ ?
บุญพฤกษ์ : ผมเป็นโรคเบาหวานอย่างหนัก
ถ้าผมปัสสาวะตอนนี้มันจะทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดของผมลดลงอย่างฮวบฮาบ ผมอาจถึงขั้นช็อกตายก็ได้
ตำรวจ :
ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอเจะเลือดคุณเพื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของคุณแทนเสียแล้ว
บุญพฤกษ์ : ผมไม่ยอมให้เจาะเลือดผมอย่างเด็ดขาด
ตำรวจ : ทำไมจึงไม่ยอมให้เจาะเลือด ?
บุญพฤกษ์ : ผมเป็นโรคเลือดไม่แข็งตัว ถ้าเจาะเลือดผมแล้วเลือดมันจะไหลไม่หยุด
ผมต้องตายแน่นอน
ตำรวจ : อ้าว ถ้าอย่างนั้นคุณลองมาเดินบนเส้นที่ผมขีดไว้นี่หน่อย
คุณจะเดินตรงเส้นไหม ?
บุญพฤกษ์ : ผมเดินไม่ได้หรอก
ตำรวจ : ทำไมจึงเดินไม่ได้ ?
บุญพฤกษ์ : ก็ผมเมานะซี
เด็กชายแก้ว เป็นนักเรียนชั้นประถมของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเช้าวันเสาร์หนึ่งเขาไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ในขณะที่กำลังสนุกสนานกับการเล่นอยู่นั้น เขาสังเกตุเห็นรถยนต์คันหนึ่งวิ่งผ่านสวนไปยังป่าละเมาะใกล้ๆนั้น มันเป็นรถของพ่อเขาเอง ทำไมพ่อต้องขับรถเข้าไปในป่าละเมาะอย่างนั้น เขาจึงละจากการเล่นแล้วสะกดรอยไปดูเขาเห็นพ่อของเขากำลังจู๋จี๋อยู่กับน้าสายกานดาที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆบ้านเขานั่นเอง เขาเฝ้าแอบดูพ่อของเขาและน้าสายกานดาอยู่นาน เขารีบกลับบ้านไปบอกแม่ก่อนที่พ่อจะขับรถออกมาและจะมองเห็นเขา
เด็กชายแก้ว : แม่ครับ วันนี้ตอนที่ผมไปเล่นฟุตบอลที่สวนสาธารณะ ผมเห็นพ่อขับรถไปป่าละเมาะใกล้ๆสวน ผมตามไปดู เห็นพ่อจู๋จี๋กับน้าสายกานดา ผู้หญิงคนที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆบ้านเราคนนั้น พ่อจูบน้าแล้วช่วยถอดเสื้อให้น้า น้าก็ช่วยพ่อถอดเสื้อ แล้วพ่อ.......
แม่ : หยุดก่อน หนูยังไม่ต้องเล่าต่อ
เอาไว้เย็นนี้พ่อกลับมาบ้านแล้วหนูค่อยเล่าอีกครั้งหนึ่ง
พอตกเย็นวันนั้น พ่อ แม่ ลูก นั่งกันอยู่พร้อมหน้า
พ่อ : แหม วันนี้งานยุ่งมากเลย ต้องไปดูแลลูกค้า เหนื่อยเหลือเกิน
แม่ : จริงเหรอ ? อืม์ ! แก้ว วันนี้ลูกไปเห็นอะไรมา ? ช่วยเล่าให้พ่อเขาฟังหน่อบซิ
เด็กชายแก้ว : วันนี้ตอนที่ผมไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆที่สวนสาธารณะ
ผมเห็นพ่อขับรถเข้าไปในป่าละเมาะใกล้ๆ
สวน ผมตามไปดู เห็นพ่อจู๋จี๋กับน้าสายกานดา
พ่อจูบน้าแล้วพ่อช่วยน้ากานดาถอดเสื้อผ้า น้าเขาก็ช่วยพ่อถอดเสื้อผ้าออก แล้วผมก็เห็นพ่อทำอะไรกับน้ากานดาเหมือนกับที่ลุงบุญประกอบทำกับแม่
ตอนพ่อไปรบที่สงครามอีรัก
บุญผิน ไปทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพกับบริษัท โอยูโอ เนื่องจากการประกันชนิดนี้บริษัทมีความเสี่ยงต่อการเข้ารับการรักษาพยาบาลของผู้เอาประกันค่อนข้างสูง จึงจำเป็นต้องมีการซักถามประวัติผู้เอาประกันอย่างละเอียด
หมอ : คุณสูบบุหรี่ไหม ?
บุญผิน : ชีวิตนี้ไม่เคยสูบเลยแม้แต่มวนเดียว
หมอ : คุณดื่มแอลกอฮอล์ไหม ?
บุญผิน : ตั้งแต่เกิดหยดเดียวก็ไม่เคยลอง
หมอ : ในครอบครัวมีใครเป็นโรคหัวใจบ้างไหม ?
บุญผิน : ไม่มี ทุกคนเป็นนักวิ่งอยู่ในสายเลือด
หมอ : มะเร็งล่ะ มีใครในครอบครัวเป็นไหม ?
บุญผิน : โอ้ย ไม่มี ทุกคนแก่ตายเมื่ออายุเกิน 90 ปีทุกคน
หมอ : คุณเคยได้รัอุบัติเหตุบ้างไหม ?
บุญผิน : ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หมอ : แต่ในใบคำขอเอาประกันคุณระบุว่าเคยถูกงูจงอางกัดเอา
บุญผิน : ใช่ ผมถูกงูจงอางกัดหนึ่งครั้ง
หมอ : อ้าว แล้วนั่นไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกหรือ ?
บุญผิน : เปล่า งูมันจงใจกัดผม
สายวิภา
ไปตรวจร่างกายประจำปี
หมอแจ้งผลการตรวจให้ทราบว่าเธอมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพหลายประการ
หมอให้ยาจำพวกวิตามินและอาหารเสริม หนึ่งในจำนวนนั้น
มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายอยู่ด้วย หมออธิบายว่าฮอร์โมนนี้อาจมีผลข้างเคียงบ้าง
แต่ว่าผลข้างเคียงที่มีก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน ขอให้เธอคอยสังเกตแล้วอีกสองเดือนมาพบหมอใหม่เพื่อจะได้ติดตามผล
สองเดือนผ่านไป สายวิภามาพบหมอตามนัดหมายด้วยสีหน้าที่ไม่สู้จะดีนัก
หน้าเธอแสดงถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
หมอ : สวัสดีครับคุณสายวิภา สุขภาพของคุณดีขึ้นบ้างไหม ?
สายวิภา : ค่ะ โดยทั่วไปมันดีขึ้นมาก
แต่ฉันมีความรู้สึกว่าหมอให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนแก่ฉันมากเกินไปหรือเปล่าคะ ? หมอเคยบอกฉันว่ามันอาจจะมีผลข้างเคียงได้
ตอนนี้มันมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นแล้ว มันทำให้ฉันกลุ้มใจมากเลยค่ะ
หมอ : ไหน มันมีผลข้างเคียงอะไรบ้างช่วยบอกหมอหน่อยซิ ?
สายวิภา : คือว่า มันมีขนเกิดขึ้นในที่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั่นซีคะ
หมอ : การมีขนเกิดขึ้นมันเป็นผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย
ถ้ามองโดยรวมแล้วสุขภาพคุณดีขึ้นมากก็อย่าได้ไปกังวลมันเลยดีกว่า ว่าแต่ว่ามันขึ้นที่ไหนกันล่ะ ?
สายวิภา : ก็มันไปขึ้นที่บริเวณลูกอัณฑะนะซี
ซึ่งฉันกำลังจะมาปรึกษาหมอถึงเรื่องนี้อยู่ด้วยพอดี
บริษัท การบินแอร์ทวาย
ได้ซื้อเครื่องบินไอพ่นขนาด 6 ที่นั่งมาหลายลำ เพื่อให้บริการเช่าเหมาลำซึ่งขณะนี้กำลังมีความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ถึงคนทุกกลุ่มทุกชนชั้น บริษัทจึงได้เชิญแขกสำคัญมาลองเครื่องเที่ยวปฐมฤกษ์ ผู้ที่ได้รับเชิญ มี สมจักร คำใส
นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิค ทองไตร แมกไม้ไทย ดาราตุ๊กตาทองนักแสดงเงินล้าน บูรพา กิจวัตร
นักการเมืองที่มีชื่อว่าฉลาดที่สุดในประเทศ พระลำดวน จากวัดสวนหิน
และบุญก้อนหนุ่มฮิปปี้นักเรียนปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา
หลังจากเครื่องบินได้บินขึ้นได้สิบนาที
ปรากฏว่าเครื่องยนต์ไอพ่นเกิดขัดข้องพร้อมๆกับระบบไฮดรอลิกบังคับแพนหางเกิดขัดข้องด้วยเช่นเดียวกัน กัปตันจึงเดินออกมาบอกกับผู้โดยสาร
กัปตัน : ผมต้องขออภัยอย่างยิ่งที่เครื่องบินเกิดขัดข้องจนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย
จึงมีความเสียใจที่จะต้องแจ้งให้ทุกคนได้ทราบว่า เราต้องสละเครื่องบินลำนี้เดี๋ยวนี้
แต่บังเอิญร่มชูชีพมีอยู่เพียง 5 อัน
เท่านั้น ผมในฐานะกัปตันจำเป็นต้องใช้หนึ่งอัน ที่เหลือพวกคุณจัดการกันเอาเองนะ
ขอให้โชคดี
ว่าแล้วกัปตันก็เอาร่มชูชีพสะพายหลัง เปิดประตูเครื่องบินแล้วก็กระโดดลงไป
สมจักร : ผมเป็นนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิคสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ
จึงต้องอยู่เพื่อสร้างชื่อเสียงต่อไป
ว่าแล้วสมจักรก็กระชากร่มชูชีพมาสะพายหลังแล้วกระโดดลงไปทันทีเช่นเดียวกัน
ทองไตร : ผมเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ต้องคอยสร้างความบันเทิงให้คนทั่วประเทศ
ผมต้องอยู่เพื่อทำหน้าที่
ว่าแล้วทองไตรก็คว้าร่มชูชีพขึ้นสะพายหลัง แล้วกระโดดตามสมจักรลงไปทันที
บูรพา : ผมเป็นนักการเมืองที่ฉลาดที่สุด ประเทศชาติยังต้องการคนอย่างผม
ผมต้องอยู่เพื่อรับใช้ชาติ
บูรพาพูดขาดคำ เขาก็รีบคว้าร่มชูชีพจากมือบุญก้อน
รีบสะพายใส่หลังแล้วกระโดดลงไปด้วย
พระลำดวน : ชีวิตอาตมาได้สละแล้วทุกสิ่ง
โยมยังหนุ่มแน่นและคงจะเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองอยู่อีก ขอให้โยมเอาร่มชูชีพไปแล้วรีบกระโดดก่อนที่เครื่องบินจะตก ขอให้โชคดี
บุญก้อน : หลวงพ่อไม่ต้องเสียสละถึงขนาดนั้นหรอกครับ
เราจะสะพายร่มชูชีพแล้วกระโดดลงไปพร้อมกัน
พระลำดวน : เราจะทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะร่มชูชีพมีเหลืออยู่เพียงอันเดียว
บุญก้อน : หลวงพ่อเข้าใจผิด ตอนนี้เราเหลือร่มอยู่ถึง 2
อันเพราะอันที่คุณบูรพาเอาไปนั้น มันเป็นเป้ของผม
บุญคะแนน
ไปเบิกเงินสดที่ธนาคาร
ผู้จัดการธนาคารได้ให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดี เมื่อได้เงินแล้วกำลังเดินออกมาที่ประตู
ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งใส่ชุดดำมีถุงคลุมหัวเจาะรูแค่ที่ตาและปากเท่านั้น
มือหนึ่งถือปืน เดินเข้ามาประชิดตัวบุญคะแนนพร้อมกับเอาปืนจี้ไว้ที่สีข้างของเขา
แม้เขาจะสะดุ้งตกใจแต่เขาก็ควบคุมสติของเขาไว้ได้
ชายชุดดำ : หยุด นี่คือการปล้น ส่งเงินทั้งหมดของคุณมาให้ผมเดี๋ยวนี้
บุญคะแนน : เฮ้ย ล้อเล่นกันหรือเปล่านี่ สมัยนี้ยังมีการปล้นอยู่อีกหรือ ?
ชายชุดดำ : สมัยไหนก็มีการปล้นทั้งนั้นแหละ และผมก็ไม่ได้ล้อคุณเล่นด้วย
บุญคะแนน : แต่นี่เงินผมเพิ่งเบิกออกมา
ชายชุดดำ : ก็นั่นแหละ รีบส่งเงินคุณมา ถ้าไม่อยากตาย
บุญคะแนน : คุณทำกับผมอย่างนี้ไม่ได้นะ
ชายชุดดำ : ทำไมจะทำกับคุณไม่ได้ ?
บุญคะแนน : ก็ผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เคยเป็นรัฐมนตรี
ชายชุดดำ : จริงหรือ เอ้า ถ้าอย่างนั้น ส่งเงินทั้งหมดของผมคืนมา
บุญเสมอ
กับ สายเครือ
แต่งงานมา 20 ปี
ตลอดชีวิตการแต่งงานของคนทั้งสองเต็มไปด้วยความหวานชื่น เขานอกจากจะไม่เคยมีปากมีเสียงกันแล้วยังคอยเอาอกเอาใจซึ่งกันและกันมาตลอด
ด้านธุรกิจก็เจริญรุ่งเรืองสร้างความมั่งคั่งแก่พวกเขาเป็นอย่างมาก
วันเกิดของสายเครือกำลังจะมาถึง
บุญเสมอวางแผนจัดงานวันเกิดให้ภรรยาสุดที่รักที่โรงแรมอย่างหรูหราเขาได้เชิญบรรดาญาติมิตรและแขกเหรื่อมางานนี้อย่างคับคั่ง
และเพื่อจะเซอร์ไพรส์สายเครือ บุญเสมอได้โทรศัพท์สั่งเค็กวันเกิดก้อนใหญ่
บุญเสมอ : ผมต้องการเค็กวันเกิดขนาด 40 ปอนด์ ตกแต่งให้เริดที่สุด
คนขาย : แล้วจะให้เขียนข้อความว่าอย่างไรคะ ?
บุญเสมอ : อืม์...ข้อความเหรอ ? เอาอย่างนี้
ผมต้องการตรงกลางเค็กมีดีไซน์เป็นลวดลายดอกไม้สวยๆ
"ครบรอบแต่งงาน 40 ปี" แล้วตรงขอบของเค็กให้มีข้อความว่า "คุณไม่เคยดูหย่อนยานเลย"
"คุณยังฟิตเปรี๊ยะอยู่เสมอ" แล้วให้ปิดหน้าไว้ไม่ให้ใครเห็นจนกว่าจะถึงเวลาตัดเค็ก
คนขาย : แล้วจะให้หนูจัดวางตัวหนังสืออย่างไงดีคะ ?
บุญเสมอ : ข้างบน "คุณไม่เคยดูหย่อนยานเลย" ข้างล่าง "คุณยังฟิตเปรี๊ยะอยู่เสมอ"
ในวันงาน เค็กถูกส่งไปที่โรงแรมโดยมีผ้าแพรปิดหน้าเค็กเอาไว้
เมื่อได้เวลาที่จะตัดเค็กแล้ว บรรดาญาติมิตรและแขกเหรื่อมาห้อมล้อมสายเครือเจ้าของวันเกิด
บุญเสมอให้เด็กเอาผ้าแพรปิดหน้าเค็กออกเพื่อจะเซอร์ไพรส์ภรรยาสุดที่รัก พอผ้าแพรถูกเอาออก ทุกคนฮากันครืน สายเครือหน้าแดง
บุญเสมอหน้าเจื่อน เพราะข้อความบนเค็กเขียนว่า
" ข้างบนคุณไม่เคยดูหย่อนยานเลย " " ข้างล่างคุณยังฟิตเปรี๊ยะอยู่เสมอ "
บุญวนา
กับ สายมุกดา
แต่งงานกันมา 20 ปีแล้ว
ระยะหลังๆมานี้ บุญวนาไม่ค่อยยอมปฏิบัติกิจเยี่ยงสามีที่ดี หลังเลิกงานกลับบ้านเขาจะนั่งอยู่แต่หน้าจอโทรทัศน์ ดื่มเบียร์
จนกระทั่งดึกจึงเข้านอนเป็นกิจวัตร ไม่ว่าสายมุกดาจะแต่งตัวให้ดูเซ็กซี่ หรือคอยฉอเลาะเอาใจอย่างไรก็ตาม
ก็ยังไม่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนไปได้เลยแม้แต่น้อย
บางทีเขายังแสดงอาการรำคาญให้เห็นหรือพูดจาหยาบคายอยู่เนืองๆอีกด้วย
วันหนึ่ง สายมุกดาไปเดินเล่นที่ตลาดนัดจตุจักร
เธอเห็นนกเหยี่ยวตัวใหญ่ขนาดไก่ชนตัวหนึ่ง รูปร่างผึ่งผาย
มีขนหน้าอกยาว ขาและกรงเล็บดูแข็งแรง จะงอยปากแหลมคม นัยตามีประกาย
คนขายนกบอกแก่เธอว่า
คนขาย : นี่เป็นเหยี่ยวอัฟริกันนักล่า มันชื่อ ภักดี มันฟังภาษาคนได้
คุณดูนะผมจะสั่งมัน " ภักดี หมาดำ "
พอสิ้นเสียง
เหยี่ยวอัฟริกันตัวนั้นก็โผเข้าใส่หมาดำตัวหนึ่งที่เดินคุ้ยหาของกินอยู่ที่ถังขยะ
มันใช้จะงอยปากจิกที่หัวแล้วกรงเล็บทั้งสองก็ขย้ำเข้าที่คอ เพียงอึดใจเดียว
หมาดำตัวนั้นก็มีแผลเหวอะหวะ ร้องเสียงหลงแล้ววิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต
คนขาย : เดี๋ยวก่อน ผมจะให้ดูอะไรอีก " ภักดี เก้าอี้ "
เหยี่ยวอัฟริกันโถมเข้าใส่เก้าอี้ไม้เก่าๆตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่หน้าร้าน
มันใช้จะงอยปากกระแทกเก้าอี้ ขาและกรงเล็บอันทรงพลังจับเก้าอี้ฉีกออก เพียงแค่ 2 - 3 นาทีเท่านั้น
เก้าอี้ไม้ดังกล่าวกลายเป็นเศษไม้กองหนึ่งเท่านั้น
สายมุกดา : โอ้โห เหยี่ยวตัวนี้ราคาเท่าไร ? ฉันจะซื้อไปเฝ้าบ้าน
สนนราคาเหยี่ยวตัวนี้ 2,000 บาท สายมุกดาซื้อแล้วนำกลับบ้านไปอวดสามีทันที
สายมุกดา : ฉันไปตลาดจตุจักรวันนี้ซื้อเหยี่ยวอัฟริกันมาตัวหนึ่ง มันแสนรู้มาก
ฉันคิดว่ามันคงจะเฝ้าบ้านของเราได้ดี มันชื่อ ภักดี ชื่อนี้เป็นมงคล มันคงจะซื่อตรงสมกับชื่อนะ อืม์ ภักดี
บุญวนา : ภักดี ?, " ภักดี ส้นตีน "
บุญพวง
เป็นแชมเปี้ยนขี่ม้าข้ามสิ่งกีดขวาง
ในการแข่งกีฬาซีเกมส์ที่ผ่านมา เขาจะต้องขี่ม้าฝีเท้าดีตัวใหม่ โค้ชได้จูงม้าสีน้ำตาลดำรูปร่างปราดเปรียวออกมาจากคอกเพื่อให้บุญพวงขี่
แต่มีเรื่องสำคัญที่โค้ชจะต้องบอก
โค้ช : ม้าตัวนี้มีฝีเท้าดีมาก มันจะกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางสูงๆได้สบาย
แต่จ๊อกกี้ต้องพูดกับมันดังๆว่า "ก้าาา....ดด"
บุญพวงเข้าใจดี โดยปกติเวลาจะให้ม้าเดินต้องพูดกับมันเป็นภาษาม้าว่า " เด่อออ....เอิ้น
" หรือจะให้หยุดก็ต้องพูดว่า " หยยยู่....อู้ด " เวลาจะให้มันเลี้ยวซ้ายขวา
ก็ให้ใช้เท้าซ้ายหรือเท้าขวากระตุ้นสีข้างมันพร้อมกับออกเสียงว่า
" ห่าาา...อ๊าาา...อ่าาา...อั้น "
แต่การจะให้มันกระโดดควรจะใช้เท้าทั้งสองกระตุ้นม้าพร้อมกับกระตุกสายบังเหียนต่างหาก เพราะฉะนั้น เขาจึงใช้วิธีของตนโดยไม่ทำอย่างที่โค้ชบอก ผลลัพธ์ก็คือ
ม้าวิ่งเข้าชนสิ่งกีดขวางชุดที่หนึ่งโดยไม่ได้กระโดดเลยแม้แต่น้อย
บุญพวงรู้สึกผิดหวัง แต่พอจะต้องกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางชุดที่สอง
เขาจำยอมต้องพูดกับม้าเสียแล้ว เขากระซิบเบาๆ
ที่ข้างหูของม้า " ก้าาาา....ดด "
ม้าที่ขี่วิ่งเข้าชนสิ่งกีดขวางชุดที่สองโดยไม่ได้กระโดดอีก
ครั้นจะถึงสิ่งกีดขวางชุดที่สาม บุญพวงจำเป็นต้องปฏิบัติตามที่โค้ชสั่ง เขาพูดกับม้าด้วยเสียงอันดัง "
ก้าาา.....ดด" ปรากฏว่าม้ากระโดดข้ามสิ่งกีดขวางได้อย่างสวยงาม และสิ่งกีดขวางที่เหลือก็สามารถกระโดดได้เช่นเดียวกัน
แต่ผลจากการชนสิ่งกีดขวางสองชุดแรกจึงทำให้บุญพวงได้แค่เหรียญทองแดงเท่านั้น เขาถูกโค้ชต่อว่า
โค้ช : คุณทำได้ไม่ดีเลย มันเกิดอะไรขึ้น ? ผมผิดหวังเป็นอย่างมาก
บุญพวง : มันไม่ใช่เป็นเพราะผม มันเป็นเพราะม้าต่างหาก
โค้ช : ม้าเหรอ ? ม้ามันเป็นอะไร ?
บุญพวง : ม้ามันหูตึง
โค้ช : หูตึงเหรอ ? ใครบอกว่ามันหูตึง ? มันตาบอดต่างหาก
บรรดาลูกๆของ
บุญให้
พากันเรียนจบและแต่งงานมีเหย้ามีเรือนไปหมดแล้ว
บุญให้กับภรรยาจึงอยู่กันลำพังสองคน
เมื่อไม่มีภาระพวกเขาจึงเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
และหาซื้อของสะสมที่แปลกตา
วันหนึ่ง สองสามีภรรยาไปเที่ยวประเทศภูฐาน ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆอยู่เชิงเขาหิมาลัย
ประเทศนี้มีชื่อเรื่องเวทย์มนต์
ความลึกลับและสิ่งเหนือธรรมชาติ ในการช้อปปิ้งครั้งหนี่ง
ภรรยาบุญให้เห็นรองเท้าแตะคู่หนึ่งวางอยู่ในตู้กระจกยกสูงแยกจากสินค้าอื่นๆในร้าน เธอจึงเดินเข้าไปดู
และถามคนขายซึ่งเป็นหนุ่มหน้าตาดีแต่ท่าทางอ้อนแอ้น
ภรรยา : นี่เป็นรองเท้าของเจ้าชายภูฐานหรือ ?
