คลายเครียด กับ บุญสาย

 

เรื่องที่ 101
อะไรที่แข็งที่สุดในโลก ?

18/05/2006 09:22 AM

    ณ ดินแดนอันไกลโพ้น มีพระราชาอยู่องค์หนึ่ง พระองค์มีพระราชธิดาที่มีรูปโฉมงดงามมาก แม้เจ้าหญิงจะเจริญวัยจน
อายุจะย่าง 25 พรรษาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีคู่ครอง ด้วยเหตุที่เจ้าหญิงเกิดมาอาภัพต้องคำสาป ไม่ว่าเจ้าหญิงจะเอามือไปจับต้องอะไร สิ่งนั้นก็จะละลายไปในพริบตา จึงไม่มีชายใดกล้าที่จะเป็นคู่ครองด้วย

พระราชาทรงกลุ้มพระราชหฤทัยยิ่งนักจึงได้ปรึกษาบรรดาพ่อมดหมอผีทั้งหลาย พ่อมดคนหนึ่งถวายคำปรึกษาว่า ถ้าจะแก้อาถรรพณ์ให้ได้ต้องให้เจ้าหญิงจับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่ละลายเพียงครั้งเดียว ก็จะหลุดพ้นคำสาปไปชั่วชีวิต พระราชาทรงเห็นหนทางสว่าง จึงโปรดให้ป่าวประกาศหาชายในแผ่นดินหรือจากประเทศข้างเคียงมาแข่งขัน ใครก็ตามที่นำสิ่งที่แข็งที่สุดมาให้เจ้าหญิงจับต้อง ถ้าสิ่งนั้นไม่ละลาย พระราชาจะยกราชสมบัติให้ และจะได้อภิเษกกับเจ้าหญิงผู้เลอโฉมด้วย

ในวันแข่งขันมาถึง บุญสืบ กับเจ้าชายอีกสองคนปรากฏตัวต่อหน้าพระพักตร์

เจ้าชายคนแรกนำโลหะผสมเป็นไตตาเนียมอัลลอย ที่ใช้กับหัวยานอวกาศของนาซ่า เนื่องจากมีความแข็งและทนความร้อนได้สูงที่สุดในโลก ออกมาวางให้เจ้าหญิงจับ อนิจจา...โลหะที่ว่านั้นละลายในบัดดล เจ้าชายต้องเดินคอตกออกมาด้วยความผิดหวัง

เจ้าชายคนที่สองควักเอาเพชรขนาด 30 กะหรัต ขึ้นมาจากกระเป๋า ด้วยเชื่อว่าเพชรนั้นเป็นวัตถุที่แข็งที่สุดในจักรวาลแล้ว
เพราะค่าความแข็งของเพชรอยู่ที่ 10 ซึ่งไม่มีสะสารใดเสมอเหมือน เมื่อส่งเพชรเม็ดดังกล่าวให้เจ้าหญิง เจ้าหญิงเอื้อมพระหัตถ์มารับ อนิจจา...เพชรเม็ดนั้นก็ละลายทันทีอีก เจ้าชายก็จำต้องลาจากด้วยความเสียดายทั้งเจ้าหญิง เสียดายทั้งเพชร

ถึงทีบุญสืบแล้ว บุญสืบเดินไปใกล้ตัวเจ้าหญิงแล้วขอให้เจ้าหญิงเอาพระหัตถ์ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา ครั้นเจ้าหญิงล้วงลงไปในกระเป๋าก็ปรากฏว่าได้สัมผัสกับสิ่งหนึ่งซึ่งแข็งมาก และมันก็ไม่ละลายด้วย พระราชาทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่งจึงได้ให้บุญสืบอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญา ทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุข

หลายปีต่อมา ประเด็นที่ประชาชนยังสงสัยอยู่ไม่หายคือ สิ่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของบุญสืบในขณะนั้นคืออะไร

คำตอบ

M&M's ละลายในปาก ไม่ละลายในมือ โธ่ ! อย่าคิดมาก


เรื่องที่ 102
อย่างนี้ต้องตายเปล่า

18/05/2006 11:59 PM

บุญทบทำฟาร์มโคนมอยู่ริมถนนมิตรภาพ เขาจึงคุ้นเคยกับรถราที่วิ่งผ่านหน้าฟาร์มของเขาเป็นอย่างดี อุบัติเหตุมีเกิด
ให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนรุนแรงมากมาย จนกระทั่งวันหนึ่ง มีรถบัสคันหนึ่งบรรทุกนักการเมืองมาเต็มคันรถ
ได้เกิดอุบัติเหตุเสียหลักวิ่งออกนอกถนนเข้ามาชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในฟาร์มของเขา

บุญทบได้รีบรุดเข้าไปดูเหตุการณ์ทันที เขาเห็นคนขับถูกอัดกอบปี้ ผู้โดยสารซึ่งเป็นนักการเมืองทั้งคันรถเสียชีวิต
เขาจึงได้จัดแจงขุดหลุมขนาดใหญ่ แล้วก็ฝังคนที่มากับรถบัสคันนั้นทั้งหมด

หลายวันต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาสอบสวนยังที่เกิดเหตุ เขาได้สอบถามถึงเรื่องราวการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้จากบุญทบ

ตำรวจ : รถบัสคันนี้เกิดอุบัติเหตุเสียหลักวิ่งชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ในฟาร์มของคุณ คุณรู้ใช่ไหมว่าผู้โดยสารเคราะห์ร้าย
เหล่านั้นเป็นนักการเมืองทั้งหมด แล้วผมทราบว่าคุณได้ฝังพวกเขาทั้งหมดแล้วด้วย ใช่หรือเปล่า ?

บุญทบ : ใช่ครับ ก็คนเหล่านั้นเสียชีวิตแล้วนี่ครับ

ตำรวจ : เสียชีวิตทุกคนเลยหรือ ? ไม่มีใครแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้นหรอกหรือ ? ไม่มีใครร้องโอดโอย
เรียกให้คนช่วยบ้างเลยหรือ ? มันเป็นไปได้อย่างไร ?

บุญทบ : มีครับมี บางคนก็บอกว่าเขาแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น

ตำรวจ : อ้าว ! ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพวกเขาไม่ได้เสียชีวิตทั้งหมดนะซี

บุญทบ : โธ่ ! คุณตำรวจ คุณก็รู้นี่นาว่าคำพูดพวกนักการเมืองน่ะ เชื่อได้เสียเมื่อไร


เรื่องที่ 103
ช็อกโกแล็ตชั้นสอง

20/05/2006 06:12 AM

บุญเพ็งอายุ 55 ปี เขาทำงานอยู่ที่สำนักงานแห่งหนึ่ง ในที่ทำงานจะมีพนักงานนั่งทำงานกันอยู่หลายคน คนที่นั่ง
อยู่โต๊ะข้างๆบุญเพ็ญเป็นชายหนุ่มซึ่งเพิ่งจะเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ได้ไม่นาน แม้ว่าคนทั้งสองจะมีวัยต่างกันมาก
แต่ทั้งคู่ก็สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มเป็นคนช่างสังเกตุ เขาเห็นว่าไม่นานมานี้ บนโต๊ะของบุญเพ็ญจะมีขวดใส่ของกินตั้งอยู่ซึ่งเมื่อก่อนนี้ไม่เคยมี
เขาไม่กล้าที่จะถามบุญเพ็งเพราะเกรงว่าจะถูกมองเป็นคนซอกแซก สอดรู้สอดเห็น จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
เท่านั้น

จนกระทั่งวันหนึ่ง บุญเพ็ญออกไปธุระนอกสำนักงาน ชายหนุ่มจึงได้ถือวิสาสะไปเปิดขวดใส่ของกินบนโต๊ะบุญเพ็ญ
เขาพบว่า ในขวดนั้นมีถั่วอยู่หลายชนิดปนๆกัน

ด้วยกลิ่นหอมของถั่ว ประกอบกับจำนวนถั่วในขวดมีอยู่มาก ชายหนุ่มอดที่จะหยิบถั่วนั้นขึ้นมาชิมไม่ได้ แต่เนื่องจากถั่ว
มีรสอร่อย หอมมัน เขาจึงหยิบเม็ดที่สอง แล้วก็เม็ดที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ด...................จนกระทั่งหมดไปครึ่งขวด
เขารู้สึกสำนึกผิด เพราะไปกินของเขาโดยยังไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของเสียก่อน เมื่อบุญเพ็ญกลับเข้ามาที่โต๊ะ
ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปสารภาพ

ชายหนุ่ม : ผมขอโทษนะครับ ตอนที่คุณไม่อยู่ ผมแอบเปิดขวดใส่ถั่วบนโต๊ะคุณเห็นน่ากินจึงหยิบมาชิมดู แต่ด้วยความอร่อย เลยชิมเพลินไปหน่อย มันหมดไปตั้งครึ่งขวด จะให้ผมซื้ออะไรมาทดแทนให้ไหมครับ?

บุญเพ็ญ : โอ๊ย ไม่ต้องๆ คุณไม่ต้องไปซื้ออะไรมาแทนทั้งนั้น ถั่วที่อยู่ในขวดนั้นผมเองก็กินไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเมื่อเดือนก่อน ผมทำฟันปลอมหายไป ผมไม่สามารถเคี้ยวของแข็งๆได้เลย เวลาผมกินช้อกโกเล็ต ผมก็ได้แต่อมจนกระทั่งเหลือแต่ถั่ว ผมก็จะโยนถั่วใส่ในขวดเพื่อจะนำไปทิ้งในภายหลัง


เรื่องที่ 104
นามสกุลหาย ?

21/05/2006 07:29 AM

บุญคนึง ถูกตำรวจจราจรจับฐานไม่หยุดรถเมื่อไฟแดงขึ้น

ตำรวจ : คุณทำผิดกฏจราจร ไม่หยุดรถเมื่อไฟแดงขึ้น ผมรู้ว่ามันเป็นจังหวะที่คับขันบางทีก็หยุดรถไม่ทัน เอาเถอะ
วันนี้พอดีเป็นวันเกิดของผม อยากทำอะไรๆที่สบายใจ ไม่อยากเขียนใบสั่งแก่คุณ แต่เพื่อเป็นการสั่งสอน ผมจะออกแค่
ใบเตือน วันหน้าวันหลังจะได้ระวังหน่อย ขอโทษคุณชื่ออะไร?

บุญคนึง : บุญคนึงครับ บุญคนึง

ตำรวจ : บุญคนึงอะไร ?
บุญคนึง : บุญคนึงเฉยๆครับ
ตำรวจ : อ้าว ! คุณไม่มีนามสกุลเหรอ?

บุญคนึง : นามสกุลผมหายไป
ตำรวจ : นามสกุลคุณหายไป? มันเป็นไปได้อย่างไร?

บุญคนึง : คือว่า... เรื่องมันยาวครับ อืม์ ! ผมเกิดที่จังหวัดเกาะกงแล้วมาเติบโตที่จังหวัดตราด ตอนนั้นผมมีชื่อว่า บุญคนึง นามสกุล ลึงค์งาม เพื่อนๆชอบล้อผมทุกวัน ผมไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่มุมานะเรียนจนผมจบแพทย์ ผมทำงานอยู่ในโรงพยาบาลหลายปี นายแพทย์บุญคนึง ลึงค์งาม ผู้เชี่ยวชาญทางสูตินารีเวช ผมทำหน้าที่สอนนักศึกษาแพทย์ไปด้วย ในที่สุด ผมได้ตำแหน่งศาสตราจารย์ด้วย ผมจึงเป็น ศาสตราจารย์นายแพทย์บุญคนึง ลึงค์งาม
วันหนึ่ง ผมไปมีอะไรกับคนไข้สาวสวยคนหนึ่งจึงติดเชื้อกามโรคชนิดรุนแรงเข้า เมื่อเกิดเป็นข่าวขึ้นทางโรงพยาบาลก็ถอดถอนตำแหน่งศาสตราจารย์ของผม ซ้ำร้าย ทางแพทยสภาก็ยึดใบประกอบโรคศิลป์ของผมไปด้วย ผมจึงไม่มีชื่อนายแพทย์นำหน้าอีกต่อไป คงเหลือแต่นายบุญคนึง ลึงค์งาม เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา กามโรคที่ผมเป็นมันทวีความรุนแรงจนกระทั่งผมจำเป็นต้องตัดจู๋ผมทิ้งไป ผมก็จึงใช้นามสกุลลึงค์งามต่อไปอีกไม่ได้


เรื่องที่ 105
ทำไมจึง ป.ส.ด. ?

22/05/2006 09:51 AM

จิตแพทย์คนหนึ่งไปดูงานที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เขาสัมภาษณ์คนไข้หลายคนแต่ไม่มีกรณีไหนที่น่าสนใจมากนัก จนกระทั่งมาสัมภาษณ์บุญฉงนซึ่งเป็นคนไข้คนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาอยู่โรงพยาบาลได้ไม่นาน

จิตแพทย์ : คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร ? มาได้อย่างไร ? อะไรคือปัญหาที่ทำให้คุณต้องมาอยู่ที่นี่ ?

บุญฉงน : เฮ้อ... เรื่องมันยาวครับ คือว่า...ผมไม่น่าแต่งงานเลย......เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว...........

ผมแต่งงานกับแม่ม่ายลูกติดคนหนึ่ง ลูกเลี้ยงของผมเป็นสาวอายุ 19 ปี เมื่อมาอยู่ในบ้านได้ไม่นานนักแกก็ตกหลุมรัก
กับคุณพ่อของผม เมื่อทั้งคู่แต่งงานกัน แกจึงกลายมาเป็นแม่เลี้ยงของผมโดยปริยาย ส่วนคุณพ่อของผมเอง
ก็มีศักดิ์เป็นลูกเขยของผมด้วย ด้านภรรยาผมก็มีศักดิ์เป็นยายผม เพราะแกเป็นแม่ของแม่เลี้ยงผม

ต่อมาภรรยาผมมีลูกชายกับผมคนหนึ่ง ลูกชายผมมีศักดิ์เป็นน้าผมด้วยเนื่องจากเขาเป็นน้องต่างพ่อของลูกเลี้ยงผมซึ่ง
เดี๋ยวนี้กลายมาเป็นแม่เลี้ยงของผม ขณะเดียวกันเขาก็เป็นหลานปู่ของคุณพ่อผมซึ่งบัดนี้มีศักดิ์เป็นลูกเขยผม ผมจึงกลายเป็นทวดไปโดยยปริยาย ยิ่งกว่านั้นเมื่อภรรยาผมมีศักดิ์เป็นยายผม เขาจึงเป็นโหลนของภรรยาผม

ยังไม่จบแค่นั้นนะครับ พอดีคุณพ่อผมก็มีลูกสาวกับลูกเลี้ยงของผมคนหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ลูกสาวของเขาก็เป็นน้อง
ต่างมารดาของผม ขณะเดียวกันผมมีศักดิ์เป็นตาของแกเพราะภรรยาผมเป็นยายของแก แต่แกก็เป็นหลานผมเพราะแก
เป็นลูกของลูกเลี้ยงกับลูกเขยของผม

ปัญหามันมาอยู่ที่ตอนนี้ลูกชายของผม กับลูกสาวของคุณพ่อผมเกิดมาชอบพอกัน พวกเขาวางแผนจะแต่งงานกันในไม่ช้าแค่ตอนนี้พวกเขาก็เรียกกันไม่ค่อยจะถูกอยู่แล้ว เพราะลูกสาวของคุณพ่อผมมีศักดิ์เป็นอาสาวของลูกชายผมแน่นอน
แต่ลูกชายผมก็มีศักดิ์เป็นน้าชายของลูกสาวคุณพ่อผมแน่นอนด้วยเช่นกัน

นี่เพียงแค่จะแต่งงานกันเท่านั้นนะครับ ผม ป.ส.ด.ก่อนแล้ว อีกหน่อยเขามีลูกด้วยกันผมจะยิ่งลำดับญาติไม่ถูกอย่างแน่นอนนี่คือสาเหตุที่ผมต้องมาอยู่ที่นี่ยังงัย


เรื่องที่ 106
อาหารและสุขภาพ

23/05/2006 07:00 AM

ในงานสัมนาเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ วิทยากรได้บรรยายให้คน 500 คนซึ่งรวมถึงบุญแรมที่ไปร่วมฟังด้วยว่า
สุขภาพของเราจะดีเลวอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับอาหารการกินที่เรากินเข้าไปนั่นเอง (You are what you eat)

การบริโภคเนื้อสัตว์มีความเสี่ยงสูง นอกจากจะเสี่ยงกับโรคแอนแทร็กซ์ในเนื้อวัว โรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีก ยาเร่งเนื้อแดง
ในสุกร โรคระบาดอื่นๆที่มาจากไวรัสในแพะกับแกะแล้ว โอกาสที่จะได้สารต้านมะเร็งยังมีต่ำอีกด้วย

อาหารจากสัตว์น้ำประเภท กุ้ง หอย ปู ปลา ก็มีความเสี่ยงมากเช่นเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบันนี้ มีการใช้สารเคมีกันมาก
ทั้งการใช้โดยตรงในการเลี้ยงสัตว์ กับสัตว์ได้รับทางอ้อมจากน้ำที่ชะล้างปุ๋ยหรือสารเคมีจากพื้นที่อื่นๆ นอกจากนั้น
บรรดาแม่ค้าพ่อขายยังนำสินค้าเหล่านี้ไปแช่สารฟอร์มะลินเพื่อชะลอการเน่าเสียอีกต่างหาก

พวกพืชผักผลไม้ก็เช่นเดียวกัน การใช้ปุ๋ยเคมีก็นับว่าแย่อยู่แล้ว นี่ยังมีการใช้สารเคมีเพื่อฆ่าแมลงกันอย่างกว้างขวาง
เมื่อเคยใช้สารเคมีอย่างหนึ่งนานๆเข้า แมลงมันดื้อยาก็ต้องใช้ยาในปริมาณที่มากขึ้น ยาเข้มข้นขึ้น ต่อมาก็เปลี่ยนยา
พวกสารตกค้างทั้งหลายที่มีอยู่ในผักผลไม้มีมากมาย สำหรับผลไม้แล้วน่ากลัวมาก ช่วงต้นฤดูผลไม้ได้ราคาดี ชาวสวน
จะรีบเก็บมาขายทั้งๆที่เพิ่งฉีดยาฆ่าแมลงไปไม่นาน ไม่รอให้สารตกค้างมันจางหายไปก่อน

บางคนคิดอยู่ในใจว่า เราบริโภคแต่ผักปลอดสารพิษมาโดยตลอดเราคิดว่าเราปลอดภัยแน่นอน แต่จริงๆแล้วมีใครเห็น
การปลูกผักที่อ้างว่าปลอดสารพิษบ้างหรือเปล่า เราไม่เคยเห็น เราเชื่อที่เขาบอก ถ้าเขาเอาผักจากสวนผักธรรมดาใส่ถุง
แล้วติดป้ายว่าปลอดสารพิษเราก็เจอเต็มๆเช่นเดียวกัน

ของทอดๆ เช่น ปาท่องโก๋ กล้วยแขก หรือของทอดอื่นๆที่ใช้น้ำมันเก่าล้วนแต่มีสารพวกท็อกซิน ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

สรุปแล้ว ไม่ว่าเราจะบริโภคเนื้อสัตว์บก สัตว์น้ำ ผักผลไม้ ของทอดๆก็ล้วนแต่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของเราทั้งสิ้น
แต่ยังมีอย่างหนึ่งซึ่งเสี่ยงต่อสุขภาพมากกว่า มีใครรู้บ้าง? อ้าว ! คุณลุงใส่แว่นที่นั่งแถวหน้าซ้ายมือ ช่วยตอบหน่อย

บุญแรม : อืม์...เค้กแต่งงานครับ...ตั้งแต่ผมกินมันเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ผมมีปัญหาทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตมาตลอดเลยครับ


เรื่องที่ 107
ซุปเปอร์เซลแมน(ยอดนักขายตัวจริง)

24/05/2006 06:47 AM  

บุญเรืองเป็นเด็กหนุ่มที่คล่องแคล่ว เขาไปสมัครงานในตำแหน่งพนักงานขายของห้างแพ็กโกร ผู้จัดการห้างมาสัมภาษณ์
เขาด้วยตัวเอง เขาชอบที่บุญเรืองที่เป็นคนกระตือรือร้นและค่อนข้างมีไหวพริบ

ผู้จัดการ : คุณเคยมีประสบการณ์ด้านการขายมาก่อนบ้างแล้วหรือไม่ ?
บุญเรือง : ก็พอมีบ้างครับ ผมช่วยที่บ้านขายของ
ผู้จัดการ : เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมจะรับคุณทดลองงาน คุณไปทำหน้าที่เช้าวันนี้เลย ตอนเย็นหลังห้างปิดแล้วเราจะมาดูกันว่าคุณทำได้ดีมากน้อยเพียงใด แล้วค่อยมาตัดสินกัน

หลังจากบุญเรืองปฏิบัติหน้าที่จนห้างปิดแล้ว ผู้จัดการก็มาตรวจสอบผลงานของบุญเรือง

ผู้จัดการ : เป็นอย่างไรบ้างคุณบุญเรือง วันนี้ขายลูกค้ากี่ราย?
บุญเรือง : ผมขายลูกค้า 1 รายครับ
ผู้จัดการ : หา..ขายลูกค้ารายเดียว ? ห้างนี้พนักงานขายลูกค้าเฉลี่ย 30 ถึง 40 รายต่อคนต่อวัน แต่คุณขายได้เพียง 1 ราย แล้วคุณขายได้เงินเท่าไร ?

บุญเรือง : ผมขายไป 4,678,000 บาทครับ
ผู้จัดการ : ว่าไงนะ ? คุณขาย 4,678,000 บาท ให้ลูกค้ารายเดียว? คุณขายอะไรแก่เขา ?

บุญเรือง : คือว่า ตอนแรกผมขายเบ็ดตกปลาขนาดเล็กแก่เขา ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเบ็ดขนาดกลางแล้วเป็นขนาดใหญ่ในที่สุดหลังจากนั้นผมก็ขายคันเบ็ดรุ่นท้อปแก่เขา ผมถามเขาว่าเขาจะไปตกปลาที่ไหน เขาบอกว่าจะไปแถวเกาะสะเก็ด ผมจึงแนะว่าเขาควรมีเรือเร็วสองเครื่องยนต์สักลำ เขาเห็นดีด้วย เราจึงลงไปแผนกเรือ เขาซื้อเรือคริสคราฟท์ลำหนึ่ง แต่เขาไม่ชอบเครื่องยนต์ฮอนด้าซีวิค ผมจึงพาเขาไปแผนกเครื่องยนต์เขาตัดสินใจซื้อเครื่อง เบรเซอร์ 4x4 สองเครื่อง

ผู้จัดการ : ไหน.. คุณบอกว่าลูกค้าตั้งใจมาซื้อแค่เบ็ดตกปลา แต่สุดท้ายก็ซื้อเรือเร็วหนึ่งลำ กับเครื่องยนต์อีกสองเครื่อง ?

บุญเรือง : เปล่าครับ เขาตั้งใจมาซื้อผ้าอนามัยโกเต๊กซ์หนึ่งกล่องให้ภรรยาเขา ผมจึงแนะนำว่าไหนๆสุดสัปดาห์นี้
เขาไม่ต้องทำการบ้านอยู่แล้ว ทำไมเขาจึงไม่คิดไปตกปลาแทน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามาดูเบ็ดตกปลาครับ


เรื่องที่ 108
ตระกูลนักวิ่ง

25/05/2006 07:15 AM

บุญเมือง เป็นนักวิ่งตามบรรพบุรุษ ถึงเขาจะมีสุขภาพดีแต่เขาก็ยังไปตรวจร่างกายสม่ำเสมอ วันหนึ่งบุญเมืองไปตรวจ ร่างกายกับหมอมือใหม่ของโรงพยาบาล หลังจากการตรวจเลือด ตรวจหัวใจ ปอด ตลอดจนอวัยวะอื่นๆอย่างละเอียดแล้ว หมอขอซักถามประวัติเพิ่มเติม เพราะโดยปกติแล้วคนเราจะมีการสืบสายเลือดจากบรรพบุรุษ และมีการถ่ายทอดอะไร ต่อมิอะไรทางกรรมพันธุ์เสมอ

หมอ : ดูคุณสุขภาพแข็งแรงดีมากสมกับวัย 60 เลยนะครับ

บุญเมือง : ใครว่าผมอายุ 60 ? ผมอายุ 75 แล้ว และผมก็ยังปึ๋งปั๋งอยู่เลยนะนี่

หมอ : อ้อ ! ขอโทษครับ แล้วคุณพ่อคุณเสียตอนแกอายุเท่าไรครับ ? แกคงจะอายุยืนพอสมควร

บุญเมือง : ใครบอกว่าคุณพ่อผมเสียแล้ว ? ตอนนี้แกอายุ 92 แล้ว แกยังแข็งแรงมากอยู่เลยนะ อาทิตย์ที่แล้วแกยังไป วิ่งมาราธอนที่แม่ฮ่องสอน แกทำเวลาได้ 3 ชั่วโมงพอดีๆ

หมอ : จริงเหรอครับ ? อื้อหือ...สุดยอดเลยนะ แล้ว....อืม์.... แล้วคุณปู่คุณล่ะ แกเสียตอนไหน ?

บุญเมือง : ใครบอกว่าคุณปู่ผมเสีย ? คุณปู่แกอายุ 109 ปีแล้ว แกสุขภาพดีและยังฟิตเปรี๊ยะอยู่เลย เดือนหน้าแกก็จะ แต่งงานใหม่กับสาวอายุ 21 ยังไงผมขอเชิญหมอไปงานแต่งงานของแกด้วยนะครับ

หมอ : โอ้โห ไม่น่าเชื่อเลย คุณปู่อายุขนาดนี้ยังคิดอยากแต่งงานอยู่อีก คุณช่วยพาแกมาให้ผมตรวจหน่อยได้ไหม ? ผมอยากทำวิจัยเรื่องนี้ คิดว่าต่างประเทศคงจะสนใจกันมาก เพราะคนอายุขนาดนี้ปกติก็มีอยู่น้อยรายอยู่แล้ว นี่ยังจะ คิดแต่งงานอีก บางทีอาจจะลงกินเนสบุคส์ ออฟ เร็คคอร์ด ได้ด้วยนะครับ

บุญเมือง : ใครบอกว่าคุณปู่ผมคิดอยากแต่งงาน ? เขาไม่ได้คิดอยากแต่งหรอกครับ แต่เขาจำเป็นต้องแต่งต่างหาก เพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเขาท้องสามเดือนแล้วน่ะซี

 


เรื่องที่ 109
ลูกเขยคนใหม่

26/05/2006 07:16 AM

บุญนาม เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง เนื่องจากธุรกิจประกอบรถยนต์ของเขามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเขาต้องย้ายและขยายโรงงานไปอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และเขาจำเป็นต้องเดินทางไปตรวจงานแทบทุกวันเป็น เวลาหลายปีมาแล้ว เขาคิดว่าเขาน่าจะหาคนมาช่วย เผอิญเขามีลูกสาวคนหนึ่งซึ่งเพิ่งแต่งงานกับหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง เขาเห็นลูกเขยคนใหม่ของเขาตอนนี้ก็ไม่ได้ทำงานอะไร วันๆเอาแต่กินๆนอนๆและเตร็ดเตร่เป็นกิจวัตร จึงน่าจะเอามาเป็น กำลังสำคัญของบริษัทได้

วันหนึ่ง บุญนามเรียกประชุมผู้บริหารของบริษัท แล้วเชิญให้ลูกเขยคนใหม่เข้าร่วมประชุมด้วย เขาแนะนำลูกเขยให้กรรมการ บริษัทได้รู้จัก กรรมการทุกคนแสดงความยินดีกับบุญนามที่ได้ลูกเขยมาช่วยงาน หลังจากการประชุมอย่างเคร่งเครียดเสร็จแล้ว เขาหันมาพูดกับลูกเขยต่อหน้าที่ประชุม

บุญนาม : ผมรักลูกสาวคนนี้ของผมมาก ผมอยากให้ครอบครัวคุณมีความมั่นคง ดังนั้นผมจึงคิดจะแบ่งหุ้นในบริษัทของผม ให้แก่คุณ 50 % แต่ว่าคุณจะต้องมาช่วยผมบริหารบริษัทนี้ด้วย ผมทำงานหนักมานานแล้วตอนนี้เริ่มจะมีอายุมากขึ้น ผมจึงอยากให้คุณไปฝึกควบคุมโรงงานที่ฉะเชิงเทราแทนผม คุณต้องไปที่นั่นทุกเช้าเพื่อควบคุมงาน ตรวจตรา และติดตาม ให้แน่ใจว่าการปฏิบัติงานของทุกคนที่โรงงานเป็นไปด้วยความราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การผลิตรถยนต์เป็นไปตามแผน งานทุกย่าง และที่สำคัญต้องผ่าน QC ทุกคันด้วย

ลูกเขย : ผมไม่ชอบงานโรงงานครับ ผมทนต่อเสียงดังหนวกหูไม่ไหว

บุญนาม : ก็ได้ๆ ถ้าคุณไม่ชอบงานโรงงาน ผมก็จะเป็นคนไปดูเอง ถ้าอย่างนั้นคุณก็มาดูงานที่สำนักงานแทนผมก็แล้วกัน คุณต้องดูแลงานตลาด งานขาย งานบัญชีการเงิน งานบุคคล งานกฏหมาย และงานบริหารอื่นๆ

ลูกเขย : ผมไม่ชอบงานสำนักงานเช่นกัน ผมไม่ชอบอยู่ในที่อุดอู้แล้วมีคนพลุกพล่าน มันทำให้ผมวิงเวียน

บุญนาม : อ้าว ! งานโรงงานคุณก็ไม่เอา งานสำนักงานคุณก็ไม่ชอบ แล้วคุณจะทำการงานอะไรถึงจะมีเงินล่ะ ?

ลูกเขย : ผมจะรอให้ท่านจ้างผมหย่ายังไงล่ะครับ


เรื่องที่ 110
ลูกค้าคือพระเจ้า ???

27/05/2006 06:44 AM

นับตั้งแต่กระทรวงมหาดไทยออกบัตรประจำตัวประชาชนชนิดใหม่ ที่เรียกกันว่าสมาร์ทการ์ดนั้น เดี๋ยวนี้บัตรเดียว ใช้ได้ทุกอย่าง บัตรประจำตัวผู้เสียภาษีถูกยกเลิก บัตรรักษาพยาบาลไม่ต้องมีไม่ว่าคุณจะอยู่ในโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคหรือไม่ก็ตาม เรื่องต่อไปนี้เกิดขึ้นกับ บุญโฮม แต่ไม่แน่...อาจเกิดขึ้นกับคุณด้วยก็ได้

กริ๊งงงง....กริ๊งงงง....กริ๊งงงง....กริ๊งงงง.... พนักงาน : สวัสดีค่ะ พิซซ่าเวิลด์ ดิฉันสายคนึง ยินดีรับใช้ค่ะ บุญโฮม : ขอสั่งพิซซ่าหน่อยครับ สายคนึง : กรุณาแจ้งเลขประจำตัวประชาชนของคุณหน่อยค่ะ บุญโฮม : อืม์ม์ม์...เดี๋ยวๆ.. ถือสายรอสักครู่ อ้าาา...8 897 100 354 28 64

สายคนึง : คุณบุญโฮม ใช่ไหมคะ? คุณอยู่บ้านเลขที่ 39/7512 ซอยวิภาวี 47 แขวงทุ่งกาหลง เขตดอนกรุง หมายเลขโทรศัพท์บ้าน 0299765651 หมายเลขที่ทำงาน 0201184927 เบอร์มือถือ 0798052473 คุณโทรมาจากบ้านใช่ไหมคะ? บุญโฮม : เอ๊ะ นี่คุณรู้ได้อย่างไร? รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของผมด้วย

สายคนึง : สายโทรศัพท์ของเราเชื่อมกับระบบฐานข้อมูลแห่งชาติค่ะ ขอโทษ คุณจะสั่งอะไรคะ? บุญโฮม : ขอสั่งพิซซ่าทะเลสองถาด สายคนึง : ไม่ได้ค่ะ นโยบายเราจะไม่ยอมให้ลูกค้าสั่งสิ่งที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของลูกค้า ตามประวัติแล้ว คุณไม่เพียงแต่แพ้อาหารทะเล แต่คุณยังมีความดันโลหิตสูงและมีระดับฆอเรสเตอรอลสูงเกินเกณฑ์อีกด้วย

บุญโฮม : อะไรนะ? แล้วผมจะกินอะไรได้นี่? สายคนึง : ดิฉันขอเสนอพิซซ่าสมุนไพร ดิฉันเชื่อว่าคุณต้องชอบแน่ๆเลย บุญโฮม : คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมต้องชอบ? สายคนึง : ก็เมื่ออาทิตย์ที่แล้วคุณยังไปยืมหนังสือ สมุนไพรไทย และ สมุนไพรยาอายุวัฒนะ จากหอสมุดแห่งชาติ นี่คะ

บุญโฮม : เอาล่ะๆ ผมยอมแพ้ ขอพิซซ่าสมุนไพรสองถาด เป็นเงินเท่าไหร่ครับ? สายคนึง : สองถาดกำลังดีสำหรับคุณ ภรรยา และลูกสาวสองคน ทั้งหมด 540 บาทค่ะ

บุญโฮม : คุณรับบัตรเครดิตหรือเปล่า? สายคนึง : ปกติเรารับบัตรเครดิตค่ะ แต่วันนี้เราขอโทษที่รับบัตรเครดิตคุณไม่ได้ เพราะคุณใช้เต็มวงเงินแล้ว นอกจากนั้น คุณยังมียอดหนี้ค้างจ่ายตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้วอีก 24,754 บาท นี่ไม่รวมค่าผ่อนบ้านที่ยังค้างชำระ อีกสองเดือน ดังนั้นออร์เดอร์นี้คุณต้องชำระเป็นเงินสดค่ะ

บุญโฮม : อย่างนั้นผมจะไปกด เอทีเอ็ม เตรียมเงินสดไว้จ่ายตอนเด็กมาส่งพิซซ่า สายคนึง : ดิฉันคิดว่าวันนี้คุณกดไม่ได้แล้วค่ะ เพราะคุณกดครบจำนวนเงินที่กำหนดแล้ว บุญโฮม : เอาเถอะๆ คุณให้เด็กมาส่งเดี๋ยวนี้เลย ผมมีเงินสดจ่ายให้ก็แล้วกัน คาดว่าอีกนานเท่าไหร่? สายคนึง : ประมาณ 40 นาฑีค่ะ แต่ถ้าคุณรอไม่ไหวคุณจะขี่มอเตอร์ไซค์มารับเองก็ได้นะคะ บุญโฮม : หา... คุณว่าอะไรนะ?

สายคนึง : ก็คุณมีมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าอาร์เอฟ120 หมายเลขทะเบียน มยว 093 อยู่นี่คะ ถ้าคุณมารับเองจะเร็วกว่าค่ะ บุญโฮม : โอเคๆ แล้วโค้ก สองกระป๋องที่จะแถมตามโปรโมชั่นยังมีอยู่หรือเปล่า? สายคนึง : ตอนนี้เรายังแถมอยู่ แต่ขอโทษค่ะ เราคงแถมให้คุณไม่ได้ เพราะคุณมีประวัติเป็นเบาหวานเรื้อรัง

บุญโฮม : ไอ้..? ระยำที่สุด

สายคนึง : ขอโทษค่ะ คุณใช้คำไม่สุภาพอีกทั้งๆที่เคยถูกภาคทัณฑ์จากศาลเมื่อ 13 มิถุนายน 2547 ในคดีมีปากเสียงกับเพื่อน

 


เรื่องที่ 111
ประโยชน์ของไวอากร้า ?

28/05/2006 07:02 AM

บุญฉาย ไปเยี่ยมคุณปู่อายุ 83 ปีที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

บุญฉาย : เป็นไงบ้างครับคุณปู่ ? คุณพยาบาลดูแลคุณปู่ดีไหมครับ ? คุณปู่ : ปู่สบายดี ขอบใจ คุณพยาบาลสาวสองคนช่วยกันดูแลปู่ดีมากที่สุดเลย

บุญฉาย : อาหารที่นี่ดีไหมครับ ? จะให้ผมซื้ออะไรมาให้เป็นพิเศษหรือเปล่า ? คุณปู่ : ไม่ต้อง ไม่ต้อง อาหารที่นี่วิเศษมาก ปู่ไม่เคยกินที่ไหนอร่อยเท่านี้แล้ว

บุญฉาย : แล้วคุณปู่นอนหลับสบายดีไหมครับ ? มีอะไรรบกวนคุณปู่หรือเปล่า ? คุณปู่ : โอ้ย ปู่หลับเป็นตายทุกคืนเลย จาก 4 ทุ่ม รวดเดียวถึง 7 โมงเช้า

บุญฉาย : ฟังดูเหมือนคุณปู่จะชอบอยู่ที่โรงพยาบาลนี้เสียแล้วสิใช่ไหมครับ คุณปู่ ? คุณปู่ : ใช่ ใช่ ก่อนนอนทุกๆคืน คุณพยาบาลจะนำโกโก้ร้อนมาให้ปู่ 1 แก้ว พร้อมกับไวอากร้า 1 เม็ด

บุญฉายได้ยินแล้วรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่อยากไปซักไซ้คุณปู่มากเกินไป หลังจากทีพูดคุยกับคุณปู่จนได้เวลาพอสมควรแล้ว ก่อนจะกลับบ้านเขาแวะไปพบหัวหน้าพยาบาลถึงที่ห้องทำงาน ด้วยยังคลางแคลงใจในสิ่งที่คุณปู่เล่าให้ฟัง จึงอยาก สอบถามให้กระจ่าง

บุญฉาย : ผมได้ยินจากคุณปู่ผมบอกว่า พยาบาลให้ไวอากร้าแก่ปู่ผมคืนละเม็ดทุกคืน เป็นความจริงหรือเปล่า ? มันเป็นไปได้อย่างไร คุณปู่ผมอายุตั้ง 83 ปี แล้ว ผมอยากทราบเหตุผล

พยาบาล : เป็นความจริงค่ะ เราให้โกโก้ร้อน 1 แก้วกับ ไวอากร้า 1 เม็ด แก่คุณปู่ ตอน 4 ทุ่มทุกคืนค่ะ โกโก้ร้อน จะทำให้คุณปู่ง่วงนอนและหลับสนิทตลอดคืน

บุญฉาย : อ้าว.. แล้วไวอากร้า วันละเม็ดล่ะ

พยาบาล : อ๋อ ไวอากร้าจะช่วยทำให้คุณปู่มีอะไรค้ำไว้ เวลานอนพลิกตัวจะได้ไม่ตกเตียงยังไงล่ะคะ

 


เรื่องที่ 112
ฝากส่งสารลับไปดวงจันทร์

29/05/2006 09:29 AM

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1969 และเพิ่งถูกเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้เอง

ก่อนที่องค์การนาซ่าจะส่ง นีล อาร์มสตรอง กับยานอะพอลโลไปลงดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ บรรดามนุษย์ อวกาศทุกคนจำเป็นต้องได้รับการฝึกในสภาพคล้ายจริงเสียก่อน บริเวณที่มีภูมิประเทศใกล้เคียงพื้นผิวดวงจันทร์มากที่สุด คือ นิคมอินเดียนแดงนาวาโจ รัฐอริโซน่า

เช้าวันหนึ่ง หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงผู้ที่พูดได้แต่ภาษาเผ่านาวาโจเท่านั้น มาดูการฝึกพร้อมลูกชายที่พูดภาษาอังกฤษได้ หัวหน้าเผ่าถามผ่านลูกชายว่า พวกที่ใส่เสื้อผ้าหนาเทอะทะเหล่านั้นกำลังทำอะไร เจ้าหน้าที่บอกว่าเขากำลังฝึกเพื่อที่จะบิน ไปลงดวงจันทร์ หัวหน้าเผ่าได้ยินแล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก จึงบอกผ่านลูกชายไปว่า อยากจะฝากสารลับไปดวงจันทร์จะได้ไหม เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะไปถามนาซ่าให้

เมื่อนาซ่าได้ทราบความประสงค์ของหัวหน้าเผ่านาวาโจแล้ว เห็นว่าเป็นโอกาสที่จะประชาสัมพันธ์โครงการไปดวงจันทร์ ในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดีได้เป็นอย่างดี เพราะขนาดหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงยังให้ความสนใจและต้องการมีส่วนร่วม ด้วยการฝากส่งสารไปยังดวงจันทร์ด้วย

องค์การนาซ่าจึงได้ฝากเทปอัดเสียงส่งไปอัดข้อความที่หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงต้องการฝากส่ง เมื่อหัวหน้าได้รับเทปแล้ว ก็พูดข้อความที่ต้องการฝากลงไปในเทป เจ้าหน้าที่ถามลูกชายหัวหน้าเผ่าว่าข้อความที่พูดนั้นแปลว่าอะไร ลูกชายหัวหน้า ไม่ยอมบอก เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปถามชาวอินเดียนแดงคนอื่นๆในนิคม แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่มีใครยอมบอกว่าข้อความ ในเทปนั้นแปลว่าอะไร เจ้าหน้าที่จึงส่งเทปกลับนาซ่าโดยรายงานถึงสาเหตุที่ไม่มีคำแปล

องค์การนาซ่าได้รับเทปแล้วก็จัดแจงหาคนที่รู้ภาษาอินเดียนแดงเผ่านาวาโจ แปลข้อความของหัวหน้าเผ่าในเทป

" ระวังคนพวกนี้ให้ดี มันจะมายึดแผ่นดินของคุณเหมือนที่มันได้ยึดแผ่นดินของพวกเรา "


เรื่องที่ 113
ตาไม่ได้ฝาด

30/05/2006 05:34 AM

สายเพชร เป็นสาวใหญ่ที่จริงจังกับชืวิตมาก นอกจากนั้นเธอยังเป็นคนขี้สงสัย สอดรู้สอดเห็นและขี้ระแวงจนทำให้ ตนเองต้องปวดศรีษะเป็นประจำ วันหนึ่งสายเพชรแอ็ดมิดเข้าไปในโรงพยาบาล 2-3 วัน เพื่อทำการรักษาอาการ ระหว่างอยู่โรงพยาบาล ก็มีเรื่องต้องเรียกใช้พยาบาลอยู่เป็นเนืองนิจ

กลางดึกของคืนวันหนึ่ง สายเพชรวิ่งหน้าตื่นออกไปหาพยาบาลเวรที่ห้องโถง

สายเพชร : คุณพยาบาล ที่หน้าต่างห้องฉันมีผู้ชายอุบาทว์ยืนแก้ผ้าล่อนจ้อน อุจาดตาเหลือเกิน ช่วยไปดูให้หน่อย

พยาบาลเดินไปที่ห้องสายเพชร มองที่หน้าต่างห้องสายเพชรไม่เห็นมีอะไร และด้านนอกก็ไม่มีระเบียงที่ใครจะไปยืน อยู่ได้เลยเพราะไม่มีระเบียง แต่พอมองไกลออกไปที่อพาร์ทเมนท์ฝั่งตรงข้ามซึ่งอยู่ใกล้ๆนั้น พยาบาลมองเห็นผู้ชาย คนหนึ่งไม่ได้ใส่เสื้อ เดินไปเดินมาอยู่ในห้องของเขาโดยไม่ได้หันมามองทางห้องสายเพชรเลยแม้แต่น้อย

พยาบาล : ฉันเห็นผู้ชายไม่ได้ใส่เสื้ออยู่ที่อพาร์ทเมนท์ฝั่งโน้น ใช่คนนั้นหรือเปล่า? ที่คุณว่าเขาแก้ผ้าล่อนจ้อนน่ะ ฉันไม่เห็นเขาล่อนจ้อนอะไรนี่นา แค่เขาไม่ได้ใส่เสื้อเท่านั้น มันเป็นธรรมดาสำหรับผู้ชาย

สายเพชร : ใช่ ใช่ คนนั้นแหละ ที่แก้ผ้าล่อนจ้อนจริงๆ

พยาบาล : มันจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะจากที่นี่เราจะเห็นเขาผ่านทางหน้าต่างได้แค่ครึ่งตัวเท่านั้นเอง ซึ่งก็เห็นเพียง ผู้ชายไม่ใส่เสื้ออยู่ในห้องของเขา ฉันไม่เห็นว่ามันจะอุจาดหรืออุบาทว์อะไรนี่นา คุณบอกว่าเห็นเขาแก้ผ้าล่อนจ้อน คุณตาฝาดไปหรือเปล่า?

สายเพชร : ฉันไม่ได้ตาฝาดจริงๆนะ คุณไม่รู้อะไร ถ้าคุณยืนอยู่บนพื้นอย่างนี้ก็จะเห็นเขาได้เพียงครึ่งตัวเท่านั้นนะซี

แต่ถ้าคุณปีนขึ้นมายืนอยู่บนตู้ใบนี้ คุณก็จะเห็นเขาได้เต็มตัวเลย เขาแก้ผ้าล่อนจ้อนจริงๆ


เรื่องที่ 114
พยานปากเอก

31/05/2006 07:07 AM

 

ในการพิจารณาคดีฉ้อโกงในศาลจังหวัดที่เป็นชุมชนเล็กๆและอยู่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ทนายโจทก์ขอเบิกตัวพยานปากแรก คือคุณป้าสายเพ็ญ เมื่อป้าสายเพ็ญเดินไปที่คอกพยานและกล่าวคำสาบานเรียบร้อยแล้วก็เริ่มคำให้การ

ทนายโจทก์ : พยานรู้จักผมไหมครับ ?

ป้าสายเพ็ญ : ทำไมฉันจะไม่รู้จักคุณ? คุณคือนายบุญเงิน ฉันรู้จักตั้งแต่คุณยังเป็นเด็กอยู่ข้างบ้านฉัน ฉันเห็นคุณ มาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย ฉันผิดหวังในตัวคุณมากคุณเป็นคนที่ชอบโกหกเป็นนิจศีล เป็นคนที่ไม่อยู่ในร่องในรอย ชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่นเสมอ เมื่อโตขึ้นแต่งงานแล้วยังนอกใจเมียอยู่บ่อยๆ ชอบด่าคนลับหลัง หน้าไหว้หลังหลอก เป็นคนคุยโวทั้งๆที่มีความรู้แค่หางอึ่ง

บุญเงินถึงกับสะอึก เงียบไปพักหนึ่งแล้วจึงรวบรวมสติและความกล้า พยายามที่จะซักถามพยานต่อไปตามปกติเหมือน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทนายโจทก์ : พยานรู้จักทนายจำเลยหรือไม่?

ป้าสายเพ็ญ : โธ่เอ๊ย นายบุญกอง นี่นะ ตอนเล็กๆแม่เขาเอามาฝากฉันเลี้ยงอยู่ตั้งหลายปี ฉ้นผิดหวังในตัวเขาด้วยเช่นกัน เพราะเขาเป็นคนที่ขี้เกียจที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเห็นมา มิหนำซ้ำยังเป็นคนดื้อรั้นมากอีกต่างหาก ตอนเป็นผู้ใหญ่ก็ติดสุราเรื้อรัง ดื่มเหล้าเมาจนหัวราน้ำแทบทุกวัน การงานก็ทำแบบจับจด เพื่อนๆไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วย ฉันรู้จักเขาดี ทำไมเหรอ?

เสียงคนหัวเราะกันในศาล ผู้พิพากษาซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์จึงใช้ตะลุมพุกเคาะให้ทุกคนเงียบ พร้อมกันนั้นก็เรียกทนาย ทั้งสองฝ่ายเข้ามาหารือ ผู้พิพากษาพูดกับทนายความทั้งสองด้วยเสียงเบาๆ

ผู้พิพากษา : พวกคุณก็รู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือว่า ผมกับพยานเป็นญาติห่างๆกัน ดังนั้นถ้าพวกคุณคนใดคนหนึ่งดันไปถาม พยานว่ารู้จักผมไหมละก็ ผมจะลงโทษจำคุกพวกคุณในข้อหาหมิ่นประมาททันที เข้าใจไหม?

 


เรื่องที่ 115
ใครคือยอดนักดาบของโลก ?

1/06/2006 07:56 AM

นการแข่งขันหายอดนักดาบโลกซึ่งจัดโดยกินเนส ณ.กรุงลอนดอน เพื่อบันทึกเป็นสถิติใหม่ของกินเนส บุคส์ออฟเร็คคอร์ด มีนักดาบจากสำนักต่างๆเข้าแข่งขันเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่สำนักวินเซอร์จาก สก็อตแลนด์ สำนักหลุยส์ฟรังซัวจากฝรั่งเศษ สำนักวิลคินสันจากเดนมาร์ก สำนักรามาซิงห์จากอินเดีย และสำนักอื่นๆจากอีกหลายประเทศ ซึ่งในที่สุดก็ตกรอบจนหมด คงเหลือแต่ เคียวซาชิโร่ จากสำนักเอโดะ ประเทศญี่ปุ่น เติ้งหยางเซิน จากสำนักบู๊ตึ๊งประเทศจีน และ บุญแถม จากสำนักดาบพุทไธสวรรค์ประเทศไทย ได้เข้ารอบสุดท้ายเพียงสามคนเท่านั้น บุญแถมเป็นคนธรรมะธรรโมถือศีลห้า

ในวันตัดสินมีคนเข้าไปชมเป็นจำนวนมากนับพันคน ซึ่งแน่นอนคนไทยในลอนดอนก็ไปเชียร์ให้กำลังใจ แก่บุญแถมเป็นร้อย กรรมการจำเป็นต้องกำหนดกติกาเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยกรรมการหาเหยื่อ อันเป็นเป้าหมายให้ ส่วนนักดาบใช้ดาบและความสามารถของตนฟันเหยื่อเป้าหมาย ใครทำได้ประทับใจผู้ชม มากที่สุดเป็นฝ่ายชนะ

เริ่มด้วย เคียวซาชิโร่ ถือซามูไรในท่าเตรียมพร้อม กรรมการปล่อยแมลงวันตัวหนึ่งออกจากกล่อง แมลงวัน บินผ่านไปใกล้ตัวเคียวซาชิโร่ เขายกซามูไรฟันขวับ แมลงวันขาดเป็นสองท่อนตกตายทันที คนดูตบมือ กันเกรียวพออกพอใจในความสามารถของเคียวซาชิโร่เป็นอย่างมาก

ตามมาด้วย เติ้งหยางเซิน เขาไม่ได้แสดงอาการหวั่นไหวต่อเสียงของคนดูเลยแม้แต่น้อย เขาถือดาบอยู่ ในท่าเตรียมพร้อม ในขณะที่กรรมการปล่อยแมลงวันออกจากกล่อง เมื่อแมลงวันบินมาใกล้ตัว เติ้งหยางเซิน ตวัดดาบขวับขวับ แมลงวันขาดเป็นสี่ท่อนตกลงมาตายทันที คนดูตบมือเกรียวกราวสนั่นห้องแทบถล่มทลาย ทุกคนคิดว่านี่คงเป็นยอดนักดาบโลกแน่นอน

แต่แล้วเสียงคนดูต้องเงียบทันทีที่เห็นบุญแถมถือดาบเดินร่ายรำเพลงดาบเข้ามาที่เวที ไหว้ครูด้วยลีลา ที่งดงามเสร็จแล้ว กรรมการปล่อยแมลงวันออกจากกล่องทันที เมื่อแมลงวันบินเข้าใกล้ บุญแถมตวัดดาบขวับ แมลงวันยังบินต่อไป คนดูเงียบกริบ

หลังจากกรรมการจับแมลงวันตัวนั้นมาพิสูจน์แล้ว ก็ชูมือให้บุญแถมพร้อมกับประกาศให้เป็นเป็นยอดนักดาบโลก เพราะพวงสวรรค์ของแมลงวันขาดสะบั้น

 


เรื่องที่ 116
ไข่อะไร ?

บุญไฉน นั่งดื่มเหล้าอยู่ในบาร์มาหลายชั่วโมงแล้ว เขาเริ่มรู้สึกหิวข้าวอยากกินข้าวไข่เจียว เขาย้ำกับพนักงานเสิร์ฟว่า ต้องเป็นไข่ไก่เจียวสองฟองเท่านั้นอย่างอื่นไม่เอา พนักงานเสิร์ฟเข้าไปสั่งอาหารในครัวตามที่บุญไฉนต้องการ

พ่อครัว : ไข่ไก่เราหมดพอดีเหลือไข่เก่าๆอยู่สองฟองไม่แน่ใจว่าเสียหรือเปล่า ไปถามลูกค้าว่าเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม?

สาวเสิร์ฟ : เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ลูกค้าย้ำว่าต้องเป็นไข่ไก่เจียวเท่านั้น ฉันว่าทำมาเถอะ ตอนนี้ลูกค้าเมาแล้วคงแยก ไม่ออกหรอกว่าไข่ไก่สองฟองนี้เสียหรือไม่เสีย

พ่อครัวจัดการเจียวไข่โดยใช้ไข่เก่าสองฟองที่ว่า แต่ปรากฏว่าไข่นั้นเสียไปแล้ว อย่างไรก็ตามเพื่อกลบกลิ่นที่อาจมีจากไข่เน่า พ่อครัวจึงซอยผักที่มีกลิ่นฉุนๆ เช่น ผักชี ต้นหอม ใบโหระพา ยอดชะอม ลงไปในไข่เจียวนั้นด้วย

พนักงานเสิร์ฟนำข้าวไข่เจียวไปเสิร์ฟให้บุญไฉน เขากินจนเกลี้ยงจานโดยไม่ได้บ่นอะไรแม้แต่คำเดียว เมื่อกินเสร็จแล้วเขาเดิน ไปจ่ายสตางค์ก่อนกลับ

บุญไฉน : คุณไปได้ไข่ไก่นี้มาจากที่ไหน?

สาวเสิร์ฟ : อ๋อ ที่นี่เราเลี้ยงไก่เองค่ะ

บุญไฉน : แล้วคุณเลี้ยงไก่ตัวผู้ด้วยหรือเปล่า?

สาวเสิร์ฟ : เปล่า ไม่มี เราเลี้ยงแต่ไก่ตัวเมีย เราไม่ได้เลี้ยงไก่ตัวผู้เลยสักตัวเดีบว

บุญไฉน : นั่นนะซี ผมนึกแล้วเชียว ผมจะบอกอะไรให้ คุณควรรีบไปหาไก่ตัวผู้มาเลี้ยงสักต้วนะ เพราะว่า... ตอนนี้ตัวสะกั๊งค์มันแอบผสมพันธุ์แม่ไก่ของคุณแล้วล่ะ

 


เรื่องที่ 117
หลุมไหน ?

22/06/2006 06:56 AM

บุญแจ้ง ไปเล่นกอล์ฟคนเดียวในเช้าวันที่อากาศสดใสวันหนึ่ง เมื่อเล่นไปได้สักพักหนึ่งเขาเกิดสับสนขึ้นมา เขาจำไม่ได้ว่าเขาเล่นอยู่ที่หลุมไหนแล้ว แต่บังเอิญเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเล่นกอล์ฟอยู่คนเดียวในหลุมก่อนหน้าเขา เขารีบวิ่งไปถาม

บุญแจ้ง : ขอโทษครับ ผมจำไม่ได้ว่าผมเล่นอยู่หลุมอะไร ? คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับว่า คุณเล่นอยู่หลุมที่เท่าไหร่ ?

ผู้หญิง  : ฉันเล่นอยู่หลุมที่ 7 คุณเล่นหลังฉันหนึ่งหลุม คุณจึงอยู่ที่หลุม 6

หลังจากขอบคุณผู้หญิงคนนั้นแล้ว บุญแจ้งกลับมาเล่นกอล์ฟต่อ เมื่อเล่นได้อีกพักใหญ่ๆ เขาวิ่งไปถามผู้หญิงคนนั้นอีก

บุญแจ้ง : ขอโทษครับ ช่วยบอกผมอีกครั้งหนึ่งว่าผมเล่นอยู่หลุมอะไร ตอนนี้ ?

ผู้หญิง  : ฉันกำลังเล่นอยู่หลุม 16 คุณเล่นหลังฉันหนึ่งหลุม ดังนั้น คุณจึงเล่นอยู่หลุม 15

บุญแจ้งขอบคุณผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งหนึ่งแล้วกลับมาเล่นต่อจนจบ หลังจากอาบน้ำแล้วบุญแจ้งไปรับประทานอาหารที่ คลับเฮ้าส์ เขาพบผู้หญิงคนเดิมนั่งรับประทานอาหารอยู่คนเดียวจึงเดินเข้าไปขอร่วมโต๊ะด้วย

บุญแจ้ง : ขออนุญาตนั่งร่วมโต๊ะด้วยคนนะครับ และผมขออนุญาตเป็นเจ้ามือสำหรับมื้อนี้เป็นการขอบคุณในไมตรีจิตของคุณ ขอโทษ ไม่ทราบคุณทำงานอะไร?

ผู้หญิง  : ฉันเป็นพนักงานขาย

บุญแจ้ง : จริงเหรอ ? ผมก็เป็นพนักงานขายเหมือนกัน ทานโทษแล้วคุณขายอะไรครับ?

ผู้หญิง  : ไม่อยากบอกเลย ถ้าฉันบอก คุณต้องหัวเราะเยาะฉันเป็นแน่

บุญแจ้ง : ผมรับรองจะไม่หัวเราะเยาะคุณอย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง

ผู้หญิง  : ฉันบอกให้ก็ได้ ฉันขายโกเต๊กซ์ ผ้าอนามัยผู้หญิง

บุญแจ้งได้ยินแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขาหัวร่องอหงายจนตัวเองตกจากเก้าอี้ เมื่อลุกขึ้นมาได้แล้ว

ผู้หญิง  : นั่น เห็นไหม ? ฉันบอกแล้ว..ว่าคุณต้องหัวเราะเยาะฉัน

บุญแจ้ง : เปล่า เปล่า อย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้หัวเราะเยาะคุณเลยนะ ผมหัวเราะให้ตัวเองต่างหาก เพราะผมเป็นพนักงานขายกระดาษเช็ดก้น ผมคิดว่ามันแปลกมากเลยนะ ที่ทำไมผมจึงต้องอยู่หลังคุณหนึ่งหลุมทุกทีเลย

 


เรื่องที่ 118
การกดขี่ทางเพศ

 

บุญตัน กับ สายมณี เป็นสามีภรรยาคู่กัดกันมาหลายสิบปี เมื่อเร็วๆนี้ทั้งคู่จะต้องขับรถไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดระยอง

บุญตัน : พรุ่งนี้จะออกรถแต่เช้า คุณควรตื่นนอนตอนเช้ามืดมาเตรียมอาหารเช้ารับประทานกันก่อนดีไหม ? จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแวะระหว่างทาง

สายมณี : อย่าเลยมีเราแค่สองคนเท่านั้น ไปทำกินให้มันยุ่งยากทำไม ไหนจะต้องเก็บไหล้างหม้อ เช็ดถ้วยชาม ยิ่งเสียเวลามากกว่าอีก ไปแวะกินระหว่างทางนั่นแหละ ไม่นานหรอก

เมื่อออกรถไปได้ครู่หนึ่งก็ถึง มอเตอร์เวย์เรสแอเรีย แถวบางปะกง คนทั้งสองลงมารับประทานอาหารเช้ากัน เมื่อเสร็จ ก็เดินทางต่อไป แต่เมื่อรถวิ่งไปได้เพียงแค่สองกิโลเมตรเท่านั้น

สายมณี : ตายแล้ว ! ฉันลืมแว่นตาไว้ที่ร้านอาหาร กลับรถไปเอาแว่นตาฉันเสียก่อน

บุญตันจะต้องขับรถไปถึงชลบุรีเพื่อเลี้ยวรถกลับ แล้วยังต้องเลยมากลับรถอีกครั้งหนึ่งที่ถนนบางนา-ตราด กม.40 มันทำให้ ต้องเสียเวลาไปเกินกว่าครึ่งชั่วโมง ตลอดทางที่ย้อนกลับมา บุญตันจะด่าสายมณีด้วยคำพูดที่เสียดสี และแดกดัน เขาจะขุด เรื่องที่สายมณีเคยพลาดในอดีตขึ้นมาด่าด้วย เช่น

บุญตัน : บอกให้ทำกินที่บ้านก็ไม่เชื่อ คนแก่ขี้ลืมอย่างคุณหาอะไรดีไม่ได้เสียแล้ว แม้ของที่จะต้องติดกับกายอย่างนี้ยังลืมได้

สายมณีนั่งเงียบมาตลอดทางโดยไม่ปริปากแม้แต่คำเดียวเพราะรู้ดีว่าที่ต้องเสียเวลาครั้งนี้เกิดจากความผิดของตน เมื่อรถมาจอดที่หน้าร้านอาหารร้านเดิม สายมณีรีบลงจากรถเพื่อเข้าไปเอาแว่นตาในร้าน บุญตันนั่งอยู่ในรถเปิดกระจก หน้าต่าง ตะโกนเสียงดังให้สายมณี

บุญตัน : ระหว่างที่คุณไปเอาแว่นตาของคุณ อย่าลืมหยิบฟันปลอมของผมที่ลืมทิ้งไว้ในห้องน้ำด้วยนะ

 


เรื่องที่ 119
ความต้องการทางเพศสูง ?

บุญปฐม อายุ 85 ปี เขาเคยเป็นนักวิ่งมาราธอนตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นหนุ่ม แม้ว่าตอนนี้อายุจะมากขึ้นเขาก็ยังวิ่ง ฮาล์ฟ มาราธอนอยู่อย่างสม่ำเสมอ เขาเป็นคนที่ดูแลสุขภาพดีโดยไปเช็คร่างกายทุกๆหกเดือน วันหนึ่ง บุญปฐม ไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลเช่นเคย หลังจากที่หมอได้ตรวจตามรายการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหมอต้องแจ้ง ผลการตรวจให้คนไข้ทราบ เผื่อจะมีข้อซักถาม

หมอ : สุขภาพคุณดีมากเลย ไม่ปรากฎว่าคุณจะมีความบกพร่องทางร่างกายตรงไหนเลย ถ้าเทียบกับคนวัยเดียวกัน แล้วต้องถือว่าเยี่ยมมาก

บุญปฐม : เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้วครับหมอ แต่ผมมีปัญหาอยู่เรื่องเดียว

หมอ : คุณมีปัญหาเรื่องอะไร

บุญปฐม : คือว่า ผมมีความต้องการทางเพศอยู่สูงมาก หมอคิดว่าหมอจะทำอะไรให้ผมได้บ้าง

หมอ : หา.. คุณว่าอะไรนะ ? ความต้องการทางเพศสูง ?

บุญปฐม : ใช่ครับหมอ ความต้องการทางเพศของผมมีอยู่สูงมาก ผมอยากให้หมอช่วยลดให้มันต่ำลงมาหน่อย

หมอ : อย่าล้อเล่นน่า คนอายุ 85 ปีอย่างคุณบอกว่ามีความต้องการทางเพศสูงเกินไป มันเป็นไปได้อย่างไร คุณเอาเกณฑ์อะไรมาวัด ผมอยากรู้

บุญปฐม : ผมวัดที่ตัวผมเอง คือว่า...วันๆผมจะคิดถึงแต่ความต้องการทางเพศในสมองผมตลอดเวลา ผมจึง อยากให้หมอลดความต้องการทางเพศของผมให้ต่ำลงมาสัก 1 เมตร

 


เรื่องที่ 120
นักดูดตัวยง ?

 

สายขจี พาเด็กชายเปี๊ยกอายุ 6 เดือน ไปหาหมอที่โรงพยาบาล เนื่องจากเด็กชายเปี๊ยกมีรูปร่างเล็กแคระแกร็น ผอมแห้งแรงน้อยผิดกับเด็กในวัยเดียวกันเป็นอันมาก

หมอ : วันนี้มาหาหมอเรื่องอะไร ?