คนขาย : เปล่า นี่เป็นรองเท้ากายสิทธิ์
ชายใดใส่รองเท้าคู่นี้เขาจะมีพลังเซ็กซ์อย่างมหัศจรรย์
ภรรยา : คุณบุญให้น่าจะซื้อไว้นะ จะได้ไม่ต้องใช้ไวอากร้า
การใช้ยาบ่อยๆนอกจากมันจะดื้อยาแล้วใช้นานไปอาจจะมีปัญหากับไตของคุณได้นะ
บุญให้ : ผมว่ามันหลอกลวงกันชัดๆ ไม่มีของกายสิทธิ์ในโลกนี้
ภรรยา : ก็ขอเขาทดลองใส่ดูก่อนไม่เสียหาย ถ้ามันจริงแล้วค่อยซื้อ
คนขาย : ใช่ คุณทดลองใส่ดูก่อนได้ ถ้าไม่จริงคุณก็ไม่ต้องเอาไป
เมื่อบุญให้หยิบรองเท้าออกมาจากตู้กระจกเตรียมจะใส่ คนขายรีบวิ่งไปปิดประตูหน้าร้าน
พอกลับมาเขาเห็นบุญให้
มีสายตาเป็นประกายแวววาว มีอาการคึกคะนองและเดินรี่มาหาเขา จับเขาหันหลัง
คนขาย : เดี๋ยวก่อนๆ คุณ ถอดรองเท้านี้ออกก่อน คุณใส่มันผิดข้างน่ะ
สายเดือน
พนักงานต้อนรับ
สาวสวยจากบริษัทสายการบินแอร์ทวาย กำลังแต่งตัวเข้าสู่พิธีเลี้ยงฉลองมงคลสมรสกับกัปตันหนุ่มรูปหล่อจากบริษัทสายการบินศรีโสภณ เธอตัดชุดขาวด้วยไหมอิตาลี
ถุงมือเป็นผ้าลูกไม้ฉลุลายสวยงามจากเดนมาร์ก เธอใช้ช่างเสริมสวยจากเกศวดีแต่งหน้าและทำผมสวยงาม
ติดช่อดอกไม้สดที่ศรีษะ ความสวยของเธอดูประหนึ่งนางฟ้า
ถึงเวลาที่แขกเหรื่อทยอยมาเข้างานแล้ว โอ้ พระเจ้าจอร์จ เธอลืมซื้อรองเท้า !
ไวเท่าความคิด พี่สาวของสายเดือนจำได้ว่าตนมีรองเท้าสีขาวที่ใส่วันแต่งงานเมื่อปีที่แล้วอยู่คู่หนึ่ง
มันอยู่ในรถของเธอจึงได้รีบไปเอามาให้สายเดือนสวมใส่แก้ขัด แต่อนิจา ! เท้าของสายเดือนใหญ่กว่ารองเท้าคู่นั้น
สายเดือนจำเป็นต้องใส่รองเท้าของพี่สาว แม้มันจะรัดจนเจ็บเท้ามากก็ตาม งานเริ่มแล้ว
บรรดาแขกเหรื่อทยอยเข้ามาแสดงความยินดี ถ่ายรูปหมู่รูปเดี่ยวเป็นพัลวัน
เธอต้องเดินขึ้นเดินลงเวทีหลายรอบ ไม่ว่าจะต้องไปรับคำอวยพร หรือไปตัดเค็ก รองเท้ามันบีบจนเท้าเธอระบมแทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว
สายเดือนคิดแล้วว่าถ้าพิธีจบลงเมื่อไรสิ่งแรกที่เธอจะทำคือถอดรองเท้าคู่นี้ออกทันที
ในที่สุด งานเลี้ยงก็ถึงช่วงสิ้นสุด มีการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ
บรรดาญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายส่งตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าห้องแล้ว พวกเขายังออกันแน่นอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน
เจ้าบ่าวรู้ว่าต้องช่วยเจ้าสาวถอดรองเท้าออกโดยเร็ว ถึงแม้จะพยายามถอดอย่างนุ่มนวลแล้วก็ตาม แต่มันแน่นมาก
สักพักหนึ่ง
มีเสียงร้องโอยๆของเจ้าสาวดังขึ้น แล้วก็มีเสียงของเจ้าบ่าวเล็ดลอดออกมา " โอ้โห
มันคับมากเลย "
แม่เจ้าสาว : เห็นไหมๆ ฉันบอกแล้ว.....ว่าเจ้าสาวยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่
อีกพักใหญ่ มีเสียงร้องโอดโอยของเจ้าสาวดังขึ้นอีก ตามมาด้วยเสียงเจ้าบ่าว " อูว์ !
มันคับมากกว่าเดิมอีก "
พ่อเจ้าบ่าว : เห็นไหมๆ ผมนึกแล้ว ไอ้หนูนี่ เชื้อไม่ทิ้งแถวเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ที่สวนสาธารณะอันร่มรื่นของเมืองๆหนึ่งในภาคอิสาน
มีรูปปั้นของนักกีฬาชายในชุดว่ายน้ำ ขนาดเท่าตัวจริง
ยืนหันหน้าไปทางรูปปั้นของนักกีฬาหญิงในชุดว่ายน้ำขนาดเท่าตัวจริงด้วย
นักกีฬาชายชื่อ บุญดนัย เขาเป็นคนเกิดที่เมืองนี้ ตอนมีชีวิตเขาได้เป็นนักกีฬาเหรียญทองที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
แต่มาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
เมื่ออายุเพียง 30 ปี
ชาวเมืองจึงพร้อมใจกันสร้างรูปปั้นให้เป็นอนุสรณ์แก่เยาวชนรุ่นหลัง
ส่วนนักกีฬาหญิงชื่อ สายพิมพ์
ก็เป็นชาวเมืองนี้เช่นเดียวกัน
เธอเคยเป็นแชมเปี้ยนในระดับนานาชาติมาหลายสมัย โชคร้ายที่ต้องมาเสียชีวิตด้วยโรคนิวมอเนียเมื่อตอนอายุ 27 ปี
ชาวเมืองก็สร้างรูปปั้นไว้เป็นเกียรติแก่เธอเช่นเดียวกัน
ประชาชนที่มาพักผ่อนในสวนก็มักมองดูรูปปั้นทั้งสองด้วยความชื่นชม
แม้ว่ารูปปั้นทั้งสองจะตากแดดตากฝน
และเป็นที่เกาะเล่นของฝูงนกพิราปอยู่ชั่วนาตาปีก็ตาม จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง
ประชาชนทะยอยออกจากสวน
เพื่อกลับบ้านแล้ว
ทันใดนั้นก็มีนางฟ้าองค์หนึ่งปรากฏกายขึ้นพร้อมกับพูดกับรูปปั้นทั้งสอง
นางฟ้า : พวกคุณทั้งสองเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชนเมืองนี้มาก
และยังยืนอยู่ด้วยความอดทนมาหลายปีแล้ว
เอาล่ะ ฉันจะให้พวกคุณได้กลับเป็นคนสัก 30 นาที พวกคุณจะทำอะไรก็ได้
ถ้าหมดเวลาแล้วพวกคุณก็จะกลับเป็นรูปปั้นในสวนตามเดิม
เมื่อนางฟ้าพูดเสร็จ ก็ใช้ไม้คธาที่ถืออยู่ในมือกวาดไปที่รูปปั้นทั้งสอง ทันใดนั้น
รูปปั้นก็กลับมีชีวิตขึ้นมาทันที
บุญดนัยจูงมือสายพิมพ์เดินเข้าพุ่มไม้ในสวน
เสียงหัวเราะต่อกระซิกพร้อมกับการสั่นไหวของพุ่มไม้เป็นระยะจนกระทั่ง 15 นาทีผ่านไป
บุญดนัยมุดออกมาจากพุ่มไม้ผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่สีหน้ายิ้มแย้มแววตาแสดงถึงความสุข ตามออกมาด้วยสายพิมพ์ซึ่งผมเผ้าฟูฟ่อง ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยเช่นเดียวกัน
นางฟ้า : พวกคุณยังมีเวลาเหลืออีกตั้ง 15 นาที
ทำไมจึงไม่ใช้เวลาให้หมดก่อนจะต้องกลับกลายเป็นรูปปั้น
สายพิมพ์หันมามองบุญดนัย แล้วก็ยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเสียอีก
เธอพยักหน้าให้เขาแล้วพูดว่า
สายพิมพ์ : อืม์ ก็ได้ แต่ตานี้ต้องเป็นคุณนะที่มีหน้าที่จับนกพิราปไว้ให้ดี
ฉันจะได้ขี้ใส่มันให้ถนัดๆหน่อย
คำตอบสุดท้าย ของชายหนุ่มเลือกคู่ (G)
บุญสมัย
เป็นชายหนุ่มที่มีตำแหน่งงานและฐานะดี เขามีแฟนอยู่ถึงสามคน
แต่เขาคิดว่าปีหน้านี้เขาจะต้องเลือกแต่งงานกับหญิงสาวคนเดียวในจำนวนนั้น แต่เขาก็ไม่รู้จะตัดสินใจเลือกใครดี
ดังนั้นเขาจึงทดสอบด้วยการให้เงินแก่แฟนสาวทั้งสาม คนละ 100,000 บาท เก้าเดือนให้หลัง
เขามีโอกาสได้พบกับแฟนทั้งสามคน
แฟนคนที่ 1 : เงิน 100,000 บาทที่คุณให้มานั้น ฉันเอาไปผ่าตัดเสริมจมูก ทำทรงผมใหม่
ทำผิว ทำเล็บ
ซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่ ซึ่งจะทำให้ฉันดูดี ทั้งหมดนี้ฉันทำเพื่อคุณนะ
เพราะฉันรักคุณมาก
บุญสมัย : ขอบคุณมาก ผมรู้แล้วว่าคุณรักผมมากจริงๆ
แฟนคนที่ 2 : เงิน 100,000 บาทที่คุณให้มา ฉันเอาไปซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุค
และเครื่องเล่น DVD ให้คุณ เนื่องจากฉันรู้ว่าคุณชอบเล่นคอมและ DVD ฉันจึงทำสิ่งที่คุณชอบ
เพราะฉันรักคุณมาก
บุญสมัย : คุณรู้ใจผมเสียทุกอย่าง แล้วก็รักผมมากด้วย ผมขอบคุณจริงๆ
แฟนคนที่ 3 : เงิน 100,000 บาทที่คุณให้ฉันมา ฉันเอาไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ตอนนี้ฉันทำกำไร
แล้ว 500,000 บาท นี่คือเงิน 100,000 บาทของคุณฉันเอามาคืนให้ ส่วนกำไรอีก 500,000
บาทนั้น
ฉันจะเก็บไว้สำหรับอนาคตของเรา ทั้งนี้ก็เพราะฉันรักคุณมาก
บุญสมัย : คุณเป็นคนเก่ง และคุณก็รักผมมาก ผมภูมิใจในตัวคุณมากเลย
บุญสมัยได้เห็นแฟนทั้งสามแสดงความรักต่อตนไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน
ยิ่งทำให้เขาตัดสินใจยากขึ้นไปอีก
เวลาก็กระชั้นเข้ามาแล้ว เขาจำเป็นต้องเลือกแล้ว ในที่สุด
บุญสมัยก็เลือกสาวคนที่.............................
...........สาวที่มีหน้าอกใหญ่ที่สุด............................
ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
มีการสร้างสิ่งจูงใจให้คนไปบริจาคอวัยวะ บริจาคเลือด บริจาคอสุจิ ฯลฯ ด้วยการจ่ายเงินให้แก่ผู้บริจาค นัยว่าเป็นการช่วยค่าเดินทาง
เช้าวันหนึ่งมีคนมาบริจาคกันมากมายจนเต็มโรงพยาบาล
สายธนา สาวตกงานคนหนึ่งก็มาบริจาคเลือด
ระหว่างนั่งรอการเรียกตัวเขาเห็น บุญสนอง
หนุ่มนักวิ่งรูปร่างสง่า ทะมัดทะแมงนั่งรอการเรียกตัวด้วยเช่นเดียวกัน
สายธนา : คุณมาบริจาคเลือดเหมือนกันเหรอ ?
บุญสนอง : เปล่า ผมไม่ได้มาบริจาคเลือด แต่ผมมาบริจาคอสุจิ
หลังจากที่คนทั้งสองถูกเรียกเข้าไปบริจาคเรียบร้อยแล้ว
ทั้งคู่บังเอิญมาพบกันอีกครั้งหนึ่งที่หน้าโรงพยาบาล
สายธนา : เขาช่วยค่าเดินทางฉันมา 200 บาท แล้วคุณล่ะ ได้เท่าไร ?
บุญสนอง : ผมได้ 2,000 บาท
สายธนา : 2,000 บาท ? ทำไมจึงได้มากอย่างนี้ ?
บุญสนอง : ก็อสุจิมันหายากกว่านะซี
สองเดือนให้หลัง ที่โรงพยาบาลเดิม ทั้งบุญสนองและสายธนาบังเอิญมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง
บุญสนอง : คุณมาบริจาคเลือดอีกหรือ ?
สายธนาสั่นศรีษะ ไม่ยอมตอบ แต่เธอทำเสียงอู้อี้ๆ
แล้วใช้นิ้วชี้ไปที่กระพุ้งแก้มทั้งสองที่โป่งของเธอแทน
สายจันทร์ ไปเที่ยวภูกระดึงกับแฟนหนุ่มที่เพิ่งจะรักกันใหม่ๆในช่วงวันหยุดปีใหม่ ทั้งสองขึ้นไปกางเต๊นท์หลังใหญ่โดยมีเครื่องนอนเพรียบพร้อม ถึงกระนั้นก็ตามอากาศบนภูกระดึงหนาวเหน็บด้วยอุณหภูมิลดต่ำจนเกือบศูนย์องศา ลมพัดแรงยิ่งทำให้รู้สึกหนาวยะเยือก แฟนหนุ่มจึงรีบออกจากเต๊นท์เพื่อไปหาฟืนมาก่อกองไฟ พักใหญ่ต่อมา แฟนหนุ่มวิ่งเข้ามาในเต๊นท์ด้วยอาการตัวสั่นเทิ้มด้วยความหนาว
แฟนหนุ่ม : ผมหนาวมากเลย มือทั้งสองของผมมันหนาวจนแข็งไปหมดแล้ว
สายจันทร์ : จริงเหรอ เอามือคุณมาซุกไว้ที่หว่างขาฉันซิ มันจะได้อุ่นขึ้น
เมื่อแฟนหนุ่มทำตามคำแนะนำ สักพักเดียวเขาก็รู้สึกสบาย ถึงตอนบ่ายฟืนทำท่าจะหมด
เขารีบออกไปหาฟืนอีก เมื่อเขากลับมาเขาก็มีอาการหนาวสั่นเหมือนตอนเช้า
แฟนหนุ่ม : มือผมมันหนาวจนแข็งไปหมดอีกแล้ว
สายจันทร์ : เอามันมาซุกที่หว่างขาของฉันเร็วๆเข้า
สักครู่เดียวเขาก็รู้สึกสบาย แต่พอหลังอาหารค่ำ
แฟนหนุ่มจำเป็นต้องออกไปหาฟืนมาเพิ่มเติมเพื่อที่กองไฟจะได้ติดอยู่ตลอดคืน เมื่อได้ฟืนเพียงพอเขาก็กลับเข้ามาในเต๊นท์
แฟนหนุ่ม : อากาศข้างนอกมันหนาวยิ่งกว่ากลางวันเสียอีก
มือผมมันหนาวแข็งจนชาไปหมดแล้ว
สายจันทร์ : ทำไมคุณจึงหนาวเฉพาะแต่ที่มือเท่านั้นล่ะ ทำไมคุณไม่หนาวหูบ้างเลยหรือ
?
ที่ศาลคดีเด็กและเยาวชน
ผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์เพื่อพิจารณาคดีที่อัยการยื่นฟ้องเด็กนักเรียนชายเกเรต่อศาลเด็กนักเรียนชายเกเรเหล่านี้มักก่อเหตุร้ายอยู่เนืองๆ
แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายหรือความรำคาญแก่ชาวบ้านร้านถิ่นจนเป็นที่เอือมระอาก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเคยถูกฟ้องเลยสักครั้ง
สำหรับกรณีนี้เป็นเหตุการณ์ค่อนข้างรุนแรงตำรวจจึงได้ส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการ
อัยการ : ข้าแต่ศาลที่เคารพ เด็กเหล่านี้ได้ก่อเหตุร้ายขึ้นที่สวนสัตว์บึงฟ้า
มันเป็นเหตุที่ไม่สมควรให้อภัยเลย จึงขอให้ศาลได้ตัดสินลงโทษในสถานหนักเพื่อให้เด็กเหล่านี้รู้หลาบจำ
ผู้พิพากษา : จำเลยมีอะไรต้องชี้แจงหรือไม่ ?
เด็กชาย 1 : ผมชื่อ บุญแจ่ม อายุ 12 ปี ผมแค่โยนกล้วยเข้าไปในกรงช้างเท่านั้นครับ
ผู้พิพากษา : อืม์ แล้วอีกคนหนึ่งล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง ?
เด็กชาย 2 : ผมชื่อ บุญวา อายุ 13 ปี
ผมก็แค่โยนกล้วยเข้าไปในกรงช้างเท่านั้นเช่นเดียวกันครับ
ผู้พิพากษา : จริงหรือ แค่โยนกล้วยเข้าไปในกรงช้าง อ้าว เด็กอีกคนหนึ่งนั่น
ว่าอย่างไง ?
เด็กชาย 3 : ผมเปล่าครับ
ผู้พิพากษา : คุณเปล่าหรือ ? หมายความว่าอย่างไร ?
เด็กชาย 3 : ผมชื่อกล้วยครับ
บุญพุ่ม ไปทำธุระที่ต่างจังหวัด
บังเอิญมีนักย่องเบาเข้าไปในบ้านของเขาคืนนั้น มันขนชุดสเตอริโอที่เขาเพิ่งซื้อใหม่พร้อมกับอัญมณีเครื่องประดับอีกหลายรายการโดยที่ภรรยาเขาซึ่งนอนอยู่ในบ้านไม่รู้ตัวเลย
แต่ยังโชคดีที่ยามของหมู่บ้านเห็นจึงบอกให้ตำรวจตะครุบตัวได้เสียก่อนที่มันจะหนีลอยนวล
เมื่อบุญพุ่มกลับมาในวันรุ่งขึ้น เขารีบตรงดิ่งไปยังสถานีตำรวจ เขาพบกับร้อยเวร
บุญพุ่ม : ไหน ไอ้นั่นมันอยู่ที่ไหน ? ไอ้นักย่องเบาที่เข้าบ้านผมเมื่อคืนนี้น่ะ
ร้อยเวร : เอ้อ ผมกำลังทำเรื่องเพื่อส่งฟ้องศาลโดยเร็ว
บุญพุ่ม : ขอผมพบมันหน่อย
ร้อยเวร : คุณสามารถไปเป็นพยานได้ที่ศาลอยู่แล้ว ไม่ต้องพบมันก็ได้
บุญพุ่ม : แต่ผมอยากพบมันเดี๋ยวนี้
ร้อยเวร : ผมอธิบายคุณแล้ว มันเป็นหน้าที่ของผม
คุณพบมันก็ไม่ได้เกิดผลอะไรต่อรูปคดีหรอก
บุญพุ่ม : เรื่องนั้นผมรู้ดี
ร้อยเวร : ถ้าอย่างนั้นคุณจะพบมันทำไม ?
บุญพุ่ม : ผมจะถามมันว่ามันย่องอย่างไรเมียผมจึงไม่รู้สึกตัว
ผมฝึกทำมาหลายปีแล้วไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง
ที่หน้าโรงภาพยนตร์ชั้นสองในต่างจังหวัดแห่งหนึ่งซึ่งคืนนั้นมีการฉายภาพยนตร์เร็ตเอ๊กซ์
ภาพยนตร์เลิกแล้วคนเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ล้วนแต่เป็นชายวัยหนุ่มจนถึงชายวัยดึก
ระหว่างนั้นมีชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
เดินเข้าไปหา บุญวนิช ชายอายุ 60 ปี
ชายแปลกหน้า : ท่านครับ ผมมีไวอากร้ามาเสนอครับ
บุญวนิช : ไวอากร้า ? ราคาเท่าไหร่ ?
ชายแปลกหน้า : แผงละ 1,200 บาทเท่านั้นเองครับ แผงหนึ่งมี 4 เม็ด
เป็นของแท้จากอเมริกานะครับ
บุญวนิช : 1,200 บาท ? ไม่ล่ะ มันไม่คุ้มราคา
ชายแปลกหน้า : ไม่คุ้มราคาหรือ ? เอ้า ผมลดให้เหลือแผงละ 700 บาท รับไหมครับ ?