สายขจี : เด็กมันผอมแห้งมากผิดกับเด็กอื่นๆในวัยเดียวกัน เขาไม่ค่อยกินอาหารเลย เดือนที่ผ่านมาแทนที่น้ำหนัก ตัวจะขึ้น กลับลดลงตั้ง 2 ขีด

หมอทำการตรวจเด็กอย่างละเอียดมาก มีการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เช็คความดัน จับชีพจร ตรวจการหายใจเข้าออก ปลิ้นดูเปลือกตา ตลอดจนเจาะเลือดไปวิเคราะห์ ระหว่างที่รอผลวิเคราะห์อยู่นั้น

หมอ : อยากรู้ว่าปกติเด็กกินนมแม่หรือกินนมกระป๋อง

สายขจี : กินนมแม่ค่ะ

หมอ : อืม์.. ไหน คุณถอดเสื้อออกซิหมอขอตรวจ

สายขจีถอดเสื้อออกตามที่หมอสั่ง หมอตรวจดูเต้านมทั้งสองข้างอย่างละเอียด ใช้นิ้วบีบที่หัวนมเบาๆ ต่อมาก็บีบแรงขึ้น ไม่ปรากฏว่ามีน้ำนมไหลออกมาแต่ประการใด ในที่สุดหมอจึงใช้ปากดูดหัวนมทั้งสองข้าง ไม่มีน้ำนมเช่นเคย

หมอ : อืม์.. น้ำนมไม่มี อาจจะเป็นเพราะคุณเป็นคนมีน้ำนมน้อย เด็กดูดได้เดี๋ยวเดียวก็หมด อย่างนี้เด็กก็ขาดสาร อาหารซิครับ แล้วจะให้น้ำหนักขึ้นได้อย่างไร

สายขจี : หนูไม่เคยให้เด็กดูดนมหนูเลยค่ะ หนูเป็นน้าของเขาค่ะ

 


เรื่องที่ 121
ของขวัญวันแต่งงาน

 

สายนภา กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่ที่บ้านเนื่องจากจะต้องไปงานแต่งงานของเพื่อนรักสมัยเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ด้วยกัน อีกสามวันก็จะถึงวันงานแล้วสายนภายังหาของขวัญให้เพื่อนไม่ได้ ความจริงสายนภาได้ไปเดินห้างมา หลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถตัดสินใจได้

" ตู้เย็นใบเล็กใบหนึ่งคงจะดี เอาไว้ที่ห้องนอน เผื่อเพื่อนจะได้ใช้เก็บเครื่องดื่มหรือของกินกระจุกกระจิกไว้ยามหิว ตอนดึกๆ แต่ว่า......โอ้โห ใบหนึ่งตั้ง 4,000 บาท ไม่เอาดีกว่า "

" หรือว่าจะเอาเตาไมโครเวฟดี เพื่อนได้ใช้อุ่นอาหารหรือทำกับข้าวเล็กๆน้อยๆ นอกจากจะสะดวกแล้วยังประหยัด เวลาอีกด้วย ราคาเท่าไหร่น้า....อื้อหือ ราคา 3,000 บาท ขอดูอย่างอื่นก่อนดีไหม "

" เครื่องย่างบาร์บิคิวเป็นอย่างไร น่าจะเข้าท่าดี มันเป็นของใช้ในครัวเพิ่มเสน่ห์ปลายจวักให้เพื่อนรักของเรา เอ๊ะ ! เครื่องหนึ่งยังต้อง 2,000 เชียวหรือนี่ "

" เครื่องปิ้งขนมปังไฟฟ้าดีกว่า ตอนเช้าๆจะได้ปิ้งขนมปังกินกับไข่ดาวหมูแฮมแบบฝรั่ง ไหนราคาเท่าไหร่นะ อืม์.... ราคา 1,000 บาท เอาไว้ก่อน "

ทันใดนั้น สายนภาเหลือบไปเห็นถาดเงินใบหนึ่งตั้งอยู่บนหิ้ง ถาดเงินใบนี้สายนภาได้รับเป็นของขวัญวันแต่งงาน เมื่อสองปีที่แล้ว เธอไม่เคยใช้มันเลย มันยังดูใหม่มาก

"ถาดนี้เหมาะที่จะเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เพื่อนรัก จะได้ประหยัดสตางค์ดีด้วย แต่ว่ามันเสียที่มีชื่อสายนภาสลัก อยู่ทำไงดี อ้อ ! เอาไปจ้างช่างทองลบชื่อสายนภาออกแล้วสลักชื่อเพื่อนลงไปแทน แค่นี้ก็หมดเรื่อง ค่าแรงของช่าง ทองคงไม่เกิน สองสามร้อยบาทหรอก "

เมื่อสายนภาเอาถาดเงินใบนั้นไปที่ร้านทองแล้วแจ้งความประสงค์ของตนให้แก่ช่าง ช่างเอาถาดเงินใบนั้นขึ้นมาพิ นิจพิเคราะห์ดู แล้วช่างก็ส่งถาดคืนให้แก่สายนภาพร้อมกับสั่นหัว

ช่างทอง : ผมลบชื่อนี้ออกไม่ได้

สายนภา : ทำไมจะลบไม่ได้ มันไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับฉันแม้แต่นิดเดียว เพราะฉันจะไม่ใช้มันอยู่แล้ว

ช่างทอง : มันไม่ใช่อย่างนั้น ถาดใบนี้มีการลบชื่อมาแล้วหลายครั้งจนมันบางมาก ถ้าลบอีกครั้งถาดใบนี้ก็จะทะลุเลย

 


เรื่องที่ 122
นอกใจ

 

บุญหนุน แต่งงานมาแล้ว 25 ปี ในวันเลี้ยงฉลองครบรอบวันแต่งงานนี้ มีญาติมิตรแขกเหรื่อมากันมากมาย ทุกคนต่างชื่นชมในความรักที่มีต่อกันของคนทั้งสอง เมื่องานเลี้ยงจบลงบุญหนุนและภรรยาก็กลับบ้านด้วย อาการเฉิ่มเล็กน้อย เมื่ออยู่กันตามลำพัง

บุญหนุน : ผมถามคุณจริงๆนะ ตลอด 25 ปีของชีวิตการแต่งงานเรา คุณเคยนอกใจผมบ้างไหม ?

ภรรยา : เมื่อคุณถามและต้องการคำตอบจริงๆ ฉันก็จะบอกความจริงแก่คุณว่า ฉันเคยนอกใจคุณ 3 ครั้ง

บุญหนุน : จริงหรือ? เมื่อไหร่กัน? ไหนลองเล่าให้ผมฟังหน่อยซิ

ภรรยา : ครั้งแรกก็ตอนที่เราแต่งงานได้ไม่นาน คุณจำได้ไหม? ตอนนั้นคุณต้องผ่าตัดหัวใจเพื่อเปลี่ยนเส้น เลือดถึง 4 เส้นด้วยกัน แต่เราไม่มีเงินเลยฉันจึงจำเป็นต้องไปนอนกับหมอผ่าตัด เขาผ่าช่วยชีวิตคุณโดย ไม่คิดเงิน

บุญหนุน : อ๋อ ถ้าอย่างนี้ผมไม่ถือ ว่าไปอันที่จริงผมต้องเป็นหนี้บุญคุณที่ช่วยชีวิตผมเสียอีก แล้วครั้งที่สองล่ะ?

ภรรยา : ครั้งที่สองก็เมื่อสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณกำลังคั่วตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทอยู่ แต่คู่แข่ง ของคุณมาแรงเหลือเกิน ชื่อของคุณกำลังจะหลุดจากโผอยู่แล้ว ฉันเลยจำเป็นต้องไปนอนกับผู้จัดการใหญ่ วันรุ่งขึ้น เขาก็แต่งตั้งให้คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายขายทันที

บุญหนุน : อืม์.. ความจริงผมน่าจะใช้ความสามารถของตัวเองได้ดีกว่านั้น แต่ก็ขอบใจที่ได้ช่วยให้ผมได้เป็น ผมถึงมีวันนี้ได้ แล้วครั้งที่สามล่ะ?

ภรรยา : ครั้งที่สามก็เมื่อสามปีที่แล้วถ้าคุณจำเหตุการณ์ได้ ตอนนั้นคุณอยากเป็นประธานสโมสรกอล์ฟกัลป พฤกษ์มาก ก่อนวันลงคะแนนสักหนึ่งเดือนเห็นจะได้ คุณยังขาดเสียงสมาชิกสนับสนุนคุณอยู่อีกตั้ง 23 คน

 


เรื่องที่ 123
วินิจฉัยง่าย

 

บุญเกตุ หมอหนุ่มเพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์ถูกส่งให้ไปเป็นแพทย์ชนบทที่ตำบลห้วยคำแทนบุญไชย หมอชนบทผู้สูงอายุซึ่งกำลังจะเกษียณในอีกไม่ช้า เพื่อให้การทำงานต่อเนื่องหมอบุญไชยก็นำบุญเกตุหมอหนุ่ม ไปเยี่ยมเยือนราษฏรเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักคุ้นเคยและเป็นกันเอง

เมื่อทั้งคู่ไปเยี่ยมบ้านหลังแรก หลังจากที่ได้แนะนำและสนทนากับคุณป้าเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ก่อนที่จะลาจาก

คุณป้า : คุณหมอคะ ดิฉันมีอาการท้องอืดมากเป็นประจำเลย คุณหมอมีอะไรจะแนะนำดิฉันบ้างหรือเปล่าคะ ?

บุญไชย : อ๋อ ที่คุณป้าท้องอืดนั้นสาเหตุเกิดจากคุณป้ารับประทานผลไม้มากเกินไป วิธีแก้ไขก็ให้ลดจำนวนผลไม้ ที่คุณป้าเคยรับประทานเป็นประจำลงมา อาการท้องอืดก็จะหายเอง

ครั้นออกมาจากบ้านหลังแรกแล้ว บุญเกตุหมอหนุ่มรู้สึกทึ่งต่อการวินิจฉัยโรคของหมอบุญไชยเป็นอย่างมาก

บุญเกตุ : ผมสงสัยว่าอาจารย์วินิจฉัยโรคของคุณป้าอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ผมไม่เห็นอาจารย์จับถูกคนไข้เลย แม้แต่น้อย

บุญไชย : อ๋อ ตอนที่ผมทำที่ฟังหล่นพื้นแล้วขณะที่ก้มลงไปเก็บ ผมเห็นเปลือกกล้วยหอมอยู่ในถังขยะสักครึ่งถัง เห็นจะได้ และผมยังเห็นกล้วยหอมตั้งอยู่บนโต๊ะอีกหลายหวี

บุญเกตุ : อาจารย์นี่สมกับเป็นบรมครูเลยนะครับ อย่างนั้นที่บ้านถัดไปถ้ามีคนไข้ปรึกษาอาการละก็ ขอผมเป็น คนตอบนะครับ

บ้านหลังที่สอง หลังจากการแนะนำและสนทนากันจนได้เวลาสมควรแล้ว คุณน้าเจ้าของบ้านก็เปรยขึ้น

คุณน้า : ดิฉันชอบมีอาการอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง คุณหมอจะมีอะไรแนะนำบ้างคะ

บุญเกตุ : อ้อ คุณน้าอาจตรากตรำงานมากเกินไป โดยเฉพาะงานของมูลนิธิเจ้าแม่แก้วกาหลง ถ้าคุณน้าลด งานที่นั่นลงบ้าง ผมว่าอาการอ่อนเพลียก็คงจะทุเลาไปเอง

เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว

บุญไชย : คุณวินิจฉัยได้ใกล้เคียงมาก คุณรู้ได้อย่างไร ?

บุญเกตุ : อ๋อ ตอนที่ผมทำที่ฟังหล่นพื้นแล้วขณะที่ผมก้มลงไปเก็บนั้น ผมสังเกตุเห็นประธานมูลนิธิฯแกซ่อน ตัวอยู่ใต้เตียงน่ะครับ

 


เรื่องที่ 124
 มันรู้ทันกัน

 

บุญเด่น พาภรรยาไปพักร้อนที่อำเภอทองผาภูมิ เนื่องจากเขาเป็นคนชอบตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ บุญเด่นจะออกไป ตกปลาคนเดียวทุกเช้า แต่พอถึงตอนเย็นเขาจะมีปลากลับบ้านทุกวัน ส่วนภรรยานั้นชอบอ่านหนังสือและทำอาหาร เธอจะไปจ่ายตลาดทุกวันเช่นกันจนสนิทสนมคุ้นเคยกับบรรดาพ่อค้าแม่ขายในตลาดเกือบจะทุกคน

หลังจากผ่านไปได้สี่ห้าวัน วันที่หก บุญเด่นออกไปตกปลาตั้งแต่เช้าเช่นเคย จนถึงบ่ายคล้อยบุญเด่นก็ยังตกปลา ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว มันไม่คุ้มกับที่มานั่งตากแดดอยู่ตั้งครึ่งค่อนวัน ซึ่งนอกจากจะตกปลาไม่ได้แล้ว เขายังรู้สึก เสียรังวัดเป็นอย่างมากถ้าภรรยารู้ว่าเขาตกไม่ได้ปลาเลย

ระหว่างเดินกลับบ้านพักนั้น บุญเด่น คิดว่าเขาควรแวะซื้อปลาในตลาดทองผาภูมิเพื่ออวดภรรยาของเขาแทน ซึ่ง ก็จะได้เป็นอาหารเย็นไปในตัวด้วยพร้อมๆกัน

บุญเด่น : ผมขอซื้อปลายี่สก 4 ตัว ขอตัวที่โตที่สุดเลยนะ แล้วก่อนจะเอาปลาใส่ถุง ช่วยโยนปลามาใส่ตัวผมหน่อย ให้มันเลอะๆเสื้อผ้าผมด้วย

คนขาย : จะต้องทำอย่างนั้นทำไม ?

บุญเด่น : ภรรยาผมจะได้คิดว่าปลาเหล่านี้ผมตกได้เองยังไงล่ะ

คนขาย : อ๋อ ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่าคุณควรจะซื้อปลาดุกแทนดีกว่า

บุญเด่น : ทำไมต้องซื้อปลาดุก ?

คนขาย : ก็ภรรยาคุณมาตลาดก่อนหน้าคุณเล็กน้อย เธอสั่งผมไว้ว่าถ้าคุณมาซื้อปลาในตลาดละก็ ขอให้ผมบอกคุณ ให้ซื้อปลาดุกแทนนะปลาอย่างอื่นไม่ต้อง เพราะคืนนี้เธอจะทำปลาดุกย่างกับสะเดาน้ำปลาหวานเป็นอาหารมื้อเย็น

 


เรื่องที่ 125
 แฟนไทเกอร์ วูดส์ ?

 

บุญชาย พบรักในสนามกอล์ฟกับสายปทุม หลังจากคบกันมาได้พักหนึ่งทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานแล้วพากันไป ฮันนิมูนที่เกาะสมุย เพราะที่นั่นมีสนามกอล์ฟที่สวยงามและท้าทาย

ในวันแรกทั้งคู่เล่นกอล์ฟด้วยกันอย่างสนุกสนาน ตอนเย็นรับประทานอาหารทะเลที่ชายหาดท่ามกลางแสงจันทร์ อย่างมีความสุข และแน่นอน คืนวันนั้นทั้งคู่ก็ลงเอยด้วยการมีอะไรกันอย่างเผ็ดร้อน เมื่อเสร็จกิจ บุญชายก็คว้า โทรศัพท์ในห้องขึ้นมาต่อสาย

สายปทุม : คุณโทรหาใครอ่ะ ? บุญชาย : โทรไปรูมเซอร์วิส จะขอสั่งเบียร์สักขวด สายปทุม : ถ้าเป็นไทเกอร์ วูดส์ เขาจะไม่ทำอย่างนี้หรอก ตรงกันข้ามเขาจะต้องขอให้ฉันมีอะไรๆกับเขาต่ออีก

บุญชายเลยต้องวางหูโทรศัพท์ แล้วก็มีอะไรกับสายปทุมต่ออย่างดูดดื่มอยู่พักใหญ่ เมื่อเสร็จเขาก็รีบยกหูโทรศัพท์ ขึ้นมาอีกครั้ง

สายปทุม : คุณจะโทรไปรูมเซอร์วิสอีกล่ะซี ถ้าเป็นไทเกอร์ วูดส์ เขาจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ แต่เขาจะต้องมีอะไรๆ กับฉันต่ออีกอย่างแน่นอน

บุญชายจึงต้องวางหูโทรศัพท์ลงอีกครั้งหนึ่งอย่างเสียไม่ได้ แล้วกลับมามีอะไรกับสายปทุมต่ออีกเป็นครั้งที่สาม เวลาผ่านไปหลายสิบนาที บุญชายเสร็จกิจด้วยสภาพที่อิดโรยหมดเรี่ยวหมดแรงเขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายทันที

สายปทุม : คุณไม่ได้โทรไปรูมเซอร์วิสใช่ไหม ?

บุญชาย : เปล่า ผมจะโทรไปหาไทเกอร์ วูดส์

สายปทุม : จะโทรไปหาเขาเรื่องอะไร ?

บุญชาย : ผมจะโทรไปถามเขาว่า หลุมนี้มันพาร์อะไร?

 


เรื่องที่ 126
 สปาเก็ตตี้

 

บุญลาภ เป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ เขามีโครงการคอนโดมิเนียมอยู่แถวจังหวัดระยองแต่เขาก็ไม่ได้รวยล้นฟ้า แม้เขาจะต้องเดินทางบ่อยๆเขาก็ไม่เคยอยู่นอกสายตาของภรรยาไปได้ นอกจากครั้งหนึ่งที่ภรรยาไปส่งลูก เข้าโรงเรียนภาษาในต่างประเทศช่วงปิดภาคเรียน

ระหว่างนั้นบุญลาภมีโอกาสได้เที่ยวอย่างเสรี บังเอิญเขาไปมีอะไรกับดาราสาวพิธีกรคนหนึ่ง กระทั่งดาราสาว คนดังกล่าวตั้งท้อง บุญลาภกลัวว่าจะเป็นข่าวดังและภรรยาจะจับได้จึงบอกให้ดาราหลบไปอยู่ที่อเมริกา จนกระทั่งคลอดเสร็จแล้วจึงค่อยกลับมา

ดารา : แล้วจะให้หนูติดต่อกับพี่อย่างไร ?

บุญลาภ : ตอนนี้ยังไม่ต้องติดต่ออะไรกันมาก พี่จะให้เงินติดตัวไปอย่างพอเพียง พอคลอดลูกแล้ว แค่ส่งโปส การ์ดมาใบหนึ่ง เขียนพอเป็นรหัสว่า สปาเก็ตตี้ เท่านั้นก็พอ เป็นอันรู้กันว่าคลอดเสร็จแล้วทุกคนปลอดภัย

หลังจากดาราสาวไปอเมริกาได้หลายเดือน วันหนึ่ง ภรรยาได้โทรศัพท์ไปหาบุญลาภที่ระยอง

ภรรยา : มีโปสการ์ดจากอเมริกามาถึงคุณใบหนึ่ง ในนั้นมีข้อความแปลกๆ

บุญลาภ : อ๋อ เก็บไว้ก่อน ไม่มีอะไรมากเดี๋ยวผมกลับไปกรุงเทพแล้วจะเล่าให้ฟัง

บุญลาภไม่รู้ว่าในโปสการ์ดมีข้อความอะไรจึงได้ตอบเลี่ยงๆไปก่อน ครั้นเมื่อเขาเดินทางกลับมากรุงเทพแล้ว ภรรยาได้ยื่นโปสการ์ดแผ่นนั้นให้ เมื่อบุญลาภได้อ่านแล้วถึงกับเป็นลม ภรรยาจึงนำเขาไปส่งที่โรงพยาบาล

หมอ : เกิดอะไรขึ้นกับสามีคุณ

ภรรยายื่นโปสการ์ดแผ่นนั้นให้กับหมอพร้อมกับบอกกับหมอว่า พอสามีอ่านโปสการ์ดใบนี้เสร็จเขาก็เป็นลม เลย หมอหยิบโปสการ์ดขึ้นมาอ่านดูแล้วก็ทำหน้างงๆเพราะไม่เข้าใจรหัสลับ ข้อความในโปสการ์ดเขียนว่า " สปาเก็ตตี้ สปาเก็ตตี้ สปาเก็ตตี้ สปาเก็ตตี้ หนึ่งนั้นมีไส้กรอกกับลูกชิ้นสองลูก อีกสามไม่มี "

 


เรื่องที่ 127
 นักสืบเชลยศักดิ์

 

บุญมิตร ไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศษ เขาต้องทำงานหาเงินไปด้วยเรียนไปด้วย เนื่องจากบุญมิตรเป็นคนที่มีไหวพริบ ดีมาก นอกจากนั้นเขายังเป็นคนที่รู้ทั้งภาษาฝรั่งเศษและภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงเลือกอาชีพขับรถแท็กซี่

บ่ายวันหนึ่ง บุญมิตรขับรถแท็กซี่ไปจอดรับผู้โดยสารคนหนึ่งที่ยืนโบกรถอยู่หน้าอาคารสนามบินภายในประเทศ ผู้ชายที่ เรียกรถแท็กซี่คนนั้นคือ เซอร์ อาร์เธอร์ โคแนน ดอล์ย นักเขียนนวนิยายสืบสวนสอบสวน เชอร์ล็อกโฮล์มส์ ที่ลือลั่นไป ทั่วโลก เขาลงจากรถไปยกกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารเก็บไว้ที่ท้ายรถ

บุญมิตร : จะให้ผมไปส่งท่านที่ไหนครับคุณดอล์ย ?

เซอร์ดอล์ย : เอ๊ะ คุณรู้จักผมด้วยหรือนี่ ? เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่า ? หรือว่าคุณเคยเห็นผมที่ไหน ?

บุญมิตร : เปล่าครับ ผมไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลย

เซอร์ดอล์ย : อ้าว ! แล้วคุณเรียกชื่อผมถูกได้อย่างไร ?

บุญมิตร : อ๋อ เมื่อเช้าผมอ่านหนังสือพิมพ์ ทราบว่า เซอร์ อาร์เธอร์ โคแนน ดอล์ย เดินทางมาพักผ่อนที่มาร์แซล ชานชลานี้เป็นชานชลาของผู้โดยสารจากมาร์แซล ผมสังเกตุสีผิวของท่านต้องเป็นคนที่ไปพักผ่อนอาบแดดมาแน่ๆ ยิ่งกว่านั้นเสื้อผ้าที่ท่านใส่มันบอกผมว่าท่านเป็นคนอังกฤษ ที่นิ้วชี้ข้างขวาของท่านมีน้ำหมึกติดอยู่ ท่านต้องเป็นนัก เขียนอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นท่านจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก เซอร์ดอล์ย

เซอร์ดอล์ย : ผมมีแต่นักสืบเชอร์ล็อกโฮล์มส์ในนวนิยาย แต่นี่ผมมาเจอนักสืบตัวจริงเสียแล้วหรือนี่

บุญมิตร : อ้อ ผมมีอีกอย่างหนึ่งครับ

เซอร์ดอล์ย : มีอะไร ?

บุญมิตร : มีชื่อของท่านปักติดอยู่ที่กระเป๋าเดินทางของท่านด้วยครับ

 


เรื่องที่ 128
 โคพ่อพันธุ์

 

ในงานเกษตรแฟร์ของจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน บุญผล ผู้ว่าราชการจังหวัดพาคุณนายซึ่งเป็นภรรยา ไปชมงาน บรรดาเกษตรกรที่มีโคจากโครงการโคล้านตัวนำโคของตนมาประกวดประขัน โดยเฉพาะโค ตัวผู้ คณะกรรมการได้กำหนดเกณฑ์การตัดสินด้วยจำนวนครั้งของความสามารถในการผสมพันธุ์ของโค เมื่อถึงเวลาแห่งการตัดสิน

" รางวัลที่สาม โคพ่อพันธุ์ จากตำบลลำดึง ความสามารถในการผสมพันธุ์เฉลี่ย 52 ครั้งต่อปี " สิ้นเสียง ประกาศของคณะกรรมการ บรรดาผู้ชมซึ่งรวมถึงบุญผลด้วยต่างตบมือชื่นชมโคดังกล่าว ส่วนคุณนาย นอกจากจะตบมือแล้วเธอเอาศอกสะกิดบุญผล

คุณนาย : เห็นไหมพ่อ แสดงว่าโคตัวนี้สามารถผสมได้เฉลี่ยสัปดาห์ละครั้ง พ่อน่าจะเอาอย่างมันนะ

บุญผลเงียบ ไม่พูดอะไร เสียงประกาศของคณะกรรมการก็ดังขึ้นอีก " รางวัลที่สอง โคพ่อพันธุ์จากตำบล หอกถลำ ความสามารถในการผสมพันธุ์เฉลี่ย 105 ครั้งต่อปี " ผู้ชมต่างตบมือเกรียวกราว คุณนายเอา ข้อศอกดุนสีข้างของบุญผลอีกครั้งหนึ่ง

คุณนาย : ตัวนี้เก่งกว่าอีก แสดงว่าเฉลี่ยสัปดาห์ละสองครั้ง พ่อน่าจะเอาอย่างตัวนี้นะ

บุญผลหันไปทางคุณนายแต่ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงประกาศรางวัลโคที่ได้ที่หนึ่งก็ดังขึ้น ทุกคนเงียบ " รางวัลชนะเลิศได้แก่โคพ่อพันธุ์จากตำบลอีเต่า ความสามารถในการผสมพันธุ์เฉลี่ย 365 ครั้งต่อปี " เสียงตบมือดังกึกก้องทันทีที่เสียงประกาศสิ้นสุดลง คุณนายอ้าปากค้าง กระซิบที่ข้างหูบุญผล

คุณนาย : ได้ยินไหมพ่อ โคตัวนี้เยี่ยมยอดที่สุด มันผสมได้วันละครั้งทุกวันเลย พ่อทำให้ได้อย่างตัวนี้ดีกว่า

บุญผล : แม่ถามเขาหน่อยซิว่ามันผสมพันธุ์กับแม่โคตัวเดิมทุกวันหรือเปล่า

 


เรื่องที่ 129
 เกิดจากลูกอัณฑะ ?

 

เช้าวันหนึ่ง บุญเลื่อน สังเกตุเห็นว่าลูกอัณฑะข้างหนึ่งของเขาเป็นสีน้ำเงิน เขาตกใจมากจึงรีบไปหาหมอที่ โรงพยาบาล หมอได้จัดแจงตรวจให้ทันที

หมอ : ผมไม่เคยเห็นคนเป็นโรคนี้มาก่อน สมัยนี้เมื่อเจอโรคแปลกๆมันมักจะร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตเลย ทีเดียว ผมอยากให้ตัดอัณฑะข้างนั้นออกดีกว่า มีอัณฑะข้างเดียวยังดีกว่าเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

บุญเลื่อน : หมอพูดเป็นเล่นไปได้ ตัดลูกอัณฑะทิ้งนี่เป็นเรื่องใหญ่นะขอผมไปคิดดูสักสองสามวันก่อนดีกว่า

หมอ : ผมไม่อยากให้คุณรอช้า หากมันเกิดจากไวรัสบางประเภทมันอาจกระจายอย่างรวดเร็วมาก

ในที่สุด บุญเลื่อนก็จำนนด้วยเหตุผล ยอมให้หมอตัดลูกอัณฑะไปข้างหนึ่ง อีกสองสัปดาห์ต่อมาบุญเลื่อน กลับมาหาหมออีก ปรากฏว่าลูกอัณฑะอีกข้างหนึ่งก็เป็นสีน้ำเงินด้วย หมอเห็นแล้วก็ตกใจ

หมอ : ผมว่ามันสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วมาก คุณควรจะให้ตัดอัณฑะลูกนี้ทิ้งไปทันทีก่อน ที่มันจะลามไปส่วนอื่นๆอีก

หนึ่งเดือนให้หลัง บุญเลื่อนวิ่งหน้าตื่นมาหาหมอที่โรงพยาบาลเนื่องจากว่าจู๋ของเขาเป็นสีน้ำเงินด้วย หมอชี้แจงว่า มันลามเร็วมากอย่างคาดไม่ถึง หมอจำเป็นต้องตัดจู๋ทิ้งเพื่อรักษาชีวิตเขาไว้

บุญเลื่อน : ตัดจู๋ทิ้งแล้วผมจะฉี่ได้อย่างไรล่ะหมอ

หมอ : ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวผมใส่สายยางแทนให้ คุณจะฉี่ได้ปกติ

หลังจากตัดจู๋ทิ้งไปได้สองเดือน บุญเลื่อนกลับมาหาหมออีกครั้งหนึ่ง คราวนี้บุญเลื่อนหน้าบอกบุญไม่รับ ดูเขาทุกข์ใจมากกว่าเดิมเสียอีก

บุญลื่อน : หมอครับ มันลามมาที่สายยางแล้ว ตอนนี้สายยางก็เป็นสีน้ำเงินด้วย ผมจะต้องตายไหมครับ

หมอตรวจดูสายยางอย่างละเอียด หันขึ้นมามองบุญเลื่อนพร้อมกับส่ายหัวช้าๆ

หมอ : อืม์... คุณคงไม่ตายหรอก สีน้ำเงินที่เห็นมาตลอดนั้น มันมาจากกางเกงยีนสีตกของคุณเอง

 


เรื่องที่ 130
 ปฏิภาณนักวิ่ง

 

บุญเกียรติ เป็นคนศรีราชา เขามักจะไปวิ่งออกกำลังกายกับเพื่อนๆในตอนเย็นๆบริเวณสวนเสือและ หนองค้อเป็นประจำ วันหนึ่ง บุญเกียรติออกไปวิ่งกับเพื่อนเช่นเคย บังเอิญเสือโคร่งตัวหนึ่งของสวน เสือหลุดออกจากกรงโดยที่เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ยังไม่ทันสังเกตุ

เพื่อน : เอ๊ะ นั่นตัวอะไรเห็นอยู่ลิบๆโน่น ?

บุญเกียรติ : ไหนๆ...ตายแล้ว...นั่นมันเสือโคร่งนี่ สงสัยจะหลุดจากกรงของสวนสัตว์

เพื่อน : เอ้อ...แล้วเราจะทำไงดีล่ะ ?

บุญเกียรติ : เรามาหลบอยู่หลังพุ่มไม้พุ่มนี้ดีกว่า เสือมันจะได้ไม่เห็นพวกเราถ้ามันเดินผ่านไปทาง อื่นแล้วเราจึงออกมาจากที่ซ่อน

ทุกคนเห็นดีด้วยจึงพากันมาหลบอยู่หลังพุ่มไม้ด้วยใจระทึก พักใหญ่ๆผ่านไป แทนที่เสือจะเดินไป ทางอื่น มันกลับเดินตรงมายังพุ่มไม้ที่บุญเกียรติและเพื่อนพากันไปหลบซ่อนตัวอยู่ และไม่มีทีท่าว่า มันจะเปลี่ยนเส้นทางเดินแต่อย่างใด เมื่อเห็นท่าไม่ดี

เพื่อน : เสือโคร่งมันเดินตรงมาทางเรา ตกลงเราจะควรทำอย่างไรดี ?

บุญเกียรติ : เราจะอยู่อย่างนี้ไม่ได้แล้ว ต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดก่อน ฉะนั้นขอทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม พอผมจะนับ หนึ่ง สอง สาม ให้ทุกคนวิ่งหนีสุดชีวิตเลยนะ

เพื่อน : คุณจะวิ่งเร็วอย่างไรก็คงจะหนีเสือโคร่งไปไม่พ้นแน่นอน เพราะมันวิ่งเร็วกว่ามาก

บุญเกียรติ : ใช่ผมรู้ ผมวิ่งหนีเสือโคร่งไม่พ้นอย่างที่คุณว่าแน่ แต่ผมสามารถวิ่งแซงคุณได้ก็พอแล้ว

 


เรื่องที่ 131
 พูดความจริงจะเป็นสิ่งไม่เจ็บปวด

 

บุญแพง เป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทผลิตไฟฟ้า เขามีปัญหาเรื่องโรคผิวหนังและโรคกระดูกผุเนื่องจาก ขาดวิตามินดี หมอแนะนำให้บุญแพงไปสัมผัสแดดอ่อนๆยามเช้าหรือยามเย็นบ้าง แต่เนื่องจากบุญแพง มัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน วันๆจะนั่งอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น

เมื่อเดือนที่แล้วมีวันหยุดยาวหลายวัน บุญแพงจึงฉวยโอกาสไปพักผ่อนที่หาดส่วนตัว บริเวณหาดแม่รำ พึง จังหวัดระยอง เช้าวันหนึ่งบุญแพงเห็นว่าที่ชายหาดไม่มีใคร จึงได้นอนอาบแดดอย่างมีความสุข เพราะนานๆได้มีโอกาสมาสัมผัสแสงแดดอ่อนๆสักครั้งก็อยากให้ทุกส่วนของร่างกายมีโอกาสถูกแดดทั่วๆ

เพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น เขาได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาบริเวณที่เขานอนอาบแดดอยู่ เธอเป็นเด็กหญิง ชาวบ้าน บุญแพงตกใจเลยรีบคว้าหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ใกล้ๆตัวขึ้นมาปิดส่วนนั้นของเขาไว้อย่างรวดเร็ว

เด็กหญิง : อะไรอยู่ใต้หนังสือพิมพ์ ?