บุญวนิช : ไม่หรอก มันไม่คุ้มราคา
ชายแปลกหน้า : ถ้าอย่างนั้น 300 บาท ล่ะ เอาไหมครับ ? ที่อเมริกา เม็ดหนึ่งก็ 350
บาทเชียวนะครับ
บุญวนิช : ผมบอกคุณแล้วว่ามันไม่คุ้มราคา
ชายแปลกหน้า : มันไม่คุ้มราคาอย่างไง ถูกอย่างนี้ไม่มีใครขายได้อยู่แล้ว
บุญวนิช : มันไม่ใช่ไวอากร้าที่ไม่คุ้มราคา เมียผมต่างหากเล่า
บุญผจญ
หนุ่มนักการตลาดและนักวิ่งมาราธอนเดินทางไปพักร้อนกับเรือสำราญ มูนครุยเซอร์
ช่วงหยุดปีใหม่การเดินทางในวันแรกผู้โดยสาร 500 คนในเรือล้วนมีความสุขสนุกสนานอย่างเต็มที่
ครั้นตกดึกของคืนวันนั้นปรากฏมีพายุพัดกระหน่ำ ในทะเลมีคลื่นสูง
โชคร้ายเรือสำราญถูกกระแสน้ำพัดพาไปชนกับหินโสโครกทำให้เรือแตกและอับปาง บุญผจญหนีขึ้นเรือชูชีพได้กับผู้โดยสารบางคน
เรือชูชีพถูกคลื่นลมพัดพาไปเกยตื้นที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น บุญผจญสังเกตุว่านอกจากตัวเขาที่รอดชีวีตมาอยู่บนเกาะแล้ว
ยังมีหญิงสาวอีก 12 คนที่รอดชีวิตมาอยู่บนเกาะเดียวกันอีกด้วย
หลังจากติดเกาะมาหลายวัน ที่ประชุมของหญิงสาว 12 คนก็มีมติว่า
บุญผจญต้องนอนกับหญิงสาวว้นละ 2 คน
ทุกวันหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป โดยพวกเธอยินยอมให้บุญผจญมีวันหยุดพักในวันอาทิตย์ได้
1 วัน
เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน
ทุกๆวันอาทิตย์บุญผจญจะรู้สึกผ่อนคลาย จนกระทั่งเช้าวันอาทิตย์วันหนึ่ง บุญผจญไปพักผ่อนอยู่ริมชายหาดอย่างสบายใจ ทันใดนั้น
เขามองเห็นเรือลำหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามายังเกาะร้าง เขาดีใจสุดขีด คิดในใจว่าเขารอดแล้ว
เขาจะอาศัยเรือลำนี้แล่นไปยังแผ่นดินใหญ่บ้านเกิดเมืองนอนเสียที หรืออย่างน้อยถ้าผู้ที่มาด้วยเป็นชายก็คงจะแบ่งเบาภาระของเขาได้บ้าง
เมื่อเรือแล่นเข้ามาใกล้ เขารู้สึกผิดหวังเพราะว่าเรือลำนี้มีขนาดเล็กมาก
คงไม่สามารถใช้เดินทางฝ่าคลื่นลมในทะเลไปสู่แผ่นดินใหญ่ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังดีใจที่เห็นมีชาย 2
คนโดยสารเรือนี้มาด้วย ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป เขาได้ยินชาย 2 คนที่อยู่ในเรือคุยกัน
ชาย 1 : เห็นม้าย ตัวเอง บนเกาะนี้มีผู้ชายอยู่ด้วย ม่ายน่าเชื่อเลยนะฮ้า
ชาย 2 : อุ๊ยย หล่อเสียด้วยซิ ตัวเอง นี่เราอดอยากปากแห้งมาตั้งเดือนแล้วนะเนี่ย
โชดดีจริงๆนะเรา
บุญทนง เป็นหนุ่มโฟร์แมนของบริษัทก่อสร้างที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
เขาเป็นคนเจ้าชู้และมีเมียหลายคน วันหนึ่ง
เขาไปที่คลีนิคใกล้บ้านเพื่อหาหมอ
พยาบาล : สวัสดีค่ะ มาพบคุณหมอเรื่องอะไรคะ ?
บุญทนง : อืม์.. คือว่า.. อ้า.. ไข่.. ไข่ผมน่ะครับ คือว่า.. มัน..
มันเป็นสีเขียวน่ะครับ
พยาบาล : กรอกประวัติแล้วนั่งคอยคุณหมอสักครู่นะคะ
ระหว่างที่บุญทนงกรอกประวัติอยู่นั้น มีคนไข้ชายอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหมอด้วย
ชายคนนั้นแจ้งแก่พยาบาลว่าลูกอัณฑะของเขามันเป็นจ้ำสีแดง พยาบาลบอกให้เขากรอกประวัติด้วยเช่นเดียวกัน
บุญทนงได้ยินว่าคนไข้อีกคน
มีปัญหาที่เดียวกับตนและคิดว่ามันน่าจะรุนแรงมากกว่าเสียอีก
เมื่อคนทั้งสองพบกับหมอเสร็จแล้วก็ออกมานั่งคอยจ่ายเงินและรับยา สักพักใหญ่ต่อมา
พยาบาล : คุณสมรัก ของคุณ 200 บาท คุณบุญทนง ของคุณ 2,000 บาท
บุญทนง : เดี๋ยวๆ คุณพยาบาล คุณบอกผิดหรือเปล่า
ผมมีอาการไข่เขียวทำไมจึงต้องแพงกว่าคุณสมรัก ไข่แดง
พยาบาล : ไม่ผิดนี่คะ ถ้าสงสัยคุณก็เข้าไปถามคุณหมอก็ได้ค่ะ
สมรักรีบจ่ายเงินแล้วออกไปจากคลีนิคทันทีในขณะที่บุญทนงเดินเข้าไปพบหมออีกครั้งหนึ่ง
บุญทนง : หมอครับ คุณพยาบาลข้างนอกเขาแจ้งค่ารักษาผิดไปหรือเปล่าครับ
ไข่ของผมแค่เป็นสีเขียวทำไมคิดผมตั้ง 2,000 บาท
หมอ : อ๋อ ไม่ผิดหรอก ที่ไข่คุณเป็นสีเขียวเพราะมันฟกช้ำเนื่องจากถูกกระแทกอย่างแรง
หมอต้องให้ยาแก้อักเสบ
ยาแก้ปวด ยาแก้ผลกระทบข้างเคียง วิตามินบางตัว ตลอดจนครีมทาภายนอก ค่ารักษาของคุณ
2,000 ถูกต้องแล้ว
บุญทนง : อ้าว แล้วของคุณสมรักล่ะ
ไข่เขาเป็นสีแดงมันยิ่งจะอักเสบมากกว่าของผมเสียอีก ทำไมคิดเขา 200 บาท
หมอ : อ๋อ ของคุณสมรักน่ะ ไข่เขาเป็นสีแดงเพราะเปื้อนลิปสติก
หมอแค่ใช้แอลกอฮอล์เช็ดออกเท่านั้น ไม่มียา
ผู้ใหญ่บุญลี
เป็นผู้ใหญ่บ้านที่มีใจโอบอ้อมอารีและขยันขันแข็งของหมู่บ้านหาดขนำที่ค่อนข้างกันดาร
แม้แต่ถนนหนทางก็ยังไม่มี เวลาผู้ใหญ่บุญลีจะไปราชการในเมือง เขาต้องใช้ม้าเป็นพาหนะ
เช้าวันหนึ่งผู้ใหญ่บุญลีขี่ม้าเข้าเมือง ขณะขี่ผ่านป่าละเมาะเลาะริมลำธาร ทันใดนั้นเขาต้องหยุดม้าทันที
เพราะเขาได้เห็นกระติบข้าวใบหนึ่งติดอยู่ที่ซอกหินริมลำธาร เขาเอื้อมไปหยิบแล้วเปิดฝากระติบออกดู ปรากฎว่ามีงูตัวหนึ่ง
ผู้ใหญ่บุญลีตกใจปล่อยกระติบหลุดจากมือ เขาได้ยินเสียง
" ขอบใจที่ช่วยปล่อยฉัน ฉันถูกขังมานานมาก เพื่อตอบแทนบุญคุณฉันให้คุณขอได้สองสิ่ง
สิ่งหนึ่งเป็นของนอกกาย อีกสิ่งหนึ่งเป็นของในกาย เมื่อคุณอธิษฐานเสร็จผลจะปรากฎภายใน 6 ชั่วโมง "
แล้วงูก็เลื้อยหนีไปทันที
ผู้ใหญ่บุญลี หลังจากหายตกใจแล้วก็เริ่มคิดว่าตนจะขออะไรดี ของนอกกายก็มี
บ้านหลังใหญ่ เงินสดมากมาย หรือจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง มันเลือกไม่ถูก ส่วนของในกายก็มี ความหล่อ ความหนุ่ม
ความมีสุขภาพดี ความมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆและงดงาม มันเลือกไม่ถูกเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ควรรอช้า
เพราะพรที่งูให้ไว้ไม่รู้จะคงอยู่นานสักเท่าใด ในที่สุดเขาจึงเริ่มต้นตั้งจิตอธิษฐาน
ผู้ใหญ่บุญลี : ของนอกกายข้าฯขอเป็นทองคำสัก 20 กิโลกรัม
เพราะมันมีค่ามากไม่เปลืองที่เก็บ จะขายเป็นเงินก็ทำได้ง่าย ส่วนของในกาย ข้าฯขอ......ขอ....ขอให้อาวุธประจำกายของข้าฯใหญ่เท่ากันกับอาวุธประจำกายของม้าที่ข้าฯขี่อยู่นี้ เพราะอาวุธที่ใหญ่คงจะเป็นต่อเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด
หลังจากอธิษฐานเสร็จ ผู้ใหญ่บุญลีก็รีบออกเดินทางต่อไป
กระทั่งพลบค่ำเขาเดินทางถึงที่พักในเมือง เมื่อขนข้าวของเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่าในห้องมีแสงวูบวาบอยู่พักหนึ่ง
เมื่อแสงวูบวาบหายไปแล้วเขาเห็นทองคำแท่งกองอยู่บนพื้นกองหนึ่ง เขาเข้าไปจับดู มันเป็นทองคำแท้ๆเลย เขารู้สึกดีใจมาก
เขารีบถอดเข็มขัดและถอดกางเกงเขาดูอาวุธประจำกายของเขา เขาต้องใจหายวาบเพราะอาวุธประจำกายของเขาหายไป
หลังจากหายงงแล้ว
ผู้ใหญ่บุญลี : บ้าจริงๆเลยเรา เราลืมไปว่าเมื่อเช้านี้ ม้าที่เคยขี่ประจำมันป่วย
เลยเอาม้าตัวเมียมาขี่เข้าเมืองแทน
สายกนก
จบปริญญาตรีทางคณิตศาสตร์
เธอได้สามีเป็นฝรั่ง หลังจากอยู่กินจนมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน เมื่อลูกชายอายุได้ 5 ขวบ
ครอบครัวของสายกนกก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองซานตาโมนิกาแถวแคลิฟอร์เนีย
ทุกๆวันหยุดวันชาติของสหรัฐอเมริกา (4 กรกฎาคม)
ชาวอเมริกันจะไปพักผ่อนยังแบล็กบิชกันเป็นประเพณีหาดแห่งนี้อยู่ระหว่างนครลอสแองเจลิส กับเมืองซานดิเอโก
ที่นั่นจะมีคนนับเป็นพันๆ คนแก้ผ้านอนอาบแดด
หรือเดินเล่นตามชายหาด นับเป็นที่เปลือยกายอาบแดดที่โด่งดังมากที่สุด
นอกจากคนมาอาบแดดแล้ว ยังมีศิลปินมารับจ้างเขียนรูปด้วยสีอันฉูดฉาดบนเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของลูกค้านับร้อยๆคน
สายกนกพาสามีและลูกชายวัย 7 ขวบไปที่แบล็กบิชด้วย
หลังจากปล่อยให้ลูกชายไปวิ่งเล่นตามลำพังอยู่พักใหญ่ ลูกชายวิ่งกลับมาหาแม่
ลูกชาย : แม่ครับๆ ทางโน้นผมเห็นผู้หญิงสองสามคน
พวกเขามีนมใหญ่กว่านมคุณแม่เยอะเลยครับ
สายกนก : อ๋อ ผู้หญิงนี่นะ ยิ่งมีนมใหญ่เท่าไร จะยิ่งโง่เท่านั้น มันแปรผันกันนะลูก
หลังจากฟังคำอธิบายเสร็จเขาก็ออกไปวิ่งเล่นแถวชายหาดต่อ
สักครู่ต่อมาแกก็วิ่งกลับมาหาแม่อีก
ลูกชาย : แม่ครับๆ ทางนู้นผมเห็นผู้ชายหลายคน พวกเขามีจู๋ใหญ่กว่าจู๋ของพ่อเยอะเลย
สายกนก : อืม์ มันก็เช่นเดียวกันล่ะลูก
จู๋ยิ่งใหญ่เท่าไรก็แสดงว่าเจ้าของจู๋ยิ่งโง่เท่านั้น มันแปรผันกัน
เมื่อได้รับฟังคำอธิบายจากแม่แล้ว
ลูกชายหายไปอีกพักหนึ่งแล้ววิ่งกระหืดกระหอบมาหาแม่
ลูกชาย : แม่ครับๆ แย่แล้วครับ
ผมเห็นพ่อยืนคุยอยู่กับผู้หญิงที่โง่มากที่สุดที่ผมเคยเห็นมา แต่เมื่อพ่อยิ่งคุยกับผู้หญิงคนนั้น ผมรู้สึกว่าพ่อจะยิ่งโง่ขึ้นมาทุกทีๆเลยครับ
อย่าทำให้ครอบครัวเราเสื่อมเสีย ! (R)
สายเพทาย
เป็นสาววัยรุ่นที่ยังบริสุทธิ์
เมื่อคืนวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เธอมีนัดไปเที่ยวกับเพื่อนชายข้างบ้าน
ระหว่างที่กำลังแต่งตัวอยู่
คุณยายที่มาช่วยแต่งตัวก็คอยพร่ำสอนสายเพทายด้วยความเป็นห่วง
คุณยาย : เวลาหนูอยู่กับเขาสองต่อสอง เขาจะพยายามจูบหนู ยายรู้ว่าหนูอาจจะชอบ
แต่อย่าให้เขาทำเด็ดขาด
สายเพทาย : ค่ะ คุณยาย
คุณยาย : เขาจะพยายามใช้มือของเขามาจับหน้าอกหนู หนูอาจจะชอบ
แต่หนูอย่าให้เขาทำเด็ดขาดเลยนะ
สายเพทาย : ค่ะ คุณยาย
คุณยาย : แล้วเขาจะเอามือของเขามาซุกที่หว่างขาของหนู หนูอาจจะชอบ
แต่หนูอย่าให้เขาทำอย่างนั้นเชียวนะ
สายเพทาย : ค่ะ คุณยาย
คุณยาย : และที่สุดเขาก็จะพยายามนอนทับตัวหนู แล้วจะทำอะไรหนู
หนูอย่าให้เขาทำอย่างนั้นเด็ดขาดเลยนะ
เพราะมันจะทำให้ครอบครัวเราเสื่อมเสีย
สายเพทาย : ค่ะ คุณยาย
หลังจากนั้นสายเพทายก็ออกไปตามนัดจนดึก เช้าวันรุ่งขึ้น
เธอพบกับคุณยายขณะรับประทานอาหารเช้า
สายเพทาย : คุณยายขา เมื่อคืนนี้หนูไปเที่ยวกับเขาสนุกมาก
หนูได้ปฏิบัติตามที่คุณยายสอนหนูทุกอย่างเลยค่ะ
ยกเว้นตอนสุดท้ายค่ะ เขาพยายามจะขึ้นมานอนทับตัวหนูเหมือนที่คุณยายบอก
หนูไม่ยอมหรอกค่ะที่จะทำให้ครอบครัวเราเสื่อมเสีย หนูจึงพลิกขึ้นมานอนทับบนตัวเขา
หนูทำให้ครอบครัวเขาเสื่อมเสียแทนค่ะ
บุญสงบ
เซลล์แมนขายบ้านและที่ดินของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
หลังเลิกงานคืนวันหนึ่ง
เขาเดินเข้าไปในบาร์บุญขจร บังเอิญไปนั่งที่เคาน์เตอร์ซึ่งติดกับหญิงสาวสวยคนหนึ่ง
ระหว่างที่สั่งเบียร์มานั่งจิบ เขาจะคอยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเป็นครั้งคราว
เวลาผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งจนกระทั่งหญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้
หญิงสาว : เขาไม่มาตามนัดหรือคะ ?
บุญสงบ : เปล่านี่ครับ ผมไม่ได้นัดใคร
หญิงสาว : อ้าว ก็เห็นคุณเพียรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาอยู่เรื่อย
นึกว่านัดคุณมาสายเสียอีก
บุญสงบ : อ๋อ ผมไม่ได้ดูเวลาหรอกครับ
ผมติดต่อกับเพื่อนทางกระแสจิตผ่านนาฬิกาเรือนนี้ครับ เดี๋ยวนี้ผมไม่ต้องใช้โทรศัพท์มือถืออีกต่อไปแล้วครับ
หญิงสาว : จริงหรือคะ มันมหัศจรรย์ขนาดนั้นเชียวหรือคะ ? ไม่อยากเชื่อเลยนะคะ
บุญสงบ : ยิ่งกว่านั้นอีกครับ มันยังสามารถบอกผมด้วยว่า คุณไม่ได้ใส่กางเกงในครับ
หญิงสาว : ผิดแล้วค่ะ ฉันใส่กางเกงในค่ะ ฉันคิดว่านาฬิกาคุณเสียแล้วกระมังคะ
บุญสงบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เขาเอามันขึ้นมาเขย่าแล้วแนบกับใบหู
เขาหันขึ้นมามองหญิงสาว
บุญสงบ : โธ่เอ๊ย มันไม่ได้เสียหรอกครับ ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า....มันเดินเร็วไป 1
ชั่วโมง น่ะครับ
สายกานดา ไปเล่นเกมส์โชว์ทางโทรทัศน์ในรายการ พหูสูตรรายวัน เป็นครั้งแรกในชีวิต
เธอเข้าถึงรอบสุดท้ายเพื่อชิงรางวัลเงินสด 1 ล้านบาท
ก่อนจะถึงคำถามสุดท้ายที่สายกานดาและคู่ชิงของเธอจะต้องตอบคะแนนของเธอยังนำคู่ชิงอยู่ 1 คะแนน คู่ชิงของเธอมีสิทธิ์ตอบคำถามสุดท้ายซึ่งมี 2
คะแนนก่อนและเขาก็ตอบได้ถูกต้อง
จึงทำให้เขากลับมีคะแนนนำสายกานดาอยู่ 1 คะแนน
ถึงคราวที่เธอต้องตอบคำถามสุดท้ายที่มี 2 คะแนนแล้ว
ถ้าเธอตอบถูกเธอจะได้ 2 คะแนนแล้วจะเป็นฝ่ายชนะ ได้รับรางวัลเงินสด 1 ล้านบาททันที
ขณะที่พิธีกรสาวกำลังจะหยิบซองคำถาม ปรากฏว่าเวลาในรายการหมดลงพอดี
พิธีกรจึงต้องขอเลื่อนรายการไปในวันรุ่งขึ้น
สายกานดากลับถึงบ้าน เธอเล่าให้สามีฟังด้วยความตื่นเต้น
เธอไม่รู้ว่าคำถามสุดท้ายที่จะถามเธอคืออะไร ถ้าเธอมีโอกาสได้รู้คำถามคำตอบมันคงทำให้เธอนอนหลับด้วยความสบายใจ
สามีเธอได้ฟังแล้วก็หุนหันขับรถออกจากบ้านไปโดยบอกแก่สายกานดาว่าสักครู่จะกลับ
และแล้วสามชั่วโมงผ่านไปสามีกลับมาถึงบ้าน
สามี : ผมได้มาแล้ว คำถามคือ " อวัยวะสำคัญ 3 แห่งของผู้ชายมีอะไรบ้าง ? " คำตอบคือ
" ศรีษะ หัวใจ จู๋ "
สายกานดาอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เธอต้องพยายามท่องให้ขึ้นใจ
เพราะเวลาที่จะให้ตอบมีเพียง 10 วินาทีเท่านั้น หลังจากซักซ้อมอยู่นานเป็นชั่วโมง ในที่สุดเธอก็เข้านอนด้วยความสบายใจ
ตอนใกล้รุ่งสามีเธอปลุกให้เธอตื่นขึ้นเพื่อจะได้ซักซ้อมกันกับเธออีก
ถึงเวลาเกมส์โชว์แล้ว พิธีกรสาวหยิบเอาซองคำถามขึ้นมาอ่าน
พิธีกร : คุณสายกานดา อวัยวะสำคัญ 3 แห่งของผู้ชายมีอะไรบ้าง ? คุณมี 10 วินาที....เอ้า....10...........
สายกานดา : อืม์...อ้า... ศรีษะ ฮืม์.......เอ้อ.........อ้า..........หัวใจ
พิธีกร : เหลืออีกหนึ่งแห่ง 6.......5........4........
สายกานดา : เอ้อ...เมื่อเช้านี้สามีฉันยังเอามา...เอ้อ...อืม์.....อยู่ที่ริมฝีปากฉันนี่แหละ.....โอ้ว............
พิธีกร : ถูกต้องแล้วครับบบบ คุณไม่ต้องพูดคำนี้ตรงๆก็ได้ เรานึกภาพออก
คุณสายกานดาคุณเป็นแชมเปี้ยน
บุญแทน
เป็นพนักงานคนใหม่ของห้างแพ็กโกร
หัวหน้าสาธิตให้เขารู้จักเทคนิคการขายแบบต่อเนื่องโดยขณะนั้นมีลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน
หัวหน้า : สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ ?
ลูกค้า1 : ผมอยากได้ปุ๋ยยูเรียไปใส่สนามหญ้าหน้าบ้าน
หัวหน้า : เรามีขนาดถุงใหญ่ 20 กก. กับถุงเล็ก 10 กก.
ผมแนะนำแบบถุงใหญ่ประหยัดกว่าและใช้ได้ตลอดฤดูฝน
ลูกค้า1 : ตกลง ผมซื้อถุงใหญ่
หัวหน้า : อ้อ ผมขอแนะนำท่านซื้อคราดไปด้วย เพราะถ้าท่านไม่คราดเอาเศษหญ้าออกก่อน
ปุ๋ยมันจะไม่ลงดิน
ลูกค้า1 : ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมก็ตกลงซื้อคราดด้วย
หัวหน้า : แล้วท่านจะไม่ดูเครื่องตัดหญ้าไปด้วยหรือครับ ?
ลูกค้า1 : ซื้อทำไมเครื่องตัดหญ้า ?
หัวหน้า : หญ้าที่สนามท่านจะยาวเร็วหลังใส่ปุ๋ย
ท่านใช้เครื่องตัดให้มันเรียบมันจะสวยจนเพื่อนบ้านของท่านต้องอิจฉา จะช้าจะเร็วท่านก็ต้องซื้อเครื่องตัดหญ้าใช้อยู่แล้ว
ซื้อตอนนี้เรากำลังลดราคา 40%
ลูกค้า1 : ผมแค่มาซื้อปุ๋ย คุณทำให้ผมต้องซื้อคราด นี่ผมต้องซื้อเครื่องตัดหญ้าอีก
เอาล่ะผมซื้อแล้วไปดีกว่า
เมื่อลูกค้าเดินจากไปแล้ว มีลูกค้าคนใหม่เดินเข้ามาในห้าง
หัวหน้าบอกให้บุญแทนลองทำอย่างบ้าง
บุญแทน : สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ ?
ลูกค้า2 : ผมอยากได้ผ้าอนามัยโกเต็กซ์ให้ภรรยาผม 1 กล่อง
บุญแทน : ได้ครับ นี่ไงครับ อ้อแล้วท่านไม่สนใจเครื่องตัดหญ้าหรือครับ ?
ลูกค้า2 : เครื่องตัดหญ้า ? คุณจะบ้าหรือเปล่า ? ผมมาซื้อผ้าอนามัย
ผมจะเอาเครื่องตัดหญ้าไปทำอะไร ?