บุญแพง : นกจ้ะ นก

เด็กหญิงชาวบ้านไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้แสดงความสนใจอะไร หากแต่ได้เดินจากไปทางปลายหาด อีกข้างหนึ่ง บุญแพงเห็นว่าปลอดคนแล้วจึงได้นอนอาบแดดต่อไป แต่ไม่นานบุญแพงก็เผลอหลับไป

บุญแพงตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เขาเจ็บที่บริเวณอย่างว่าของเขาเป็นอย่างมาก ที่ ข้างเตียง มีสารวัตรสอบสวนกำลังคุยกับคุณหมอและพยาบาล เมื่อสารวัตรเห็นบุญแพงตื่นแล้ว

สารวัตร : คุณบุญแพง ช่วยบอกผมหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ?

บุญแพง : ผมไม่ทราบครับ ผมจำได้ว่าได้คุยกับเด็กหญิงชาวบ้านคนหนึ่งตอนผมนอนอาบแดดอยู่ ผมเผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าผมอยู่ที่นี่แล้ว

สารวัตรสอบสวนจึงเดินทางไปที่ชายหาดอีกครั้งหนึ่ง เห็นเด็กหญิงชาวบ้านนั่งเล่นกองทรายอยู่คนเดียว

สารวัตร : หนูทำอะไรกับคุณผู้ชายที่มานอนอาบแดดอยู่ที่นี่เมื่อเช้านี้ ?

เด็กหญิง : หนูไม่ได้ทำอะไรเขานี่คะ หนูมีแต่เล่นกับนกของเขาเท่านั้น พอนกมันอาเจียรใส่มือหนู หนูเลยหักคอมันแล้วหนูก็ทุบไข่สองใบของมันแตก หลังจากนั้นหนูก็จุดไฟเผารังมันด้วยเท่านั้นเองค่ะ

 


เรื่องที่ 132
 พ่อแง่แม่งอน

 

บุญหอม และ สายมนต์ สองสามีภรรยาไปท่องเที่ยวยุโรปเมื่อตอนพักร้อนปีกลาย ขณะที่ช้อปปิ้งอยู่ที่กรุงโรม บุญหอมเดินหารองเท้าถูกใจสักคู่หนึ่งเพราะอิตาลีมีชื่อเสียงเรื่องรองเท้ามาก ส่วนสายมนต์ก็เดินหาซื้อหมวก สักหลาดตามแฟชั่นสมัยใหม่สักใบ แต่เนื่องจากหมวกแบร็นด์เนมเหล่านี้เป็นสินค้าเพิ่งตกมาใหม่จึงมีราคาที่ แพงมาก ใบละ 2-3 หมื่นบาทแทบทั้งนั้น บุญหอมจึงไม่ค่อยอยากให้ภรรยาซื้อเท่าไหร่นัก ส่วนตนเองเจอ รองเท้าหนังรายฉลุสวยงามถูกใจแถมยังลดราคา 50% เหลือเพียงคู่ละ 10,000 บาทจึงได้ตกลงซื้อ

เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว บุญหอมจะเห่อใส่รองเท้าคู่นี้มาก เขาจะใส่ในทุกโอกาส เช่นใส่ไปทำงาน ใส่ไป งานเลี้ยง ใส่เที่ยว หรือ แม้แต่อยู่กับบ้านเขาก็ยังใส่ นอกจากจะบ้าใส่รองเท้าคู่นี้แล้ว เขายังชอบอวดเลยทำ ให้ภรรยาค่อนข้างหมั่นไส้เอามากๆ กระทั่งเย็นวันหนึ่ง ขณะที่อยู่ที่บ้าน

บุญหอม : คุณเห็นผมมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม ? สายมนต์ : ไม่เห็นมีอะไรนี่

บุญหอม : คุณดูดีๆสิ ทั้งเนื้อทั้งตัวผมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยหรือ ? สายมนต์ : ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปเลย ทุกอย่างก็เหมือนเดิม

บุญหอมรู้สึกหงุดหงิดที่ภรรยาไม่ยอมรับมุขของเขา เขาจึงเดินเข้าห้องน้ำถอดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายออกจน ล่อนจ้อนยกเว้นรองเท้าคู่เก่งของเขา เขาเดินมาหาภรรยาโดยมีรองเท้าคู่เดียวเท่านั้น

บุญหอม : เอาล่ะ ทีนี้เห็นอะไรหรือยัง ?

สายมนต์ : ฉันเห็นแต่ไอ้นั่นของคุณมันห้อยหัวลง เมื่อวานมันก็ห้อยหัวลง วันนี้มันก็ห้อยหัวลง วันพรุ่งนี้มัน ก็ยังคงจะห้อยหัวลงอยู่อีกนั่นแหละ ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง

บุญหอม : มันห้อยหัวลงก็เพราะมันก้มดูรองเท้าของผมนะซี

สายมนต์ : ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่ซื้อหมวกใบใหม่เสียล่ะ มันจะได้เงยขึ้นมองหมวกของคุณ

 


เรื่องที่ 133
 วิธีแก้การเกร็งของการขับขี่

 

สายศร เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สี่ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เธอไปหัดขับรถยนต์กับครูโรงเรียนสอน ขับรถยนต์แห่งหนึ่ง ถนนที่ไปหัดขับนั้นเป็นถนนสองเลนรถยนต์วิ่งสวนกันได้ เมื่อมีรถขับสวนมา ทีไร สายศรจะมีอาการตื่นเต้นและเกร็งไปหมด จนถึงกับขับรถวูบวาบน่าหวาดเสียว

ครูผู้สอน : ระวัง ระวัง ทำไมคุณจึงขับรถวูบวาบทุกครั้งที่มีรถยนต์ขับสวนมา

สายศร : ก็ฉันมันรู้สึกเกร็ง เพราะถนนมันแคบมาก รถที่ขับสวนมาก็ขับเร็ว

ครูผู้สอน : ถนนขนาดนี้ไม่เรียกว่าแคบ จริงๆแล้วเลนหนึ่งจะกว้างประมาณ 3.50 เมตร ส่วนรถยนต์ของเราจะกว้างประมาณ 1.80 เมตรเท่านั้น เพราะฉะนั้นขณะที่รถสวนกันนั้น รถสองคันจะ ห่างกันเกินกว่า 1.20 เมตรคุณจึงไม่ต้องไปตื่นเต้นมากเกินไป

สายศร : ฉันรู้ และฉันก็พยายามไม่ตื่นเต้น แต่มันเป็นของมันเอง แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร ?

หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านไป เหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นเดิม การสนทนาระหว่างสายศรกับครูผู้สอนก็ยังคง เป็นเรื่องเดิมๆจนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ครูผู้สอนได้เปลี่ยนเส้นทางหัดขับรถไปยังถนนเพชรหึงษ์แถว บางกระเจ้าพระประแดง ถนนนี้แคบกว่าทุกถนนที่เคยไปหัดขับกันมา แต่ในวันนี้ สายศรขับรถใน ขณะที่มีรถสวนได้ดีมาก เพราะสามารถขับได้นิ่งไม่วูบวาบเลยจนเป็นที่แปลกใจของครูผู้สอน

ครูผู้สอน : วันนี้คุณขับรถในขณะมีรถสวนได้ดีมากเลยผิดกับทุกๆวัน คุณข่มความตื่นเต้นและ อาการเกร็งของคุณได้อย่างไร ? ช่วยบอกหน่อยเผื่อผมจะเอาไปแนะนำลูกศิษย์คนอื่นๆ

สายศร : อ๋อ ง่ายนิดเดียว เพื่อไม่ให้ตื่นเต้น ฉันเลยหลับตาปี๋ในขณะขับรถสวนกันนะซี

 


เรื่องที่ 134
สายเลือดอลวน

22/06/2006 06:56 AM

บุญเจตน์ หนุ่มวัยเบญจเพศทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทไอดีเอ็น เขาเป็นคนหน้าตาดีรูปร่างสมาร์ท จึงมีสาวๆมาติดพันหลายคน แต่เขาชอบสายยุพิน สาวข้างบ้านของเขาเอง สองคนมักไปไหนมาไหนด้วย กันเสมอ จนกระทั่งความรักสุกงอม คืนวันหนึ่งขณะที่บุญเจตน์อยู่บ้านตามลำพังกับพ่อเพียงสองคน

บุญเจตน์ : พ่อครับ ผมอยากบอกพ่อว่าผมจะแต่งงานกับสายยุพินในเดือนตุลาคมปีนี้ พ่อเคยเห็นเธอแล้วใช่ ไหมครับ ผมเคยพาเธอมาที่บ้านบ่อยๆ เธอเป็นคนข้างบ้านเราเอง ถึงเธอจะกำพร้าพ่อแต่เธอก็เป็นคนมีจิตใจ ที่เข้มแข็งมากครับ

พ่อ : บุญเจตน์ลูกรัก ถึงเวลาแล้วที่พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอก หลังจากที่พ่อแต่งงานกับแม่แกได้ไม่นานเรามีเรื่อง ระหองระแหงกันเป็นประจำ พ่อเลยแอบไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงข้างบ้านคนนั้น เรามีลูกสาวด้วยกันหนึ่ง คน นั่นคือ สายยุพิน เธอจึงเป็นน้องต่างมารดาของแก แกจะแต่งงานกับเธอไม่ได้เพราะมีสายเลือดเดียวกัน

บุญเจตน์รู้สึกผิดหวังมาก แต่หลังจากนั้นเพียงสองอาทิตย์เขาก็ควงสาวคนใหม่ชื่อสายวยุ เธอเป็นคนสวยและ อ่อนโยน จนบุญเจตน์ตัดสินใจจะแต่งงานด้วย เขาไปปรึกษาพ่อของเขาอีก

บุญเจตน์ : พ่อครับ ผมตกลงใจจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ในเดือนธันวาคมนี้แล้วครับ เธอชื่อสายวยุ บ้าน เธออยู่ห่างจากเราสองซอย เธอเป็นคนเรียบร้อยมากผมคิดว่าเราจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีมากเลยครับ

พ่อ : บุญเจตน์ลูกรัก พ่อจำเป็นต้องบอกความจริงกับแกอีก สายวยุก็เป็นน้องต่างมารดาของแกเช่นเดียวกัน พ่อคงจะยอมให้พวกแกแต่งงานกันไม่ได้หรอกนะ เพราะพวกแกเป็นสายเลือดเดียวกัน

บุญเจตน์ทั้งตลึงทั้งเศร้าเสียใจ ทำไมคนที่เขารักทั้งสองจะต้องเป็นสายเลือดเดียวกับเขา ดังนั้นเขาจึงนำเรื่อง นี้ไปเล่าให้แม่เขาฟัง

แม่ : ลูกเจตน์ไม่ต้องเสียใจหรอกลูก ลูกอยากจะแต่งกับคนไหนก็แต่งไม่ต้องไปฟังพ่อของลูก เพราะความจริง แล้วเขาก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆของลูกหรอก


เรื่องที่ 135
นักกายภาพบำบัด

22/06/2006 11:04 PM

สายนที ไปเล่นกอล์ฟกับเพื่อนผู้หญิงอีกสามคนที่สนามกอล์ฟเมืองแก้ว ขณะที่สายนทีกำลังทีออฟอยู่ที่ หลุมสี่ปรากฏว่าลูกกอล์ฟแฉลบพุ่งออกไปยังแฟร์เวย์หลุมห้า ซึ่งขณะนั้นบุญกองกับเพื่อนชายอีกสาม คนกำลังเล่นสวนมาพอดี ลูกกอล์ฟของสายนทีพุ่งตรงไปถูกบุญกองอย่างแรง

บุญกองเอามือซ้ายประกบมือขวาแล้วมือทั้งสองก็เลื่อนไปกุมที่หว่างขาเหนือเป้ากางเกง แล้วทรุดตัวลง ไปจากนั้นเขาก็ล้มนอนลงไปที่พื้นสนาม เขาร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าเวทนา

สายนทีตกใจเป็นอย่างมาก เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปดูพร้อมๆกับเพื่อนของเธอ ในขณะที่เพื่อนของบุญกอง และแคดดี้ของทั้งสองฝ่ายต่างกรูกันเข้าไปดูเหตุการณ์

สายนที : ขอโทษค่ะ ดิฉันแย่มากเลยที่ตีลูกมาทางนี้ เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ ? ดิฉันพอจะช่วยอะไร ได้บ้างไหมคะ ? ดิฉันเป็นนักกายภาพบำบัดอยู่โรงพยาบาล บูรณเวช

บุญกองไม่เพียงแต่ไม่ตอบ เขานอนบิดไปบิดมาในท่าที่มือทั้งสองกุมอยู่ที่หว่างขา หน้าของเขาซีดเผือด สายนทีสังเกตุเห็นว่าบุญกองเริ่มหายใจแผ่วลงไป ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ จึงได้คะยั้นคะยอทีจะเข้าไปปฐม พยาบาลให้ได้ โดยที่มั่นใจว่าหากบุญกองได้รับการปฐมพยาบาลแต่เนิ่นๆอาการก็คงจะดีขึ้น

เมื่อบุญกองทนการรบเร้าของสายนทีไม่ได้จึงยอมให้สายนทีทำการปฐมพยาบาล สายนทีจับมือทั้งสอง ข้างของบุญกองแยกออกแล้ววางลงข้างลำตัว หลังจากนั้นสายนทีก็รูดซิบกางเกงของบุญกองลง เธอเอา มือล้วงเข้าไปในกางเกงแล้วก็เริ่มต้นนวดสิ่งนั้นของบุญกองอย่างเบาๆและนุ่มนวล

สายนที : เป็นอย่างไรบ้างคะ ? ดีหรือเปล่า ?

บุญกอง : ดีครับ ดี แต่ว่า... ลูกกอล์ฟมันโดนนิ้วหัวแม่โป้งข้างขวาของผม ตอนนี้ผมเจ็บนิ้วมากครับ


เรื่องที่ 136
รณรงค์ไม่ดื่มสุรา

24/06/2006 05:51 PM

เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวตีพิมพ์ออกไปทั่วโลกว่าประเทศไทยบริโภคสุรามากเป็นอันดับสามของโลก ทั้งๆที่ ประเทศไทยมีประชากรเพียงแค่ 60 ล้านคนเท่านั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าสถิติอุบัติเหตุอุบัติภัยของ ไทยจึงมีสูงมาก นอกจากนั้นยังมีปัญหาอาชญากรรมและการทะเลาะวิวาทอยู่อย่างดาดดื่น

รัฐบาลจึงพยายามรณรงค์ให้คนไทยงดดื่มสุราผ่านสื่อ และหน่วยงานต่างๆ เช่น สสส. กระทรวง สาธารณสุข มหาดไทย คมนาคม ศึกษาธิการ และองค์กรอื่นๆอีกมากมาย ตลอดจนผ่านทางศาส นาทุกศาสนาด้วย

บาดหลวงคนหนึ่งมีความตั้งใจในการรณรงค์เรื่องนี้มาก นอกจากจะเทศน์ในโบสถ์ตอนมีพิธีใน วันอาทิตย์ทุกอาทิตย์แล้ว เขาจะไปรณรงค์ในที่ต่างๆ กระทั่งวันหนึ่ง บาดหลวงเดินเข้าไปใน บาร์บุญขจรซึ่งขณะนั้นมีนักดื่มกำลังเฮฮาอยู่ 20 กว่าคน บาดหลวงพูดคุยกับนักดื่มทีละคนซึ่ง รวมถึงบุญโอบด้วย

บาดหลวง : คุณอยากขึ้นสวรรค์หรือเปล่า ? ชายหนึ่ง : อยากขึ้นครับ บาดหลวง : อย่างนั้นรีบออกจากสถานที่บาปแห่งนี้ทันที

บาดหลวง : คุณล่ะ อยากขึ้นสวรรค์ไหม ? ชายสอง : แน่นอนครับ ผมอยากขึ้นสวรรค์ บาดหลวง : ถ้าอย่างนั้นก็จงหนีไปจากสถานที่แห่งซาตานนี้เสียโดยเร็ว

บาดหลวง : อ้าว ! คุณบุญโอบ คุณนั่นเอง พ่ออยากรู้ว่าคุณอยากขึ้นสวรรค์ด้วยไหม ? บุญโอบ : ไม่อยากครับ

บาดหลวงสอึกเล็กน้อย เขาจ้องตาของบุญโอบ แล้วคิดสงสัยว่าบุญโอบตอบอย่างนี้ได้อย่างไร เขาเป็นคริสตชน !?

บาดหลวง : คุณบุญโอบ พ่อได้ยินคุณพูดว่าถ้าคุณตายแล้วคุณไม่อยากไปสวรรค์ ?

บุญโอบ : เปล่าครับ ถ้าผมตายแล้วผมก็อยากไปสวรรค์แน่นอนครับ แต่ที่ผมตอบคุณพ่อว่าผม ไม่อยากไปสวรรค์เมื่อสักครู่นั้น เพราะผมเข้าใจว่าคุณพ่อมารณรงค์ให้พวกเราในที่นี้ไปสวรรค์ พร้อมๆกันตอนนี้เลย


เรื่องที่ 137
ช่วยงานเมีย

26/06/2006 09:42 AM

สายธาร แต่งงานกับนายทหารแห่งราชนาวี คนทั้งสองต้องออกไปทำงานนอกบ้านเต็มเวลาทุกวัน ถึงกระนั้น สายธารยังต้องกลับมาทำงานบ้านทุกอย่างซึ่งรวมทั้งดูแลลูกๆสองคนด้วยตนเอง สำหรับสามีนั้นไม่เคยช่วย ทำงานบ้านแต่อย่างใดเลย เขาประกาศให้ทุกๆคนได้รู้อยู่เสมอว่า งานบ้านไม่ใช่งานของชายชาติทหาร

เย็นวันหนึ่ง สายธารกลับถึงบ้านพบว่า สนามหญ้าหน้าบ้านมีการตัดและเล็มอย่างเรียบร้อย พื้นบ้านทุกตาราง นิ้วได้รับการเก็บกวาดจนสะอาดสะอ้าน เสื้อผ้ากองโตอยู่ในเครื่องซัก อีกกองหนึ่งอยู่ในเครื่องอบ อาหารเย็น อุ่นอยู่บนเตา ถ้วยชามล้างแล้วเก็บเป็นระเบียบ บนโต๊ะอาหารมีแจกันดอกไม้สดตั้งอยู่ ฯลฯ เธอรู้สึกแปลกใจ มากที่สามีของเธอเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

สายธารมารู้ภายหลังว่า สามีได้อ่านนิตยสารฉบับหนึ่งซึ่งได้กล่าวว่า บรรดาแม่บ้านที่ทำงานเต็มวันทั้งวัน แล้วยังต้องตรากตรำกับงานบ้านอย่างหนัก จะยังผลให้เรื่องเซ็กซ์ถดถอยลดน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าจะฟื้นฟูให้ เซ็กซ์ดีขึ้นก็จำเป็นจะต้องลดงานบ้านลงไป

สายธารนำเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆในสำนักงานฟัง ปรากฏว่าเพื่อนๆทุกคนต่างก็ตื่นเต้นและอยากรู้รายละเอียด ต่างๆเพิ่มชึ้น เผื่อจะนำไปบอกให้ฝาละมีตัวเองเอาอย่างบ้าง

เพื่อนๆ : นอกเหนือจากงานที่เธอเล่ามาเหล่านี้แล้ว ยังมีอะไรอีก ?

สายธาร : เขารีดเสื้อผ้าทั้งหมดพับเก็บในตู้อย่างเรียบร้อย เขาอาบน้ำให้ลูกๆแล้วยังสอนให้เขาทำการบ้านด้วย

เพื่อนๆ : แล้วหลังจากนั้นล่ะ มีอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม ?

สายธาร : หลังจากนั้นเหรอ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

เพื่อนๆ : อ้าว ! ทำไมหรือ ? ไหนบอกว่าภรรยาลดงานบ้านลงจะทำให้เซ็กส์ดีขึ้นยังไง

สายธาร : ก็ใช่นะซี ฉันมีเซ็กส์ดีขึ้นจริง แต่สามีฉันสิ แกหมดแรงไปกับงานบ้านเสียก่อนแล้ว


เรื่องที่ 138
ชุดแห่งความรัก

27/06/2006 07:54 AM

สายจินดา ไปช้อปปิ้ง ระหว่างทางกลับบ้านหล่อนต้องผ่านบ้านของลูกชายที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นานโดยไม่ได้ นัดหมายไว้ เมื่อไปกดกริ่งประตูบ้าน ลูกสะใภ้เป็นผู้มาเปิดประตู หล่อนเห็นลูกสะใภ้แก้ผ้าล่อนจ้อนยืนยิ้มอยู่

สายจินดา : ทำอะไรกันอยู่หรือนี่ ?

ลูกสะใภ้ : เปล่าค่ะ หนูรอสามีหนูอยู่ เขากำลังกลับบ้าน

สายจินดา : กำลังกลับบ้าน ? แล้วต้องแก้ผ้าล่อนจ้อนกันตั้งแต่ตอนนี้เลยเชียวหรือ ?

ลูกสะใภ้ : เปล่าค่ะ หนูใส่ชุดแห่งความรักค่ะ โดยปกติอยู่ที่บ้านหนูก็ใส่ชุดแห่งความรักอย่างนี้เสมอ สามีหนู ชอบหนูเองก็ชอบเหมือนกัน เรามีความสุขมากที่ทำอย่างนี้ ตอนนี้คุณแม่จะกลับบ้านคุณแม่ไปก่อนดีไหมคะ สามีหนูกำลังจะกลับถึงบ้านแล้วล่ะค่ะ ไว้วันหลังคุณแม่จะมาเยี่ยมพวกเราใหม่ก็ช่วยบอกล่วงหน้าด้วยนะคะ

สายจินดากลับบ้านไป ระหว่างทางหล่อนคิดว่าอาจจะเป็นความคิดที่ดีที่หล่อนจะทำเหมือนอย่างลูกสะใภ้ของ หล่อนทำอยู่ มันอาจทำให้ชีวิตสามีกระชุ่มกระชวยขึ้นก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อหล่อนถึงบ้านและเก็บข้าวของเรียบ ร้อยแล้วหล่อนก็จัดการถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน

สามีกลับมากดกริ่งประตูบ้าน หล่อนเดินมาเปิดรับด้วยชุดวันเกิด สามีเห็นแล้วเกิดความงุนงง

สามี : นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมจึงได้แก้ผ้าล่อนจ้อนอย่างนี้ ?

สายจินดา : ฉันใส่ชุดแห่งความรัก ฉันเห็นลูกสะใภ้ของเราเขาก็ใส่ชุดแห่งความรักเมื่ออยู่ที่บ้าน ต่อไปฉันจะ ใส่ชุดแห่งความรักอย่างนี้เมื่ออยู่ที่บ้านเช่นเดียวกัน

สามี : แต่ชุดของคุณมันยังไม่ได้รีดนี่นา


เรื่องที่ 139
จะร้อนจะหนาวมันอยู่ที่ใจ

29/06/2006 07:16 AM

บุญแนน เป็นพนักงานเสิร์ฟเพียงคนเดียวของร้านอาหารชิมห้ามเชื่อ ร้านอาหารแห่งนี้นอกจากจะมี ชื่อเสียงเรื่องความอร่อยแล้ว ยังมีการจำหน่ายสุรานานาชนิด จึงเป็นที่นิยมของทั้งคอเหล้าและไม่ใช่ คอเหล้า การบริการที่ดีของบุญแนนก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของที่ร้านเช่นเดียวกัน

คืนวันหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งมานั่งดื่มเหล้าและกินอาหารประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษแล้วเห็นจะได้ ส่วน บุญแนนนั้นต้องคอยให้บริการลูกค้าอื่นๆที่อยู่แน่นร้าน โดยต้องวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ตลอดเวลา เมื่อผ่าน ไปใกล้ผู้ชายคนนี้

ผู้ชาย : นี่น้อง ช่วยเร่งแอร์หน่อยซิ ในนี้มันร้อนตับแตกเลย

บุญแนนไม่ตอบ แต่ก็รีบเดินเข้าไปด้านในทันทีเหมือนกัน แล้วก็เดินออกมาเสิร์ฟอาหารและบริการ ลูกค้าต่อไป 10 นาฑีต่อมา เมื่อบุญแนนเดินเฉียดมาใกล้ผู้ชายคนนี้อีก

ผู้ชาย : น้องๆ ช่วยไปหรี่แอร์ให้เบาลงหน่อย ในนี้มันหนาวเกินไปแล้ว

บุญแนนไม่ตอบเช่นเคย แต่เขาก็รีบเดินเข้าไปด้านในทันที เสร็จแล้วก็เดินออกมาให้บริการลูกค้า ต่อไปอีกตามเดิม เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นซ้ำๆอีกหลายครั้งภายในเวลาเพียง 40 นาฑีเท่านั้น โดย บุญแนนจะถูกเรียกให้ไปเร่งแอร์และหรี่แอร์ เนื่องจากว่าร้อนเกินไปและหนาวเกินไป แต่บุญแนน เองก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรให้ปรากฏ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้หาได้ลอดพ้นสายตาของ ลูกค้าคนที่สองที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆกันไม่ ลูกค้าคนนี้เกิดความรำคาญขึ้นมาทันที

ลูกค้า : น้อง ขอถามหน่อยซิ ทำไมเราช่างใจเย็นเหลือเกินนะ ไอ้เบื๊อกขี้เมาคนนั้นคอยใช้ให้ไป เร่งแอร์ หรี่แอร์ไม่รู้จักกี่รอบ ไม่รู้ว่าขนาดไหนมันจึงจะรู้สึกพอดี นี่ถ้าเป็นผมละก็ ฮึ่ม ผมจะให้ บาทามันไปแกล้มเหล้าฟรีๆเลย

บุญแนน : อ๋อ ผมไม่ถือหรอกครับ เพราะว่าในร้านของผมไม่ได้ติดแอร์น่ะครับ

 


เรื่องที่ 140
มันเกือบจะเลวร้ายกว่านี้

29/06/2006 07:20 AM

บุญเฟื่อง เป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนหนุ่มเพิ่งย้ายมาประจำสถานีตำรวจนครบาลคันนากว้างได้ไม่กี่เดือน เขาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมาก วันหนึ่ง เขาได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขาพร้อมกับ จ่าสมบัติตำรวจผู้มากด้วยประสบการณ์รีบรุดไปที่เกิดเหตุทันที เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุเขาพบศพชายหญิง นอนตายอยู่ในสภาพเปลือยกายถูกยิงเสียชีวิตอยู่ในห้องนอน ขณะเดียวกันเขาพบศพของชายอีกคนหนึ่ง นอนตายอยู่ที่พื้นอีกห้องหนึ่งในมือถืออาวุธปืนของกลางอยู่ด้วย

บุญเฟื่อง : ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นฆาตกรรมและการฆ่าตัวตายในเหตุการณ์ครั้งนี้

จ่าสมบัติ : ผมก็เชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ว่า..ประเดี๋ยวผู้บังคับการมาดู ผมพนันเลยว่าเขาต้องบอกว่ามัน เกือบจะเลวร้ายกว่านี้อีก

บุญเฟื่อง : มันเกือบจะเลวร้ายกว่านี้ได้อย่างไร ในเมื่อเห็นอยู่ชัดๆแล้วว่า ฆาตกรเป็นสามีมาพบภรรยาอยู่ กับชายชู้ จึงเกิดบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงคนทั้งสองเสียชีวิต หลังจากนั้นก็ใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัว ตายเพื่อหนีความผิด ผมพนันกับจ่า 1,000 บาท ถ้ามันเป็นอย่างที่จ่าว่า

สักครู่ต่อมา ผู้บังคับการเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ หลังจากเดินดูผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดแล้วก็ถอนหายใจ

ผู้บังคับการ : มันเป็นทั้งฆาตกรรมและการฆ่าตัวตายพร้อมๆกัน แต่ว่า...มันเกือบจะเลวร้ายกว่านี้อีก

หลังจากพูดเสร็จผู้บังคับการก็หันมาสบตากับจ่าสมบัติ บุญเฟื่องเลยเสียพนันให้กับจ่าแต่เขาก็ไม่วายสงสัย

บุญเฟื่อง : ท่านหมายความว่าอย่างไร ? มันจะมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่าคนสามคนที่ตายอยู่ตอนนี้อีกหรือครับ

ผู้บังคับการ : มีสิ คุณเห็นชายคนที่ถือปืนนอนตายอยู่ตรงนั้นไหม ? ถ้าเขากลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อวานนี้ละก็ คนที่ถูกฆาตกรรมคงเป็นผมแน่นอน

 


เรื่องที่ 141
ของใคร ???

30/06/2006 08:57 AM

บุญอ้อม เป็นชายหนุ่มรูปหล่อทำงานอยู่บริษัทไอซีเอ็น เขาเป็นคนที่ชอบขับรถเร็วแม้จะเคยถูกใบสั่ง อยู่บ่อยๆแล้วก็ตาม วันหนึ่ง บุญอ้อมขับรถไปเที่ยวหัวหิน ตอนขากลับเขาดื่มแอลกอฮอล์มาด้วยแล้ว ยังขับรถเร็วปานจะบิน โชคร้ายที่รถเขาเสียหลักจึงเกิดอุบัติเหตุชนกับรถที่ขับสวนมาทำให้รถเขาพลิก คว่ำและตกถนน บุญอ้อมได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงถูกนำส่งโรงพยาบาลที่กรุงเทพ

ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล หลังจากที่บุญอ้อมฟื้นจากสลบพบว่านายแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาเยี่ยม

หมอ : คุณบุญอ้อม ผมมีทั้งข่าวร้ายและข่าวดีที่จะบอก

บุญอ้อม : ข่าวร้ายคืออะไรครับหมอ ?

หมอ : ข่าวร้ายคือแขนขวาของคุณขาดและเสียหายมากจนไม่สามารถนำมาต่อให้คุณได้

บุญอ้อม : แล้วข่าวดีคืออะไรครับหมอ ?

หมอ : ข่าวดีคือ มีหญิงสาวคนหนึ่งเพิ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเหมือนกัน เธอได้บริจา***วะทุกส่วน เพื่อเป็นกุศล หมอจึงตั้งใจว่าจะตัดแขนขวาของเธอมาต่อให้กับคุณ

หลังจากการผ่าตัดต่อแขนให้บุญอ้อมแล้ว อาการของเขาก็ดีวันดีคืน สิบวันให้หลังบุญอ้อมก็ออกจาก โรงพยาบาลได้ อีกหนึ่งเดือนต่อมาบุญอ้อมมาพบแพทย์ตามกำหนด

หมอ : สวัสดีครับคุณบุญอ้อม แขนที่หมอต่อให้เป็นอย่างไรบ้าง ใช้งานได้ดีหรือเปล่า ?

บุญอ้อม : ใช้งานได้ดีมากเลยครับหมอ เสียอยู่อย่างเดียว

หมอ : มีอะไรเสียล่ะ ?