บุญแทน : อ๋อ ก็ผมเห็นว่าช่วงนี้ท่านคงต้องมีเวลาว่างมากขึ้นแน่นอน
ท่านอาจคิดอยากตัดหญ้าที่สนามไงครับ
บุญเหมือน หนุ่มวัย 30
ไปเที่ยวงานประจำปีของจังหวัดในคืนวันหนึ่ง
หลังจากเดินเที่ยวอยู่พักใหญ่แล้วก็บังเอิญได้พบหญิงสาวหน้าตาสดสวยคนหนึ่ง
จากสายตาที่ประสานกันเขาก็รู้สึกต้องชะตาขึ้นมาทันที หลังจากทักทายและพูดคุยเพียงอึดใจเดียวก็เกิดความสนิทสนมกัน
ทั้งคู่หัวร่อต่อกระซิกระหว่างที่เดินเที่ยวงานจนรู้สึกเมื่อย
บุญเหมือน : ผมรู้สึกเมื่อยขาแล้ว เราไปนั่งรถเล่นกันดีกว่า
หญิงสาว : ก็ดีค่ะ
บุญเหมือนขับรถพาหญิงสาวออกไปนอกเมือง แยกจากถนนใหญ่ลัดเลาะไปตามทางแคบๆที่วกวน
ลึกเข้าไปในป่าละเมาะที่ห่างไกลชุมชน เขาจอดรถที่ลานกว้างใต้ต้นไม้
ดับเครื่องยนต์แล้วสวมกอดหญิงสาว
หญิงสาว : เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณบุญเหมือน ฉันมีอะไรจะสารภาพกับคุณ
บุญเหมือน : อ๋อ คุณจะสารภาพรักกับผมใช่ไหมครับ ?
หญิงสาว : เปล่าค่ะ ฉันจะสารภาพว่าฉันเป็นผู้หญิงหาเงิน ฉันคิดค่าบริการ 1,000
บาทค่ะ
บุญเหมือนจำใจจ่ายเงินให้แก่หญิงสาว
แล้วทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์กันต่อไปจนเสร็จกิจตามมุ่งหมาย จากนั้นความเงียบก็เข้าครอบคลุมไปพักใหญ่
หญิงสาว : เหนื่อยหรือคะ ? ทำไมไม่ขับรถกลับกันล่ะคะ ?
บุญเหมือน : เปล่า ไม่เหนื่อย ผมลืมบอกคุณไปอย่างหนึ่ง ผมเป็นคนขับรถแท็กซี่
ค่ารถเข้าไปในจังหวัดผมคิด
1,200 บาทครับ
ที่โรงเรียนเบสท์จูเนียร์ไฮท์ ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นประถมที่มีชื่อเสียงของประเทศสหรัฐอเมริกา โรงเรียนนี้จะรับเฉพาะแต่เด็กที่มีสัญชาติอเมริกันเท่านั้น เด็กหญิงสายเชื้อ อายุ 10 ขวบมีสัญชาติอเมริกันโดยกำเนิดจึงสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ร่วมกับเด็กอื่นๆในชั้นที่มีทั้ง ผิวขาว ผิวดำ ผิวเหลือง เด็กๆทั้งหลายรักใคร่กลมเกลียวกันอย่างดี ไม่ได้มีใครรังเกียจใคร
ในชั่วโมงประวัติศาสตร์
คุณครูผู้หญิงผิวดำผู้มีความเป็นชาตินิยมอเมริกันอย่างมาก ได้สอบถามนักเรียน
คุณครู : นักเรียนทั้งหลาย เรามีความภาคภูมิใจในอเมริกา ไหน ใครเป็นอเมริกันบ้าง ?
ยกมือขึ้น
นักเรียนในห้องทุกคนต่างยกมือขึ้นสลอน ยกเว้นเด็กหญิงสายเชื้อเพียงผู้เดียว
คุณครู : หมายความว่าอย่างไร เด็กหญิงสายเชื้อ ? เธอไม่ใช่อเมริกันหรอกหรือ ?
สายเชื้อ : ไม่ใช่ค่ะ หนูเป็นคนไทยค่ะ
คุณครู : อะไรกัน เธอเป็นคนไทยได้อย่างไร ?
สายเชื้อ : ก็คุณพ่อของหนูเป็นคนไทย คุณแม่ของหนูก็เป็นคนไทย
หนูก็ต้องเป็นคนไทยซีคะ
คุณครูรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เด็กหญิงสายเชื้อไม่ยอมรับว่าตนเป็นอเมริกันทั้งๆที่เกิดในอเมริกา
คุณครู : ถ้าคุณพ่อเธอเป็นคนปัญญาอ่อน และคุณแม่ของเธอก็เป็นคนปัญญาอ่อน
แล้วเธอจะเป็นอะไร
สายเชื้อ : ก็เป็นอเมริกันซีคะ
ชมรมเพื่อนนักท่องเที่ยวชมรมหนึ่ง ได้เชิญชวนสมาชิกไปแค้มปิ้งกันบนภูแลนคา จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา มีสมาชิกสมัครไปด้วยจำนวนหลายสิบคน แต่พอใกล้จะถึงวันเดินทางปรากฏว่าประธานชมรมเกิดป่วยขึ้นมาอย่างกระทันหัน สายโมรา ซึ่งเป็นเลขานุการชมรมไม่อยากให้งานนี้ต้องยกเลิก จึงรับอาสาเป็นหัวหน้าคณะด้วยตนเอง และเพื่อแสดงให้สมาชิกทั้งหลายมั่นใจ สายโมราจึงได้แบ่งงานความรับผิดชอบให้เพื่อนๆช่วยดู
สายโมรา : คุณแจงช่วยจัดทำแผนที่และตารางการเดินทางโดยละเอียด คุณจุ๊บช่วยดูเรื่องรถโดยสาร คุณก้อยดูเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม คุณปุ๊ยทำหน้าที่เป็นพ่อครัว คุณแต๋มดูเรื่องเกมส์และการละเล่นต่างๆ คุณแอ๊วเตรียมหยูกยาและเครื่องปฐมพยาบาล คุณชิดจัดทีมคอยช่วยเหลือสมาชิกตอนเดินขึ้นเขา คุณเกียรติจัดทีมช่วยสมาชิกกางเต๊นท์
เมื่อได้มอบหมายงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สายโมราก็คอยติดตามงานจนแน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แล้ววันเดินทางก็มาถึง รถโดยสารพาคณะไปถึงตีนภูตามกำหนด บรรดาสมาชิกแบกสัมภาระของตนเองเดินขึ้นภูด้วยความทะมัดทะแมง ส่วนสิ่งของอื่นๆก็ให้บรรดาลูกหาบแบกขึ้นไป หลังจากการเดินเขาหลายชั่วโมงในที่สุด สมาชิกทุกคนก็เดินขึ้นถึงยอดภูตอนหกโมงเย็นตามเวลาที่กำหนดด้วยความเหน็ดเหนื่อยและหิวโหยในระหว่างที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวตั้งแค้มป์อยู่นั้น
สายโมรา : คุณปุ๊ย เตรียมทำอาหาร
เราจะกินข้าวกันตอนหนึ่งทุ่มตรง
คุณปุ๊ย : ได้เลยครับ ผมจะแสดงฝีมือให้ทุกคนประทับใจทีเดียว
หลังจากคุณปุ๊ยหายไปเตรียมข้าวของต่างๆสักพักใหญ่ๆ
คุณปุ๊ยต้องวิ่งหน้าตื่นมาหาสายโมรา
คุณปุ๊ย : แย่แล้วครับ ผมเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วแต่ไม่มีไฟครับ
ไม้ขีดไฟที่มีอยู่จุดไม่ติดเลยสักก้านครับ
สายโมรา : เป็นไปได้อย่างไร ? เมื่อวานนี้ฉันยังเอาออกมาจุดทดสอบดูทุกก้านเลย
มันติดหมดไม่เห็นมีปัญหา
บุญมโน วิศวกรหนุ่มรูปหล่อประจำบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เขาหลงรัก สายเกสร พนักงานต้อนรับสาวประจำโรงแรมห้าดาว มาแล้วหลายปี ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ไม่เกินเลยไปกว่าการจับมือถือแขน หรือมีการกอดจูบบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อมีโอกาส
เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ทั้งสองคนได้ขึ้นไปเที่ยวบนภูกระดึงกับชมรมท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก หลังจากได้เก็บสัมภาระไว้ในบ้านพักแล้ว ทั้งคู่ก็ปลีกตัวออกไปเดินเที่ยวที่ผาหล่มสักแต่เพียงลำพัง ระหว่างที่เดินไปด้วยกันนั้น บุญมโนโอบกอด จับมือถือแขนสายเกสรอยู่ตลอดเวลา ความรักความใคร่ก็เพิ่มดีกรีขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งดำฤษณาเข้าครอบงำบุญมโน เขาคิดในใจว่าจะต้องหาทางเผด็จศึกตอนนี้เลยเพราะเดี๋ยวเข้ากลุ่มแล้วจะไม่มีโอกาสอีก แต่ระหว่างที่เขากำลังคิดหาจังหวะอยู่นั้น
สายเกสร : คุณบุญมโน
ฉันอยากยิงกระต่าย (อยากปัสสาวะ)
บุญมโน : แถวนี้ไม่มีห้องน้ำ คุณไปที่หลังพุ่มไม้นั่นก็แล้วกัน
ไม่มีใครเห็นหรอกผมจะเฝ้าให้
เมื่อสายเกสรเดินเข้าไปหลังพุ่มไม้ บุญมโนได้ยินเสียงถอดเข็มขัด
เสียงกางเกงถูกดึงลง เขาจิตนาถึงรูปร่าง ช่วงขาที่เรียวงาม
และจินตนาถึงส่วนอื่นๆของสายเกสรด้วย เขาอดรนทนไม่ไหวแล้ว
เขาจึงเอื้อมมือแหวกต้นไม้เข้าไปสัมผัสขาของสายเกสร
แล้วเขาก็เลื่อนมือขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงโคนขา เขาเลื่อนมือต่อไปอีก
เขาสัมผัสถูกสิ่งหนึ่งเป็นแท่งยาวห้อยอยู่หว่างขาของสายเกสร
เขาตกใจรีบดึงมือกลับทันที
บุญมโน : คุณสายเกสร ผมคบคุณมาหลายปี
ไม่เคยรู้เลยว่าคุณเป็นสาวประเภทสอง
สายเกสร : ฉันไม่ใช่สาวประเภทสองหรอก บังเอิญฉันเกิดปวดท้องอึขึ้นมากระทันหัน
ขอให้ได้ทำหน้าที่ผู้หญิงอีกสักครั้ง (PG)
บนเครื่องแอร์บัส 345 ของบริษัท สายการบินแอร์ทวาย เที่ยวบินที่ TV 772 ที่บินจากสุวรรณภูมิไปยังเมืองมะริด ขณะที่บินอยู่ที่ความสูง 33,000 ฟิต ต้องเจอกับสภาพอากาศแปรปรวน ทั้ง ลม ฝน และลูกเห็บตกกระหน่ำใส่เครื่องบินอย่างหนัก นอกจากนั้นยังมีฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ตลอดเวลา เครื่องบินนอกจากจะสั่นสะเทือนแล้วยังกระดอนขึ้นลงวูบวาบ อย่างน่ากลัว
กัปตัน : ผู้โดยสารโปรดทราบ นี่กัปตันพูด ขณะนี้เครื่องบินประสบกับอากาศแปรปรวนขั้นรุนแรง ผมเกรงว่าเรามีความจำเป็นที่ต้องนำเครื่องลงสู่พื้นอย่างฉุกเฉิน แต่โชคไม่ดีที่แถวนี้ไม่มีสนามบินให้เครื่องลงจอดได้ ผมจึงจำเป็นต้องนำเครื่องลงตามสภาพ แม้โอกาสรอดจะมีน้อยแต่ผมก็อยากให้ผู้โดยสารนำชูชีพจากใต้ที่นั่งของท่านมากอดไว้แล้วก้มหัวลงต่ำที่สุด
สายวจี : ตายแล้ว ฉันจะไม่ยอมตายง่ายๆอย่างนี้ ฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย ฉันจะไม่ยอมนั่งตายโดยไม่ได้ทำหน้าที่ผู้หญิงจริงๆอีกสักครั้งหนึ่งก่อนเป็นแน่ เอ้า ! มีผู้ชายคนไหนที่จะอาสาสมัครมาทำให้ฉันทำหน้าที่ผู้หญิงจริงๆอีก สักครั้งหนึ่งไหม ?
ผู้โดยสารทุกคนนั่งเงียบด้วยใจที่อกสั่นขวัญแขวนจากเหตุการณ์ ยกเวันชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันที่นั่งอยู่ตอนท้ายเครื่องยกมือขึ้นแล้วก็เดินเข้ามาหาสายวจี แล้วเขาค่อยๆถอดเสื้อของเขาออกทำให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
ชายหนุ่ม :
ผมจะทำให้คุณได้ทำหน้าที่ผู้หญิงจริงๆ คุณสนใจไหม ?
สายวจี : โอเคเลย สนใจ ทำเลยๆ
ชายหนุ่มยื่นเสื้อของเขาให้สายวจี "เอ้า ! รีดเสื้อตัวนี้ให้ผมด้วย"
บุญบาร มีเป็นนักการตลาดมือทอง เขามีรายได้ปีละหลายล้านบาท แต่เขาก็นักดื่มตัวฉกาจ เขาจะกลับเข้าบ้านก็ต่อเมื่อเมาได้ที่แล้วทุกคืน สำหรับคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกัน เขาเมากลับบ้านเมื่อภรรยาเขาเข้านอนแล้วเช่นเคย เขาย่องขึ้นเตียงล้มตัวลงแล้วหลับทันที
เขาลืมตาขึ้นก็มองเห็นชายใส่ชุดขาวยืนอยู่ที่ปลายเตียงของเขา
บุญบารมี : คุณเป็นใคร ? คุณเข้ามาในห้องนอนของผมทำไม ?
ชายชุดขาว : เราคือยมบาล เราไม่ได้มาที่ห้องนอนของคุณ คุณต่างหากที่มาพบเรา
บุญบารมี : อ้าว ! นี่หมายความว่าผมตายแล้วหรือนี่ ? ผมยังตายไม่ได้
ผมยังมีงานค้างที่ต้องทำอีกหลายอย่าง
ชายชุดขาว : ก็ได้ เราจะให้คุณกลับไปเกิดใหม่เดี๋ยวนี้ แต่คุณจะเลือกเกิดได้แค่
เป็นหมู หรือเป็นแม่ไก่ เท่านั้น
บุญบารมี : งั้นผมขอเลือกเกิดเป็นแม่ไก่ ที่ฟาร์มข้างบ้านผมก็แล้วกัน
ยมบาลส่งให้บุญบารมีลงไปเกิดเป็นแม่ไก่ที่ฟาร์มข้างบ้านความความประสงค์
เขาเจอไก่โต้งตัวโต
ไก่โต้ง : มาอยู่ใหม่หรือ ? เคยไข่บ้างหรือยัง ?
บุญบารมี : ใช่ ผมมาอยู่ใหม่ ยังไม่เคยไข่เลย
ไก่โต้งเลยจัดการทับบุญบารมีแม่ไก่ตัวใหม่
ประเดี๋ยวเดียวเขาก็รู้สึกอยากออกไข่ขึ้นมาทันที เขาออกไข่ใบแรก
เมื่อออกไข่เสร็จเขารู้สึกผ่อนคลายมาก เขาออกไข่ใบที่สองก็รู้สึกดีมากอีกเช่นเคย
เขานึกในใจว่าทำไมการออกไข่นี้จึงช่างมีความสุขเหลือเกิน เขาออกไข่ใบที่สาม
ทันใดนั้นเขารู้สึกมีของแข็งมากระทบหัวของเขา
ภรรยา : ตื่น ตื่น คุณบุญบารมี คุณอึใส่เตียงน่ะ
สายบังอร เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต วันๆเธอจะขลุกอยู่กับกองเอกสารที่เต็มไปด้วยตัวเลขที่ต้องลงบัญชีกับเพื่อนๆผู้หญิงในอาชีพเดียวกันโดยไม่มีโอกาสได้คบหาสมาคมกับผู้ชายเลย พวกเธอเหล่านี้จึงยังไม่มีใครแต่งงานเลย วันหนึ่ง สายบังอรไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อให้หมอตรวจ เนื่องจากเธอมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สายบังอร : คุณหมอคะ
ไม่รู้ฉันเป็นอะไรที่บริเวณต้นขาด้านใน
หมอ : ถอดกางเกงออกแล้วขึ้นนั่งบนขาหยั่ง ขอให้หมอตรวจดูละเอียดหน่อย
สายบังอรมีทีท่ารีรอเนื่องจากออกอาการขวยเขิน
แต่แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจถอดกางเกงออกแล้วขึ้นนั่งบนขาหยั่งตามที่หมอสั่ง
หมอตรวจดูอย่างละเอียดแล้วพบว่า เธอมีดวงกลมๆสีเขียวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1
เซนติเมตรเกิดอยู่ที่บริเวณต้นขาด้านในข้างละดวง หมอใช้แว่นขยายส่องดูจุดดังกล่าว
แล้วเอาสำลีชุบกอฮอล์เช็ดที่รอยนั้นด้วย
หมอ : อืม์
หมอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นอะไร ? แต่ว่า..หมอถามหน่อยนะ
คุณเป็นเลสเบี้ยนหรือเปล่า ?
สายบังอร : เออ...คือว่า...คือว่า...
หมอ : ใช่ หรือ ไม่ใช่ มันเกี่ยวกับการวินิจฉัยนะ
สายบังอร : อ้า...ใช่ ใช่คะ หมอรู้ได้อย่างไรคะ ?
หมอ : คุณช่วยบอกคู่ขาของคุณด้วยนะว่า...ตุ้มหูที่เขาใส่มันไม่ใช่ทองแท้นะ
บุญวาสน์ เป็นแชมป์นักกระโดดน้ำ ในวันที่เขาไปชมการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำนานาชาติที่จัดขึ้นในกรุงเทพ เขาพบกับ สายสุรีย์ สาวสวยนัยตาคมนักว่ายน้ำหญิงคนหนึ่ง กามเทพแผลงศรเข้าใส่บุญวาสน์จนเกิดเป็นรักแรกพบทันที
บุญวาสน์ : ผมอยากแต่งงานกับคุณ
สายสุรีย์ : เรายังไม่รู้จักกันดีเท่าไรเลย
บุญวาสน์ : แต่งงานแล้วค่อยๆ เรียนรู้กันก็ได้
หลังจากทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานเร็วดังสายฟ้าแลบแล้ว
พวกเขาพากันไปฮันนิมูนที่พัทยาโดยพักอยู่โรงแรม 5 ดาว ที่มีสระน้ำขนาดโอลิมปิคแห่งหนึ่ง
ตอนเย็นเมื่อทั้งคู่ลงมาเล่นน้ำ บุญวาสน์ปีนบันไดขึ้นไปบนหอกระโดดน้ำ
เขากระโดดลงมาด้วยท่าเกลียวสามรอบ
เมื่อถึงผิวน้ำเขาสัมผัสน้ำแบบน้ำไม่กระเพื่อมเลยแม้แต่น้อย เขากระโดดในท่าอื่นๆ
ที่ยากอีกหลายท่าได้อย่างสวยงามมากและทุกๆครั้งที่เขาสัมผัสผิวน้ำ
มันคมเหมือนมีดที่ปักลงในน้ำเพราะไม่มีน้ำกระเพื่อมเลย
เมื่อเขากลับขึ้นมาพักที่ขอบสระ
สายสุรีย์ : โอ้โห คุณเป็นนักกระโดดน้ำระดับโอลิมปิกเลยนะนี่ ฉันไม่เคยเห็นใครกระโดดได้สวยอย่างนี้บ่อยนัก
พูดเสร็จสายสุรีย์ก็กระโดดลงสระ เธอโผว่างอย่างรวดเร็วด้วยท่าฟรีสไตล์ทิ้งฟองอยู่เบื้องหลังไกลเป็นสิบเมตร เธอแตะขอบสระอีกด้านหนึ่งแล้วพลิกตัวอย่างคล่องแคล่ว ว่ายกลับด้วยท่ากบตามด้วยท่าผีเสื้อและกรรเชียง เธอว่ายไปมาไปมาสลับท่าอย่างนั้นรวดเดียว 50 รอบ จึงขึ้นมาพักที่ขอบสระ
บุญวาสน์ : โอ้โห นอกจากคุณจะว่ายน้ำได้เร็วแล้วคนยังว่ายได้ทนอีก คุณเป็นนักว่ายน้ำมาราธอนด้วยหรือ ?
สายสุรีย์ : เปล่าค่ะ เมื่อก่อนฉันเป็นผู้หญิงหาเงินแถวท่าเรือคลองเตย ฉันต้องว่ายน้ำไปบริการลูกค้าบนเรือใหญ่ หลายๆ ลำ และยังต้องว่ายน้ำหนีตำรวจด้วยค่ะ
บุญพริ้ง เป็นหนุ่มหน้าตาดี แต่โชคร้ายที่เขาเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว เขาเพียรไปหาหมอเพื่อรักษามาแล้วหลายปีแต่อาการของโรคก็ไม่ได้ทุเลาลง ที่สุดเขามาหาหมอที่คลีนิกแห่งหนึ่ง หมอได้ตรวจร่างกายและสืบประวัติของบุญพริ้งแล้วถึงขั้นถอนหายใจ
บุญพริ้ง : ผมเป็นไงบ้างครับหมอ ?
หมอ : หมอดูแล้ว โรคของคุณมันร้ายแรง คุณคงอยู่ได้อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น
บุญพริ้ง : 2 ปีเท่านั้นหรือครับ ? แล้วหมอมีข้อแนะนำผมอย่างไรบ้างครับ ?
หมอ : คุณยังเป็นโสดใช่ไหม ?
บุญพริ้ง : ครับ ผมยังเป็นโสด
หมอ : ถ้าอย่างนั้น หมอแนะนำว่าให้คุณแต่งงานกับผู้หญิง อ้วน เตี้ย ดำ แก่
อัปลักษณ์ และพูดมากที่สุด แล้วไปอยู่กับเธอสองต่อสองแถวทุ่งกุลาร้องไห้
บุญพริ้ง : แล้วผมจะมีอายุยืนยาวขึ้นไหมครับ ?
หมอ : อ๋อ ไม่หรอก
บุญพริ้ง : อ้าวแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ?
หมอ : มีซี ก็ 2 ปีที่เหลือของคุณจะได้รู้สึกว่ามันนานสัก 20 ปียังไง
สายวรงค์ กับ สายจุฑา เป็นเพื่อนตำรวจหญิงในสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เธอทั้งสองเป็นคู่หูในหน่วยสายตรวจที่มี จีจี้ สุนัขดมกลิ่นพันธุ์รีทรีเวอร์เป็นเพื่อนร่วมงานด้วย โดยปกติแล้วสายวรงค์และสายจุฑาพร้อมกับจีจี้มักจะไปตรวจตามซอกซอยแถวย่านชุมชนแออัดในตอนเช้าจนถึงบ่ายๆทุกวัน
เช้าวันหนึ่ง สายจุฑาพร้อมกับจีจี้สุนัขดมกลิ่นพันธุ์รีทรีเวอร์ออกปฏิบัติงานที่แหล่งชุมชนแออัดคลองเตยเช่น เคยจนกระทั่งสาย สายวรงค์จึงวิ่งกระหืดกระหอบมาสมทบ
สายวรงค์ : ขอโทษที่มาสาย
เมื่อเช้านี้ออกกำลังกายเพลินไปหน่อย เกรงใจเธอจัง
นี่ก็รีบจนกระทั่งอาบน้ำเสร็จยังลืมใส่กางเกงในเลย ทิ้งอยู่ที่สำนักงาน
มารู้ตัวอีกทีก็มาเกือบถึงถึงคลองเตยแล้ว
ฉันกำลังคิดว่าจะย้อนกลับไปเอาที่สำนักงานดีไหม
สายจุฑา : เธอไม่ต้องไปเองหรอก นี่ก็สายมากแล้วขืนไปมาก็พอดีหมดเวลาทำงาน
ให้เจ้าจีจี้ไปคาบมาให้ก็ได้เราจะได้ทำงานกัน
สายวรงค์เห็นดีด้วยจึงได้เดินแอบไปที่มุมซอกแห่งหนึ่ง
ถลกกระโปรงของเธอขึ้นแล้วให้เจ้าจีจี้ทำหน้าที่ดมกลิ่นอันนั้นของเธออยู่พักหนึ่ง
มันทำจมูกฟุตฟิด แล้วเธอก็ปล่อยเจ้าจีจี้ไป ครึ่งชั่วโมงผ่านไป จีจี้ยังไม่โผล่มา
หนึ่งชั่วโมงก็แล้วไม่มีวี่แววของจีจี้ สองชั่วโมงผ่านไปยังไม่เห็นแม้เงาของจีจี้
พวกเธอเริ่มกระวนกระวายใจและเป็นห่วงเจ้าจีจี้
ไม่รู้ว่าเกิดเป็นตายร้ายดีอะไรขึ้นกับจีจี้หรือไม่
จนกระทั่งสามชั่วโมงผ่านไป พวกเธอได้ยินเสียงหวอของรถตำรวจ มันดังขึ้นๆแสดงว่ามุ่งมาทางพวกเธอ แล้วพวกเธอก็เห็นรถสายตรวจห้าหกคันวิ่งมุ่งหน้ามาทางนี้เช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้น
ขณะที่กำลังยืนงงอยู่นั้น พวกเธอก็มองเห็นจีจี้วิ่งโผล่มาจากมุมถนนในทิศทางเดียวกับรถตำรวจ เมื่อจีจี้วิ่งเข้ามาใกล้พวกเธอมองเห็นว่าที่ปากของจีจี้ ไม่มีกางเกงในแต่มันคาบลูกอัณฑะข้างหนึ่งของ จ่าบุญแก้ว มาด้วย
บุญทวี เป็นหนุ่มศัลยแพทย์เสริมความงามของโรงพยาบาลเยาฮัน แค่เขามาทำงานได้เพียงห้าหกเดือนเท่านั้นก็กลายเป็นหมอที่ป๊อบปูล่าในหมู่คนไข้สาวตลอดจนพยาบาลสาวของโรงพยาบาล ใครๆก็มักจะพูดถึงเขาเสมอเที่ยงวันหนึ่ง พยาบาลสาว 3 คน นั่งกินข้าวอยู่ที่ห้องอาหาร และแน่นอนเรื่องที่พวกเธอคุยกันก็คือหมอบุญทวี
พยาบาล1 : หมอบุญทวีเป็นคนรูปหล่อมากและเป็นคนมีฝีมือนะ ใครๆก็นิยมในตัวแก
แต่ว่าท่าทางแกลับๆล่อๆ
อย่างไรชอบกล
พยาบาล2 : ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ถึงจะดูแกเป็นคนเหนียมอาย
แต่ก็ไม่ค่อยน่าไว้วางใจสักเท่าไร
พยาบาล3 : ไม่จริงหรอก ฉันว่าแกเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะ
พยาบาล1 : อะไรกัน เมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันเข้าไปในห้องทำงานแกตอนแกไม่อยู่
ฉันเห็นหนังสือโป๊เต็มลิ้นชัก
พยาบาล2 : จริงซี แล้วเธอทำอย่างไรล่ะ ?
พยาบาล1 : ฉันไม่กล้าทำอะไรหรอก กลัวแกสงสัย
พยาบาล 2 : แต่เมื่อ 5 - 6
วันที่แล้วฉันก็แอบเข้าไปในห้องของแกตอนแกไม่อยู่เหมือนกัน ฉันเห็นถุงยางอนามัยอยู่ในกล่องบนโต๊ะของแก 4 - 5 อัน
พยาบาล1 : จริงหรือ แล้วเธอทำอย่างไร ?
พยาบาล2 : ฉันเหรอ ? ฉันจัดแจงเอาเข็มฉีดยาเจาะถุงยางอนามัยให้ทะลุหมดทุกอันเลย
หลังจากพยาบาล2 พูดจบ ปรากฏว่าพยาบาล3 เป็นลมล้มลงทันที
ในชั้นเรียนวิชาวาดเขียนของโรงเรียนอนุบาลเนียนสนิท เด็กๆได้รับการบ้านจาก ครูสายใจ
ครูสายใจ : นักเรียนทุกคนต้องวาดรูปแอปเปิ้ลมาส่งครูวันจันทร์ งานนี้จะใช้ตัดสินเป็นผลสอบด้วย ขอให้ตั้งใจวาดดีๆ
เด็กชายแก้วเพียร พยายามวาดรูปแอปเปิ้ลอยู่ครึ่งค่อนวัน มันไม่เหมือนรูปแอปเปิ้ลเลยโดยเฉพาะตรงเว้าของผล ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง จนเด็กชายแก้วรู้สึกหงุดหงิดมาก ในที่สุด เด็กชายแก้วเลยตัดสินใจใช้สีเทลงในถาด เขาถอดกางเกงออกแล้วนั่งลงในถาดสีนั้น ต่อจากนั้นเขาลุกขึ้นแล้วไปนั่งทับบนแผ่นกระดาษ ปรากฏว่าได้รูปแอปเปิ้ล สวยสมใจ
บ่ายวันนั้น เด็กหญิงแหวน มาเล่นที่บ้าน เห็นรูปแอปเปิ้ลของเด็กชายแก้วก็รู้สึกทึ่ง เด็กชายแก้วบอกวิธีที่ตนทำให้ได้รูปแอปเปิ้ลดังกล่าว เมื่อกลับถึงบ้าน เด็กหญิงแหวนก็จัดแจงเทสีใส่ถาด ถอดกางเกงออก นั่งลงบนถาดสีแล้วมานั่งทับบนกระดาษ ผลปรากฏว่าเธอก็ได้รูปแอปเปิ้ลสวยเช่นเดียวของเด็กชายแก้วเหมือนกัน
เช้าวันจันทร์ นักเรียนทุกคนเอารูปแอปเปิ้ลไปส่งครูสายใจตามกำหนด
หลังจากครูตรวจให้คะแนนแล้ว ปรากฏว่า
เด็กชายแก้วได้ A เด็กหญิงแหวนได้ C ซึ่งสร้างความงุนงงแก่เด็กหญิงแหวนยิ่งนัก
เด็กหญิงแหวน : คุณครูคะ ทำไมรูปแอปเปิ้ลของหนูจึงได้คะแนนแค่ C เท่านั้นคะ
รูปของหนูไม่สวยหรือคะ
ครูสายใจ : สวยจ้ะ รูปแอปเปิ้ลของหนูสวยมากเลยจ้ะ
เด็กหญิงแหวน : ทำไมของเด็กชายแก้วเขาได้ A
เราใช้วิธีวาดรูปแอปเปิ้ลวิธีเดียวกันนี่คะ
ครูสายใจ : อ๋อ รูปของเด็กชายแก้วเขาเหมือนกว่า เพราะเขามีก้านของผลแอปเปิ้ลด้วย
บุญดำรง เป็นนักเพาะกาย คืนวันหนึ่งเขาไปเที่ยวที่บาร์เบียร์แถวพัทยา นอกจากจะดื่มเบียร์แล้วเขาจะคอยจีบสาวบาร์เบียร์ไปพร้อมๆกันด้วย หลังจากดื่มเบียร์ไปแล้วหลายแก้วเขาเจอสาวบาร์เบียร์ที่เขาถูกใจคนหนึ่ง เขาจึงชวนกันไปที่ห้องพักในโรงแรม
เมื่อถึงห้องพัก บุญดำรงจัดแจงถอดเสื้อเขาออกโชว์ให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ ตั้งแต่หน้าอก ไหล่ แขน จนกระทั่ง กำปั้น ที่เขาภาคภูมิใจ
บุญดำรง : เห็นไหมคนสวย กล้ามเนื้อนี้เหมือนดินระเบิดสักพันปอนด์
มันจะส่งหมัดมฤตยูนี้คว่ำคู่ต่อสู้ในบัดดล
สาวบาร์เบียร์ : เห็นค่ะ
บุญดำรงถอดกางเกงเขาออกโชว์ให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆที่ท่อนขา ที่น่อง ทั้งสองข้าง
บุญดำรง : เห็นไหมคนสวย กล้ามเนื้อนี้เหมือนดินระเบิดอีกพันปอนด์
มันจะส่งให้แรงถีบมีพลังดั่งช้างสาร
สาวบาร์เบียร์ : เห็นค่ะ
บุญดำรงถอดกางเกงในของเขาออกโชว์ให้เห็นอันนั้นของเขา
สาวบาร์เบียร์เห็นเข้าจึงรีบฉวยกระเป๋าถือของเธอแล้วผลุนผลันออกจากห้องทันที บุญดำรงตามไปรวบตัวเธอกลับมา
บุญดำรง : คุณจะหนีไปไหน ?
สาวบาร์เบียร์ : ฉันกลัวว่าดินระเบิดจะระเบิดก่อนเวลา เพราะฟิวส์มันสั้นเกินไปน่ะซี
ปัจจุบัน ปัญหาโรคอ้วนเป็นปัญหาระดับชาติ มีการรณรงค์เพื่อป้องกันอย่างขนานใหญ่ โดยเฉพาะพวกเด็กๆ ซึ่งยังไม่รู้ว่าความอ้วนนั้นมีผลดีหรือเสียต่อสุขภาพอย่างไร เมื่อมีการรณรงค์แบบนี้ก็คล้อยไปตามกระแส
เด็กหญิงสายสุนันท์ อายุ 6 ขวบ มีนิสัยชอบแทะเล็บของตัวเอง คุณแม่เห็นว่าการแทะเล็บนอกจากจะไม่ถูกสุขอนามัยแล้วยังเป็นบุคคลิกที่ไม่ดีงามอีกด้วย แม้จะพยายามเตือนให้เด็กหญิงสายสุนันท์ให้เลิกแทะเล็บสักกี่ครั้งแล้วก็ตาม ดูเหมือนจะไม่เป็นผล จนในที่สุด คุณแม่ต้องนำเรื่องกระแสมาใช้
คุณแม่ : การแทะเล็บทำให้เป็นโรคอ้วน
ปรากฏว่าได้ผล สายสุนันท์เลิกนิสัยแทะเล็บได้ทันที วันหนึ่ง
คุณแม่พาสายสุนันท์ไปเที่ยวที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง สายสุนันท์เห็นคุณป้าคนหนึ่งอ้วนมาก
คาดว่าน่าจะมีน้ำหนักสักหนึ่งร้อยกิโลกรัมเห็นจะได้
สายสุนันท์ : คุณแม่ขา คุณแม่ขา ป้าคนนั้นไม่ยอมเลิกแทะเล็บใช่ไหมคะ
แกจึงอ้วนขนาดนี้
คุณแม่ : ใช่แล้วลูก แกแทะเล็บมานานมากแล้ว แต่ว่า....หนูอย่าพูดเสียงดัง
เดี๋ยวแกได้ยินแล้วจะโกรธเอา
วันต่อมา คุณแม่พาสายสุนันท์ขึ้นรถไฟฟ้าไปทำธุระ
สายสุนันท์ได้นั่งอยู่ติดกับผู้หญิงท้องใกล้คลอดคนหนึ่ง
สายสุนันท์เอาแต่นั่งจ้องท้องที่ใหญ่จนแทบระเบิดของหญิงคนนั้น
หญิงท้อง : จ้องอะไรจ๊ะหนู ?
สายสุนันท์ : จ้องที่ท้องของน้าค่ะ
หญิงท้อง : มันเป็นอะไรหรือจ๊ะ ?
สายสุนันท์ : เปล่าค่ะ หนูแค่ดูท้องคุณน้า แต่หนูรู้นะคะว่า คุณน้าทำอะไรมา
ในคืนวันศุกร์ปลายเดือน เกมส์ยอดอัจฉริยะรายวันก็มาถึงช่วงรางวัลใหญ่ 1 ล้านบาท ผู้ที่เข้าถึงรอบสุดท้ายเหลืออยู่เพียงคนเดียวคือ สายพธู รีเซปชั่นสาวของโรงแรมแห่งหนึ่ง
พิธีกร : คุณสายพธู ณ ตอนนี้คุณมีเงินสะสมแล้ว 500,000 บาท คุณจะเลือกเล่นต่อหรือจะหยุดเล่นเพียงเท่านี้ ถ้าหยุดเดี๋ยวนี้คุณจะได้รับเงิน 500,000 บาท แต่ถ้าคุณเลือกจะเล่นต่อ คุณต้องตอบคำถามสุดท้าย ถ้าคุณตอบถูกคุณจะได้รับเงินสด 1,000,000 บาท แต่ถ้าคุณตอบผิด เงินรางวัลคุณจะเหลือเพียง 50,000 บาทเท่านั้น คุณมีสิทธิ์ถามเพื่อนทางโทรศัพท์ได้เช่นเดิม
สายพธู : เล่นต่อค่ะ
พิธีกร : ถ้าอย่างนั้น คุณมีเวลา 3 นาที ที่จะเลือกคำตอบที่ถูกต้องดังนี้
จงบอกว่านกชนิดใดไม่สร้างรังของตนเอง
ก. นกอินทรี
ข. นกเขา
ค. นกเอี้ยง
ง. นกกาเหว่า
คุณสามารถใช้สิทธิ์โทรศัพท์ถามเพื่อนได้แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายในเวลาที่กำหนอด 3
นาที คุณจะใช้สิทธิ์หรือไม่ก็ได้
สายพธูตัดสินใจใช้สิทธิ์โดยเธอให้พิธีกรติดต่อสายมณฑาเพื่อนรีเซปชั่นของโรงแรมเดียวกัน เมื่อเธออยู่ในสาย
สายพธู : นี่สายมณฑา ฉันกำลังเล่นเกมส์ยอดอัจฉริยะรายวัน เธอช่วยฉันตอบคำถามหน่อย
เงินรางวัลตั้งหนึ่งล้าน
บาท ตอบดีๆนะและเร็วๆด้วย คำถามคือ นกชนิดใดที่ไม่สร้างรังของตนเอง
ก. นกอินทรี
ข. นกเขา
ค. นกเอี้ยง
ง. นกกาเหว่า
สายมณฑา : โธ่ ง่าย ข้อ ง. นกกาเหว่า ชัวร์ปึ้ก
สายพธู : ขอตอบ ข้อ ง. นกกาเหว่า เป็นคำตอบสุดท้าย
พิธีกร : ถูกต้องครับ คุณสายพธู คุณได้เงินรางวัล 1,000,000 บาท
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ
วันรุ่งขึ้น เมื่อสายพธูเจอสายมณฑา
สายพธู : สายมณฑา เธอรู้ได้อย่างไรว่านกกาเหว่าไม่สร้างรังของตนเอง ช่วยบอกหน่อยซิ
สายมณฑา : โธ่ง่าย ใครๆเขาก็รู้ทั้งนั้นว่า นกกาเหว่าอาศัยอยู่แต่ในนาฬิกา
มันจะออกมาบอกเวลาทุกชั่วโมงงัย
บุญธรรม เป็นผู้พิพากษามาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว
เขาเพิ่งคิดจะแต่งงานเมื่อได้พบกับหญิงสาวที่ถูกใจคนหนึ่ง ในคืนวันแต่งงาน หลังงานเลี้ยงฉลองแล้วก็มีการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าเรือนหอ
เมื่ออยู่กันตามลำพัง บุญธรรมก็เข้าไปสวมกอดภรรยาสาวทันที หญิงสาวรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
ภรรยา : ฉันเป็นสาวบริสุทธิ์ ไม่เคยรู้ว่าการมีเซ็กส์มันเป็นอย่างไร ?
พี่ช่วยอธิบายให้ฉันได้รู้สักหน่อยก่อน
บุญธรรม : อ๋อ ได้สิ ง่ายนิดเดียว สมมติว่าสิ่งนั้นของคุณเป็นคุก
สิ่งนั้นของผมเป็นนักโทษ เราก็จับนักโทษใส่เข้าไปในคุกเท่านั้นเอง
หลังจากอธิบายแล้วทั้งคู่ได้ประกอบกิจจนแล้วเสร็จ บุญธรรมก็นอนแผ่ด้วยอาการหมดแรง
สักครู่ใหญ่เขาก็รู้สึกว่าภรรยาสาวของเขาเอื้อมมือมาสกิดบุญธรรม
ภรรยา : พี่ขา นักโทษมันแหกคุกไปแล้วค่ะ
บุญธรรม : อ้าว ถ้าอย่างนั้นก็รีบจับนักโทษเข้าคุกเร็ว
ทั้งคู่จึงประกอบกิจกันอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อด้วยครั้งที่สาม
และทุกๆครั้งที่ประกอบกิจเสร็จภรรยาสาวจะรู้สึกอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ในขณะที่บุญธรรมอ่อนเปรี้ยเพลียแรงจนแทบไม่อยากขยับเขยื้อน
ภรรยาสาวเอื้อมมือไปสะกิดบุญธรรมอีกครั้งหนึ่ง
ภรรยา : พี่ขา นักโทษมันแหกคุกอีกแล้วค่ะ
บุญธรรม : ช่างมันเถอะคุณ มันไม่ใช่โทษจำคุกตลอดชีวิตนี่นา
สายชุลี อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ข้างสนามกอล์ฟกับสามีเพียงสองคน เนื่องจากงานดูแลบ้านเป็นงานที่หนักมากเธอพยายามหาสาวใช้มาช่วยงาน จนวันหนึ่ง เธอได้สาวใช้ใหม่คนหนึ่งซึ่งขยันขันแข็งในการช่วยงาน ในขณะที่กำลังถูบ้าน อยู่นั้น วิกผมของสาวใช้หลุดออกมา สร้างความขวยเขินให้กับหล่อนยิ่งนัก
สาวใช้ : ขอโทษค่ะ ที่หนูต้องใส่วิกเพราะหนูเกิดมาไม่มีผมเลย
แม้แต่ที่ตรงนั้นของหนูก็ไม่มีขนด้วย
สายชุลีเล่าเรื่องนี้ให้สามีฟังเมื่อเขากลับมาจากที่ทำงาน
สามี : ไม่น่าเชื่อเลยนะ ผมไม่เคยเห็นใครเป็นแบบนี้
คืนพรุ่งนี้คุณจะหลอกให้หล่อนเข้ามาในห้องนอนของเราตอนที่ผมไม่อยู่ แล้วบอกให้หล่อนถอดเสื้อผ้าให้คุณดูได้ไหม
ส่วนผมจะขอแอบดูอยู่ข้างนอกหน้าต่าง
คืนวันถัดมา สายชุลีบอกให้สาวใช้เข้ามาในห้องนอน เมื่ออยู่กันตามลำพัง
สายชุลี : หนูลองถอดเสื้อผ้าใช้ฉันดูหน่อย ฉันไม่เคยเห็นใครไม่มีขนที่ตรงนั้นเลย
สาวใช้จัดแจงถอดเสื้อผ้าของเธอออกเพื่อสายชุลีจะได้เห็น
หลังจากปล่อยให้สายชุลีดูจนพอใจแล้ว
สาวใช้ : คุณคะ หนูก็ไม่เคยเห็นคนที่มีขนที่ตรงนั้นเลยเช่นเดียวกัน
คุณจะถอดเสื้อผ้าให้หนูดูหน่อยได้ไหมคะ
สายชุลีก็ถอดเสื้อผ้าให้สาวใช้ได้ดูตามความประสงค์
หลังจากดูกันจนพอใจแล้วสาวใช้ก็กลับไป สามีเข้าบ้านมา
สายชุลี : คุณเห็นหรือเปล่า ? หล่อนขอให้ฉันแก้ผ้าให้หล่อนดูด้วย ฉันเขินเกือบตาย
สามี : ผมเขินยิ่งกว่าคุณเสียอีก
เพราะผมชวนเพื่อนก๊วนกอล์ฟของผมมาแอบดูอยู่นอกหน้าต่างด้วยนะซี
เมื่อช่วงวันหยุดยาว บุญประสาน ไปพักผ่อนที่หัวหิน คืนวันแรกที่ไปถึงเขาเข้าไปดื่มเบียร์ในบาร์เจ้าประจำ เขาแปลกใจที่เจอ บุญบรรจบ เพื่อนเก่าที่มีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่หัวหินนั่งดื่มเบียร์อยู่ก่อนแล้วอย่างมีความสุข
บุญประสาน : เฮ้ยเพื่อน เป็นไงบ้าง
มีความสุขจริงนะเพื่อนเห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
บุญบรรจบ : เพื่อนเอ๊ย เราไม่อยากบอกเลย มันสวรรค์จริงๆ มันสวรรค์จริงๆ
เมื่อเช้านี้นะ เรากำลังล้างเรือเร็วของเราอยู่ บังเอิญมีสาวสวยคนหนึ่งผมยาวหุ่นเช้งวับเลย หล่อนเดินมาขอนั่งเรือเที่ยว
เราไม่ขัดข้อง เราขับเรือเร็วพาหล่อนออกทะเลไปสักสิบกิโลเมตรเห็นจะได้
เราดับเครื่องยนต์เรือแล้วบอกกับหล่อนว่า จะยอมมีเซ็กส์กับเราหรือไม่ก็ว่ายน้ำกลับฝั่งเอาเอง โธ่ ! เพื่อนเอ๊ย เพื่อนก็รู้นี่นา
หล่อนว่ายน้ำไม่เป็น
คืนที่สอง บุญประสานมาดื่มเบียร์ที่บาร์เช่นเคย
และเขาก็พบกับบุญบรรจบนั่งยิ้มกว้างให้แก่เขา
บุญประสาน : เฮ้ยเพื่อน วันนี้มีโชคอะไรอีกหรือเพื่อน
ท่าทางเพื่อนจะมีความสุขกว่าเมื่อคืนเสียอีก
บุญบรรจบ : เพื่อนเอ๊ย เราไม่อยากบอกเลย มันสวรรค์จริงๆ มันสวรรค์จริงๆ
เมื่อเช้านี้เรากำลังล้างเรือเร็วของเรา ก็บังเอิญมีสาวสวยนัยตาคมโตรูปร่างเพรียวสวยกว่าสาวเมื่อวานเสียอีก
หล่อนเดินมาขอนั่งเรือเที่ยว เราไม่ขัดข้องอยู่แล้วจึงได้ขับเรือพาหล่อนออกทะเลไปสักสิบห้ากิโลเมตรเห็นจะได้
เราดับเครื่องยนต์เรือแล้วบอกกับหล่อนว่า จะยอมมีเซ็กส์กับเราหรือไม่ก็ว่ายน้ำกลับฝั่งเอาเอง โธ่ ! เพื่อนเอ๊ย
เพื่อนก็รู้นี่นา หล่อนก็ว่ายน้ำไม่เป็น
คืนที่สาม บุญประสานเข้ามาในบาร์
เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่บุญบรรจบเห็นนั่งเศร้าสร้อยเหมือนคนหมดอาลัย
บุญประสาน : อ้าวเพื่อน ทำไมคืนนี้จึงเศร้าสร้อยอย่างนี้
วันนี้ไม่มีโชคหรือไงเพื่อน ?