บุญอ้อม : เสียตรงที่เวลาผมฉี่ มือขวามันไม่ค่อยยอมปล่อยจากไอ้นั่นน่ะซีครับ

 


เรื่องที่ 142
ความลับของนักจับปลา

1/07/2006 06:52 AM

ที่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนแก่งเสือใหญ่มีการปล่อยปลานานาชนิด ทางการจะอนุญาตให้ชาวบ้านไปจับปลามาบริโภค หรือขายได้โดยใช้เครื่องมือที่ทางการอนุญาตแล้วเท่านั้น

บุญเยือนเป็นคนที่นี่แต่ไปทำมาหากินอยู่ในกรุงเทพเสียนาน พอเศรษฐกิจไม่ค่อยดีงานในกรุงเทพก็น้อยลงจึงตัด สินใจกลับมาที่ภูมิลำเนา เขาหาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลาในอ่างมาขาย เจ้าหน้าที่สังเกตุเห็นว่าในแต่ละวันบุญเยือน จะจับปลาได้มากมายเต็มลำเรือมาโดยตลอด ขณะที่ชาวบ้านทั่วๆไปจะจับได้เฉลี่ยวันละสิบยี่สิบตัวเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ : คุณใช้เครื่องมืออะไรจึงจับปลาได้มากขนาดนี้ทุกวัน บุญเยือน : ผมมีแต่สวิงช้อนปลาเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ : มันเป็นไปได้อย่างไร ? บุญเยือน : พรุ่งนี้มากับผมซิ ผมจะพาคุณไปจับปลาให้ดู

เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ออกเรือไปกับบุญเยือน เมื่อเรือไปถึงที่น้ำลึกแล้วบุญเยือนก็จอดเรือทิ้งสมอ ส่วนเจ้าหน้า ที่ก็นั่งดูว่าบุญเยือนจะจับปลาด้วยวิธีใด บุญเยือนล้วงเอาดินระเบิดแบบไดนาไมต์ออกจากกระเป๋าแท่งหนึ่ง จุด ไฟแล้วโยนลงไปในน้ำ ตูมมมม......เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว น้ำในอ่างสะเทือนอย่างรุนแรง เรือก็โคลงเคลง

หลังจากเสียงเสียงระเบิดเงียบลงและหายจากอาการช็อกแล้ว เจ้าหน้าที่เห็นปลาลอยขึ้นมาเหนือน้ำเป็นแพ บุญเยือน ง่วนอยู่กับการใช้สวิงช้อนปลาที่ลอยเป็นแพอยู่จนมือเป็นระวิง

เจ้าหน้าที่ : คุณทำอย่างนี้ไม่ได้ มันผิดกฏหมายมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ผมเป็นเจ้าพนักงานเห็นการกระทำผิดซึ่งหน้า ผมจำเป็นต้องปรับคุณในอัตราที่สูงสุดเสียก่อน ส่วนโทษจำนั้นรอให้ศาลเป็นผู้พิจารณา

บุญเยือนหยุดการช้อนปลาทันที หันมามองเจ้าหน้าที่ เอามือล้วงดินระเบิดแบบไดนาไมต์อีกแท่งหนึ่งออกจากกระ เป๋า จุดไฟ แล้วโยนระเบิดไปบนตักของเจ้าหน้าที่

บุญเยือน : คุณจะมาจับปลาหรือจะมานั่งบ่น ถ้าจะบ่นก็บ่นต่อไปได้ ถ้าจะจับปลาก็โยนระเบิดแท่งนั้นลงน้ำไป


เรื่องที่ 143
ไซ่ง่อนแห่หลำ

02 ก.ค. 2549 00:12

บุญเยา เป็นนักธุรกิจเพลบอยจากชลบุรี เขาเป็นคนเก่งสามารถค้าขายทั้งในและประเทศเพื่อนบ้าน แต่ข้อเสีย ของบุญเยาคือเขาเป็นคนเที่ยวกลางคืน ไม่ว่าจะไปที่ไหนสิ่งที่เขาไม่เคยขาดเลยคือเรื่องผู้หญิง เมื่อหกเดือน ที่แล้วเขาไปโฮจิมินต์ซิตี้(เดิมชื่อไซ่ง่อน) ประเทศเวียตนาม เขารู้ว่าเขาไปติดกามโรคมา เขาไปซื้อยามารับ ประทานเองแต่ก็ไม่หายสักที ยิ่งกว่านั้น เขาสังเกตุเห็นว่าจู๋ของเขานั้นมีสีเขียวๆเป็นจ้ำๆและมีอาการเจ็บมาก เขาจึงตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลชลบุรี

บุญเยา : ผมไปติดกามโรคมาจากเวียตนามเมื่อหกเดือนที่แล้ว ผมกินยาเองมันไม่หาย หมอช่วยดูผมหน่อย

หมอชล : อืม์ ผมตรวจคุณละเอียดแล้ว คุณเป็นโรคไซ่ง่อนแห่หลำ มันเป็นไวรัสร้ายแรงจะมีระบาดอยู่แถว ประเทศเวียตนามเท่านั้น คนที่ติดเชื้อนี้ส่วนใหญ่มักเสียชีวิต เพราะมันแพร่เชื้อไปทั่วร่างกายได้รวดเร็วมาก ขณะนี้ยังไม่มียารักษา หนทางเดียวของคุณคือตัดจู๋ทิ้งเสียเพื่อหยุดการรุกลาม

บุญเยาตกใจ การตัดจู๋ทิ้งเป็นเรื่องใหญ่ จึงตัดสินใจมาหาหมอที่กรุงเทพเผื่อว่าหมอที่นี่จะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น

หมอกรุง : ผมดูแล้ว คุณเป็นโรคไซ่ง่อนแห่หลำจริงๆอย่างที่หมอชลว่า โรคนี้พวกทหารอเมริกันเป็นกันมาก ในสมัยสงครามเวียตนาม รัฐบาลสหรัฐทุ่มเงินนับหมื่นล้านเหรียญเพื่อทำวิจัยซึ่งก็ไม่สำเร็จ พวกทหารที่ติด โรคนี้เสียชีวิตไปหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีทหารรุ่นใหม่มาอีก การวิจัยจึงหยุดไปโดยปริยาย เราไม่มียารักษาโรค นี้ วิธีเดียวของคุณคือยอมเสียจู๋เพื่อรักษาชีวิตดีกว่า

บุญเยากลุ้มใจมากไม่เป็นอันกินอันนอน เพื่อนๆแนะนำให้ไปหาหมอแมะ หมอแมะเป็นหมอจีนแผนโบราณ เขาใช้วิธีจับชีพจรเพื่อวินิจฉัยโรค บุญเยาเห็นว่าไม่มีทางเลือกเป็นอื่น อีกอย่างจีนกับเวียตนามอยู่ใกล้กันมาก เรื่องโรคภัยไข้เจ็บและการรักษาน่าจะดีกว่าหมอแผนใหม่

หลังจากที่หมอแมะจับชีพจรบุญเยาแล้ว

หมอแมะ : คุณเป็นโรคไซ่ง่อนแห่หลำไปหาหมอที่โรงพยาบาลมาแล้วใช่ไหม? เขาแนะนำให้ตัดจู๋ทิ้งใช่ไหม? มาหาผมคุณไม่ต้องตัด เอายาผมไปกินอาทิตย์ละเทียบ กินสักยี่สิบเทียบก็พอ

บุญเยา : จริงหรือครับหมอ กินยี่สิบเทียบแล้วหายเลยใช่ไหมครับ ?

หมอแมะ : เปล่า กินยี่สิบเทียบแล้ว จู๋มันจะแห้งแล้วหลุดออกมาเอง


เรื่องที่ 144
โตขึ้นอยากเป็นอะไร

03 ก.ค. 2549 07:37

ในการสอนวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตของโรงเรียนประถมเนียนสนิท ครั้งหนึ่ง ครูสายใจ ได้ให้นักเรียนในชั้นแสดงความคิดเห็นของแต่ละคน

ครูสายใจ : เด็กชายมี เมื่อหนูโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร ? เด็กชายมี : ผมอยากเป็นวิศวกรครับ ครูสายใจ : ทำไมจึงอยากเป็นวิศวกร ? เด็กชายมี : ผมอยากสร้างตึกสูง 100 ชั้น จะได้มองเห็นกรุงเทพทั้งเมืองเลยครับ

ครูสายใจ : แล้วหนูล่ะเด็กหญิงปู เมื่อหนูโตขึ้น หนูอยากเป็นอะไร ? เด็กหญิงปู : หนูอยากเป็นนักเทนนิสค่ะ ครูสายใจ : ทำไมหนูจึงอยากเป็นนักเทนนิส ? มันดูเหนื่อยมากเลยนะ เด็กหญิงปู : เป็นนักเทนนิสจะได้สตางค์มากมาย หนูอยากรวยค่ะ

ครูสายใจ : เด็กหญิงสุล่ะ ว่ายังไงโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร ? เด็กหญิงสุ : หนูอยากเป็นคุณครูค่ะ ครูสายใจ : บอกครูหน่อยซิ ทำไมจึงอยากเป็นคุณครู ? เด็กหญิงสุ : หนูอยากช่วยคุณครูสอนหนังสือ คุณครูจะได้ไม่เหนื่อยมากค่ะ

ครูสายใจ : เอ.. แล้วเด็กชายจ้อนล่ะ โตขึ้นอยากเป็นอะไร ? เด็กชายจ้อน : ผมอยากเป็นหมอครับ ครูสายใจ : อยากเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้ จะได้ช่วยให้พวกเขาพ้นทุกข์ใช่หรือเปล่า ? เด็กชายจ้อน : เปล่าครับคุณครู ครูสายใจ : อ้าว ถ้าอย่างนั้นจะเป็นหมอเพื่ออะไร ? เด็กชายจ้อน : ผมจะได้บอกให้ผู้หญิงแก้ผ้าให้ผมดูได้ไงครับ


เรื่องที่ 145
นักยืมตัวฉกาจ

04 ก.ค. 2549 09:34

บุญคง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งมาช้านาน เพื่อนบ้านที่เคยอยู่ติดกันได้ย้ายไป อยู่ที่อื่นโดยขายบ้านหลังนี้ให้กับคนใหม่ เพื่อนใหม่เป็นชายกลางคนอยู่ตัวคนเดียว ใน วันที่ย้ายเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนบ้านวันแรก เขาเดินมาหาบุญคงที่บ้าน

เพื่อนบ้าน : สนามหญ้าหน้าบ้านผมมันรกมาก ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมอยากขอยืมรถตัดหญ้า ของคุณหน่อย ผมจะตัดให้มันดูเรียบร้อยสะอาดตา

บุญคง : อ๋อ ได้เลยครับ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

วันที่สอง เพื่อนบ้านนำรถตัดหญ้ามาคืน พร้อมกับขอบอกขอบใจบุญคง

เพื่อนบ้าน : ในตัวบ้านของผมยังสกปรกอยู่มาก ผมอยากยืมเครื่องดูดฝุ่นของคุณหน่อย

บุญคง : ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา

วันที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ด............ยี่สิบเก้า สามสิบ เพื่อนบ้านคนนี้จะมายืมอะไรต่อมิอะไร ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเตารีดไฟฟ้า เตาไมโครเวฟ เครื่องอบขนมปัง วิทยุ สว่านไฟฟ้า ฯลฯ บุญคงเริ่มอึดอัด เพราะดูเหมือนเพื่อนบ้านคนนี้จะไม่คิดซื้ออะไรเป็นของตัวเองเลยสักชิ้น เดียว จากเดิมที่เคยกุลีกุจอหยิบของให้ยืม ก็เปลี่ยนเป็นให้แบบเนือยๆ อย่างไรก็ตามด้วย ความเป็นสุภาพบุรุษบุญคงก็ยังไม่ถึงกับกล้าปฏิเสธเลยทีเดียว

เช้าวันหนึ่ง บุญคงเห็นเพื่อนบ้านคนนี้กำลังเดินตรงมาที่บ้านเขาอีก เขาจึงบอกกับภรรยา เขาว่า ถ้าวันนี้เพื่อนบ้านมาขอยืมอะไรก็แล้วแต่ เขาจะหาคำพูดปฏิเสธให้ได้ จะได้จบกัน

เพื่อนบ้าน : วันนี้คุณคงไม่ได้ใช้เลื่อยไฟฟ้าใช่ไหมครับ พอดีผมคิดจะต่อเติมระเบียงนิด หน่อยจึงอยากมาขอยืม

บุญคง : เอ้อ...ขอโทษนะครับ วันนี้บังเอิญผมต้องใช้เลื่อยไฟฟ้าทำงานต่อเติมห้องครัว ผมคงต้องใช้มันทั้งวันเลย และวันเดียวก็ยังไม่รู้ว่าจะเสร็จหรือเปล่าด้วย

เพื่อนบ้าน : อ้อ เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นคุณคงไปตีกอล์ฟไม่ได้นะซีงั้นผมขอยืมชุดกอล์ฟ ของคุณแทนก็แล้วกัน

 


เรื่องที่ 146
เครื่องรีดนมวัว

05 ก.ค. 2549 05:30

บุญเชาว์ เป็นคนไทยภูเขาเผ่ามูเซอดำ เขาเป็นคนที่ร่ำรวยกว่าใครๆในหมู่บ้าน เพราะนอกจากเขามีไร่ข้าวโพด นับร้อยๆไร่แล้ว เขายังเลี้ยงสัตว์อีกหลายชนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสุกรหรือเป็ดไก่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีฟาร์ม โคนมซึ่งมีแม่วัวอยู่ร้อยกว่าตัว

การรีดนมวัวเป็นงานที่หนักและกินเวลาเป็นอย่างมากซึ่งจะต้องทำทุกเช้า ตอนที่ภรรยาบุญเชาว์สามารถช่วยงาน ได้งานก็ไม่หนักถึงเพียงนี้ ตอนนี้ภรรยาท้องแก่กำลังไปคลอดที่โรงพยาบาลจึงต้องหยุดช่วยงานลงชั่วคราวและ คงจะหยุดช่วยไปอีกพักใหญ่ภายหลังจากการคลอดแล้ว

บังเอิญในเมืองมีงานเกษตรแห่งชาติ บรรดาเกษตรกร หรือผู้อยู่ในวงการเกษตรจะมาชุมนุม นำเทคโนโลยี วิชา การตลอดจนผลิตผล สินค้า และเครื่องมืออุปกรณ์ทางการเกษตรมาแสดงหรือมาจำหน่ายมากมาย บุญเชาว์ก็มา เที่ยวงานนี้ด้วย สิ่งที่บุญเชาว์สนใจมากเป็นพิเศษคือเครื่องรีดนมวัว

คนขายบอกกับบุญเชาว์ว่าเครื่องนี้เป็นโมเดลใหม่ล่าสุด นอกจากมีแรงดูดดีกว่าเดิมซึ่งจะทำให้รีดนมได้เร็วขึ้น แล้วเครื่องนี้ยังจะดูดด้วยความนุ่มนวลไม่ระคายเคืองเต้านมวัวแต่ประการใด บุญเชาว์พิจารณาแล้วเห็นว่าเครื่อง รีดนมนี้จะเป็นประโยชน์มากเพราะนอกจากจะประหยัดเวลาได้แล้ว ระหว่างเครื่องทำงานตนยังสามารถทำอย่าง อื่นขนานกันไปได้อีกด้วย ดังนั้นแกจึงซื้อมาด้วยกันสองชุด

เมื่อบุญเชาว์นำเครื่องรีดนมวัวกลับมาถึงบ้าน คืนวันนั้น บุญเชาว์ก็แกะเครื่องออกมาดู ทดลองเสียบปลั๊กไฟฟ้า เพื่อจะดูการทำงานของเครื่อง พรุ่งนี้จะได้เอาไปใช้งานแต่เช้า เครื่องทำงานดี บุญเชาว์คิดถึงคำพูดของคนขาย ที่บอกว่าเครื่องจะดูดได้อย่างนุ่มนวลและไม่ระคายเคืองเต้านม ประกอบกับบุญเชาว์ว่างเว้นจากการปฏิบัติกิจกับ ภรรยามานานเพราะภรรยาท้องแก่ ดังนั้น บุญเชาว์จึงได้เอาสิ่งนั้นของตนใส่เข้าไปในเครื่องแทนเต้านมวัว

เครื่องรีดนมวัวก็ดูดสิ่งนั้นของบุญเชาว์ด้วยความนุ่มนวลเหมือนคนขายบอก บุญเชาว์รู้สึกดีมากจึงปล่อยให้ เครื่องทำงานต่อไปจนตนเองสำเร็จกิจ หลังจากนั้นบุญเชาว์ก็จะถอดเครื่องออกมาล้าง ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ สามารถถอดออกได้ เขาจึงหยิบคู่มือขึ้นมาอ่านดู

วิธีถอด

เครื่องนี้ถูกออกแบบไว้เพื่อป้องกันการหลุดระหว่างการรีดนม มันจะหลุดได้เองอัตโนมัติก็ต่อเมื่อปริมาณของ เหลวขึ้นมาถึงระดับ 4 ลิตร แล้วเท่านั้น


เรื่องที่ 147
เคล็ดลับทำให้อายุยืน ?

06 ก.ค. 2549 09:23

ในขณะที่วิทยาศาสตร์การแพทย์มีความเจริญขึ้น อายุเฉลี่ยของคนเราก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามคนที่มีอายุ 100 ปี แล้วยังแข็งแรงดีนั้นยังหาไม่ได้มากนัก บุญชนม์ อดีตอาจารย์มหา วิทยาลัย เป็นก็คนหนึ่ง

บุญชนม์จัดงานวันเกิดครบ 100 ปีอย่างหรูหราที่โรงแรมเพ็ญตางอน นอกจากบรรดาลูกหลานเหลน โหลนและแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีกันจนเต็มห้องบอลรูม เป็นที่น่าสังเกตุว่าไม่มีเพื่อนของ บุญชนม์เลย เพราะเสียชีวิตกันไปหมดแล้ว แต่มีพวกสื่อมวลชนไปทำข่าวกันมากมาย เมื่อถึงตอน ให้สัมภาษณ์บนเวที

สื่อมวลชน : ท่านช่วยบอกเคล็ดลับที่ทำให้มีอายุยืนยาวของท่านให้พวกเราได้ทราบหน่อย เช่น ท่านกินอาหารอย่างไร ?ท่านปฏิบัติตนอย่างไร ? เป็นต้น

บุญชนม์ : โดยปกติแล้วผมเป็นคนชอบกินผัก อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ผมกินน้อยมาก และผมเป็น คนชอบออกกำลังกายผมจ๊อกกิ้งวันละหนึ่งชั่วโมงทุกวันตั้งแต่ผมอายุ 15 จนถึงปัจจุบัน

สื่อมวลชน : แล้วอย่างอื่นมีอะไรอีก ?

บุญชนม์ : ผมไม่เคยสูบบุหรี่เลย ผมไม่ดื่มแอลกอฮอลทุกชนิด และผมจะหลีกเลี่ยงสิ่งยั่วยุและไม่ เที่ยวสำส่อน

สัมภาษณ์มาถึงตรงนี้ ทุกคนก็หันไปดูข้างล่างเวทีซึ่งมีความอลหม่าน เนื่องจากพยาบาลสาวคนหนึ่ง กำลังวิ่งหนีเสียงหลงโดยมีชายแก่คนหนึ่งกำลังวิ่งไล่ตาม คนแก่คนนั้นมือหนึ่งถือซิการ์มวนยาวส่ง กลิ่นฉุนกึ้ก อีกมือหนึ่งถือแก้วบรั่นดี เมื่อวิ่งตามถึงตัวพยาบาลแกก็หยุดพักหนึ่ง หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ชอบอกชอบใจ แล้วก็วิ่งไล่ต่อไป

สื่อมวลชน : มันเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ?

บุญชนม์ : ผมต้องขออภัย นั่นเป็นคุญพ่อของผมเอง แกมักจะทำอย่างนี้ประจำ

 


เรื่องที่ 148
เพราะน้ำแตงโม

07 ก.ค. 2549 08:35

บุญโกย ร่ำรวยจากการขายหุ้นให้แก่นักลงทุนจากสิงคโปร์ ได้เงินมานับร้อยล้านบาท แกจึงไปซื้อบ้านหลัง ใหม่แถวถนนราชพฤกษ์ เมื่อย้ายเข้าไปอยู่ได้ไม่นาน แกก็จัดให้มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่

เช้าวันทำบุญ นอกเหนือจากพรรคพวกเพื่อนฝูงและญาติโกโหติกาแล้ว แกยังได้นิมนต์พระสงฆ์เก้ารูปมา ทำพิธีและฉันเพลด้วย บรรดาลูกๆหลานๆที่มาช่วยงานมีมากกว่ายี่สิบคน เพราะนอกจากต้องเตรียมอาหาร คาวหวานในครัวแล้วยังต้องคอยให้บริการแก่พวกแขกเหรื่อในงานจนดูสับสนอลหม่านไปหมด

สำหรับเครื่องดื่มแล้ว บุญโกยได้จัดเตรียมน้ำอัดลมนานาชนิด นอกจากนั้น บุญโกยได้เตรียมน้ำแตงโม สูตรพิเศษด้วยตัวเอง โดยแกนำวิสกี้มาผสมกับน้ำแตงโมคั้นซึ่งดูคล้ายกับพันช์เป็นที่สุด พวกเด็กๆที่เสิร์ฟ น้ำแตงโมแก่บรรดาแขกเหรื่อต่างก็ได้รับคำชมจากคนดื่มทุกคน

หลังจากที่พระสงฆ์สวดเสร็จและทำการเจิมเพื่อเป็นศิริมงคลแล้ว บรรดาเด็กๆได้ถวายอาหารเพลให้แก่ พระสงฆ์ในขณะที่บุญโกยยังคงพูดคุยกับเพื่อนๆถึงเรื่องหุ้นอย่างออกรสออกชาติ โดยที่บุญโกยเชื่อว่า บรรดาเด็กๆคงคุ้นเคยกับการถวายอาหารเพลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

หล้งจากสนทนากับเพื่อนๆเสร็จพักหนึ่ง บุญโกยเริ่มรู้สึกผิดสังเกตุที่บรรดาเด็กๆได้เสิร์ฟน้ำแตงโมให้ แก่พระสงฆ์ด้วย เด็กๆเหล่านี้ไม่รู้ว่าน้ำแตงโมมีส่วนผสมอะไรบ้างเพราะบุญโกยเป็นผู้ผสมด้วยตนเอง แต่มันก็สายเกินไปที่จะหยุดการเสิร์ฟดังกล่าวเพราะพระสงฆ์แต่ละรูปดื่มไปหลายแก้วแล้ว ตัวเองรู้สึก ผิดมากและไม่สบายใจเพราะกลัวบรรดาพระสงฆ์ตำหนิเอา

บุญโกย : พระสงฆ์ดื่มน้ำแตงโมแล้วพูดอะไรหรือเปล่า ?

เด็กๆ : ไม่เห็นท่านพูดอะไรนี่ครับ นอกจากเห็นท่านดื่มแล้วท่านยังใช้ช้อนเขี่ยๆสิ่งที่อยู่ในแก้วอีกด้วย

บุญโกย : ถามท่านหรือเปล่าว่าท่านเขี่ยอะไร ?

เด็กๆ : เห็นท่านบอกว่าท่านเขี่ยเอาเมล็ดแตงโม เพราะท่านจะเอาไปปลูกที่วัด

 


เรื่องที่ 149
กระสุนปืน

08 ก.ค. 2549 07:39

สายกาญจน์ อุ้มท้องเก้าเดือนไปเบิกเงินที่ธนาคารในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เธอยืนเข้าแถวเพื่อรับบริการ อยู่นั้น ปรากฏว่ามีโจรสามคนเข้ามาปล้นธนาคาร โจรคนหนึ่งในสามคนนั้นทำปืนกลลั่น กระสุนสาม นัดถูกเข้าที่ท้องของสายกาญจน์พอดี เธอถูกนำส่งโรงพยาบาล หมอทำการช่วยเหลือและผ่าเอาลูกแฝด สามในท้องออกมาด้วย ทุกคนปลอดภัย

สายกาญจน์ : คุณหมอคะ ลูกหนูเป็นอย่างไรบ้าง ?

หมอ : ลูกแฝดสามของคุณหญิงสองชายหนึ่งทุกคนปลอดภัย เพียงแต่ทุกคนมีกระสุนฝังในคนละลูก มันไม่เป็นไรมากหรอก เมื่อพวกเขาโตขึ้นวันหนึ่งร่างกายก็จะขับถ่ายออกมาเอง

สิบสามปีผ่านไป คืนวันหนึ่ง ขณะที่สายกาญจน์กำลังทำงานบ้านอยู่

ลูกสาว 1 : คุณแม่ขา มันมีเรื่องแปลกมากค่ะ เมื่อสักครู่หนูไปฉี่ในห้องน้ำ มีลูกกระสุนปืนออกมาด้วย มันตกลงไปในโถส้วม

สายกาญจน์ : มันเป็นกระสุนที่แม่ถูกโจรปล้นธนาคารยิงขณะท้องหนูเมื่อสิบสามปีที่แล้ว ไม่เป็นไรลูก

สายกาญจน์เล่ารายละเอียดให้ลูกสาวได้ทราบ แต่อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา

ลูกสาว 2 : คุณแม่ขา มันมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น...

สายกาญจน์ : อ๋อ หนูไปฉี่ในห้องน้ำแล้วมีลูกกระสุนปืนออกมาด้วยใช่ไหม ?

ลูกสาว 2 : ใช่ค่ะคุณแม่ มันหล่นลงไปในโถส้วม คุณแม่รู้ได้อย่างไรคะ ?

สายกาญจน์อธิบายความเป็นมาตั้งแต่ต้นให้ลูกสาวได้ทราบ พอเล่าจบลูกชายก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

ลูกชาย : แย่แล้วครับคุณแม่ ผม....

สายกาญจน์ : อ๋อ ลูกกำลังจะมาบอกแม่ว่าลูกฉี่เอาลูกกระสุนปืนออกใส่ส้วม ใช่ไหมลูก ?

ลูกชาย : เปล่าครับแม่ เมื่อสักครู่ผมช่วยตัวเอง ลูกกระสุนมันพุ่งออกมาถูกเจ้าดิ๊กหมาเราตายเลยครับ

 


เรื่องที่ 150
ประชันพฤกษา

09 ก.ค. 2549 12:09

ยายสายจิต เป็นเจ้าของสวนไม้ดอกที่ใหญ่โต วันๆแกจะง่วนอยู่กับการขายดอกไม้จนแทบไม่มีเวลาออก ไปที่ไหนเลย แกมีหลานสาววัยรุ่นคนหนึ่งชื่อ บัวผัน

เย็นวันหนึ่ง บัวผันจะออกไปงานวันเกิดกับเพื่อนชายเป็นครั้งแรก เธอแต่งตัวด้วยชุดซีทรูไม่มีเสื้อยกทรง กับกระโปรงสั้นเพียงระดับแก้มก้นเท่านั้น เมื่อเดินลงมาจากห้องนอนเพื่อรอเพื่อนชายมารับ เธอเจอคุญ ยายสายจิตกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ข้างล่างตาเบิกโพรง

สายจิต : หนูแต่งตัวอย่างนี้จะออกไปข้างนอกได้อย่างไร อายเขาแย่สิ นี่ดู คนเขามองทะลุเสื้อเห็นหัวนม มันไม่เหมาะนะ น่าจะไปเปลี่ยนเสื้อที่ดูสุภาพกว่านี้หน่อย

บัวผัน : โธ่ คุณยายนี่มันปีพ.ศ.ไหนแล้ว คุณยายตามแฟชั่นไม่ทันหรอก หนูตั้งใจจะโชว์มันเหมือนกุหลาบ ดอกตูม ใครเห็นก็อยากมอง

ครั้นเพื่อนชายมาถึง บัวผันก็ออกจากบ้านไปโดยไม่ใส่ใจกับการทัดทานของยายสายจิตเลยแม้แต่น้อย

เย็นวันรุ่งขึ้น บัวผันจะต้องออกไปงานเลี้ยงอีก เมื่อเธอแต่งตัวเสร็จเดินลงบันไดมา พบยายสายจิตนั่งอยู่ที่ เดิมเหมือนเมื่อวาน แกไม่ได้ว่าเกี่ยวกับการแต่งกายของบัวผัน แต่ตัวแกเองไม่ได้ใส่เสื้อปล่อยให้ท่อนบน ของแกเปลือยเปล่า บัวผันเห็นคุณยายในสภาพนั้นก็ตาค้าง

บัวผัน : คุณยายไปใส่เสื้อซิคะ เพื่อนหนูกำลังจะมา เดี๋ยวเขาเห็นคุณยายแบบนี้มันไม่ดี

สายจิต : ก็ถ้าแกยังโชว์กุหลาบดอกตูมได้ ฉันก็โชว์พวงระย้าได้เหมือนกัน

 


เรื่องที่ 151
วิธีแก้คนนอนกรน

10 ก.ค. 2549 12:29

บริษัทสายอสุนีทัวร์ นำคณะนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยไปเที่ยวยังประเทศอียิปต์ นักท่องเที่ยวจะ ถูกจัดให้พักห้องละสองคน ยกเว้นคุณยักษ์ ลูกค้าประจำของบริษัทซึ่งมีรูปร่างอ้วนใหญ่ คุณยักษ์มี กิติศัพท์เรื่องการนอนกรนอย่างร้ายกาจ บรรดาลูกทัวร์ของบริษัทไม่มีใครที่อยู่คู่กับคุณยักษ์จะนอน หลับได้เลยแม้แต่คนเดียว จึงไม่มีใครอยากจับคู่ด้วย แกก็เลยได้พักคนเดียวมาโดยตลอด

บุญร่ำ ครูพละศึกษาหนุ่มรูปหล่อ อยากไปเที่ยวอียิปต์ในครั้งนี้ด้วยเนื่องจากใฝ่ฝันมาหลายปีกอร์ปกับ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมพอดี บริษัททัวร์ไม่สามารถจัดให้บุญร่ำพักเดี่ยวได้อีกเพราะค่าใช้จ่ายด้านพัก แรมสูงมาก จึงจำเป็นต้องให้บุญร่ำพักคู่กับคุณยักษ์ แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับลูกค้าในภายหลัง

ผู้จัดการ : บริษัทจำเป็นต้องแจ้งให้คุณทราบว่า ขณะนี้เรามีที่ว่างในเที่ยวนี้เพียงที่เดียว แต่คุณต้อง พักคู่กับคุณยักษ์ซึ่งนอนกรนเสียงดังมาก ถ้าคุณมีปัญหาในเรื่องนี้ ทางบริษัทคงไม่สามารถจัดให้ คุณไปท่องเที่ยวกับคณะในครั้งนี้ได้ คุณคงต้องรอไปกับคณะอื่น

บุญร่ำ : ผมอยากไปในเที่ยวนี้ เรื่องพักคู่กับคนนอนกรนผมไม่มีปัญหา

หลังจากเจ็ดวันผ่านไป คณะทัวร์กลับมาจากประเทศอียิปต์ ผู้จัดการไปรับคณะถึงสนามบินดอน เมือง ขณะเดียวกัน ด้วยความเป็นห่วงบุญร่ำจึงรีบตรงเข้าไปจะถามไถ่ แต่ก็ต้องแปลกใจที่บุญร่ำ หน้าตาสดชื่นรื่นเริงแจ่มใสไม่มีแววว่าจะอิดโรยแม้แต่นิดเดียว ด้วยความสงสัย

ผู้จัดการ : สวัสดีครับคุณบุญร่ำ เที่ยวสนุกไหมครับ? ผมอยากทราบว่าตลอดโปรแกรมคุณนอน หลับดีหรือเปล่า ? ผมเป็นห่วงมาก

บุญร่ำ : มันประทับใจมากเลยครับ และผมก็นอนหลับสนิทดีทุกคืนเลยด้วย

ผู้จัดการ : เสียงกรนของคุณยักษ์ไม่รบกวนคุณเลยหรือครับ? คุณทำอย่างไร? รีบเข้านอนก่อน เขาจะหลับใช่ไหม?