บุญบรรจบ : เพื่อนเอ๋ย
เราขอบอกว่าเมื่อเช้าวันนี้เรากำลังล้างเรือเร็วของเราเช่นทุกวัน
พอดีมีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่
ยิ่งกว่าสาวสองคนแรกเสียอีก หล่อนเดินมาขอนั่งเรือเล่น เพื่อนเอ๋ย
หัวใจเราเต้นโครมครามจึงรีบขับเรือออกไปให้แสนไกล สักยี่สิบกิโลเมตรเห็นจะได้เพื่อน และก็เหมือนทุกครั้ง
เราดับเครื่องยนต์เรือแล้วบอกกับหล่อนว่า จะยอมมีเซ็กส์กับเราหรือไม่ก็ว่ายน้ำกลับฝั่งเอาเอง
บุญประสาน : หล่อนเลือกที่จะว่ายน้ำกลับฝั่งเองใช่ไหม ?
บุญบรรจบ : เปล่า เพื่อนเอ๋ย หล่อนมาฉวยกุญแจเรือจากเราไป แล้วหล่อนก็ถอดกางเกง
เพื่อนเอ๋ย หล่อนมีจู๋
ขนาดใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มเลย โธ่ ! เพื่อน เพื่อนก็รู้นี่นาว่า เราว่ายน้ำไม่เป็น
เพื่อน เราว่ายน้ำไม่เป็น
คืนวันหนึ่ง บุญไผท หนุ่มใหญ่วัย 40 ขับรถปิ๊กอั๊บคู่ใจเข้าไปดื่มเหล้าในเมือง หลังจากดื่มเหล้าแล้วก็ขับรถกลับบ้านไปตามทางหลวง เนื่องจากถนนค่อนข้างโล่งบุญไผทเลยเหยียบคันเร่งเพลินไปหน่อย รถยนต์เพิ่มความเร็วจนถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทันใดนั้น มีแสงไฟและไซเร็นของรถตำรวจทางหลวงเปิดไล่หลังเขามา
บุญไผทตกใจเนื่องจากเขาดื่มเหล้ามาด้วยแล้วยังขับรถเร็วเกินที่กฏหมายกำหนดอีก เขาจะหาเหตุผลแก้ตัวกับตำรวจอย่างไรดี ระหว่างที่กำลังคิดหาเหตุผลอยู่นั้นเขายิ่งเหยียบคันเร่งเพื่อหนีตำรวจเป็นการถ่วงเวลาด้วย แม้รถยนต์ของเขาจะเป็นเพียงรถปิ๊กอั๊บก็ตาม แต่ด้วยขนาดของเครื่องยนต์เทอร์โบ 3600 ซีซี ทำให้รถตำรวจไล่เขาได้ไม่ง่ายนัก
หลังจากไล่กวดกันอยู่ประมาณ 15 นาที บุญไผทได้สติ เพราะถึงจะหนีอย่างไรก็ไม่พ้นแน่ ตำรวจอาจวิทยุให้ข้างหน้า ตั้งด่านหรือดักจับเขาได้อย่างแน่นอนซึ่งตอนนั้น ความผิดของเขาก็จะเพิ่มมาอีกกระทงหนึ่งคือการหนีการจับกุมของ เจ้าหน้าที่ แม้ยังหาเหตุผลแก้ตัวยังไม่ได้แต่เขาก็ชะลอรถแล้วไปจอดอยู่ข้างทาง ตำรวจที่ไล่ตามมาจึงจอดรถและเดินมาหาเขา
ตำรวจ : ขอใบอนุญาตขับขี่หน่อย คุณมีของผิดกฏหมายในรถใช่ไหม ?
บุญไผท : นี่ครับ ใบขับขี่ของผม ในรถผมไม่มีของผิดกฎหมายหรอกครับ
ตำรวจ : อ้าว ! แล้วอย่างนั้นทำไมคุณจึงต้องหนีการจับกุมของผมอย่างนี้ล่ะ ?
มันน่าสงสัยจริงๆ
บุญไผทปิ๊งถึงเหตุผลที่จะใช้แก้ตัวได้พอดี
บุญไผท : เอ้อ...คือว่า... เรื่องมันยาวครับ ผมขอให้คุณตำรวจเห็นใจผมด้วยครับ
คือว่า...เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเมียผมหนีตามตำรวจทางหลวงคนหนึ่งไป ผมรู้สึกมีความสุขมากเลยไปฉลองกันในเมือง
ตอนขากลับผมเห็นรถตำรวจทางหลวงขับไล่ตามผมมา ผมต้องหนีสุดชีวิตละครับ
เพราะผมกลัวว่าตำรวจทางหลวงคนนั้นจะเอาเมียผมมาคืนน่ะครับ
บุญย้อน หนุ่มวัย 40 ปลายๆเป็นคนรักครอบครัวมาก น้อยครั้งที่จะเห็นเขาออกไปสังสรรกับเพื่อนๆในยามค่ำคืนวันหนึ่งเขาไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างหน้าตาสวยงามสะดุดตา เธอนอกจากจะหันมายิ้มให้กับเขาแล้วเธอยังยกมืออันเรียวงามของเธอขึ้นมา โบกมือเล็กน้อยเป็นการทักทาย บุญย้อนรู้สึกสะดุ้งนิดหน่อย เขาไม่แน่ใจว่าเคยพบหญิงสาวคนนี้ที่ไหนมาก่อน ในขณะที่ยังยืนงงอยู่นั้นหญิงสาวก็เดินเข้ามาใกล้ตัวเขาเสียแล้ว
บุญย้อน : ขอโทษนะครับ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าครับ ?
หญิงสาว : ค่ะ และฉันก็มั่นใจว่า คุณคือพ่อของเด็กคนหนึ่งของฉัน
บุญย้อนรู้สึกเย็นวูบขึ้นมาทันที เขาทบทวนความจำในอดีต
เขาเคยมีอะไรกับหญิงสาวคนนี้ที่ไหนหรือ ? โอ้ !
พระเจ้า ! มันเป็นไปได้อย่างไร ? เขาเป็นคนรักลูกรักเมียมากที่สุด
เขาไม่เคยคิดนอกใจเมียเขาเลยแม้แต่น้อย
ยกเว้นเมื่อสัก 6 - 7 ปีมาแล้วเพียงครั้งเดียว
ตอนที่เขาไปงานวันเกิดของเพื่อนรักคนหนึ่ง คืนนั้นเขาดื่มเบียร์มากไปหน่อย ประกอบกับเพื่อนได้นำเอานางแบบสาวมาเต้นฟลอร์โชว์ในงาน
เขาเกิดเผลอใจลืมตัวไปหน่อยเดียวเท่านั้น
บุญย้อน : คุณคือนางแบบสาวที่ไปเต้นฟลอร์โชว์ในงานวันเกิดของเพื่อนผมเมื่อ 6 - 7 ปีที่แล้วใช่ไหม ? พอดีคืนนั้นผมเมามากไปหน่อย ประกอบกับตอนนั้นผมรู้สึกว่าคุณสวยเซ็กซี่มาก ลีลาการเต้นของคุณก็ยั่วยวนจนทำให้ผมเกิดลืมตัวขึ้นมา ผมจึงพาคุณหลบเข้าไปที่ห้องเก็บของแล้วก็มีอะไรๆกับคุณ มันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นจริงๆ มันเป็นไปได้อย่างไรที่คุณจะตั้งท้องได้พอดีขนาดนั้น
หญิงสาว : เปล่าค่ะ ฉันไม่ใช่นางแบบและก็ไม่เคยตั้งท้อง ฉันคือครูสายใจอยู่ที่โรงเรียนเนียนสนิทค่ะ
บุญหทัย เป็นบัณฑิตจบใหม่ ตอนเขาไปสมัครงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง มีการสอบสัมภาษณ์ผู้สมัครหลายคน คนที่ทำการสัมภาษณ์จึงทดสอบปฏิภาณของผู้สมัครทั้งหลายด้วยเรื่องดังต่อไปนี้
สมมติว่าคุณขับรถสปอรต์คันงามผ่านป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง ขณะนั้นมีฝนตกพรำๆแต่มีลมกระโชกแรง คุณเห็นคนกำลังรุมล้อมหญิงชราวัย 80 ปีคนหนึ่ง เธอนั่งอยู่บนพื้น คุณจึงจอดรถแล้วเข้าไปดู พบว่าหญิงชรานั้นเป็นโรคหัวใจล้มเหลว จำเป็นต้องได้รับการนำตัวไปส่งโรงพยาบาลทันที ไม่เช่นนั้นเธอจะต้องตาย บังเอิญที่ป้ายรถเมล์นั้น คุณพบเพื่อนสนิทที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตคุณเอาไว้ ปัจจุบันเขาตกทุกข์ได้ยาก จำเป็นต้องคอยนั่งรถโดยสารประจำทางทั้งๆที่มีธุรรีบด่วนต้องไปทำ เขารอรถประจำทางนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ขณะเดียวกันคุณพบหญิงสาวคนหนึ่ง เธอสวยและมีเสน่ห์มากที่สุดในชีวิตเท่าที่คุณเคยเห็นมา เธอสบตาคุณด้วยสัญญาณที่บ่งบอกว่าเธอสนใจและชอบคุณด้วยเช่นกัน แต่รถสปอร์ตของคุณมีที่นั่งเพียง 2 ที่รวมคนขับ นั่นหมายความว่า คุณจะรับใครคนใดคนหนึ่งไปกับคุณได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คุณควรทำอย่างไร ?
ผู้สมัครที่เข้าสัมภาษณ์แต่ละคนต่างก็มีคำตอบที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับมโนธรรม จริยธรรม และ คุณธรรมที่ แต่ละคนจะคิด ส่วนบุญหทัยตรึกตรองด้วยเหตุและผล
1 เราต้องมีทั้งมโนธรรมและคุณธรรม ควรนำหญิงชราไปโรงพยาบาลโดยเร็วไม่เช่นนั้นเธอก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตแม้ไม่ใช่จากน้ำมือเราก็ตาม อย่างไรเสียใจมันก็จะเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต แต่...........
2 เพื่อนผู้มีบุญคุณเคยช่วยชีวิตเรา บัดนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเราบ้าง ถ้าเราไม่ช่วยเขา ก็เท่ากับว่าเราเป็นคนเนรคุณคน แต่............
3 หญิงสาวที่สวยที่สุดที่เราเคยพบมาและมีใจกับเรา มันเป็นโอกาสแล้วถ้าเราไม่ฉวยโอกาสนี้เราก็อาจผิดหวังและอาจจะไม่มีโอกาสเจอเธออีกไปตลอดชีวิต
แต่เแล้ว ในที่สุด บุญหทัยก็ตัดสินใจยื่นกุญแจรถสปอร์ตให้เพื่อนขับรถไปส่งหญิงชราที่โรงพยาบาล แล้วเอารถไปทำธุระ ส่วนตนเองนั้นนั่งรอรถประจำทางอยู่กับหญิงสาว...................." บุญหทัยถูกเลือกให้ได้งาน"
คุณรู้จักมีเซ็กส์บ้างไหม ? (R)
สายลำดวน เป็นแม่บ้านอยู่กับสามีและลูกสองคน ทุกเช้าหลังจากที่ดูแลเรื่องอาหารการกินให้สามีและลูกสองคนแล้ว สามีจะออกจากบ้านไปทำงานกว่าจะกลับบ้านอีกทีก็ดึกเป็นอย่างนี้ทุกวัน แม้กระทั่งวันเสาร์วันอาทิตย์ สามีก็จะออกไปเลี้ยงรับรองลูกค้า ส่วนเธอจะต้องรับส่งลูกไปโรงเรียนแล้วก็กลับมาทำงานบ้านเป็นกิจวัตร
เช้าวันหนึ่ง
มีคนมากดกริ่งประตูบ้าน เธอเดินไปเปิดประตูก็พบชายหนุ่มคนหนึ่ง
ชายหนุ่ม : คุณรู้จักมีเซ็กส์บ้างไหมอ่ะ ?
สายลำดวนตกใจจึงปิดประตูใส่ชายหนุ่มนั้นทันที
อีกสักพักก็มีเสียงกริ่งประตูดังขึ้นอีก เธอตัดสินใจไปเปิดประตู
ชายหนุ่ม : คุณรู้จักมีเซ็กส์บ้างไหมอ่ะ ?
สายลำดวนกรีดร้องเสียงดัง เธอไล่ชายหนุ่มคนนั้นไปแล้วปิดประตูลงกลอน ตกดึกคืนนั้น
เธอเล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง สามีเดือดดาลยิ่งนัก
สามี : พรุ่งนี้ผมจะอยู่บ้าน ถ้าไอ้เสียสตินั้นมาอีก คุณไปเปิดประตูส่วนผมจะถือปืนแอบอยู่ด้านหลังประตูนั้น ถ้ามันพูดลามปามคุณอีกครั้งเดียวผมจะใช้ปืนนี้ยิงมันให้สมองกระจุยเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น ทุกอย่างในบ้านอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม
สายลำดวนเดินไปเปิดประตู
ชายหนุ่ม : คุณรู้จักมีเซ็กส์บ้างไหมอ่ะ ?
สายลำดวน : รู้จักซิ ใครว่าไม่รู้จัก
ชายหนุ่ม : ดีแล้ว จงมีเซ็กส์กับสามีคุณแล้วบอกเขาด้วยว่าอย่ามายุ่งกับเมียผม
ไม่งั้นผมจะยิงเขาให้สมองกระจุย
บุญบรรจง
หนุ่มใหญ่วัย 50 ไปปรึกษาหมอเกี่ยวกับปัญหาการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา
หมอ : หมอว่าคุณต้องใช้ไวอากร้า ให้คุณกินไวอากร้า 1 เม็ดก่อนประกอบกิจ 1 ชั่วโมง
ตัวยาจะมีฤทธิ์อยู่ได้อีก 1 ชั่วโมงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ห้ามกินเกินวันละ 1
เม็ดอย่างเด็ดขาด มีปัญหาอะไรโทรมาหาหมอได้
บุญบรรจงรู้สึกดีใจมาก ภายหลังออกจากห้องหมอและชำระเงินค่ายาแล้ว
เขาจึงรีบโทรศัพท์ไปหาภรรยาทันที
บุญบรรจง : วันนี้ผมไปพบหมอ เขาให้ยาไวอากร้ามา คุณจะกลับถึงบ้านกี่โมง ?
ภรรยา : ประมาณ 1 ทุ่ม
บุญบรรจงนั่งรอภรรยาอยู่ที่บ้าน พอถึง 6 โมงเย็นเขาก็เอาไวอากร้ามากิน 1
เม็ดตามที่หมอสั่ง เขารอถึง 1 ทุ่ม ภรรยาโทรศัพท์เข้ามาหาเขา
ภรรยา : ตอนนี้ฝนตกและรถติดมากรถแทบไม่ขยับเลย ฉันคิดว่าอย่างน้อยต้องอีก 3
ชั่วโมงจึงจะกลับถึงบ้าน
บุญบรรจงรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที เขารีบคว้าโทรศัพท์แล้วติดต่อหมอเพื่อปรึกษา
บุญบรรจง : หมอครับ ผมกินไวอากร้าตอน 6 โมงเย็น ภรรยาผมโทรมาแจ้งว่ารถติดมาก
กว่าเธอจะถึงบ้านคงจะราว 4 ทุ่ม ตอนนั้นยามันก็คงหมดฤทธ์แล้ว ผมควรทำอย่างไรดี ?
หมอ : งั้นคุณก็ต้องรีบใช้มันเดี๋ยวนี้เลยไม่งั้นเสียดายยาแย่เลย อืม์ !
ที่บ้านคุณมีสาวใช้ไหมล่ะ ?
บุญบรรจง : มีครับหมอ แต่ว่า..... กับสาวใช้ ผมไม่ต้องใช้ไวอากร้านี่ครับ หมอ
บุญท้าย
เป็นช่างตัดผมฝีมือดีของร้านพอเพียงเกศาซึ่งอยู่ใกล้บ้าน
เขามักจะมีลูกค้าขาประจำมารอตัดผมอยู่เป็นประจำ เช้าวันหนึ่ง
มีชายหนุ่มหน้าตาดีโผล่เข้ามาในร้าน
ชายหนุ่ม : จะตัดผมต้องรอนานเท่าไหร่ ?
บุญท้าย : อีกสองชั่วโมง
ชายหนุ่มไม่ได้ว่าอะไร แล้วเขาเดินออกจากร้านไป อีกอาทิตย์หนึ่งต่อมา
ชายหนุ่มคนเดิมเดินเข้ามาในร้าน
ชายหนุ่ม : จะตัดผมต้องรอนานเท่าไหร่ ?
บุญท้าย : สองชั่วโมงครึ่ง
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เขาเดินออกจากร้านไปตามเคย อาทิตย์ถัดมา
เขาเดินเข้ามาในร้านตัดผมผมอีก
ชายหนุ่ม : จะตัดผมต้องรอนานเท่าไหร่ ?
บุญท้าย : สามชั่วโมง
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรเช่นเคย พอชายหนุ่มเดินออกจากร้าน บุญท้ายเรียกนายเปี๊ยก
คนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่มีวินอยู่หน้าร้านพอดี
ให้สะกดรอยตามชายหนุ่มคนนั้นไปเพื่อจะได้รู้ว่าเมื่อเข้ามาถามตัดผมแล้วทำไมจึงไม่กลับมาในเวลาอันควร
แต่จะหายไปนับเป็นอาทิตย์ หลังจากนายเปี๊ยกสะกดรอยตามไปสักพักก็กลับมา
บุญท้าย : เป็นไง ได้เรื่องไหม ? เขาออกจากนี่แล้วเขาไปไหน ?
นายเปี๊ยก : อ๋อ เขาออกจากที่นี่แล้วเขาไปที่บ้านคุณนะซี
บุญตลบ พาภรรยาควบรถซีอาร์ดีจากพัทยามาตามถนนมอเตอร์เวย์ ในขณะที่ขับรถส่ายไปมาเขาบังเอิญแซงรถตำรวจทางหลวงคันหนึ่งเข้า ตำรวจเห็นความผิดปกติของรถที่แซงขึ้นไปจึงได้เปิดหวอแล้วไล่ตามรถคันนั้นไป เมื่อบุญตลบเห็นรถตำรวจไล่มาจึงได้ชะลอความเร็วลงแล้วจอดรถที่ข้างทาง ตำรวจจอดรถและเดินมาหาเขา
ตำรวจ :
คุณขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด คุณรู้หรือเปล่า ?
บุญตลบ : จริงเหรอ ? ผมไม่รู้ครับ
ภรรยา : ไม่จริงค่ะคุณตำรวจ ฉันบอกเขาว่าให้ขับช้าๆมาเกือบตลอดทางแล้ว
บุญตลบ : หุบปาก !! นั่งเฉยๆ อย่าพูดมาก
ตำรวจ : และนี่ทะเบียนรถของคุณก็ขาดการต่ออายุด้วย คุณทราบไหม ?
บุญตลบ : จริงเหรอ ? ผมไม่ทราบครับ
ภรรยา : ไม่จริงหรอกคุณตำรวจ ฉันบอกให้เขาไปต่อทะเบียนหลายครั้งแล้ว
เขาไม่สนใจไปต่อเอง
บุญตลบ : หุบปาก !! บอกแล้วว่าให้นั่งเฉยๆ ไม่ต้องเสือก
ตำรวจ : คุณผู้หญิงครับ สามีคุณก้าวร้าวใส่คุณอย่างนี้เสมอหรือครับ ?
ภรรยา : เปล่าค่ะคุณตำรวจ เขาจะก้าวร้าวอย่างนี้เฉพาะตอนที่เขาเมาเท่านั้นค่ะ
บุญแฉล้ม
เป็นหนุ่มนักการตลาดของบริษัทขายรถยนต์แห่งหนึ่ง
เขามีปัญหาเรื่องการหลั่งเร็วจึงได้ไปปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลหลายแห่งแล้วแต่ก็ไม่ดีขึ้นแต่ประการใด
ในที่สุดหมอแนะนำว่าเขาควรช่วยตัวเองก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์
ตั้งแต่วันที่หมอแนะนำมาเขายังไม่เคยได้ลองปฏิบัติเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง
ขณะที่เขากำลังขับรถจะไปหาแฟนที่ต่างจังหวัด
เขาคิดถึงคำแนะนำของหมอขึ้นมาได้ในขณะที่ยังเหลือระยะทางเพียง 20
กิโลเมตรเท่านั้นก็จะถึงบ้านแฟนอยู่แล้ว
เขารู้ว่าระยะทางที่เหลือนั้นไม่มีปั๊มน้ำมันที่เขาพอจะแวะเข้าห้องน้ำ
เพื่อช่วยตัวเองได้เลย
เขารีบจอดรถที่ข้างทาง
แต่การที่เขาจะช่วยตัวเองในสถานที่โล่งแจ้งไม่มิดชิดคงจะไม่ได้
ความคิดแวบหนึ่งเกิดขึ้นในสมอง
เขามุดลงไปใต้ท้องรถทำทีว่ากำลังจะซ่อมรถแล้วเขาก็จัดการช่วยตัวเอง
เขาหลับตาพริ้มจินตนาการถึงแฟนของเขาอย่างมีความสุข
จนกระทั่งเขาเกือบจะบรรลุอยู่แล้ว เขารู้สึกว่ามีใครมาสะกิดขาของเขา
บุญแฉล้ม : ใคร ? มีธุระอะไร ?
ตำรวจ : ผมเป็นตำรวจ คุณกำลังทำอะไร ?
บุญแฉล้ม : ผมเหรอ ? ผมกำลังตรวจซ่อมช่วงล่างอยู่นะซี
ตำรวจ : ซ่อมช่วงล่างหรือ ? ช่วงล่างอะไร ?
บุญแฉล้ม : ก็ช่วงล่างของรถไง คุณไม่เห็นเหรอ ?
ตำรวจ : คุณควรซ่อมเบรกด้วยนะ เพราะรถคุณมันไหลไปตั้ง 5-6 เมตรโน่น
ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งเป็นสาว สายดาว
ไม่เคยจากบ้านโคกกระเปาะไปไหนเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง
เธอมีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่กรุงเทพเป็นเวลา 2 - 3 เดือน
เมื่อเธอกลับมาที่บ้านโคกกระเปาะ
เพื่อนสาวคนหนึ่งที่สนิทสนมกันมากที่สุดมาตั้งแต่เด็กก็รีบมาเยี่ยมสายดาวที่บ้านด้วยความคิดถึง
เพื่อนสาว : สายดาว ฉันได้ยินว่าที่บางกอกนั้นมีอะไรแปลกๆที่บ้านเราไม่มีใช่ไหม ?
เล่าให้ฟังหน่อยซิ
สายดาว : ใช่ ที่บางกอกนะ พวกผู้ชายจูบปากพวกผู้ชายด้วยกันเอง
เพื่อนสาว : ต๊ายตาย จริงหรือนี่? แล้วเขาเรียกพวกนี้ว่าอะไร ?
สายดาว : เขาเรียกพวกนี้ว่า.....พวกโฮโมเซ็กชวล แต่ยังนะเธอ... ยังมีอีก
ยังมีพวกผู้หญิงที่จูบปากพวกผู้หญิงด้วยกันอีกต่างหาก
เพื่อนสาว : ต๊ายตาย จริงหรือนี่ ? แล้วพวกนี้ล่ะ เรียกว่าอะไร ?
สายดาว : เขาเรียกพวกนี้ว่า...พวกเลสเบี้ยน นะเธอ
เพื่อนสาว : มีอะไรอย่างอื่นอีกไหมล่ะ ?
สายดาว : มี ยังมีอีก ยังมีพวกผู้ชายที่ชอบจูบที่หว่างขาของผู้หญิง
เพื่อนสาว : ต๊ายตาย จริงหรือนี่ แล้วเขาเรียกพวกนี้ว่า........
สายดาว : เขาเรียกพวกนั้นว่าอะไรฉันไม่รู้หรอก
ฉันรู้แต่ว่าพอฉันหายเกร็งฉันเรียกเขาว่า ซุปเปอร์แมน
คุณน่าจะ......ด้วย (PG)
ในช่วงเศรษฐกิจขาลงอย่างนี้
กำลังซื้อของประชาชนลดลงอย่างฮวบฮาบ โรงงานต่างๆก็จำเป็นต้องลดการผลิต
ลงเพราะขายสินค้าไม่ได้ ดังนั้นการให้คนงานออกจากงานจึงมีอยู่ทั่วไป
บุญเสนอก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกให้ออกจาก
งาน ยังโชคดีที่เขาจ่ายเงินเข้ากองทุนสวัสดิการอย่างต่อเนื่องมาหลายปี
เขาจึงมีสิทธิ์ขอเบิกเงินสวัสดิการเนื่อง
จากการตกงานได้
เช้าวันหนึ่ง
บุญเสนอไปที่กระทรวงแรงงานเพื่อขอเบิกเงินสวัสดิการเนื่องจากการตกงานตามเคย
เจ้าหน้าที่สาว : ขอบัตรประจำตัวประชาชนด้วยค่ะ
บุญเสนอ : โอ๊ะ ตายแล้ว ! ผมลืมเอาบัตรมา ผมต้องทำอย่างไรบ้าง ?
ผมต้องกลับบ้านไปเอาหรือเปล่า ? บ้าน
ผมอยู่ไกลมากเลย ผมนั่งรถเมล์มาก็เกินหนึ่งชั่วโมงแล้ว
เจ้าหน้าที่สาว : อืม์ ฉันว่าคุณถอดเสื้อออกดูหน่อย
บุญเสนอถอดเสื้อออกทำให้มองเห็นขนที่หน้าอกดูเข้มสง่าสมชายชาตรี
เจ้าหน้าที่สาว : ไม่ต้องใช้บัตรประจำตัวแล้ว
เดี๋ยวฉันไปค้นเรื่องเดิมเพื่อให้คุณไปเบิกเงินได้
พอบุญเสนอรับเงินเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านทันที
เขาเล่าเรื่องขนหน้าอกให้ภรรยาฟังด้วยความภาคภูมิใจ
ภรรยา : คุณน่าจะถอดกางเกงคุณด้วย
บุญเสนอ : ถอดทำไม ?
ภรรยา : อ๋อ ถ้าหล่อนเห็น หล่อนจะได้ให้ค่าไร้สมรรถภาพแก่คุณเพิ่มขึ้นอีกยังงัย
ความปรารถนาครั้งสุดท้าย (G)
บุญปาน บุญเวทย์ บุญสะพรั่ง และ บุญพริ้ง
สี่สหายก๊วนกอล์ฟถือโอกาสช่วงวันหยุดสงกรานต์ไปเล่นกอล์ฟแถว
ชลบุรีและระยอง
ขากลับคนทั้งสี่ซึ่งนั่งอยู่ในรถคันเดียวกันเกิดอุบัติเหตุรถชนกันกับรถอีกคันที่คนขับดื่มสุราถึง
ขั้นเสียชีวิตทั้งหมด เมื่อคนทั้งสี่ต้องมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้ายมบาลทันที
ยมบาลมีคำถามที่จะต้องถามแต่ละคน
ก่อนที่จะตัดสินใจส่งใครให้ไปสวรรค์หรือให้ไปนรก
ยมบาล : คุณบุญปาน ตอนนี้เขากำลังจะเอาตัวคุณใส่ในโลงแล้ว
คุณอยากได้ยินบรรดาเพื่อนฝูงญาติพี่น้องคุณ
พูดถึงคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่างไรมากที่สุด ?
บุญปาน :
ผมอยากให้เขาพูดถึงชีวิตความเป็นครูที่ยอมอุทิศกายและยอมเสียสละเพื่อการสอนบรรดาเยาวชนของ
ผม ตลอดจนความเป็นคนรักครอบครัวของผมด้วย
ยมบาล : อืม์ คุณขึ้นสวรรค์ได้ , อ้าว คุณบุญเวทย์
คุณล่ะอยากได้ยินคนเขาพูดถึงคุณอย่างไร ?
บุญเวทย์ : ผมอยากให้เขากล่าวถึงความเป็นหมอที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมของผม
และพวกเขาจะไม่มีวันลืมผมเลย
ยมบาล : โอเค คุณก็ขึ้นสวรรค์ได้เช่นเดียวกัน , คนต่อไปคุณบุญสะพรั่ง
คุณอยากให้เขาพูดถึงคุณอย่างไร ?
บุญสะพรั่ง : ผมหรือครับ
ผมอยากให้เขาพูดถึงดนตรีที่ผมแต่งเพื่อความสุขของมนุษย์ทุกคน ดนตรีที่คอยปลอบ
ประโลมคนโศกเศร้าสิ้นหวังให้มีกำลังใจ
ยมบาล : คุณก็ขึ่นสวรรค์ได้เช่นเดียวกัน , แล้วคุณล่ะ คุณบุญพริ้ง
นี่พวกเขากำลังจะปิดฝาโลงศพของคุณแล้ว
คุณอยากให้ผู้คนทั้งหลายพูดถึงคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่างไร ?
บุญพริ้ง : ผมอยากให้เขาพูดว่า นั่นไงเขาเป็นผู้แทนฯหลายสมัยของพวกเรา นั่นไง
เขากระดุกกระดิกตัวแล้ว
โธ่เอ๊ย..... ใช่เลย.... (PG)
บุญเถลิง
หนุ่มโฟร์แมนเดินเข้าไปที่โรงพยาบาลเพื่อพบกับหมอโรจน์ศัลยแพทย์ชื่อดัง
บุญเถลิง : หมอครับ ช่วยตอนผมหน่อย
หมอโรจน์ : หา ! คุณว่าอะไรนะ ? ตอนหรือ ? คุณจะบ้าหรือเปล่า ?
บุญเถลิง : ไม่บ้าหรอกครับหมอ ผมอยากตอนจริงๆ
หมอโรจน์ : นี่มันเป็นเรื่องใหญ่นะ คุณควรกลับไปใคร่ครวญให้ดี
บุญเถลิง : ผมคิดเรื่องนี้มานับสิบปีแล้ว
วันนี้ผมตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่ายังไงผมก็จะให้หมอทำ ถ้าหมอไม่
ยอมทำให้ผม ผมจะไปโรงพยาบาลอื่นเดี๋ยวนี้
หมอโรจน์ : อืม์ แม้หมอจะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่มันเป็นความประสงค์ของคุณ หมอจะทำให้
หลังจากการผ่าตัดผ่านไปแล้ว 3 วัน
บุญเถลิงก็ออกมาเดินตามที่หมอแนะนำด้วยการใช้เก้าอี้ค้ำยันช่วยพะยุง
เขาเจอคนไข้ชายรายหนึ่งออกมาเดินในลักษณะขาถ่างอย่างเขาเหมือนกัน
เขามั่นใจว่าคนไข้นั้นได้รับการผ่า
ตัดเช่นเดียวกับเขา
บุญเถลิง : คุณไปผ่าตรงนั้นกับหมอโรจน์เช่นเดียวกันหรือ ?
คนไข้ชาย : ใช่ หนังหุ้มมันไม่ยอมเปิด มันทรมาณผมมานับสิบปีแล้ว
นี่ให้หมอขลิบออกแล้วหวังว่าจะดีขึ้น
บุญเถลิง : โธ่เอ๊ย !.... ขลิบ.... ไม่ใช่ตอน ใช่เลย...ขลิบ ผมนึกคำนี้ไม่ออก
มันน่าเขกหัวตัวเองจริงๆ
สาวอพาร์ทเมนท์ (PG)
บุญธวัช
เป็นหนุ่มโสดเพิ่งย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์มีระดับแถวถนนสาทร
ในเช้าวันอาทิตย์ เขาไม่มี
โปรแกรมไปธุระที่ไหนจึงได้ลงมาจัดการเรื่องตู้รับจดหมายของตน
ระหว่างที่กำลังง่วนอยู่กับตู้จดหมายอยู่นั้น
ปรากฏว่ามีสาวอพาร์ทเมนท์ที่หน้าตาสวยและรูปร่างดีคนหนึ่งเดินเข้ามาที่ตู้จดหมายของเธอซึ่งบังเอิญอยู่ใกล้
กับของบุญธวัช เธอใส่เสื้อคลุมยูกะตะ (เสื้อคลุมแบบญี่ปุ่น)
พอลมพัดมาชายเสื้อยูกะตะก็เผยอขึ้นทำให้บุญธวัช
รู้ว่าเธอไม่ได้ใส่ กกน. เขาอดที่จะชำเลืองดูบ่อยๆไม่ได้
บุญธวัชยิ้มให้เธอขณะที่เธอก็ส่งสายตามาประสบพร้อมกับรอยยิ้มที่มีไมตรี
หัวใจเขารู้สึกจะเต้นโครมครามจน
แทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก
ยิ่งเมื่อเธอเอื้อมมืออันเรียวงามของเธอออกมาสัมผัสที่ต้นแขนของเขาด้วยแล้ว
ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
หญิงสาว : ฉันรู้สึกว่าฉันได้ยินเสียงคนกำลังมา เราหลบไปที่ห้องของฉันดีกว่า
บุญธวัชตามเธอไปที่ห้องด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเข้าไปในห้องแล้วหญิงสาวก็ถอดเสื้อยูกะตะออกทำให้
เห็นร่างอันเปลือยเปล่าของเธอ
หญิงสาว : คุณดูซิว่า ส่วนไหนในตัวฉันที่มีคุณลักษณะเด่นที่สุด
บุญธวัช : ผมว่าหูคุณครับ
หญิงสาว : อะไรกัน หน้าอกฉันก็เต่งตึงด้วยขนาดคัพซี
สะโพกฉันก็กลมกลึงไม่มีส่วนไหนห้อยย้อยเลย เอว
ท่อนขา ล้วนแต่สมส่วน คุณดูว่าเป็นหูของฉันได้อย่างไร ?
บุญธวัช : อ๋อ ที่ผมบอกว่าหูของคุณมีคุณลักษณะเด่นเพราะ หูคุณได้ยินว่ามีคนกำลังมา
ซึ่งก็เป็นผมยังงัยล่ะ
เราจะตั้งชื่อลูกว่ายังงัย ? (R)
สายรินเพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมปีที่หกได้สองเดือน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
เพื่อนๆนักเรียนได้จัดงานเลี้ยงสังสรร
ขึ้นเพื่อเป็นการอำลาที่ต่างคนต่างต้องแยกย้ายกันไป
การออกงานครั้งนี้ถือเป็นการออกงานครั้งแรกของสายริน
ระหว่างที่คุณแม่ช่วยเธอแต่งตัวอยู่นั้น คุณแม่ก็คอยสอนสายรินว่า
บรรดาผู้ชายนั้นมักจะถือโอกาสลวนลามและ
ถ้าหากเผลอตัวก็อาจทำให้เสียตัวได้
คุณแม่ : เวลาเขาเข้ามาลวนลาม ให้หนูพูดว่า เราจะตั้งชื่อลูกว่ายังงัยดี ?
เท่านี้พวกผู้ชายก็เปิดแน่บแล้ว
ในงานเลี้ยงคืนนั้นมีการเต้นลีลาศด้วย
เพื่อนชายที่มาขอเต้นรำด้วยนั้นถือโอกาสที่กำลังเต้นจังหวะสโลว์ดึงเธอ
เข้าไปใกล้ เขาจูบที่ซอกคอของเธอ
สายรินพูดกับเพื่อนชายอย่างใจเย็นในขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา
สายริน : เราจะตั้งชื่อลูกของเราว่ายังงัยดีคะ ?
และก็จริงอย่างที่คุณแม่บอก เพื่อนชายคนนั้นหยุดจูบที่ซอกคอของเธอทันที
และเมื่อจบเพลงเขาก็แยกจากเธอ
ไปโดยไม่กลับมาขอเต้นรำกับเธออีกเลย เพื่อนอีกหลายๆคนเข้ามาขอเต้นรำ
เมื่อมีการลวนลามเธอก็จะพูดประ
โยคดังกล่าวทุกครั้ง และเพื่อนชายทุกคนก็จะถอยห่างออกไปทันทีเช่นเดียวกัน
จนกระทั่งดึกแล้ว เธอรู้สึกว่าในงานค่อนข้างอบอ้าวจึงเดินออกมาสูดหายใจข้างนอก
บังเอิญเธอพบกับบุญโชค
เพื่อนร่วมชั้นที่เธอเคยชื่นชอบ ทั้งคู่เลยชวนกันมาเดินเล่นในสวน
คุยกันไปจับมือถือแขนกันไปจนกระทั่งทั่งคู่
มาหยุดอยู่ที่พุ่มไม้หนาทึบ บุญโชคก็ถือโฮกาสนั้นลวนลามสายริน
สายริน : เราจะตั้งชื่อลูกของเราว่ายังงัยคะ ?
บุญโชคไม่ตอบ เขากลับรุกล้ำหนักยิ่งขึ้น
สายรินก็พร่ำแต่ประโยคเดิมแต่บุญโชคก็ไม่ลดละ จนกระทั่งบุญโชค
สำเร็จกิจ สายรินใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ยังคงถามบุญโชคด้วยประโยคเดิม
บุญโชคดึงถุงยางอนามัยที่เพิ่งใช้
ขึ้นมาเอาปลายข้างหนึ่งผูกปมไว้แน่นหนาแล้วชูขึ้น
บุญโชค : ถ้าเขาเล็ดลอดออกมาได้ ผมจะตั้งชื่อให้เขาว่า ฮูดินี นักมายากลบรรลือโลก
เรื่องตื่นเต้น ? (PG)
ที่โรงเรียนเนียนสนิท
ครูสายใจได้ให้การบ้านแก่นักเรียนในชั้นไปทำในช่วงวันสุดสัปดาห์ด้วยการให้นักเรียนแต่
ละคนไปเขียนเรื่องตื่นเต้นที่สุดที่นักเรียนเคยประสบมาโดยให้มีชื่อเรื่องที่สื่อให้รู้ว่าเป็นเรื่องตื่นเต้นที่น่าอ่าน
เช้าวันจันทร์ นักเรียนทุกคนนำการบ้านมาส่งคุณครูสายใจ
โดยเธอให้นักเรียนแต่ละคนส่งเฉพาะชื่อเรื่องก่อน
เมื่อเธอเอาชื่อเรื่องของนักเรียนแต่ละคนออกมาอ่านดู
ครูสายใจ : เด็กหญิงพลอย เธอตั้งชื่อเรื่องของเธอว่า เฉือนกันแค่จมูก มันน่าสนใจ
ไหน เธอลองเล่าเนื้อเรื่องซิ
เด็กหญิงพลอย : หนูกับทีมบาสเก็ตบอลของหนูต้องแข่งชิงชนะเลิศกับอีกทีมหนึ่ง
ต่างฝ่ายต่างผลัดกันทำแต้มนำ
จนเหลือเวลาอยู่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ทีมของหนูยังมีคะแนนตามคู่แข่งอยูหนึ่งคะแนน ก่อนที่กรรมการจะยก
นกหวีดขึ้นเป่าหมดเวลา หนูตัดสินใจชู้ดลูกไกล
ปรากฏว่าลูกบอลล์ลอยเข้าห่วงไปพร้อมกับเสียงนกหวีดดังขึ้น
พอดี ทีมหนูจึงชนะคู่แข่งได้แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
ครูสายใจ : เป็นเรื่องที่เขียนได้ดีมาก ต่อไปเด็กหญิงไพลิน
เธอตั่งชื่อเรื่องของเธอว่า หวิดวายวอดเพราะเลินเล่อ
นี่ก็น่าติดตาม เอ้า เธอเล่ารายละเอียดหน่อยซิ
เด็กหญิงไพลิน : ก่อนนอนคืนหนึ่งหนูได้จุดธูปเทียนไหว้พระ
แต่พอไหว้เสร็จหนูก็เข้านอนโดยลืมที่จะดับธูป
เทียนเสียก่อน บังเอิญเทียนล้มลงแล้วเกิดไฟไหม้ขึ้น
ทุกคนในบ้านตื่นตกใจเพราะไฟมันแรงขึ้นทุกขณะ พอคุณ
พ่อตั้งสติได้เลยไปเอาเครื่องดับเพลิงมาดับไฟได้ทันท่วงที
ครูสายใจ : นี่ก็เป็นเรื่องที่เขียนได้ดีมาก เด็กชายบุญแก้ว
เธอตั้งชื่อเรื่องของเธอว่า ประจำเดือน ครูไม่เข้าใจว่า
มันเป็นเรื่องตื่นเต้นอย่างไร ?
บุญแก้ว : ใช่ครับ มันเป็นเรื่องตื่นเต้นครับ คือว่าเมื่อเย็นวันศุกร์
พี่สาวผมบอกว่า ประจำเดือนเธอขาดไปสอง
เดือนแล้วเท่านั้นเอง คุณแม่ผมเป็นลมทันที คุณพ่อผมหัวใจวายต้องนำส่งไอซียู
ส่วนเพื่อนชายของพี่สาวผมที่
บ้านอยู่ติดกันนั้นใช้ปืนยิงตัวตาย
ผมน่าจะเลือก.... (PG)
สายวีณาตื่นขึ้นมากลางดึก
เธอไม่เห็นสามีนอนอยู่บนเตียงจึงเกิดความสงสัย เธอค่อยๆย่องลงมาข้างล่างผ่าน
หน้าห้องสาวใช้เธอพบว่าประตูล็อกกลอนแน่นหนาไฟดับสนิทก็โล่งอก
เธอเดินมาถึงห้องครัวเห็นบุญแสวงนั่ง
นัยตาเหม่อลอยใบหน้าเศร้าหมอง ในมือถือแก้วกาแฟที่เย็นชืดอยู่
สายวีณา : ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณมานั่งทำอะไรที่นี่ หือ ?
บุญแสวงวางแก้วกาแฟลงมองดูสายวีณาพร้อมกับถอนหายใจ
บุญแสวง : คุณจำวันนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้วได้ไหม ? ตอนที่เราอายุ 18 ปี
และเริ่มรักกันใหม่ๆ ?
สายวีณา : จำได้สิ
บุญแสวง : คืนนั้น เราแอบไปมีอะไรๆกันที่ห้องเก็บของในบ้านคุณ คุณจำได้ไหม ?
สายวีณา : จำได้ เอ้า ! ว่าต่อไป
บุญแสวง : แล้วคุณพ่อคุณจับเราได้
เขาเปิดประตูห้องผัวะเข้าไปพบเรากำลังทำอะไรกันอยู่ แกโกรธจนตัวสั่น
แกเลยชักปืนขึ้นจ่อที่ศรีษะผม พร้อมกับถามผมว่า
ผมเลือกจะแต่งงานกับคุณหรือไม่แกจะเอาผมติดคุกสัก 20
ปี คุณจำได้ไหม ?
สายวีณา : จำได้สิ จำได้ แล้วยังไง ?
บุญแสวง : เฮ้อ ! ตอนนั้นผมน่าจะเลือกติดคุกนะ เพราะวันนี้ผมคงจะได้ออกจากคุกไปแล้ว
บุญประจวบ (G)
ชายหนุ่มเดินออกมาจากธนาคารซิตี้แบงค์เพื่อเรียกรถแท็กซี่ที่ริมถนนสาทรในชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็นวันศุกร์
แค่เขายกมือขึ้นเท่านั้นรถแท็กซี่ก็ปราดเข้ามาจอดรับเขาทันที
เมื่อเขาขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่ม : แหมมันช่างพอดีเลยนะ ผมคิดว่าจะยืนคอยรถนานเสียอีก
แถวนี้เรียกรถแท็กซี่ยากมาก
แท็กซี่ : ใช่ คุณนี้ช่างเหมือนคุณบุญประจวบเลย
ชายหนุ่ม : คุณบุญประจวบเหรอ ? เขาเป็นใคร ? ผมเหมือนเขาอย่างไง ?