บุญร่ำ : เปล่าครับ ทุกๆคืนผมจะนั่งรอให้แกเข้านอนก่อน พอแกเคลิ้มๆจะหลับ ผมจะเดินเข้า ไปจูบแก้มแกทีหนึ่งพร้อมกับพูดว่า " สวัสดีคนสวย " แกจะลุกพรวดขึ้นมา แล้วแกจะนั่งเฝ้าระวัง ผมตลอดคืนโดยไม่ยอมนอนหลับเลย

 


เรื่องที่ 152
กลายเป็นหิน

11 ก.ค. 2549 08:41

เด็กชายบุญเดช และเด็กชายบุญคาด เป็นเพื่อนนักเรียนชั้นประถมปีที่ 4 ของโรงเรียนประชาบาล แห่งหนึ่งแถวภาคเหนือ พวกเขาเป็นเด็กที่ชอบหนีเรียนเป็นประจำ ทุกครั้งที่หนีเรียนเด็กทั้งสองจะ เข้าไปในป่าละเมาะเพื่อเที่ยวจับแมลงและเก็บผลไม้ป่ามากิน

วันหนึ่ง เด็กชายบุญเดชและเด็กชายบุญคาดก็หนีเรียนอีกตามเคย แต่วันนี้พวกเขาเดินเที่ยวในป่า ใกล้ลำธารน้ำตก หลังจากวิ่งเล่นอยู่พักใหญ่ๆ ปรากฏว่าบุญคาดได้หลบเข้าไปในพุ่มไม้ใกล้ลำธาร และไม่ยอมออกมา บุญเดชคอยนานจนทนไม่ไหวจึงเดินเข้าไปตาม

บุญเดช : แกเข้ามาทำอะไรในนี้เสียตั้งนาน ?

บุญคาด : จุ๊ จุ๊ อย่าเอ็ดไป ดูโน่นสิ เห็นไหมมีผู้หญิงแก้ผ้าอาบน้ำอยู่ในลำธารใกล้น้ำตก

บุญเดช : มิน่าล่ะ ถึงดูอยู่นาน ขอดูมั่งซี

หลังจากที่บุญเดชเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อแอบดูหญิงสาวเปลือยกายอาบน้ำได้ไม่นาน บุญเดชก็วิ่งพรวด พราดออกมาแล้วก็วิ่งหนีจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว บุญคาดตกใจก็วิ่งตามบุญเดชไป

เมื่อวิ่งออกมาจากป่าและบุญคาดไล่ตามบุญเดชจนทันแล้ว ทั้งคู่คุยกันทั้งๆที่ยังหายใจหอบอย่างแรง

บุญคาด : นี่มันเกิดอะไรขึ้นแกจึงต้องวิ่งหนีไม่คิดชีวิตอย่างนี้ ?

บุญเดช : ที่ฉันต้องวิ่งหนีเพราะคุณแม่ห้ามไม่ให้ดูผู้หญิงแก้ผ้า

บุญคาด : ไม่เห็นเป็นไรเลยเขาไม่รู้ว่าเราแอบดูเขา อีกอย่างหนึ่งอยู่ในป่าอย่างนี้คุณแม่จะรู้ได้อย่างไร ?

บุญเดช : แกไม่รู้อะไร คุณแม่บอกว่าถ้าแอบดูผู้หญิงแก้ผ้าแล้วตัวจะกลายเป็นหิน เมื่อสักครู่นี้ฉันรู้สึก ว่าอวัยวะบางส่วนของฉันมันเริ่มจะกลายเป็นหินแล้วนะซี


เรื่องที่ 153
บทเรียนสอนเกย์

12 ก.ค. 2549 08:01

บุญเสริม เป็นเกย์หนุ่มฐานะดี แต่เขาก็เป็นคนเที่ยวกลางคืนอย่างหัวราน้ำ เขาใช้ชีวิตอย่างนี้อยู่หลายปี จนกระทั่งวันหนึ่งเขารู้สึกว่า ตัวเขาผอมลง น้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง รู้สึกอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา เขาจึงตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาล

หลังจากการตรวจอย่างละเอียดละออแล้ว หมอที่ตรวจเขาแสดงสีหน้าไม่สู้จะดีนัก

บุญเสริม : ผมเป็นอะไรมากไหมฮ้าหมอ ?

หมอ : อืม์...คุณเป็นมาก

บุญเสริม : เป็นอะไรมากฮ้า ?

หมอ : คุณเป็น AIDS

บุญเสริม : แล้วผมต้องทำอย่างไรฮ้าหมอ ?

หมอ : เมื่อคุณกลับบ้าน คุณต้องไปกิน กะหล่ำปลี 2 หัว ถั่วลิสงต้ม 1 กิโลกรัม ส้มตำปูอย่างเผ็ด 5 จาน มะม่วงน้ำปลาหวาน 3 ผล นอกจากนั้นให้กินน้ำลูกพรุน 6 ขวด

บุญเสริม : แล้วมันจะหายใช่ไหมฮ้า ?

หมอ : เปล่า

บุญเสริม : อ้าว แล้วหมอบอกให้ผมกินอะไรพวกนั้นทำไม ?

หมอ : อ๋อ เพื่อให้คุณรู้ว่า ทวารหนักนั้นมีไว้ใช้สำหรับทำอะไร

 


เรื่องที่ 154
ใครมีเหตุผล ?

13 ก.ค. 2549 09:57

ในชั้นเรียนวิชาตรรกวิทยาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อาจารย์ที่สอนเป็นคนที่เข้มงวดนักศึกษามักจะได้ คะแนนต่ำมากในวิชานี้ ทำให้เกรดเฉลี่ยของแต่ละคนไม่สู้จะดีนัก แต่วิชานี้เป็นวิชาบังคับ ทุกคนต้อง เรียนและต้องสอบให้ผ่านด้วย

อาจารย์ : นักศึกษาคนไหนเคยเห็นผีบ้าง ?

นักศึกษาในชั้นนั่งเงียบ อาจารย์ : หรือว่ามีใครคนไหนที่ได้ยินเสียงของผี ?

นักศึกษายังคงนั่งเงียบ ไม่มีใครตอบอะไร อาจารย์ : แล้วใครคนไหนเคยสัมผัสผี หรือถูกผีสัมผัสบ้าง ?

นักศึกษานั่งเงียบอีกเช่นเคยและได้แต่มองหน้าซึ่งกันและกัน เมื่อไม่มีใครตอบอะไร

อาจารย์ : เมื่อไม่มีใครเคยเห็นผี ไม่เคยได้ยินเสียงของผี ไม่เคยสัมผัสผีหรือถูกผีสัมผัส ดังนั้นจึงสรุป ได้ว่าในโลกนี้ไม่มีผี

บุญวรเป็นนักศึกษาที่ช้าที่สุดในชั้นยกมือขึ้น อาจารย์แปลกใจที่ร้อยวันพันปีบุญวรไม่เคยถามหรือ ตอบในชั้นเรียนเลยจึงอนุญาตให้บุญวรยืนขึ้นพูดได้

บุญวร : ใครเคยเห็นสมองอาจารย์บ้าง ? ทุกคนนิ่งเงียบ

บุญวร : ใครเคยได้ยินสมองอาจารย์บ้าง ? เงียบกันหมดทั้งชั้น อุณหภูมิในห้องพุ่งขึ้นสูง

บุญวร : ใครเคยสัมผัสสมองอาจารย์หรือสมองอาจารย์สัมผัสใครบ้าง ? ทุกคนนั่งตัวแข็ง ไม่มีใครกล้าขยับตัวกลัวจะเกิดเสียงดัง เข็มหล่นสักเล่มก็คงได้ยิน อุณหภูมิในห้อง สูงขึ้นอีก

บุญวร : ด้วยตรรกะของอาจารย์ เมื่อไม่มีใครเคยเห็นสมองอาจารย์ ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงสมอง อาจารย์ ไม่มีใครเคยสัมผัสสมองอาจารย์หรือถูกสมองอาจารย์สัมผัส ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า อาจารย์ ไม่มีสมอง อย่างนั้นใช่ไหมครับอาจารย์ ?

 


เรื่องที่ 155
ใช้วิกฤติเป็นโอกาส ??

14 ก.ค. 2549 06:56

เย็นวันหนึ่ง บุญเป็น ทราบข่าวว่าบุญอ้อมเพื่อนรักกำลังจะแต่งงาน แต่แทนที่บุญอ้อมจะแสดงถึงความสุข ความยินดี เพื่อนกลับมีสีหน้าที่เศร้าหมอง

บุญเป็น : ทำไมแกมีสีหน้าเศร้าหมอง ไม่ยินดีกับการแต่งงานหรอกหรือ ?

บุญอ้อม : ก็เพราะจะแต่งงานนี่แหละผมจึงรู้สึกไม่สบายใจที่ความลับของผมต้องถูกเปิดเผย ผมมีอัณฑะ 3 ลูก

บุญเป็น : จริงหรือเพื่อน ? จะเศร้าไปทำไม เราจะรวยกันใหญ่แล้ว มา ! ไปกับผม ! เราไปดื่มเหล้ากัน

คนทั้งสองจึงไปที่บาร์บุญขจร ในบาร์คืนนั้นมีขาประจำนั่งดื่มอยู่ร้อยกว่าคน หลังจากสั่งเบียร์ดื่มไปคนละ สองแก้วแล้ว บุญเป็นเคาะระฆังในบาร์ซึ่งเป็นสัญญาณว่า ทุกคนในบาร์จะได้รับเครื่องดื่มฟรีคนละหนึ่ง แก้วโดยเป็นอภินันทนาการจากบุญเป็นผู้เคาะระฆัง แต่ก่อนใครจะได้รับ บุญเป็นถือโอกาสลุกขึ้นพูด

บุญเป็น : ท่านทั้งหลาย คืนนี้เรามีเกมส์เดิมพันที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่เพื่อนผมบุญอ้อม จะมาท้าท่านว่าตัว เขากับโจ บาร์เทนเดอร์มีอัณฑะรวมกันเกินกว่า 4 ลูก ใครเดิมพันว่าไม่ใช่ให้วางเงินคนละ 1,000 บาท

บรรดาชายหญิงในบาร์มากกว่า 70 คนต่างกรูกันเข้ามาวางเดิมพันเพราะเชื่อว่าอย่างไรเสียผู้ชายคนหนึ่ง มีลูกอัณฑะ 2 ลูก สองคนก็ควรจะมีเพียง 4 ลูกเท่านั้น

บุญเป็นรับเดิมพันจนมือเป็นระวิง ในใจนั้นกระหยิ่มฝันถึงเงินเกือบหนึ่งแสนบาทที่ถืออยู่ในมือ ภายหลัง การพิสูจน์แล้วต้องเป็นของเขาแน่ๆ เขาเดินไปหาโจ บาร์เทนเดอร์ซึ่งยืนเหงื่อตกอยู่

บุญเป็น : นี่โจ ผมรับเดิมพันไว้เกือบหนึ่งแสนบาทคืนนี้ ว่าคุณกับบุญอ้อมเพื่อนผมมีลูกอัญฑะรวมกันเกิน กว่า 4 ลูก เดี๋ยวถอดกางเกงพิสูจน์เลย เราชนะแหงๆ เพราะบุญอ้อมเขามีลูกอัณฑะ 3 ลูก

โจ : แต่ว่า....คุณครับ ผมมีลูกอัณฑะลูกเดียวครับ

 


เรื่องที่ 156
ให้โอกาสแก้ตัว

14 ก.ค. 2549 23:45

บ่ายวันศุกร์ มีการพิจารณาคดียาเสพติด บุญจุน และ บุญคุ้ม ต่างก็เป็นจำเลยในข้อหา มี และเสพซึ่งยา เสพติดให้โทษข้อหานี้โดยทั่วไปแล้วจะมีโทษหนักถึงขั้นจำคุกไม่น้อยกว่า 10 ปี

ผู้พิพากษา : จำเลยจำนนด้วยหลักฐาน แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองดูเหมือนจะเป็นคนดีและยังหนุ่มแน่นอยู่ หากจะต้องถูกตัดสินให้ได้รับโทษจำคุกก็น่าเสียดายเวลาที่ต้องสูญเสียไป เอาล่ะ ! ศาลจะให้โอกาสแก้ตัว โดยเสาร์อาทิตย์นี้ให้จำเลยทั้งสองไปรณรงค์ในหมู่เพื่อนผู้เสพยาเสพติดทั้งหลายให้เลิกเสพอย่างเด็ดขาด วันจันทร์หน้าให้จำเลยมารายงานผลแก่ศาล แล้วจึงจะมีการพิจารณาโทษ

หลังจากสองวันผ่านไป จำเลยทั้งสองมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้พิพากษาในศาล

ผู้พิพากษา : อ้าว นายบุญจุน ไหนรายงานศาลหน่อยซิว่าคุณไปทำอะไรมาบ้าง ?

บุญจุน : ผมไปในกลุ่มเพื่อนๆที่เสพยา ไปรณรงค์ให้พวกเขาเลิกเสพยาเสพติดได้อย่างเด็ดขาดถึง 15 คน

ผู้พิพากษา : ตั้ง 15 คนเชียวหรือ ? ดีมาก ดีมาก แล้วคุณรณรงค์อย่างไรล่ะ ?

บุญจุน : ผมเขียนวงกลมสองวงให้พวกเขาดู Oo อย่างนี้ เป็นวงกลมวงใหญ่หนึ่งวง วงเล็กหนึ่งวงแล้วบอก กับพวกเขาว่า ก่อนเสพยาเสพติดสมองของพวกเขาจะใหญ่เท่าวงกลมวงใหญ่นี้ แต่หลังจากเสพยาแล้ว สมองของพวกเขาจะหดเท่าวงกลมวงเล็ก

ผู้พิพากษา : แล้วนายบุญคุ้มล่ะ ไปทำอะไรมาบ้างช่วยบอกศาลหน่อย ?

บุญคุ้ม : ผมไปรณรงค์ให้คนเลิกเสพยาเสพติดได้ 143 คนครับ

ผู้พิพากษา : จริงหรือ ? โอ้โห คุณทำได้อย่างไรกัน ?

บุญคุ้ม : ผมก็ทำคล้ายๆกับนายบุญจุนแหละครับ ผมเขียนวงกลมสองวง oO อย่างนี้ เป็นวงเล็กหนึ่งวง วง ใหญ่หนึ่งวงผมบอกกับพวกเสพยาว่า ก่อนที่พวกเขาจะติดคุก รูก้นของพวกเขาจะเล็กขนาดวงกลมวงเล็ก แต่หลังจากที่พวกเขาติดคุกแล้ว รูก้นของพวกเขาจะใหญ่เท่าวงกลมวงใหญ่ เท่านี้เองล่ะครับ


เรื่องที่ 157
จะใช้เมื่อไหร่ก็ได้

16 ก.ค. 2549 07:45

สายสวาท ขับรถจากกรุงเทพเพื่อไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากหนทางมันไกลมาก เมื่อสายสวาทขับถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็ค่ำแล้ว กอร์ปกับความเหนื่อยล้าเธอจึงตัดสินใจพักแรม ณโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น เธอเช็คเอาท์เพื่อจะได้รีบเดินทางต่อไป แต่เธอต้อง แปลกใจมาก เพราะตัวเลขที่แสดงในบิลเป็นเงิน 10,000 บาท

สายสวาท : คุณคิดราคาผิดหรือเปล่า ? ฉันมาค้างแค่คืนเดียว ไม่ได้กินอาหารเครื่องดื่มอะไรเลย

แคชเชียร์ : ไม่ผิดหรอกครับ อัตราค่าที่พักดังกล่าวเป็นราคามาตรฐานของเรา ลูกค้าทุกคนก็จ่าย ในราคานี้ทั้งนั้น

สายสวาท : อย่างนั้นขอฉันพบกับผู้จัดการหน่อย

ผู้จัดการ : สวัสดีครับ ผมทราบว่าคุณสงสัยเรื่องค่าที่พักของโรงแรมของเรา

สายสวาท : ใช่แล้ว ฉันเดินทางไปที่ไหนๆโรงแรมในระดับนี้ก็คิดกันคืนละไม่เกิน 2,000 บาททั้งนั้น ทำไมโรงแรมคุณจึงคิดราคาเกิน แบบนี้

ผู้จัดการ : คือว่า โรงแรมของเรามีโรงยิมระดับห้าดาว สระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิก ห้องสัมนาระดับ นานาชาติ

สายสวาท : แต่ฉันไม่ได้ใช้สิ่งต่างๆเหล่านั้นเลยนี่

ผู้จัดการ : ของเหล่านี้เราจัดไว้ให้พร้อมเพื่อที่คุณจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้ นอกจากนั้นเรายังมีโชว์กายกรรม เปียงยางทุกคืนด้วย

สายสวาท : ฉันไม่ได้ดูเพราะฉันเหนื่อยมากเมื่อคืนนี้

ผู้จัดการ : แต่ว่าโรงแรมของเราได้จัดสิ่งนี้ไว้พร้อมเสมอ คุณจะไปชมเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะไป ใช้บริการหรือไม่ก็ตาม เราต้องคิดเงินตามอัตราดังกล่าว

สายสวาทไม่สามารถต่อล้อต่อเถียงกับผู้จัดการได้ เธอจึงเอาเช็คขึ้นมาเขียนจำนวนเงินแล้วส่งให้ผู้จัดการ

ผู้จัดการ : ในเช็คนี้ คุณเขียนแค่ 2,000 บาทเท่านั้น ที่เหลืออีก 8,000 บาทคุณจะชำระโดยเงินสดหรือครับ

สายสวาท : เปล่า 2,000 บาทเป็นค่าที่พัก 1 คืน ส่วนอีก 8,000 บาทเป็นค่าที่คุณนอนกับฉันเมื่อคืนนี้

ผู้จัดการ : เฮ้ย...ผมไม่ได้นอนกับคุณ ไม่เคยแม้แต่ถูกเนื้อต้องตัวคุณเลย

สายสวาท : มันก็ใช่ แต่ว่า...เมื่อคืนฉันอยู่ในห้องฉันทั้งคืนและพร้อมที่จะให้คุณไปนอนกับฉันเมื่อไรก็ได้


เรื่องที่ 158
ไหวพริบตำรวจไทย ??

17 ก.ค. 2549 07:14

ในการสัมนาตำรวจสากลครั้งหนึ่งได้ถูกจัดให้มีขึ้นที่เมืองพัทยา บรรดานายตำรวจสืบราชการลับของ ประเทศต่างๆมากันหลายสิบประเทศ หลังจากการสัมนาภาควิชาการ ภาคทฤษฎี อย่างเคร่งเครียดไป 3 วัน ก็ถึงการสัมนาภาคปฏิบัติโดยมีการฝึกจริงในสนาม

การฝึกนี้มีการแบ่งเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มละ 4 คน แข่งขันถึงความสามารถในการสืบจับสิ่งที่กำหนดเป็นเป้า ในทีมที่เด่นที่สุดมี สก๊อตแลนด์ยาร์ด จากประเทศอังกฤษ เอฟบีไอ จากประเทศสหรัฐอเมริกา เคจีบี จากประเทศรัสเซียและ พ.ต.อ.บุญเหลือ จากหน่วยดีเอสไอ ประเทศไทย

ผู้แข่งขันถูกปล่อยเข้าไปในป่าแถวเขาไม้แก้ว เพื่อสืบจับกระต่ายเป้าหมายที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ทุกคน แยกย้ายกันไปทำงานอย่างเคร่งเครียด หลังจากหมดเวลา

ตำรวจสก๊อตแลนด์ยาร์ดเดินหน้ามุ่ยออกมาเป็นคนแรก เขาบอกว่าเขาสืบจนรู้แล้วว่ากระต่ายอยู่ที่ไหน เขาต้องวางแผนจับโดยละมุนละม่อม แต่บังเอิญหมดเวลาเสียก่อน เขาเสียดายมากพร้อมกับตบเข่าผัวะ

ตำรวจเคจีบี เดินออกมาเป็นรายที่สอง เขาส่ายหัวพร้อมกับบอกว่าประเทศไทยอากาศร้อนมากๆ การที่ ต้องเดินสืบหาเหยื่อทำให้เขาแทบเป็นลม เขาไม่สามารถจับเหยื่อได้ในภูมิอากาศเช่นนี้ แต่ถ้ามีหิมะตก ละก็เสร็จเขาแน่เลย

ตำรวจเอฟบีไอก็เช่นเดียวกัน เขาเดินออกมาด้วยสีหน้าแสดงถึงความผิดหวัง การสืบหานั้นไม่ยากแต่ การจับนี่สิต้องพิถีพิถันมาก เพราะกระต่ายมีอยู่หลายตัวด้วยกันสีก็คล้ายกันด้วย มันต้องใช้เวลาจะได้จับ ไม่ผิดตัว

คนสุดท้ายที่เดินออกมาคือตำรวจดีเอสไอ เขาอุ้มแพะที่สภาพสะบักสะบอมเต็มทีอยู่ในมือ เขายิ้มกว้าง ใบหน้าฉายแววแห่งชัยชนะ

กรรมการ : นี่มันไม่ใช่กระต่ายนี่ มันเป็นแพะ

บุญเหลือ : มันเป็นกระต่ายแน่นอน ไม่เชื่อลองถามมันดูเองสิ

กรรมการหันไปทางแพะเห็นมันมีรอยฟกช้ำดำเขียวเป็นจ้ำๆอยู่ทั่วไป พร้อมกับมีน้ำตาไหลเป็นทาง " แก เป็นกระต่ายหรือเป็นแพะกันแน่ ? "

เจ้าแพะน้อยตอบด้วยเสียงด้วยเสียงเบาๆและสั่นเครือ " ผะผผมมม เป็น กกรรระ ตต่ายยย คคร้าบบบ "


เรื่องที่ 159
ยังไม่หย่านม

17 ก.ค. 2549 23:08

บุญโต เป็นชาวนาอยู่แถวสุโขทัย เขาได้รับแจกแม่โคจากรัฐบาล 1 ตัวตามโครงการโคล้านตัว เขาเลี้ยง โคตัวนี้ได้ไม่นาน เขาก็จ้างวัวพ่อพันธุ์มาผสม เงินที่ใช้จ้างก็มาจากโครงการเงินกู้หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท ความจริงเงินดังกล่าวก็ถูกใช้จ่ายไปซื้อโทรศัพท์มือถือ ผ่อนมอเตอร์ไซค์ กินดื่มตามประเพณีสมัยใหม่ก็ ยังไม่พอด้วยซ้ำ โชคดีมีโครงการเอสเอ็มแอลมาอีก ทำให้เขาสามารถกู้มาชำระหนี้สินเดิมๆ ซึ่งไม่เพียง แต่เงินกู้จากหมู่บ้านละ 1 ล้านบาทเท่านั้นเขายังนำไปชำระเงินกู้จากธนาคารเกษตรและสหกรณ์ เงินกู้ นอกระบบอื่นๆ เพื่อจะได้กลับไปกู้ใหม่ ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอชำระอยู่ดี

อย่างไรก็ตามโคของบุญโตตั้งท้อง เมื่อถึงกำหนดแม่โคก็คลอดลูกโคตัวหนึ่ง แต่ด้วยหนี้สินที่รุมเร้าอยู่จึง ทำให้บุญโตตัดสินใจเอาแม่โคและลูกโคที่เพิ่งเกิดใหม่ไปขายชำระหนี้ คนในหมู่บ้านต่างก็มีฐานะยากจน ไม่มีกำลังพอที่จะซื้อโคของบุญโตได้ เขาจึงจำเป็นต้องจูงแม่โคและลูกโคไปขายในเมือง

ระยะทางก็ไกล เส้นทางก็เปลี่ยวเมื่อผ่านบริเวณดงสามสิบก็พบโจรมาดักปล้นเอาแม่โคของเขาไป ทิ้งไว้ แต่ลูกโคให้อยู่กับบุญโตเพราะถ้าเอาไปด้วยเกรงว่าจะเป็นภาระ นอกจากนั้นพวกโจรกลัวว่าบุญโตจะไป ตามคนมาไล่จับพวกตนจึงจับบุญโตถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน มัดเขาติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่แล้วก็ จากไปพร้อมกับแม่โคและเสื้อผ้าของเขา

เวลาผ่านไปสองวัน ไม่มีใครเดินผ่านบริเวณนี้ จนกระทั่งเช้าของวันที่สามมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา จึงได้พากันช่วยแก้มัดแล้วหาผ้าขาวม้ามาให้เขานุ่ง หาน้ำและอาหารให้เขาดื่มกิน หลังจากเล่าเรื่องการ ถูกโจรปล้นให้ชาวบ้านฟังแล้ว เขาเดินไปหาได้ไม้เรียวอันหนึ่งจึงนำไปตีลูกโค ชาวบ้านเห็นลูกโคถูกตี ก็เกิดความสงสาร

ชาวบ้าน : ไปตีลูกโคมันทำไม สงสารมัน มันยังไม่หย่านมแม่มันก็ไม่มีเสียแล้ว

บุญโต : ที่ฉันต้องตีมันก็เพราะตลอดสองวันที่ผ่านมาเวลามันหิวนม มันนึกว่าฉันเป็นแม่มัน ฉันได้แต่ บอกว่าฉันไม่ใช่ๆ มันก็ไม่เชื่อฟัง


เรื่องที่ 160
เพศศึกษา

22 ก.ค. 2549 01:17

บุญเยี่ยม มีลูกชายอายุ 9 ขวบคนหนึ่ง ชื่อเด็กชายป้อม เขาเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด ชอบเรียนรู้ด้วย การหมั่นถามคำถาม บุญเยี่ยมเองก็พยายามตอบคำถามให้ได้ทุกๆคำถามเช่นกัน วันหนึ่ง คนทั้งสองเดิน ผ่านร้านขายยา เด็กชายป้อมมองเห็นในตู้โชว์มีถุงยางอนามัยวางอยู่

ด.ช.ป้อม : นั่นอะไรพ่อ

บุญเยี่ยม : ถุงยางอนามัย

ด.ช.ป้อม : ถุงยางอนามัย ? ใช้ทำอะไรพ่อ

บุญเยี่ยม : อ๋อ พวกผู้ชายสวมใส่มันเพื่อความปลอดภัยตอนมีเพศสัมพันธ์

ด.ช.ป้อม : ผมจำได้แล้วครับ ที่โรงเรียนครูก็เคยสอนอย่างที่พ่อบอกเหมือนกัน แต่...เอ...ผมสงสัยทำไม กล่องนั้นมีอยู่ 3 อัน

บุญเยี่ยม : นี่สำหรับพวกนักศึกษามหาวิทยาลัยใช้กัน คืนวันศุกร์ คืนวันเสาร์ และคืนวันอาทิตย์คืนละอัน

ด.ช.ป้อม : แล้วพวกกล่องละ 6 อันล่ะครับ ใครใช้กันครับ

บุญเยี่ยม : ก็พวกหนุ่มสาววัยทำงานยังไง คืนวันศุกร์ คืนวันเสาร์ และคืนวันอาทิตย์ คืนละสองอัน

ด.ช.ป้อม : พ่อๆ แล้วพวกกล่อง 12 อันนี่ พวกไหนใช้ครับพ่อ

บุญเยี่ยม : อ๋อ พวก 12 อันนี่สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว มกรา กุมภา มีนา เมษา ........เดือนละอันไงลูก

 


เรื่องที่ 161
นักคาราเต้สายดำ

23 ก.ค. 2549 17:13

บุญปึก อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดแถวท่าเรือคลองเตย ระหว่างทางกลับบ้านในตอนเย็นหลังเลิกงาน เขาจะ ต้องเดินผ่านบริเวณที่เป็นแหล่งขุมนุมของแก๊งวัยรุ่นติดยา วัยรุ่นสามคนจะคอยหาเรื่องกับบุญปึกเสมอ ดังนั้น นอกจากบุญปึกจะถูกวัยรุ่นเหล่านี้ทุบตีเป็นประจำแล้ว ยังถูกแย่งชิงเงินในกระเป๋าไปอีกด้วย

เนื่องจากบุญปึกเป็นคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง เมื่อเห็นว่าไม่สามารถต่อกรกับวัยรุ่นดังกล่าวได้ เขาจึงจำเป็น ต้องเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน แต่เส้นทางที่เปลี่ยนนั้นเขาจะต้องเดินไกลขึ้นอีกหลายกิโลเมตร บุญปึกจึง คิดไปเรียนวิชาป้องกันตนเองเพื่อที่เขาจะได้กลับมาใช้เส้นทางเดิมกลับบ้านได้ เขาจึงไปเรียนคาราเต้

เขาเริ่มต้นจากสายขาวอันเป็นพื้นฐาน ต่อมาด้วยความมุ่งมั่นของเขา เขาก็สามารถเลื่อนสายได้หลาย ระดับไม่ว่าจะเป็นสายแดง สายเขียว และในที่สุดเขาก็ได้สายดำซึ่งถือว่าเป็นระดับสูง เขามั่นใจว่าเขา สามารถป้องกันตัวได้แล้ว

บุญปึก : ผมอยากต่อสู้กับคู่ต่อสู้ 3 คนพร้อมๆกัน

ครูฝึก : ถ้าคุณเอาชนะพวกเรียนคาราเต้ 3 คนได้ พวกวัยรุ่นขี้ยาเหล่านั้นก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

บุญปึกได้แสดงให้ครูฝึกเห็นว่าเขาเป็นนักคาราเต้ที่มีฝีมือมากได้แล้ว เย็นวันหนึ่ง เขาเปลี่ยนเส้นทาง กลับบ้านโดยใช้ทางเดิม พวกวัยรุ่นสามคนเห็นเขาก็รู้สึกแปลกใจ เพราะเขาหายไปนานทีเดียว ดังนั้น พวกเขาจึงรีบปรี่เข้ามาหาเรื่องทันที หลังจากสงครามวาจาแล้ว การลงไม้ลงมือก็เกิดขึ้น

วันรุ่งขึ้น ครูฝึกเห็นบุญปึกตาเขียวเป็นชนีโหนกแก้มปูดดั้งจมูกหักปากเจ่อ เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา

ครูฝึก : มันเกิดอะไรขึ้น ? พวกนั้นมีมากกว่าสามคนมากใช่ไหม ? หรือว่าเขาเรียนคาราเต้ด้วย ? บุญปึก : เปล่า พวกมันมีแค่สามคนเท่าเดิม และไม่ได้เรียนอะไรทั้งนั้น ครูฝึก : ถ้าอย่างนั้นคุณไปพลาดพลั้งอีท่าไหนล่ะ

บุญปึก : พอถึงตอนจะต่อสู้ ผมก็นั่งลงถอดรองเท้า พวกมันไม่รอให้ผมถอดเสร็จก่อนนะซี

 


เรื่องที่ 162
แอฟริกันรูเล็ตต์

24 ก.ค. 2549 09:03

ในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ หัวหน้าเผ่าจากแอฟริกาไปเยี่ยมผู้นำรัสเซียอย่างเป็นทางการ หลังจากเจราความเมืองและการค้าแล้ว ผู้นำรัสเซียก็พาหัวหน้าเผ่าไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์วิหาร พระราชวังเครมลิน จตุรัสแดงตลอดจนสถานที่น่าสนใจอื่นๆ หลังจากนั้นก็มีงานเลี้ยงอำลาด้วย อาหารเครื่องดื่มอย่างสมเกียรติ แล้วก็มาถึงประเพณีที่สำคัญ

ผู้นำรัสเซีย : ประเพณีนี้เรียกว่ารัสเชี่ยนรูเล็ตต์ ปืนรีวอลโวกระบอกนี้บรรจุกระสุนเพียงนัดเดี่ยวในช่องใส่ กระสุนทั้งหกช่อง ผมจะหมุนลูกโม่แบบเสี่ยงดวง เสร็จแล้วจะเอาปืนจ่อที่ขมับ เหนี่ยวไกปืน ถ้ากระสุนนัดนั้น อยู่ตรงรังเพลิงพอดีก็หมายถึงตายแน่นอน แต่ถ้ากระสุนไม่ตรงรังเพลิงก็รอดตัวไป โอกาสตายกับรอดมีอยู่ หนึ่งต่อหก มันเป็นประเพณีที่แสดงถึงความกล้าหาญของเรา

หลังจากผู้นำรัสเซียอธิบายเสร็จ เขาหมุนลูกโม่ เอาปืนจ่อที่ขมับ เหนี่ยวไกปืน ..เช้ะ..ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้ว ส่งปืนให้หัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าต้องข่มความกลัวไม่ให้ปรากฏ รับปืนมาแล้วก็หมุนลูกโม่สองสามรอบ ยกปืน ขึ้นจ่อขมับ เหนี่ยวไกปืน ..เช้ะ.. ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน เขาหายใจโล่งอก

หลังจากวันนั้นไม่นาน ผู้นำรัสเซียไปเยี่ยมหัวหน้าเผ่าถึงแอฟริกาเป็นการตอบแทนบ้าง มีการเจรจาความเมือง การค้า มีการท่องเที่ยวและสุดท้ายก็มีงานเลี้ยงอำลาเช่นเดียวกัน

หัวหน้าเผ่า : ที่นี่เรามีประเพณีที่สำคัญเพื่อพิสูจน์ความกล้าหาญ

พูดจบหัวหน้าเผ่าก็เดินเข้าไปหลังม่าน ครู่ใหญ่ๆหัวหน้าเผ่าก็เดินออกมา แล้วบอกให้ผู้นำรัสเซียเดินเข้าไปบ้าง เมื่อผู้นำรัสเซียเดินเข้าไป เขาเห็นสาวสวยอยู่หกคนอยู่ในห้องโถงหลังม่าน ทุกคนเปลือยกายโชว์สัดส่วนที่งดงาม

หัวหน้าเผ่า : ท่านต้องเลือกหญิงคนหนึ่งจากจำนวนทั้งหมดหกคน หญิงที่ท่านเลือกจะทำออรัลเซ็กซ์ให้ท่าน เราเรียกประเพณีนี้ว่า แอฟริกันรูเล็ตต์

ผู้นำรัสเซีย : ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นการพิสูจน์ความกล้าหาญตรงไหนเลยนี่

หัวหน้าเผ่า : มันเป็นการพิสูจน์ความกล้าหาญแน่นอน เพราะว่าหนึ่งในหกคนนั้นเป็นมนุษย์กินคน

 


เรื่องที่ 163
มุขทันตแพทย์

26 ก.ค. 2549 00:12

สายแพรว สาวไฮโซไปหาทันตแพทย์เพื่อทำฟัน หลังจากตรวจดูสภาพฟันแล้ว หมอบอกว่าต้อง ขูดหินปูนด้วย

สายแพรว : ขูดหินปูนจะเจ็บไหมคะ ?

ทันตแพทย์: ถ้าคุณอ้าปากกว้างๆ หมอทำงานได้ง่ายก็ไม่เจ็บ

สายแพรว : กว้างแค่ไหนคะ ?

ทันตแพทย์ : กว้างแบบหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเวลาขำขัน

ระหว่างที่หมอกำลังสวมถุงมือยางอยู่นั้นก็นึกเรื่องขำขันขึ้นมาได้ จึงถามสายแพรว

ทันตแพทย์ : คุณรู้ไหมว่า ถุงมือยางนี้เขาทำกันอย่างไร ?

สายแพรว : ไม่รู้ค่ะ

ทันตแพทย์ : ถุงมือยางนี้ผลิตที่ประเทศอินเดีย เพราะอินเดียมีประชากรมากค่าแรงถูก ในโรงงาน เขาไม่ต้องลงทุนติดตั้งเครื่องจักร แต่เขาจ้างพนักงานเป็นพันๆคน ทุกคนเมื่อเดินผ่านถังน้ำยางลาเท็กซ์ก็จะยื่นมือจุ่มลงไปในถัง เมื่อดึงมือขึ้นมา ยางลาเท็กซ์จะเคลือบมือ ปล่อยให้แห้งแล้วก็ดึงถุง มือยางที่ได้ใส่ไว้ในกล่องรอบรรจุ คนงานจะวนมาจุ่มมือลงในถังยางลาเท็กซ์อีก เป็นเช่นนี้ตลอดวัน

สายแพรวฟังแล้วไม่รู้สึกขำเลยแม้แต่นิดเดียว อย่างไรก็ตามเธอก็ยังสามารถอ้าปากให้หมอฟัน ขูดหินปูนได้จนเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว จู่ๆสายแพรวก็โพล่งหัวเราะก๊ากออกมาอย่างแรง

ทันตแพทย์ : ผมคิดว่า คุณจะไม่ขำเรื่องที่ผมเล่าเสียแล้ว

สายแพรว : เปล่า ฉันไม่ได้ขำเรื่องทำถุงมือยาง แต่ฉันขำเมื่อฉันนึกถึงการทำถุงยางอนามัยของพวก เขาต่างหาก

 


เรื่องที่ 164
เคยเจอแบบนี้ไหม?

27 ก.ค. 2549 08:00

บุญโดน และ สายไหม สองสามีภรรยาไปช้อปปิ้งที่ห้างแพ็กโกร หลังจากใช้เวลาไปประมาณหนึ่ง ชั่วโมง พวกเขาก็ซื้อของได้ครบตามความต้องการ แต่พอเดินมาถึงที่จอดรถ ปรากฏว่ารถฮอนดา ซีอาร์วี ของเขาได้อันตรธานไปแล้ว คนทั้งสองจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ

ระหว่างการให้ถ้อยคำแก่ร้อยเวรเพื่อลงบันทึกประจำวันอยู่นั้น สารวัตรคนหนึ่งเข้ามาแจ้งว่า รถฮอนด้าคันที่ถูกขโมยไปนั้น มีคนพบจอดอยู่ใกล้ๆสถานีตำรวจนั่นเอง ทั้งบุญโดน สายไหม ร้อยเวร และสารวัตร รีบรุดไปดูรถทันทีเผื่อว่าจะมีเบาะแสของคนร้าย

เมื่อทั้งหมดไปถึงรถ ไม่พบเบาะแสใดๆยกเว้นมีซองจดหมายซองหนึ่งวางอยู่หน้าพวงมาลัยรถ ซึ่งมีข้อความดังนี้

" ผมต้องขออภัยที่ได้ขโมยรถของคุณไปชั่วคราว เนื่องจากผมได้รับโทรศัพท์ด่วนจากภรรยา ผมว่าเขาปวดท้องคลอด ผมไม่มีทางเลือกอื่นที่เร็วกว่านี้ จึงได้แอบต่อสายตรงแล้วขับรถคุณไป รับภรรยาผมไปโรงพยาบาล เมื่อเสร็จภาระกิจแล้ว ผมจึงได้เอารถมาคืน ผมเสียใจต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการทดแทนต่อความผิดของผม ผมจึงได้แนบบัตรคอนเสิร์ท วงโตโต้ คืนนี้ที่เมืองทองให้แก่คุณจำนวนสองใบ หวังว่าคุณคงให้อภัย"

ทั้งบุญโดนและสายไหมรู้สึกโล่งอกที่ได้รถคืนมา จึงไม่ติดใจที่จะติดตามคนร้ายต่อไป และคืน วันนั้นทั้งคู่ก็ไปดูคอนเสิร์ทที่เมืองทองอย่างมีความสุข หลังจากคอนเสิร์ทเลิกก็ดึกมากแล้ว คน ทั้งสองกลับมาถึงบ้านก็ต้องตกใจ เพราะทรัพย์สินในบ้านทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็น ตู้ โต๊ะ เตียง เฟอร์ นิเจอร์ทุกอย่าง เครื่องไฟฟ้า ของมีค่าในตู้เซฟ ถูกกวาดเรียบไม่มีอะไรเหลือเลย ยกเว้นมีซอง จดหมายซองหนึ่งเสียบอยู่ที่ประตู ซึ่งมีข้อความดังนี้

" ผมต้องขออภัยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเอารถไปคืนคุณแล้วผมกลับมาเยี่ยมภรรยาและลูกอีก ผมพบว่าลูกผมน่ารักมาก ผมไม่อยากให้เขาต้องลำบาก ผมจึงคิดว่าผมมีความจำเป็นต้อง เตรียมค่าใช้จ่ายของลูกน้อยของผม ตลอดจนต้องเตรียมพร้อมเพื่อการศึกษาของเขาด้วย สำหรับคุณแล้วอย่างน้อยก็ยังเหลือตัวบ้านและรถฮอนด้าอยู่หนึ่งคัน หวังว่าคุณคงเห็นใจ "

 


เรื่องที่ 165
เป็นสนิม ???

28 ก.ค. 2549 07:05

บุญผ่อง เกษียณอายุมาสิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่แกเกษียณอายุบุญผ่องไม่ได้ไปไหนเลยวันๆก็จะอยู่ แต่ในบ้านสองคนตายายกับภรรยาของตนเท่านั้น ลูกๆก็พากันมีเหย้ามีเรือนกันไปหมด นอกจากจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการดูรายการโทรทัศน์แล้วเขายังเป็นคนชอบอ่านหนังสือ หนังสือที่ อ่านก็มีทุกประเภทซึ่งก็รวมถึงเรื่องสุขภาพ เรื่องการแพทย์ฯลฯ ตลอดจนโฆษณา

เช้าวันหนึ่ง บุญผ่องนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ดีๆแกลุกพรวดพราดขึ้นมาแต่งตัว จนภรรยาเห็น ผิดสังเกตุ

ภรรยา : คุณแต่งตัวจะไปไหน ?

บุญผ่อง : จะไปหาหมอสักหน่อย

ภรรยา : คุณไม่สบายหรือ ? เป็นอะไร ?

บุญผ่อง : เปล่า ไม่ได้ไม่สบาย แต่จะไปหาหมอเพื่อขอยาไวอากร้า

ภรรยา : ยาไวอากร้า ? เอามาทำอะไรยาไวอากร้า ?

บุญผ่อง : ยาไวอากร้ามันจะทำให้ไอ้นั่นแข็ง

ภรรยาได้ยินดังนั้นก็ลุกพรวดพราดขึ้นไปแต่งตัวด้วยเช่นเดียวกัน

บุญผ่อง : คุณแต่งตัวจะไปไหน ?

ภรรยา : ไปหาหมอเหมือนกัน

บุญผ่อง : คุณจะไปขอยาอย่างเดียวกันหรือ ?

ภรรยา : เปล่า พอฉันรู้ว่าคุณเตรียมจะใช้ไอ้นั่นของคุณ ฉันก็เลยจะไปฉีดยากันบาดทะยักไว้ก่อน

 


เรื่องที่ 166
ของเหลือใช้ ?

29 ก.ค. 2549 07:16

สายแวว เป็นสมุห์บัญชีใหญ่ของธนาคารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง วันหนึ่ง เธอออกมารับประทานอาหารกลางวันข้างนอก บังเอิญร้านอาหารอยู่ในเส้นทางที่ต้องผ่านบ้านของตน เธอสังเกตุเห็นรถยนต์ของ บุญแน่ สามีจอดอยู่ในบ้านทั้งๆที่เมื่อเช้าบอกจะไปโคราช เธอจึงถือโอกาสแวะเข้าไปดู แต่แล้วเธอก็ต้องช็อกเพราะเธอเห็นสามีอยู่กับเด็กสาวคนหนึ่งในห้องนอน เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและทำหุนหันจะออกจากบ้านไป บุญแน่จึงรีบเข้ามาชี้แจง

บุญแน่ : เดี๋ยวก่อนคุณ ฟังผมอธิบายก่อน คือว่า..เมื่อเช้านี้ผมขับรถจะไปโคราชตามที่บอก ระ หว่างทางที่ไปผมพบเห็นเด็กสาวคนนี้ยืนโบกรถอยู่ ฝนก็ตกหนักลมก็แรง ผมก็เลยหยุดรับเธอไป ด้วย เธอดูอิดโรยและหิวโซผมจึงพาเธอกลับมาที่บ้านหาอาหารให้เธอรองท้องก่อน ต่อจากนั้นผม สังเกตุเห็นว่าเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่นั้นนอกจากจะเปียกมากแล้วมันยังขาดอีกด้วย ผมสงสารเธอมาก จึงได้เอากางเกงยีนลีวายตัวที่คุณซื้อจากเดอะมอลล์เมื่อปีที่แล้วแต่เดี๋ยวนี้คุณใส่ไม่ได้เพราะมันคับ เกินไปนั้นให้แก่เธอไป ส่วนเสื้อนั้นผมก็เอาเสื้อลาคอสสีแดงริ้วขาวตัวที่ผมซื้อจากฮ่องกงให้คุณ ปัจจุบันคุณก็ไม่ใส่เพราะว่ามันตกรุ่นแล้ว นอกจากนั้นผมยังสังเกตุเห็นว่าเธอสวมรองเท้าเก่าๆและ ค่อนข้างขาดผมจึงเอารองเท้าบอลลี่คู่ที่คุณซื้อจากอิตาลีเมื่อสองปีที่แล้วคุณจำได้ไหม และคุณบ่น ว่ามันค่อนข้างคับใส่แล้วไม่สบายเท้าให้เธอไปอีก

สายแวว : ไอ้เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนั้นฉันไม่ว่าหรอก แต่ไอ้เรื่องที่อยู่ด้วยกันในห้องนอนสองต่อ สองนั้นทำไมไม่บอก ?

บุญแน่ : ก็ผมกำลังจะบอกคุณอยู่พอดีว่า หลังจากนั้น ผมก็เดินมาส่งเธอที่หน้าประตูบ้าน ก่อนที่ เธอจะจากไปเธอหันมาถามผมว่า " แล้วมีอะไรที่ภรรยาคุณไม่ได้ใช้อีกบ้าง " ผมจึงพาเธอเข้ามา ที่ห้องนอนอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ

 


เรื่องที่ 167
เมียที่แสนดี

30 ก.ค. 2549 06:25

สายรวี พาสามีไปหาหมอที่โรงพยาบาล หลังจากการตรวจอย่างละเอียดแล้ว หมอได้เชิญแสงรวีไปปรึกษา ที่ห้องแต่เพียงลำพัง หมอพูดกับเธอด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดี

หมอ : สามีคุณเป็นโรคเครียดชนิดรุนแรง ในกรณีที่โรคเครียดกำเริบก็อาจทำให้เขาหัวใจล้มเหลว หรือ ไม่ก็เส้นเลือดในสมองแตกได้

สายรวี : แล้วรักษาได้ไหมคะ ?

หมอ : ก็พอรักษาได้ แต่คุณต้องช่วยหมอด้วยนะ

สายรวี : ให้ช่วยอย่างไรคะหมอ ?

หมอ : คุณจะต้องปฏิบัติต่อเขาให้ดี ทำอาหารสุขภาพให้เขาทุกมื้อ รับประทานกับเขาอย่างเป็นกันเอง ไม่ เล่าเรื่องทุกข์ใจของคุณให้เขาฟัง ไม่พูดจาให้สะเทือนใจเขา หรืออย่าพูดจากระแนะกระแหนแดกดันใส่เขา ต้องเอาอกเอาใจเขาตลอดเวลา อย่าให้เขาต้องหงุดหงิดหรือน้อยใจ ต้องคอยดูแลเขาอย่าให้คลาดสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณต้องมีเพศสัมพันธ์กับเขาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้งนะ เพราะถ้าไม่ทำอย่างที่ผม บอกละก็ อาการของเขาอาจเลวร้ายลงไปกว่านี้อีก หรือไม่เขาก็อาจตายได้

สายรวี : แล้วต้องทำอย่างที่ว่านานสักเท่าไรคะ ?

หมอ : คุณต้องทำอย่างนี้ไม่น้อยกว่าสามปี สามีคุณจึงจะเริ่มดีขึ้นได้

หลังจากพบหมอเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน

สามี : หมอเรียกคุณไปพบ เขาบอกว่าผมเป็นอย่างไร ?

สายรวี : เขาบอกว่าคุณกำลังจะตาย

 


เรื่องที่ 168
แรงอธิษฐาน

31 ก.ค. 2549 07:32

ในวันเสาร์หนึ่ง สายแรม ไปเดินเที่ยวตลาดนัดจตุจักร เธอเห็นนกแก้วตัวเมียคู่หนึ่งน่ารักมากจึงได้ซื้อกลับมา บ้าน พอดีวันอาทิตย์เธอนิมนต์หลวงพ่อมาทำบุญบ้าน หลังจากฉันเพลแล้วระหว่างเตรียมตัวกลับวัด หลวงพ่อ เดินผ่านกรงนกแก้วจึงชะโงกหน้าเข้าไปดู

สายแรม : นกแก้วสองตัวนี้แย่มาก ตั้งแต่หนูซื้อมันมามันพูดอยู่แค่ประโยคเดียว ไม่รู้ฝึกมาจากไหน ?

หลวงพ่อ : มันพูดว่าอย่างไร ?

สายแรม : มันพูดว่า " ฉันเป็นพวกอย่างว่า ไปสนุกกันไหม ? "

หลวงพ่อ : อืม์ ! มันแย่จริงๆ แต่นี่หลวงพ่อมีวิธี คือที่วัดสวนแต้วของหลวงพ่อเลี้ยงนกแก้วตัวผู้ไว้สองตัวเช่น เดียวกัน นกแก้วสองตัวนี้วันๆจะมีแต่สวดมนต์และอธิษฐานเท่านั้น ถ้าโยมเอานกแก้วของโยมมาเลี้ยงที่วัดสัก เดือนสองเดือนนกแก้วของหลวงพ่อจะสอนให้นกแก้วของโยมเลิกพูดถ้อยคำเหล่านั้น ยิ่งกว่านั้น มันคงจะสอน ให้นกแก้วของโยมชอบสวดมนตร์แน่ๆเลย

สายแรม : ขอบคุณในความกรุณาของหลวงพ่อ แล้วหนูจะทำตามคำแนะนำ

ในวันถัดมา สายแรมเอานกแก้วตัวเมียสองตัวนั้นไปที่วัดสวนแต้ว ทันที่ที่สายแรมกับนกสองตัวไปถึงที่กรงนก นกแก้วตัวหนึ่งของสายแรมก็ร้องขึ้น

" ฉันเป็นพวกอย่างว่า ไปสนุกกันไหม ? "

ทันใดนั้นนกแก้วตัวผู้ตัวหนึ่งของวัดสวนแต้วก็ร้องออกมา

" วางพวงมาลัยลงเร็วและเลิกสวดมนตร์ได้แล้วเพื่อน ที่เราอธิษฐานอยู่ทุกวันนั้น วันนี้สัมฤทธิ์ผลแล้ว " 

 


เรื่องที่ 169
แทงม้า ?

1 ส.ค. 2549 06:32

บุญสูง แต่งงานมาแล้วสิบปี โดยปกติแล้วเขาจะประพฤติตัวดีในสายตาของภรรยาของเขายกเว้นเรื่องการ เล่นม้าซึ่งมันติดเป็นนิสัย เขาจะยอมภรรยาทุกอย่างเพื่อแลกกับการได้ไปเล่นม้าอาทิตย์ละครั้ง แต่ถึงอย่าง ไรก็ตามเวลาที่เขาไปไหนมาไหนกับพวกเพื่อนๆหรือใครๆแล้วเขามักจะทำตัวเสมือนคนโสดเสมอโดยที่ ภรรยาไม่ระแคะระคาย

เช้าวันหนึ่ง ขณะที่บุญสูงกำลังนั่งกินกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่บ้าน ภรรยาเดินตรงเข้ามาหาเขาแล้ว ตบหน้าเขาฉาดใหญ่

บุญสูง : นี่มันเรื่องอะไรกัน ?

ภรรยา : เรื่องอะไรเหรอ ? ยังมีหน้ามาถามอีก นี่ดูนี่ ! ฉันเจอกระดาษชิ้นนี้อยู่ในกระเป๋ากางเกงของคุณ ตอนที่ฉันซักผ้าเมื่อเช้านี้ มันมีชื่อ สายฟอง เขียนอยู่

บุญสูง : อ๋อ.. อย่าเข้าใจผิด สายฟองเป็นชื่อม้าที่ผมแทงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ภรรยา : โอ๊ะ ! จริงหรือคะ ? ถ้ายังงั้นฉันก็ต้องขอโทษที่เข้าใจผิด

บุญสูง : ไม่เป็นไรๆ

สามวันต่อมา ขณะที่บุญสูงกำลังนั่งกินกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่บ้านเช่นเคย ภรรยาเดินตรงมาหา เขาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวแล้วตบหน้าเขาอย่างแรงยิ่งกว่าวันก่อนเสียอีก

บุญสูง : อ้าวๆ นี่เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ ?

ภรรยา : เอ้านี่โทรศัพท์ของคุณ ม้าที่คุณแทงโทรมาหาคุณน่ะ

 


เรื่องที่ 170
ไปบ้านม้าหรือบ้านพาชี

3 ส.ค. 2549 09:18

บุญโยม ต้องการโดยสารรถไฟสายกรุงเทพ - ลพบุรี เพื่อไปลงสถานีบ้านม้า เขาไม่เคยนั่งรถไฟมาก่อนเลย ในชีวิต เมื่อไปตีตั๋วที่สถานีรถไฟหัวลำโพง

บุญโยม : ขอซื้อตั๋วไปบ้านม้า คนขาย : บ้านม้ารถไม่จอด บุญโยม : อ้าว ! บ้านม้าไม่จอดแล้วจอดที่ไหน คนขาย : จอดบ้านพาชี

บุญโยมคิดว่าม้า กับพาชี มันก็ความหมายเหมือนกัน แต่ตัวเองใช้ภาษาชาวบ้านมากเกินไปคนขายจึงไม่ยอม ขายตั๋วให้ เขาจึงบอกคนขายใหม่ว่าต้องการตั๋วไปบ้านพาชี เมื่อซื้อตั๋วได้แล้วเขาก็ขึ้นรถไฟไป ระหว่างอยู่บน รถ เขาคุยกับเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว จึงรู้ว่าสถานีบ้านม้า กับสถานีบ้านพาชี เป็นคนละสถานีและอยู่ห่างไกลกันมาก

เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วรู้ว่าบุญโยมต้องการไปลงที่สถานีบ้านม้า แต่รถไฟขบวนนี้จะไม่หยุดที่สถานีบ้านม้า

เจ้าหน้าที่ : รถไฟขบวนนี้จะไม่หยุดที่สถานีบ้านม้า แต่ผมจะบอกพนักงานขับรถให้ชะลอความเร็วที่สถานี แล้ว ผมจะช่วยหิ้วคุณลงจะเอาไหม ?

บุญโยมไม่มีทางเลือกอื่นจึงตอบตกลง เมื่อรถไฟวิ่งถึงสถานีบ้านม้า คนขับก็ลดความเร็วลงจาก 60 กม.ต่อ ชม. มาเหลือเพียง 30 กม. ต่อ ชม. พนักงานตรวจตั๋วหิ้วบุญโยมที่คอเสื้อแล้วหย่อนเขาลงบนพื้น บุญโยมต้องวิ่ง ตามรถไฟด้วยความเร็ว 30 กม. ต่อ ชม. เช่นเดียวกัน แล้วจึงค่อยๆลดความเร็วลงเหลือ 25....20....ทุกอย่าง กำลังไปได้ดี ขบวนรถไฟกำลังเร่งความเร็วขึ้นและแซงบุญโยมจนถึงตู้สุดท้ายของขบวน

ผู้ชายรูปร่างกำยำคนหนึ่งที่อยู่ในตู้สุดท้าย เอื้อมมือไปจับคอเสื้อของบุญโยมแล้วหิ้วเขากลับขึ้นมาบนรถไฟอีก

ผู้ชาย : คุณนี้โชคดีมากเลย รถไฟมันไม่จอดที่สถานีนี้ แล้วคุณก็วิ่งไล่มันไม่ทันจนเกือบจะสุดขบวนอยู่แล้ว ดีนะที่มีผมอยู่ในตู้สุดท้ายนี้และสามารถหิ้วคุณขึ้นรถได้ทันพอดี ไม่เช่นนั้นคุณคงจะตกรถแน่นอน

 


เรื่องที่ 171
บ้านในฝัน

4 ส.ค. 2549 07:23

บุญไกร จะออกจากบ้านทุกวันหลังจากรับประทานอาหารเย็นกับภรรยาที่บ้านแล้ว เขามักไปดื่มเหล้า ที่บาร์บุญขจรซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไรนัก เขาจะดื่มจนถึงเที่ยงคืนเป็นอย่างน้อย เมื่อเมาได้ที่แล้ว เขาก็จะเดินโซเซกลับบ้าน

เมื่อถึงประตูบ้าน เขาควักกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่เขาไม่สามารถเอากุญแจสอดเข้าไป ในรูกุญแจได้เลย ต้องร้อนถึงภรรยาที่จะต้องตื่นมาเปิดประตูให้เขาทุกคืน เมื่อเข้าบ้านได้แล้วเขาก็ ไม่สนใจที่ภรรยาจะดุด่าอย่างสาดเสียเทเสียแต่อย่างใด และเหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้นเป็นกิจวัตรทุก วันไม่เคยเปลี่ยนแปลง

จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนของภรรยาแนะนำภรรยาเขาให้เปลี่ยนวิธีรับมือกับบุญไกร โดยบอกว่าเมื่อ เขาเมากลับมาบ้าน ให้พูดกับเขาดีๆเอาอกเอาใจเขา บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ ภรรยาเห็นดีเห็น งามกับวิธีการที่เพื่อนแนะนำ

วันรุ่งขึ้น หลังจากรับประทานอาหารเย็นที่บ้านเสร็จแล้ว บุญไกรก็ออกไปกินเหล้าเช่นเคย เขาดื่มจน ถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนจึงเดินเด้งหน้าเด้งหลังกลับบ้านด้วยสภาพที่เมาแอ๋

เมื่อถึงประตูบ้าน เขาควักกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงเหมือนทุกวัน และแล้วก็ไม่สามารถสอดเข้า รูกุญแจได้อีกตามเคย เขากดกริ่งเรียกภรรยาให้มาเปิดประตู ภรรยามาเปิดประตูแล้วก็จูงแขนเขา ไปนั่งที่โชฟา ยกขาเขาขึ้นพาดที่วางเท้า ถอดรองเท้าถุงเท้าเขาออก เดินไปเอาผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้ เขา เดินอ้อมไปข้างหลังแล้วเริ่มนวดบริเวณหัวไหล่ แขน และกลางหลัง โน้มไปกระซิบข้างหู

ภรรยา : คุณไปอาบน้ำก่อนแล้วขึ้นนอนดีไหมคะ

บุญไกร : อื้ม์ ! ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะถึงอย่างไรพอผมกลับบ้านไป ผมก็คงเจอยายแก่ปากปลาร้า ดุด่าผมอย่างเคยอยู่ดีนั่นแหละ

 


เรื่องที่ 172
โถฉี่เคลือบทอง

05 ส.ค. 2549 07:02

บุญครอง เป็นคนรูปหล่อแต่เขามักจะกลับบ้านในสภาพที่เมาทุกคืน ภรรยาจะดุด่าและทุบตีเขาเป็นประจำด้วย เธอมีความสงสัยในพฤติกรรมของเขา

ภรรยา : ไปทำอะไรที่ไหนมา ? ทำไมต้องกลับบ้านดึกอย่างนี้ทุกคืนเลย ? ไปติดผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า ?

บุญครอง : เปล่า ไม่มีผู้หญิงคนอื่นแน่นอนสาบาญได้ ผมอยู่ในบาร์บุญขจรตลอดเวลาเลย

ภรรยา : ฉันจะเชื่อได้อย่างไรว่าคุณอยู่ในบาร์ตลอดเวลา

บุญครอง : คุณโทรศัพท์ไปถามเขาได้เลย ที่บาร์บุญขจรนี่คืนนี้เขาเปลี่ยนโถฉี่เป็นสีทองด้วยนะ ผมจำได้

เช้าวันรุ่งขึ้น ภรรยาของบุญครองโทรศัพท์ไปที่บาร์บุญขจร

โจ : บาร์บุญขจรครับ ผมโจ บาร์เทนเดอร์พูดสาย มีอะไรให้รับใช้ครับ ?

ภรรยา : นี่ภรรยาของบุญครองค่ะ ขอรบกวนถามหน่อยนะคะว่า เมื่อคืนนี้สามีของฉันอยู่ในบาร์ของคุณ ตลอดเวลาเลยหรือเปล่า ?

โจ : ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงใคร เพราะเมื่อคืนนี้ลูกค้าในร้านเต็มไปหมดจนไม่รู้ใครเป็นใคร คุณแน่ใจหรือว่าเขามาที่บาร์นี่ไม่ได้ไปเที่ยวที่อื่น

ภรรยา : แน่ใจซิคะ เขายังบอกว่าที่บาร์ของคุณนี่ โถฉี่ยังเป็นสีทองเลย

โจ : จริงเหรอ ? เฮ้ย..เดี๋ยวก่อนนะครับคุณผู้หญิง รอเดี๋ยวครับ....