แท็กซี่ : อ๋อ เขาเป็นคนที่ทำอะไรเหมาะเหม็งไปเสียทุกอย่างนะซี
เมื่อเขาต้องการรถแท็กซี่เมื่อไหร่ก็จะมีรถแท็ก
ซี่ปราดเข้ามาหาเขาทันทีทุกครั้งไป
ชายหนุ่ม : คงไม่เช่นนี้ทุกครั้งหรอกมั้ง
คนทุกคนต้องเคยพลาดอะไรสักอย่างเป็นเรื่องปกติ
แท็กซี่ : ที่คุณว่าก็ใช่สำหรับคนทั่วไป แต่มันไม่ใช่สำหรับบุญประจวบ
เพราะเขาไม่เคยพลาดอะไรเลย เขาเป็น
คนเก่งไปเสียทุกอย่างเขาเล่นกีฬาเก่ง ไม่ว่าจะเป็นกีฬาเทนนิส กีฬากอล์ฟ กีฬาขี่ม้า
กีฬายิงปืน หรือกีฬาอื่นใด
เขาเป็นแชมป์มาหมดแล้ว นอกจากนั้น เขายังเป็นคนที่มีความจำเป็นเลิศ
เขาจะจำชื่อคนที่เขาเคยพบเพียงครั้ง
เดียวได้ทุกคน เขาจะจำเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนได้หมดโดยไม่ต้องจดให้เสียเวลา
เขาคิดเลขได้เร็วมากเหมือน
สมองของเขาเป็นคอมพิวเตอร์อย่างไงอย่างนั้น เขาพูดภาษาต่างประเทศได้ตั้ง 7 - 8 ภาษา
งานช่างเขาก็เก่ง
ไม่เหมือนผมเลย แค่ไฟฟ้าในบ้านของผมดับภรรยาผมบอกให้ผมไปเปลี่ยนฟิวส์ให้แค่นั้น
ผลปรากฏว่าไฟฟ้า
ดับหมดทั้งซอย
ชายหนุ่ม : จริงหรือนี่ มิน่าเล่า คุณจึงได้ชื่นชมคุณบุญประจวบเขามากอย่างนี้
คุณคงสนิทสนมกับเขามากสิ
แท็กซี่ : เปล่าหรอก ผมไม่เคยเจอตัวเขาเลย แต่ผมแต่งงานกับภรรยาหม้ายของเขาน่ะ
ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ ? (PG)
บุญแฝงกับเพื่อนชายอีกสองคนขับรถกลับจากไปเที่ยวน้ำตกทีลอชู อำเภออุ้มผาง
จังหวัดตาก หลังจากขับกันมาค่อน
วันปรากฏว่าฝาสูบเครื่องยนต์แตกขับต่อไปไม่ได้
จุดที่รถเสียนั้นไม่เพียงแต่ห่างไกลชุมชนเท่านั้นหากแต่สัญญาณ
โทรศัพท์ก็ไม่มี ตะวันบ่ายคล้อยแล้ว
พวกเขาตั้งใจจะเดินไปหาที่พักในหมู่บ้านใกล้เคียงก่อนเพื่อความปลอดภัย และ
หวังว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะมาจัดการกับรถของพวกเขาได้
หลังจากที่ได้เดินกันมาเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วพวกเขารู้
สึกเหนื่อยอ่อนและหิวโหยจนแทบจะเดินต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
และก่อนที่คนทั้งสามจะหมดแรงพวกเขามองเห็นโรง
นาอยู่ลิบๆทำให้เกิดความหวังและกำลังใจ พวกเขาจึงกัดฟันเดินต่อไป
เมื่อถึงโรงนาก็พลบค่ำแล้ว
พวกเขาเห็นว่าที่นี่เป็นฟาร์มเลี้ยงวัวจึงรีบเข้าไปหาเจ้าของฟาร์มเพื่อขออาศัยค้างสักคืน
พวกเขาเดินหาเจ้าของจนทั่วแต่ไม่พบเจ้าของฟาร์ม หรือแม้แต่ใครสักคนเดียวเลย
ด้วยความเหนื่อยอ่อนและหิว
โหยพวกเขาจึงตัดสินใจเข้าไปในคอกวัวแล้วล้มตัวลงนอนกับฝูงวัวโดยไม่ได้รังเกียจ
ความมืดก็เข้าปกคลุมพร้อม
กับความเงียบสักพักใหญ่ๆต่อมาคนทั้งสามก็เริ่มส่งเสียงคุยกัน
เพื่อน 1 : ผมนอนติดอยู่กับวัวตัวนี้ดีจริงๆ ตอนมาถึงใหม่ๆผมรู้สึกหิวมาก
ผมจึงได้ดูดกินนมของมันจนอิ่มแปร้เลย
เพื่อน 2 : ผมก็เช่นเดียวกัน วัวที่ผมนอนติดอยู่นี้มีนมเยอะมาก
ตอนนี้ผมก็อิ่มมากแล้วแต่ผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าคงจะได้
ดูดกินอีกสักมื้อ
บุญแฝง : จริงหรือเพื่อน วัวที่ผมนอนติดอยู่นี้ไม่มีนมเลย
เพื่อน 1 : คุณลองดูดหัวนมหัวอื่นซิ
เพราะหัวนี้อาจถูกพวกลูกวัวมันดูดจนแห้งไปก่อนหน้าแล้วก็ได้
บุญแฝง : ผมพยายามหาแล้วนะ แต่ทำไมวัวตัวนี้จึงเป็นอย่างนี้
มันมีหัวนมยาวๆเพียงอันเดียว
ไม่หรอกค่ะ (PG)
ในการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งหนึ่งของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2546
การสำรวจครั้งนั้นก็
เพื่อที่จะได้นำข้อมูลจำนวนประชากรเสนอแก่รัฐบาลสำหรับใช้ประกอบการคำนวณรายได้ประชาชาติต่อคน
ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพการบริหารประเทศของรัฐบาลขณะนั้น
เจ้าหน้าที่สถิติคนหนึ่งได้รับมอบหมาย
ให้เดินสอบถามและเก็บข้อมูลจำนวนประชากรในชุมชนแห่งหนึ่ง ผู้ถูกสอบถามคนหนึ่งคือ
สายอุรา เธอเป็น
แม่บ้านอยู่ตำบลโคกสำราญ
เจ้าหน้าที่ : ขอโทษครับคุณสายอุรา ช่วยบอกจำนวนบุตรธิดาที่คุณมี
พร้อมกับแจกแจงอายุของพวกเขาโดย
ละเอียดด้วยครับ
สายอุรา : ลูกคนโตของฉันเป็นแฝดหญิง ชื่อน้องพลอย กับน้องไพลิน อายุพวกเขา 6 ขวบค่ะ
เจ้าหน้าที่ : อืม์ ลูกแฝดหรือ ? แล้วคนต่อไปล่ะครับ
สายอุรา : คนต่อมาเป็นแฝดชาย ชื่อน้องเพชร กับน้องพลวง พวกเขาอายุ 4 ขวบค่ะ
เจ้าหน้าที่ : เอ้อ...แฝดอีกเหรอ ? แล้วยังมีอีกไหมครับเนี่ย ?
สายอุรา : มีค่ะ คนต่อมาเป็นแฝดหญิงอีก ชื่อน้องแพรว กับน้องพราว พวกเขาอายุ 2
ขวบค่ะ
เจ้าหน้าที่ : เดี๋ยวก่อนครับ นี่คุณมีลูกแฝดทุกครั้งเลยหรือครับ ?
สายอุรา : ไม่ทุกครั้งหรอกค่ะ ที่มีลูกแฝดก็แค่ 3 ครั้งเท่านั้นเองค่ะ
อีกพันๆครั้งนั้นไม่ได้แม้แต่คนเดียวค่ะ
เขาเป็นเขาเอง (G)
สายกมลแต่งงานมาแล้ว 30 ปี
ตอนนี้ลูกๆก็แยกย้ายครอบครัวออกไปอยู่ที่อื่นกันหมด สายกมลจึงอยู่กับสามี
ตามลำพัง ทุกวันหลังจากที่จัดหาอาหารให้สามีรับประทานก่อนไปทำงานแล้ว
เธอจะซักเสื้อผ้าทำความสะอาด
บ้านจนแล้วเสร็จเธอก็จะไปเล่นไพ่ตองกับเพื่อนๆที่สโมสร
ตอนเย็นเธอจะกลับมาเตรียมหุงหาอาหารให้สามี
เป็นกิจวัตร
บ่ายวันหนึ่ง การเล่นไพ่ตองของเธอค่อนข้างติดพันและยืดเยื้อจนกระทั่ง 5 โมงเย็น
เธอตกใจมากจึงรีบบึ่งกลับ
ไปบ้าน เธอตรงเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารทันที อนิจา
ในตู้เย็นมีแค่ผักกาดเหี่ยวๆอยู่ต้นเดียว ไข่ 1 ฟอง
และอาหารแมวอยู่ 1 กระป๋อง เธอไม่ได้ไปซื้อกับข้าวมาหลายวันแล้ว
เธอกลัวว่าสามีจะว่าเอา ดังนั้นเธอจึงจัด
การตั้งกระทะใส่นำมัน เจียวกระเทียม แล้วเอาอาหารแมวผักกาดและไข่ลงไปผัดรวมกัน
ปรุงด้วยน้ำปลาพริก
ไทยจนกลิ่นหอมฉุย
เมื่อสามีกลับมาบ้านและได้กินอาหารที่เธอเตรียมไว้รู้สึกว่าอร่อยกว่าอาหารที่เธอเคยทำมา
ตลอดชีวิตการแต่งงาน
เช้าวันรุ่งขึ้น สายกมลนำเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มาเล่าให้เพื่อนๆในสโมสรฟัง
เพื่อน : คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร สามีของเธอจะตายเพราะกินอาหารแมวนี่แหละ
สายกมลไม่สนใจคำเตือน ยิ่งกว่านั้นเธอจะทำอาหารจานนี้ให้สามีรับประทานทุกเย็น
สามเดือนผ่านไป สามีของ
เธอตายลงจริงๆ แต่เธอก็ยังมาเล่นไพ่ตองเสมอไม่ได้ขาด
เพื่อน : ฉันบอกแล้วว่าสามีของเธอต้องตายเพราะกินอาหารแมวคุณไม่เชื่อ
นี่เท่ากับคุณฆ่าเขาเลยนะนี่
สายกมล : ฉันไม่ได้ฆ่าเขา เขาเป็นของเขาเอง
เขาชอบปีนป่ายขึ้นไปวิ่งเล่นอยู่บนหลังคาบ้านอย่างที่เขาไม่เคย
ทำมาก่อน แล้วเขาก็พลัดตกจากหลังคาลงมาเอง
ลิ้นย่อมแพ้ฟัน (G)
บุญเสนาะเดินเข้าไปในบาร์บุญขจรด้วยอาการหัวเสียเหมือนหลายๆครั้งก่อนหน้า
แต่วันนี้ดูท่าทางเขาจะอารมณ์
เสียยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ
บุญเสนาะ : โจ ขอวิสกี้ 3 เป๊ก
โจ บาร์เทนเดอร์รินเหล้า 3 เป๊กส่งให้บุญเสนาะ
เขายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ส่งแก้วเปล่าคืนให้โจ
บุญเสนาะ : โจ ขออีก 3 เป๊ก
โจ : เอ๊ะ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?
บุญเสนาะ : ก็ทะเลาะกับเมียอีกนะซี ถามได้
โจ : แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไรล่ะ วันนี้ ?
บุญเสนาะ : วันนี้เหรอ ? วันนี้เขาก็คลานเข้ามาหาผมนะซี
โจ : จริงหรือ ? มันช่างกลับตาลปัตรอย่างนี้ได้อย่างไร ?
แล้วอย่างนั้นคุณหัวเสียทำไม ?
บุญเสนาะ : ก็มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะซี
โจ : อ้าว ! ทำไมล่ะ ก็เขาคลานเข้ามาหาคุณ แล้วเขาบอกกับคุณว่าอย่างไรล่ะ ?
บุญเสนาะ : เขาบอกกับผมว่า ออกมาจากใต้เตียงเดี๋ยวนี้นะ อ้ายหน้ากลัวเมีย
เรื่องของความจำ (G)
เขาว่าคนสูงอายุมักจะจำความหลังหรือเรื่องเก่าๆที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีได้อย่างแม่นยำ
แต่เรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนั้น
มักจะจำไม่ได้ จริงเท็จอย่างไรลองอ่านเรื่องนี้ดู
เช้าวันหนึ่ง บุญธงนั่งคุยอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้สูงวัยในสวนลุมพินี
หลังจากคุยเรื่องสัพเพเหระไปพักหนึ่งแล้ว
เพื่อน : คุณบุญธง ได้ข่าวว่าไปหาหมอเพื่อรักษาโรคความจำเสื่อมเมื่อเดือนที่แล้ว
เป็นไง ดีไหม ?
บุญธง : โอ้โห ดีมากเลย หมอแนะนำให้ฝึกสมาธิ
ฝึกความสัมพันธ์ของประสาทสัมผัสทั้งจากการเห็น การได้ยิน การ
ใช้ความคิดเพื่อทำให้มีความจำที่ดีขึ้น
เพื่อน : จริงหรือคุณ แหม มันน่าสนใจนะ เอ้อ ว่าแต่โรงพยาบาลที่คุณไปนั้นชื่ออะไรนะ
?
บุญธง : เดี๋ยวก่อนนะ เอ้อ.... อ้า.... เดี๋ยวเดี๋ยว อืม์ ! เอ๊ะ
เดี๋ยวก่อนไอ้ดอกไม้สีแดงๆมีกลีบดอกห้ากลีบขอบหยักๆมี
ก้านเกสรยาวมากๆชูเด่นออกมาเรียกว่าดอกอะไรนะ ?
เพื่อน : อ๋อ ชบา
บุญธง : เออใช่ ขอบใจ
บุญธงหันไปหาภรรยาที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ
บุญธง : นี่ ชบา โรงพยาบาลที่ผมไปหาเมื่อเดือนที่แล้ว ชื่ออะไรนะ ?
ของสำรอง ? (PG)
บุญสงบ เป็นพนักงานองศ์การโทรศัพท์
เขามีบ้านอยู่ไม่ห่างจากซาฟารีเวิลด์มากนัก เช้าวันหนึ่ง เขาสังเกตเห็นลิง
กอริลลาตัวหนึ่งอยู่บนต้นไม้ภายในบริเวณบ้าน มันขย่มต้นไม้ด้วยความดุดัน
ด้วยความตกใจเขาจึงรีบโทรศัพท์
ไปที่กองอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้
บุญอุตส่าห์ : สวัสดีครับ ที่นี่กองอนุรักษ์ฯ ผมบุญอุส่าห์พูดสาย
มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ
บุญสงบ : เอ้อ.. คือว่า... มีลิงกอริลลาตัวหนึ่งอยู่บนต้นไม้บ้านผมครับ
ช่วยมาจับไปหน่อยได้ไหมครับ ?
บุญอุตส่าห์ : ครับ ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ แต่ว่า....
ผมอยากรู้ว่ามันเป็นตัวผู้หรือตัวเมียครับ ?
บุญสงบ : ผมคิดว่ามันเป็นตัวผู้ครับ
หลังจากสอบถามตำแหน่งที่ตั้งบ้านของบุญสงบจนเข้าใจแล้ว บุญอุตส่าห์จัดแจงเตรียม
ไม้กระบองมาอันหนึ่ง หมา
พันธุ์รีทรีเวอร์ตัวหนึ่ง กุญแจมือคู่หนึ่ง และปืนกระบอกหนึ่ง แล้วออกเดินทางทันที
เมื่อถึงบ้านบุญสงบ
บุญอุตส่าห์ : ก่อนที่ผมจะเริ่มทำงาน ผมจะต้องซักซ้อมความเข้าใจกันให้ดีเสียก่อน
เพราคุณจะต้องช่วยผมด้วย
บุญสงบ : ผมต้องช่วยอย่างไรครับ ?
บุญอุตส่าห์ : อ๋อ อย่างนี้นะครับ ประเดี๋ยวผมจะปีนต้นไม้ขึ้นไปหากอริลลา
คุณกับหมารีทรีเวอร์รออยู่ใต้ต้นไม้
พอผมเอากระบองตีหัวกอริลลามันจะตกลงมาจากต้นไม้
หมารีทรีเวอร์ที่ผมฝึกมาอย่างดีนี้จะรี่เข้าไปกัดลูกอัณฑะ
ของมันและสะบัดอย่างแรงทันที
มันจะเจ็บปวดมากจนมันต้องเอามือทั้งสองของมันไปบีบจับลูกอัณฑะของมันไว้
ทีนี้ล่ะ คุณก็รีบเอากุญแจมือเข้าไปใส่ที่ข้อมือทั้งสองของมันก็เป็นอันเรียบร้อย
บุญสงบ : แต่ว่า... เอ้อ...
แล้วปืนกระบอกที่คุณให้ผมถืออยู่นี้จะต้องใช้ทำอะไรล่ะครับ ?
บุญอุตส่าห์ : อ๋อ ! นั่นเอาไว้สำรองในกรณีที่ผมตกจากต้นไม้
คุณก็เอาปืนกระบอกนั้นยิงหมารีทรีเวอร์ให้ตาย
ให้ไปแก้ไข (PG)
ตอนที่น้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาลิตรละร้อยกว่าบาทในขณะที่รายได้ของประชาชนลดน้อยลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ
ตกต่ำ ทุกคนจำเป็นต้องประหยัดอย่างที่สุด
ตามถนนหนทางมีรถยนต์วิ่งกันน้อยมากแทบจะนับคันได้ คนถีบจักร
ยานกันเต็มท้องถนน บางคนขี่เกวียน คนที่พอมีฐานะหน่อยก็ขี่รถม้า
สายวรรณา ภรรยาของผู้อำนวยการขี่รถม้าไปจ่ายตลาดเช้าวันหนึ่ง
เธอถูกตำรวจจราจรเรียกให้หยุดรถ
สายวรรณา : มีปัญหาอะไรหรือคะ คุณตำรวจ ?
ตำรวจ : อ๋อ คือรถม้าคุณไม่มีไฟท้าย มันผิดกฏหมายจราจรระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000
บาท แต่เอาเถอะ ! ตอน
นี้เศรษฐกิจไม่ดีทุกคนเดือดร้อน ผมจะไม่ออกใบสั่งหรอก
แต่จะขอเตือนให้รีบไปแก้ไขเสีย
สายวรรณา : ขอบคุณค่ะ คุณตำรวจ ฉันจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้เพื่อให้สามีฉันจัดการทันที
ตำรวจ : อ้อ ! อีกอย่าง
ผมสังเกตสายบังเหียนที่โยงมาสำหรับบังคับม้านั้นมีเส้นหนึ่งผูกกับลูกอัณฑะของม้า
ทำอย่าง
นั้นได้อย่างไร มันเป็นการทรมานสัตว์นะ คุณควรจะบอกให้สามีคุณแก้ไขเสียด้วย
สายวรรณา : ค่ะ คุณตำรวจ ฉันจะบอกสามีฉันจัดการมันด้วย
เมื่อสายวรรณากลับถึงบ้าน
เธอเล่าเรื่องถูกตำรวจจราจรจับและตำรวจจราจรสั่งให้มาติดไฟท้ายรถม้า
สามี : ไฟท้ายรถม้าผมจะติดให้ มันง่ายเดี๋ยวเดียวก็คงเสร็จ
แล้วยังมีอะไรอย่างอื่นอีกไหม ?
สายวรรณา : อ๋อ มีค่ะ เขาบอกให้ถอด สายเบรคฉุกเฉิน ออกด้วย
กระติกเธอร์มอส (G)
ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีอย่างนี้
ประชาชนไม่ค่อยมีกระจิตกระใจไปเดินเที่ยวซื้อของเช่นเมื่อก่อน ดังนั้นธุรกิจ
ขายตรงจึงเฟื่องฟูโดยเฉพาะเวลามีสินค้าแปลกใหม่เข้ามาจากต่างประเทศ
เช้าวันอาทิตย์นี้ก็เช่นเดียวกัน หญิงสาว
พนักงานขายตรงคนหนึ่งเดินมากดกริ่งที่หน้าบ้านของบุญรวย
หญิงสาว : สวัสดีค่ะ ดิฉันนำสินค้าใหม่มานำเสนอค่ะ มันเป็นกระติกเธอร์มอสค่ะ
มันทำจากสเตนเลสนะคะ
บุญรวย : กระติกเธอร์มอส ? มันเป็นอย่างไรผมไม่รู้จัก
หญิงสาว : มันเป็นกระติกเอนกประสงค์ค่ะ เช่น ถ้าใส่ของร้อนอย่างกาแฟที่อุณหภูมิ 80
องศาเซลเซียส มันจะรัก
ษาอุณหภูมินี้ได้ถึง 12 ชั่วโมงกาแฟก็ยังคงร้อนอยู่เหมือนเดิม
หรือถ้าใส่ไอศกรีมมันก็จะรักษาความเย็นของไอศ
กรีมได้นานไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน
บุญรวยเห็นว่ากระติกนี้สวยงามมากประกอบกับเขาต้องเตรียมอาหารกลางวันและเครื่องดื่มไปกินที่ทำงานทุกวัน
เพื่อความประหยัดอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจซื้อกระติกใบหนึ่ง
เช้าวันจันทร์เขาเอากระติกตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน
เพื่อนๆในบริษัทอดที่จะมองดูกระติกใบนี้ไม่ได้แม้กระทั่งหัวหน้า
หัวหน้า : นี่อะไร ? มันสวยมากเลย ผมไม่เคยเห็น
บุญรวย : อ๋อ มันเป็นกระติกเธอร์มอส
หัวหน้า : กระติกเธอร์มอสมันเป็นอย่างไร ?
บุญรวย : อ๋อ กระติกนี้ถ้าใส่ของร้อนมันจะรักษาความร้อนได้นานมาก
หรือถ้าใส่ของเย็นมันก็จะรักษาความเย็น
ได้นานมากเช่นเดียวกัน
หัวหน้า : จริงเหรอ ? แล้ววันนี้คุณใส่อะไรมาล่ะ ?
บุญรวย : อ๋อ วันนี้เหรอครับ ? ผมก็ใส่กาแฟร้อนกับไอศกรีมทิพย์รสมานะซีครับ
เงินบำเหน็จพิเศษ (PG)
กระทรวงกลาโหมได้มีประกาศจ่ายเงินบำเหน็จพิเศษแก่นายทหารชั้นนายพลที่เกษียณอายุในปีนี้
เนื่องจากเห็นว่า
พวกนายพลทั้งหลายได้เสียสละตลอดชีวิตการรับราชการในการรักษาความมั่นคงของประเทศ
แต่การที่จะจ่ายนาย
พลคนใดจำนวนเท่าไรนั้น
กระทรวงกลาโหมได้กำหนดให้วัดระยะจากอวัยวะส่วนหนึ่งถึงอวัยวะอีกส่วนหนึ่งของ
นายพลแต่ละคนเป็นเซนติเมตรตามความประสงค์ของนายพลแต่ละคน
ทุกๆเซนติเมตรที่วัดได้เขาจะได้รับเงินจำ
นวน 1,000 บาท
หลังจากออกประกาศไปได้สองวัน
ปรากฏว่านายพลบุญสุวรรณกับเพื่อนนายพลอีกสองคนมารับเงินบำเหน็จพิเศษ
เจ้าหน้าที่หญิงให้แต่ละคนนั่งรอกันคนละห้องเพื่อไม่ให้รู้กันว่าใครให้วัดส่วนใดถึงส่วนใดของร่างกายแต่ละคน
เพื่อนนายพลคนที่ 1 เพื่อนนายพลคนที่ 2 และพลเอกบุญสุวรรณ
เข้าไปแจ้งความประสงค์ต่อเธอตามลำดับ
นายพลคนที่ 1 : ให้วัดจากศรีษะของผมถึงปลายนิ้วเท้าของผม
เจ้าหน้าที่สาวจัดการนำสายวัดมาวัด ผลปรากฏว่าวัดได้ 175 เซนติเมตร
จึงจ่ายบำเหน็จพิเศษให้ 175,000 บาท
นายพลคนที่ 2 : ให้วัดจากปลายนิ้วกลางมือขวาของผมถึงปลายนิ้วโป้งเท้าซ้ายของผม
เมื่อเจ้าหน้าที่สาวนำสายวัดมา เขาชูแขนขวาขึ้นและยืดเท้าซ้ายออกไป ผลการวัดอ่านได้
230 เซนติเมตร เขาจึง
ได้รับเงินบำเหน็จพิเศษไปเป็นเงิน 230,000 บาท
นายพลบุญสุวรรณ : ให้วัดจากปลายองคชาติของผมถึงลูกอัณฑะของผมก็พอ
เจ้าหน้าที่สาว : อืม์... ถ้าอย่างนั้นหนูจะให้เจ้าหน้าที่เสนารักษ์มาวัดแทนนะคะ
เมื่อเจ้าหน้าที่เสนารักษ์มาถึง นายพลบุญสุวรรณถอดกางเกงของตนออก
เจ้าหน้าที่นำสายวัดไปทาบที่ปลายองคชาติ
แล้วก็ทำหน้างงๆเพราะหาลูกอัณฑะของนายพลบุญสุวรรณไม่เจอ
นายพลบุญสุวรรณ : ลูกอัณฑะของผมอยู่ที่บ้านห้วยทราย จังหวัดน่าน
เพราะมันถูกสะเก็ดระเบิดเลยฝังไว้ที่นั่น