นี่ แอ๊ด ! แอ๊ด ! ผมเจอคนที่ฉี่ใส่แซกโซโฟนของคุณเมื่อคืนนี้แล้ว ภรรยาเขาโทรมา

 


เรื่องที่ 173
ยักษ์ผู้ฆ่าแจ๊ค

06 ส.ค. 2549 07:57

บุญโข เป็นกระเป๋ารถเมล์สาย 33 ปทุมธานี - สนามหลวง เช้าวันหนึ่ง รถเมล์วิ่งออกจากอู่ที่ปทุมธานี มีผู้โดยสาร ขึ้นลงตามป้ายไม่มีอะไรผิดปกติจนกระทั่งรถจอดที่ป้ายปากเกล็ด มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่มีกล้ามเป็นมัดๆเดินขึ้นรถ แล้วเดินไปนั่งที่นั่งแถวหลังสุด สักพักหนึ่งบุญโขเก็บค่าโดยสารจากผู้โดยสารที่ขึ้นใหม่ทุกคนหมดแล้ว จึงเดินไป จะเก็บค่าโดยสารจากชายผู้นี้ เขาจ้องหน้าบุญโขด้วยสายตาที่แข็งกร้าว

ผู้ชาย : จ่ายักษ์ ไม่จ่าย

บุญโขนิ่งอยู่พักหนึ่งแล้วก็เดินจากไปเก็บเงินกับผู้โดยสารที่เพิ่งขึ้นมาจากป้ายถัดมา และไม่กลับไปเก็บเงินกับชาย ผู้นั้นอีกจนกระทั่งเขาลงจากรถเมล์ที่ป้ายสนามหลวง

เหตุการณ์ยังคงเกิดขึ้นซ้ำๆอีกหลายครั้ง ผู้ชายคนเดิมจะขึ้นรถเมล์สายนี้ที่ป้ายปากเกล็ด แล้วลงรถที่ป้ายสนาม หลวงทุกวัน และแน่นอน บุญโขก็ตามเก็บเงินทุกครั้ง คำตอบที่ได้กลับมาคือ " จ่ายักษ์ ไม่จ่าย "

ครั้งแรกๆบุญโขเก็บเงินจากเขาไม่ได้ก็ไม่ได้ว่าอะไร นึกเสียว่าครั้งสองครั้งคงไม่เป็นไร แต่ผู้ชายคนนี้ขึ้นรถเมล์ สายนี้ทุกวัน ส่วนแบ่งจากค่าโดยสารของบุญโขก็หายไป ครั้นจะต่อกรด้วยก็ไม่สามารถทำได้เพราะตัวบุญโขเอง มีรูปร่างเล็กผอมบาง สูงเพียง 164 เซนติเมตร หนัก 54 กิโลกรัม ซึ่งผิดกับผู้ชายคนนั้นที่สูง 185 เซนติเมตร หนักประมาณ 90 กิโลกรัม

ด้วยความแค้นใจ บุญโขตัดสินใจไปเรียนคาราเต้ ศิลปป้องกันตัว จากความพยายามอย่างหนักในที่สุด บุญโขก็ เรียนจบได้รับประกาศนียบัตรสายดำซึ่งถือเป็นระดับสูง เขามีความมั่นใจในตัวเองมาก เช้าวันต่อมา เขาเดินไป เก็บเงินผู้โดยสารตามเคย

ผู้ชาย : จ่ายักษ์ ไม่จ่าย

บุญโข : ทำไมไม่จ่าย จะมาขึ้นรถฟรีทุกวันอย่างนี้ได้อย่างไร ? ถ้าไม่จ่ายก็ลงจากรถเดี๋ยวนี้เลยไม่งั้นมีเรื่อง

ผู้ชายคนนั้นหลบสายตาของบุญโข เขาก้มลงมองดูที่กระเป๋าเสื้อแล้วหยิบบัตรใบหนึ่งส่งให้แก่บุญโข

ผู้ชาย : นี่ไง บัตรทหารผ่านศึก ไม่ต้องจ่าย

 


เรื่องที่ 174
ไม่แน่ใจอย่ากด

7 ส.ค. 2549 09:15

บุญสอด เดินทางจากหลวงพระบางมากรุงเทพด้วยสายการบิน แอร์ทวาย เที่ยวบินที่ TV 043 เครื่องบินเที่ยวนี้ เป็นเครื่องแอร์บัส D4P ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด บนเครื่องมีห้องน้ำชายหญิงแยกกันเด็ดขาด ระหว่างที่บินอยู่นั้น บุญสอดเกิดปวดท้องกระทันหันต้องเข้าห้องน้ำ แต่ห้องน้ำชายไม่ว่างเลยแม้แต่ห้องเดียว บุญสอดยืนรออยู่ตั้งนาน ก็ยังไม่มีทีท่าว่าห้องน้ำชายจะว่าง ขณะเดียวกันห้องน้ำหญิงที่มีอยู่สองห้องกลับไม่มีใครใช้เลย

แอร์โฮสเตสเห็นบุญสอดยืนบิดไปบิดมาจึงเกรงว่า ถ้าบุญสอดกลั้นไม่อยู่แล้วละก็ทุกคนจะเดือดร้อนเป็นแน่แท้ เธอจึงอนุญาตให้บุญสอดใช้ห้องน้ำหญิงได้ เธอกำชับเขาว่าให้กดปุ่มชักโครกแต่เพียงปุ่มเดียว ปุ่มอื่นๆที่มีอยู่นั้น อย่าได้ไปแตะต้องเป็นอันขาด

เมื่อเข้าห้องน้ำหญิงเพื่อถ่ายทุกข์แล้วเขารู้สึกสบายขึ้น เขาเห็นปุ่มที่ไม่ใช่ปุ่มชักโครกอีกสี่ปุ่ม ปุ่มสีเหลืองมีอักษร ภาษาอังกฤษเขียนอยู่ที่ปุ่มว่า WW ปุ่มสีฟ้าเขียนว่า WA ปุ่มสีเขียวเขียนว่า PP ปุ่มสีแดงเขียนว่า ATR เขาสงสัยว่าทำไมแอร์โฮสเตสจึงห้ามไม่ให้เขากดปุ่มเหล่านี้ พวกผู้หญิงเขาจะไปมีอะไรพิเศษพิสดารนักหนา

บุญสอดจึงทดลองกดปุ่มสีเหลือง ทันใดนั้นก็มีน้ำอุ่นฉีดขึ้นมาล้างก้นให้ เขาคิดในใจ " อืม์ WW คงมาจาก Warm Water มันสบายดีนะ เขาคงไม่อยากให้เรากดเพราะกลัวเราไปต่อว่าว่าห้องน้ำชายไม่ดีเท่าห้องน้ำหญิง "

เขากดปุ่มสีฟ้า ทันใดนั้นก็มีลมอุ่นเป่าก้นให้แห้งโดยไม่ต้องใช้กระดาษเช็ดเลย " อ้อ อย่างนี้นี่เอง WA คงจะเป็น Warm Air น่าอิจฉาพวกผู้หญิงเหลือเกิน "

" แล้วปุ่ม PP สีเขียวล่ะมันคืออะไร ลองดูเสียหน่อยเป็นไร " คิดดังนั้นแล้ว บุญสอดก็กดปุ่มสีเขียว ทันใดนั้นก็มี พัฟยื่นมาประแป้งให้ที่ก้นของเขา "โอ้โห สุดยอดเลย PP น่าจะเป็น Powder Puff เยี่ยมจริงๆ ทันสมัยมาก "

" เหลือปุ่มสีแดงสุดท้ายแล้ว ATR เดาไม่ออก แต่ก็น่าลองดู ของเล่นพวกผู้หญิงนี่เยอะจริงๆ " คิดเสร็จ บุญสอด ก็กดปุ่มสีแดงทันที

บุญสอดตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาล นางพยาบาลกำลังเปลี่ยนขวดน้ำเกลือ

บุญสอด : นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ผมจำได้ว่าครั้งสุดท้ายผมอยู่ในห้องน้ำหญิงบนเครื่องบินนี่นา

พยาบาล : ใช่แล้วค่ะ เราได้รับแจ้งจากแอร์โฮสเตสว่า คุณไปกดปุ่มสีแดงในห้องน้ำ คือ Automatic Tampon Removal มันเป็นเครื่องจับผ้าอนามัยของผู้หญิงทิ้งลงในโถส้วมอย่างอัตโนมัติ เมื่อคุณกดมันเลยคว้าเอาสิ่งนั้น ของคุณทั้งพวงทิ้งลงในโถส้วม กว่าเขาจะพาคุณมาโรงพยาบาลมันสายเกินไปกว่าที่เราจะต่อให้ติดได้ ถ้าคุณจะดู เราได้ดองไว้ในขวดที่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั่นยังงัย


เรื่องที่ 175
แผนล้ำลึก

8 ส.ค. 2549 09:07

บุญเวียง แต่งงานมาแล้วสามสิบปีมีลูกชายหนึ่งคน ภรรยาของบุญเวียงเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อสองสามปี ที่ผ่านมา เขาจึงได้แต่งงานใหม่กับหญิงสาววัย 20 ปีเขาหึงหวงภรรยาสาวคนนี้มาก

วันหนึ่ง บุญเวียงไม่สบายมาก ลูกชายจึงพาเขาไปหาหมอ หลังจากการตรวจอย่างละเอียดแล้ว

หมอ : ผมมีข่าวร้ายจะบอก คุณเป็นมะเร็งขั้นที่ 4 คุณจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน

บุญเวียงตกตะลึงด้วยข่าวร้ายนี้ แต่เขาพยายามตั้งสติเดินออกมาหาลูกชายที่นั่งรออยู่ข้างนอก

ลูกชาย : เป็นไงบ้างครับพ่อ ?

บุญเวียง : ข่าวไม่สู้จะดีลูก พ่อเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย หมอบอกว่าพ่อจะต้องตายภายในหนึ่งเดือน คนเราเกิด มาแล้วต้องตายเป็นเรื่องธรรมดา ใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์และมีความสุข มาเราไปดื่มให้มันมีความสุข

บุญเวียงพาลูกชายไปที่บาร์บุญขจรนั่งดื่มกันแก้วแล้วแก้วเล่า บรรดาเพื่อนๆของบุญเวียงก็ผลัดกันมาถามไถ่ ถึงสารทุกข์สุขดิบ บุญเวียงก็จะบอกกับบรรดาเพื่อนๆว่าเขาจะต้องตายภายในเดือนนี้ด้วยโรคเอดส์ ทุกคนก็ จะแสดงความเห็นอกเห็นใจบุญเวียงเป็นอย่างมาก

ระหว่างทางกลับบ้าน ลูกชายสงสัยอยู่ตลอดว่าบุญเวียงสับสนเรื่องโรคที่รุมเร้าหรือเปล่า

ลูกชาย : ไหนพ่อบอกว่าพ่อเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายยังไง แล้วนี่ทำไมพ่อจึงบอกกับเพื่อนๆของพ่อว่าพ่อจะต้อง ตายด้วยโรคเอดส์ล่ะพ่อ

บุญเวียง : อ๋อใช่ลูก พ่อจะต้องตายด้วยโรคมะเร็งอย่างแน่นอน แต่ที่พ่อบอกกับใครต่อใครว่าพ่อจะต้องตาย ด้วยโรคเอดส์ เพราะพ่อไม่อยากให้ใครต่อใครมาเกาะแกะกับเมียสาวของพ่อยังงัยล่ะ


เรื่องที่ 176
อายุเท่าไหร่

9 ส.ค. 2549 08:23

บุญฤทธิ์ เป็นนักดื่มตัวฉกาจ เขาเพิ่งจะเคยมาที่บาร์บุญขจรเป็นครั้งแรก เขาสั่งวิสกี้ 40 ปี เป๊กหนึ่ง โจ บาร์เทนเดอร์เห็นว่าวิสกี้ 40 ปีมีเหลืออย่างจำกัดมากในห้องเก็บเหล้า มันราคาแพงมากเขาจึงมัก จะเสิร์ฟให้เฉพาะลูกค้าประจำที่เป็นขาใหญ่เท่านั้น สำหรับลูกค้าแปลกหน้าอย่างบุญฤทธิ์แล้ว เขาเท วิสกี้ 10 ปี เสิร์ฟให้แทนลูกค้าคงไม่รู้หรอก บุญฤทธิ์ยกแก้วขึ้นดื่มพรวดเดียวหมด

บุญฤทธิ์ : นี่ไม่ใช่วิสกี้ 40 ปีนี่นา มันเป็นวิสกี้ ิ10 ปีเท่านั้น

โจ ยิ้มเจื่อนๆเอื้อมขึ้นไปคว้าวิสกี้ 20 ปี ที่วางอยู่บนหิ้งลงมา เทให้บุญฤทธิ์เป๊กหนึ่ง เขายกแก้วเหล้า ขึ้นกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดทันที

บุญฤทธิ์ : เฮ้ย ! นี่มันวิสกี้ 20 ปีนี่ ผมบอกแล้วไงว่าจะเอาวิสกี้ 40 ปี

โจรีบก้มลงไปหยิบวิสกี้ 30 ปีที่ตู้ใต้เค้าน์เตอร์ขึ้นมา รินให้บุญฤทธิ์อีกแก้วเขายกขึ้นมาดื่มจนหมดอีก

บุญฤทธิ์ : คุณมีเพียงวิสกี้ 30 ปี เป็นวิสกี้ที่เก่าที่สุดของที่นี่หรือ ถ้าไม่มีวิสกี้ 40 ปี ผมจะไปดื่มที่อื่น

โจเลยจำใจต้องเข้าไปในห้องเก็บเหล้า แล้วเอาวิสกี้ 40 ปีมาเสิร์ฟให้กับบุญฤทธิ์ หลังจากดื่มหมดแล้ว

บุญฤทธิ์ : นี่สิ ใช่เลย วิสกี้ 40 ปี

นอกจากโจจะทึ่งในความสามารถของบุญฤทธิ์แล้ว บรรดาลูกค้าที่นั่งอยู่แถวนั้นต่างตบมือชื่นชม เขาทุกคน ยกเว้นขี้เมารายหนึ่งเดินถือแก้วเข้ามาหาบุญฤทธิ์

ขี้เมา : เอ้านี่ ลองชิมของผมดูหน่อยซิ

บุญฤทธิ์ดื่มเข้าไปอึกใหญ่แล้วต้องรีบบ้วนออกมาทันที

บุญฤทธิ์ : นี่มันฉี่นี่นา ไม่ใช่วิสกี้

ขี้เมา : ก็ใช่นะซี แล้วคุณบอกได้ไหมว่า ผมอายุเท่าไหร่ ?


เรื่องที่ 177
เหตุเกิดยามวิกาล

10 ส.ค. 2549 07:40

สายฝน กับ สายใย เป็นเพื่อนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่นอกเมือง คืนหนึ่ง คนทั้งสองออก ไปดูหนัง หนังเลิกดึกไปหน่อยจึงไม่มีรถกลับหอพัก คนทั้งสองเลยตัดสินใจเดินกลับ ระหว่างทางมันเปลี่ยว มาก ไม่มีผู้คนเดินในยามนั้นเหมือนตอนกลางวันเลย

สายฝน : รู้สึกว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตามเรามานานแล้ว ไม่รู้เขาจะประสงค์ดีหรือร้ายอย่างไร ?

สายใย : เรื่องประสงค์ดีคงไม่มีหรอก ฉันคิดว่าเขาคงจะมาข่มขืนเราแน่

สายฝน : เราคงหนีเขาไม่พ้นสิ เว้นแต่เราจะเดินเร็วขึ้น

สายใย : เขาก็จะเดินเร็วขึ้นเหมือนกัน ฉันว่าเราเดินแยกกันดีกว่า เขาไม่มีทางตามได้ทีเดียวสองคน

เป็นจริงอย่างที่สายใยว่า ผู้ชายคนนั้นเดินตามสายใยทิ้งให้สายฝนเดินกลับหอพักได้อย่างปลอดภัย สายฝน รอคอยการกลับมาของเพื่อนอย่างกระวนกระวายใจ เวลาผ่านไปนานพอสมควร ในที่สุดสายใยก็กลับมาถึง

สายฝน : เป็นอย่างไรบ้าง ? เล่าให้ฉันฟังหน่อย เขาตามเธอทันหรือเปล่า ?

สายใย : พอเราแยกกันแล้ว เขาก็ตามฉันไป ฉันตัดสินใจวิ่งด้วยความเร็ว แต่ว่าเขาวิ่งได้เร็วกว่า เขาเลย เข้ามาประชิดตัวฉัน

สายฝน : แล้วเธอทำอย่างไรล่ะ ?

สายใย : ฉันก็เลยถลกกระโปรงของฉันขึ้น

สายฝน : จริงหรือ ? ตายแล้ว เธอทำอย่างนั้นทำไม ? แล้วเกิดอะไรขึ้น ?

สายใย : เขาเลยถอดกางเกงของเขา

สายฝน : คุณพระช่วย ! เธอก็เลย.........

สายใย : ฉันถลกกระโปรงขึ้น แล้วรอจนตอนที่เขาถอดกางเกงของเขา ขณะกางเกงคาขาเขาอยู่นั้น ฉันวิ่ง สุดชีวิตเลย ส่วนเขาวิ่งไม่ถนัดจึงตามฉันไม่ทันนะซี


เรื่องที่ 178
เครื่องดึงหน้า

11 ส.ค. 2549 14:38

สายพธู เป็นสาววัยกลางคนที่ชอบกังวลถึงริ้วรอยย่นของใบหน้าของเธอ วันหนึ่งสายพธูจึงตัดสินใจไปหาศัลย แพทย์ความงามที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวถนนจรัลสนิทวงศ์

หมอ : การผ่าตัดดึงหน้าแบบดั้งเดิมราคาถูกหน่อยแต่ทุกๆสองปีจะต้องกลับมาผ่าตัดดึงหน้าอีก และจะเป็น เช่นนี้ตลอดไป แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่โดยการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว กล้ามเนื้อทุกๆมัดจะถูกโยงไปรวม ที่ลูกบิดเล็กๆทีผมจะฝังไว้ตรงท้ายทอยใต้มวยผม เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าเกิดริ้วรอยหรือใบหน้าส่วนไหนหย่อน ยานคุณก็เพียงแต่บิดลูกบิดดังกล่าว ผิวหนังก็จะกลับเต่งตึงอีกทันที การผ่าตัดแบบนี้จะราคาแพงหน่อย

สายพธู : ฉันชอบแบบติดลูกบิด ถึงราคาจะแพงหน่อยก็ไม่เป็นไร

หลังจากการการผ่าตัดเสร็จสิ้น สายพธูพอใจกับลูกบิดดังกล่าวมาก มันซ่อนอยู่ใต้มวยผมของเธอจนใครๆก็ไม่ สามารถสังเกตุเห็นได้ และเมื่อใดที่เธอมีริ้วรอยหย่อนยานเธอก็บิดลูกบิดเพียงนิดเดียวใบหน้าเธอก็จะดูเต่งตึง สวยงามขึ้นมาทันที เดือนสองเดือนเธอจะบิดลูกบิดครั้งหนึ่ง

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งแปดปีผ่านไป เช้าวันหนึ่งสายพธูสังเกตุเห็นมีถุงเบ้อเริ่มเทิ่มที่ใต้ตาทั้งสอง ข้าง เธอจึงรีบโทรศัพท์ไปปรึกษาหมอทันที

หมอ : ขอให้คุณรีบมาโรงพยาบาลด่วน ขอผมตรวจดูหน่อย

เมื่อสายพธูมาที่โรงพยาบาลและหมอได้ตรวจอย่างละเอียดแล้ว

หมอ : ถุงสองใบนี้ที่แท้คือนมทั้งสองข้างของคุณนั่นเอง มันเลื่อนขึ้นมาเนื่องจากคุณบิดลูกบิดมากจนเกินไป

สายพธู : มิน่าเล่า จู่ๆฉันก็เลยเกิดมีเคราขึ้นมา ที่แท้มันเลื่อนขึ้นมาทั้งแผงนี่เอง


เรื่องที่ 179
แย่หรือดี ?

13 ส.ค. 2549 07:35

บุญสวัสดิ์ เจอเพื่อนเก่าสมัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาในงานชุมนุมศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งหนึ่ง แต่ละคนจะถาม ไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบของกันและกัน หลังจากดื่มกันไปคนละหลายจอก

เพื่อนเก่า : ได้ยินข่าวว่าคุณจะแต่งงาน

บุญสวัสดิ์ : ผมแต่งแล้วเมื่อสองปีนี้เอง

เพื่อนเก่า : โอ้ ดีจัง ผมยินดีด้วย ชีวิตครอบครัวดีไหม ?

บุญสวัสดิ์ : มันก็ดี แต่ภรรยาผมไม่ค่อยแข็งแรง เธอเป็นคนขี้โรค

เพื่อนเก่า : อืม์ แย่จัง

บุญสวัสดิ์ : อ๋อ ไม่แย่หรอก ภรรยาผมเป็นเศรษฐีนี แกมีเงินเยอะมาก

เพื่อนเก่า : จริงเหรอ แหม ดีจัง

บุญสวัสดิ์ : ไม่ดีหรอกแกไม่ยอมให้เงินผมใช้บ้างเลย

เพื่อนเก่า : งั้นก็แย่นะซี

บุญสวัสดิ์ : ไม่แย่หรอก เพราะแกเก็บเงินไปซื้อบ้านหลังใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มแน่ะ

เพื่อนเก่า : เออ ก็ดีซินะ

บุญสวัสดิ์ : ไม่ดีหรอก เพราะซื้อบ้านได้ไม่นานก็เกิดไฟไหม้หมดทั้งหลังเลย

เพื่อนเก่า : อ้าว อย่างนั้นก็แย่ซิ

บุญสวัสดิ์ : ไม่แย่หรอก เพราะตอนไฟไหม้บ้าน เธอติดอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย เขามีประกันคุ้มครองหมดเลย

เพื่อนเก่า : งั้นก็ดีซี

บุญสวัสดิ์ : ไม่ดีหรอก เพราะคนรับประโยชน์เป็นลูกชายอายุหนึ่งขวบ


เรื่องที่ 180
แพทย์ฝึกหัด

14 ส.ค. 2549 06:30

บุญเวช เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เช้าวันหนึ่ง นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่งมา เรียนวิชากายวิภาคศาสตร์กับบุญเวช เขาพานักศึกษาทั้งหมดมาที่ห้องเรียนที่มีศพคลุมด้วยผ้าขาวอยู่บนโต๊ะ

บุญเวช : การศึกษาส่วนต่างๆของร่างกายคนจากศพ หรือที่เราเรียกว่าอาจารย์ใหญ่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก

นักศึกษาพากันมารุมล้อมรอบๆศพ บุญเวชได้เปิดผ้าขาวที่คลุมศพออก นักศึกษาบางคนถึงกับหลับตาปี๋

บุญเวช : การที่จะเรียนจนได้เป็นนายแพทย์นั้น นักศึกษาต้องยึดมั่นในหลักสำคัญสองประการ ประการแรก นักศึกษาต้องไม่รังเกียจหรือแสดงความขยะแขยงอวัยวะของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนๆก็ตาม

เพื่อเป็นตัวอย่าง บุญเวชได้ใช้นิ้วของตนจิ้มเข้าไปในรูก้นของศพนั้น เมื่อดึงนิ้วออกมาเขาก็ดูดนิ้วดังจ๊วบ ใหญ่ เขาบอกให้นักศึกษาทุกคนทำตาม

นักศึกษาส่วนใหญ่ยืนลังเล เนื่องจากยังทำใจไม่ได้กับการทำตามคำสั่งของอาจารย์บุญเวช แต่เมื่อเป็นคำสั่ง นักศึกษาแต่ละคนจึงค่อยๆทะยอยเอานิ้วจิ้มเข้าไปในรูก้นของศพนั้น เมื่อดึงนิ้วออกมาก็เอามาดูดทีละคน เมื่อนักศึกษาทั้งหมดได้ปฏิบัติครบถ้วนแล้ว

บุญเวช : หลักสำคัญประการที่สองคือ นักศึกษาต้องรู้จักการสังเกตุอย่างถี่ถ้วน

นักศึกษาตั้งใจฟังในขณะที่บุญเวช หยุดพูดครู่หนึ่ง

บุญเวช : เมื่อสักครู่ผมใช้นิ้วกลางจิ้มเข้าไปในรูก้นของศพ แต่นิ้วที่ผมดูดนั้นเป็นนิ้วชี้ จงสังเกตุให้ดี


เรื่องที่ 181
ไทเกอร์ วูดส์ เจอดี

15 ส.ค. 2549 09:31

ตอนที่ ไทเกอร์ วูดส์ มาเที่ยวเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน ในคืนวันหนึ่ง เขาได้ไปนั่งดื่มเหล้าที่บาร์บุญขจร เขาเจอบุญดี คนตาบอดนั่งดื่มอยู่ก่อนแล้ว

ไทเกอร์ : สวัสดีครับ ผมไทเกอร์ วูดส์ ส่วนคุณทำธุระกิจอะไรครับ ?

บุญดี : สวัสดีครับคุณไทเกอร์ ผมบุญดี เป็นคนตาบอดครับ ผมทำงานที่เป็นโปรแกรมเมอร์ที่บริษัทไอดีเอ็น ผมก็เล่นกอล์ฟบ้างเหมือนแต่เป็นบางครั้ง ผมชอบติดตามการเล่นของคุณเสมอเลย

ไทเกอร์ : จริงเหรอ ? คุณเป็นคนตาบอดแล้วเล่นกอล์ฟยังไง ? คุณมองเห็นทิศทางที่จะตีหรือ ?

บุญดี : อ๋อ ก็ตอนผมจะทีออฟ ผมก็จะให้แคดดี้ของผมไปยืนอยู่กลางแฟร์เวย์แล้วส่งเสียงตะโกนมา ผมก็ จะรู้ตำแหน่งที่จะตีลูกกอล์ฟไป

ไทเกอร์ : เอ.. แล้วช็อตต่อไปล่ะ คุณทำอย่างไร ?

บุญดี : ช็อตต่อไป ผมก็ให้แค็ดดี้ของผมไปยืนบนกรีนแล้วตะโกนส่งเสียงดัง ผมก็จะตีลูกกอล์ฟขึ้นบนกรีนได้

ไทเกอร์ : อ้าว ! แล้วเวลาพัตต์ลูกลงหลุมล่ะ ?

บุญดี : ผมก็ใช้แค็ดดี้ของผมเดินไปที่ด้านหลังของหลุม เขาจะก้มลงให้คางยันพื้นตรงหลังหลุมพอดี แล้วก็ส่ง เสียงให้ผมรู้ทิศทางและตำแหน่งเท่านั้นเอง เสียงที่สะท้อนกับพื้นกรีนจะทำให้ผมรู้ว่าหลุมเอียงเทไปทางซ้าย หรือทางขวา ขึ้นเนินหรือลงเนิน แค่นี้เองผมก็พัตต์ลงหลุมได้แล้ว

ไทเกอร์ : โอ้โห มันเหลือเชื่อเลยนะ แล้วแฮนดิแค็ปคุณเท่าไหร่ล่ะ ?

บุญดี : ผมไม่มีแฮนดิแค็ปครับ ผมจะเล่นก็ต่อเมื่อมีเงินเดิมพันสูงๆ เช่นหลุมละ 100,000 บาทเป็นต้น

ไทเกอร์ : อืม์ ! น่าสนใจ เมื่อไหร่จะเล่นกับผมล่ะ ?

บุญดี : เอาซิครับ คุณนัดมาได้เลย จะเอาค่ำคืนไหนดีล่ะ


เรื่องที่ 182
วิหคสายฟ้า

16 ส.ค. 2549 07:06

โรงเรียนประถมเนียนสนิทจัดให้นักเรียนชั้นประถมปีที่สี่ และชั้นประถมปีที่ห้า ไปทัศนศึกษาพิพิธภัณฑ์ สัตว์น้ำที่บางแสน ระหว่างเดินทางกลับสู่กรุงเทพรถบัสได้แวะจอดที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เพื่อให้บรรดาเด็ก นักเรียนได้เข้าห้องน้ำห้องท่า

คุณครูผู้หญิงสองคนแยกกันไปดูแลเด็ก ครูคนหนึ่งพากลุ่มนักเรียนหญิงไป ส่วน สายนวล ครูอีกคนหนึ่ง พากลุ่มนักเรียนชายไป

บรรดานักเรียนชายกรูกันเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนสายนวลยืนเฝ้ารออยู่ด้านนอก เพียงประเดี๋ยวเดียวนัก เรียนชายสี่ห้าคนก็วิ่งออกมาหาครูสายนวล

นักเรียน : คุณครูครับ โถปัสสาวะมันอยู่สูงเกินไป ผมฉี่ไม่ถึงครับ

ครูสายนวลเลยจำเป็นต้องเดินเข้าไปในห้องน้ำชาย เธอใช้มือทั้งสองหิ้วปีกนักเรียนเพื่อยกตัวขึ้น รอจน กระทั่งนักเรียนปัสสาวะเสร็จเธอจึงวางนักเรียนลง คนแล้วคนเล่า คนแรกๆก็ไม่สู้กระไร แต่พอยกหลายๆ คนเข้า ครูสายนวลก็เริ่มเมื่อยแขน เธอจึงต้องใช้หน้าอกของเธอพยุงนักเรียนไว้ในขณะที่กำลังปัสสาวะ

เด็กคนสุดท้ายที่เธออุ้มขึ้นมาดูเหมือนจะหนักมากเป็นพิเศษ นอกจากจะเมื่อยแขนแล้วเธอยังเมื่อยขาด้วย จนกระทั่งเมื่อวางเด็กลง

สายนวล : เธอเป็นนักเรียนชั้นไหนนี่ ประถมสี่ ประถมห้า หรือประถมหกกันแน่ ?

เด็ก : 'หค ครับ 'หค ผมเป็นจ๊อกกี้ ขี่เจ้าวิหคสายฟ้า ขอบคุณที่ช่วยอุ้มผมด้วย


เรื่องที่ 183
คู่ฮันนิมูน

18 ส.ค. 2549 06:57

บุญผัน เป็นขาประจำของบาร์บุญขจรมาหลายปีดีดัก ครั้นเมื่อเขาแต่งงานกับสายทิพย์สาวสวยประจำซอย เขาก็ต้องห่างเหินบาร์ไปพักใหญ่ โดยเฉพาะช่วงที่เขาไปฮันนิมูน จนกระทั่งคืนหนึ่งหลังจากที่กลับจากฮัน นิมูนมาได้ไม่กี่วัน หลังจากรับประทานอาหารเย็นกันเรียบร้อยแล้ว บุญผันคิดถึงบาร์ขึ้นมาทันทีทันใด เขา ลุกขึ้นแต่งตัว สร้างความงุนงงให้กับภรรยา

สายทิพย์ : จะไปไหนคะที่รัก ?

บุญผัน : ผมจะไปบาร์บุญขจร หาเบียร์เย็นๆดื่มสักแก้วสองแก้วนะคนสวย เดี๋ยวกลับมา

สายทิพย์พาเขาเดินไปที่ตู้เย็น เปิดออก มีเบียร์หลายยี่ห้อแช่เรียงรายอยู่ในตู้ บุญผันตลึงเพราะคาดไม่ถึง ว่าภรรยาได้ซื้อเบียร์มาล่วงหน้าแล้ว แต่เขาคงต้องหาเหตุผลดีๆมาอ้างกับหล่อน

บุญผัน : เบียร์เหล่านี้เก็บไว้กินวันหลังก็ได้ เพราะวันนี้อยากกินเบียร์ในถ้วยที่แช่เย็นจัด ในบาร์เขามี

สายทิพย์เปิดฝาฟริซเซอร์ หยิบแก้วเบียร์ที่แช่เย็นเจี๊ยบออกมา รินเบียร์แล้วส่งให้บุญผัน

บุญผัน : แต่ที่บาร์เขามีกับแกล้มอร่อยหลายอย่างนะที่รัก

สายทิพย์เดินเข้าไปในครัว ยกจานกับแกล้มออกมา มีใส้กรอกทอด แหนม หมูยอ ไก่ทอด เนื้อแดดเดียว คอหมูย่าง ฯลฯ แล้ววางให้บุญผัน

บุญผ้น : ผมรู้ว่าคุณเป็นแม่บ้านที่รอบคอบ เพรียบพร้อมทุกอย่าง แต่คืนนี้ผมเพียงอยากได้ยินเสียงสบถ สาบานและเสียงด่ากันให้มันในอารมณ์นิดเดียวเท่านั้น ผมไปไม่นานหรอกเดี๋ยวก็กลับมานะที่รัก

สายทิพย์ : ถ้าอย่างนั้น แกก็จงกินไอ้เบียร์บ้าในแก้วห่านี้ให้หมด พร้อมพวกกับแกล้มระยำเหล่านี้ด้วย แล้วแกก็ไม่ต้องออกไปที่บาร์นรกจกเปรตที่ไหนทั้งนั้น เข้าใจไหม ไอ้ชาติหมา?


เรื่องที่ 184
เรื่องอย่างนี้ต้องปกปิด

19 ส.ค. 2549 06:59

บุญเศรษฐ์ กับ สายละออ สองสามีภรรยาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านทายาทเศรษฐีมาช้านาน พวกเขามีเพื่อนบ้านที่ รักใคร่ปรองดองกันมากครอบครัวหนึ่งซึ่งไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ที่บ้านบุญเศรษฐ์เลี้ยงหมาอัลเซเชี่ยนตัว ใหญ่ตัวหนึ่งชื่อเจ้าสิงห์ ขณะที่ครอบครัวเพื่อนบ้านเลี้ยงกระต่ายตัวหนึ่งไว้ในกรง มันชื่อเจ้าปุย

เย็นวันหนึ่ง สายละออเห็นเจ้าอัลเซเชี่ยนคาบเจ้าปุยซึ่งมีเลือดเกรอะกรังไว้ที่ปาก มันเดินสะบัดเจ้าปุยไปมา

สายละออ : คุณคะ เจ้าสิงห์มันไปเล่นงานกระต่ายของเพื่อนบ้านตายเสียแล้ว เราจะบอกเขาอย่างไรดี ?

บุญเศรษฐ์ : เดี๋ยวก่อน เราจะไปบอกเขาตรงๆอย่างนี้ไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะพาลโกรธเราเอา ผมจะจัดการเอง

บุญเศรษฐ์ดึงซากกระต่ายจากปากของเจ้าสิงห์ เอามันไปล้างคราบเลือดออกจนหมดเสร็จแล้วจึงเอาไดร เป่าผมของภรรยามาเป่าขนเจ้าปุยจนแห้งดี หลังจากนั้นเขาก็ย่องเอาเจ้าปุยไปไว้ในกรงของมันทำเสมือน ว่าเจ้าปุยตายเองโดยเพื่อนบ้านไม่ได้เห็น จากนั้นเขาก็กลับมาบ้านและเล่าให้ภรรยาฟังสิ่งที่ตนได้ทำไป

สายละออ : คุณแน่ใจว่าพวกเขาไม่เห็นคุณตอนเอาเจ้าปุยไปใส่ในกรงนะ

บุญเศรษฐ์ : พวกเขาไม่อยู่บ้าน เห็นเคยบอกว่าวันนี้จะไปช็อปปิ้งที่เพ็ญตางอน ตอนนี้รถก็ไม่อยู่สักคันเดียว

เช้าวันรุ่งขึ้น บุญเศรษฐ์เห็นเพื่อนบ้านเดินตรงรี่เข้ามาหาเขาที่บ้าน โดยมีสีหน้าแสดงความสงสัย

เพื่อนบ้าน : คุณรู้ไหมว่าเจ้าปุยของผมมันตายเสียแล้ว

บุญเศรษฐ์ : อ้าว ! จริงเหรอ ? เมื่อไหร่ ? มันเป็นอย่างไรล่ะ ?

เพื่อนบ้าน : เมื่อวานนี้เอง มันเป็นอะไรตายก็ไม่รู้ ผมเลยเอามันไปฝังไว้ที่สนามหลังบ้าน แต่เมื่อคืนไม่รู้ ไอ้บ้าที่ไหนไปขุดมันขึ้นมาทำความสะอาดแล้วเอาไปไว้ในกรงเหมือนเดิม


เรื่องที่ 185
มันทันกัน

20 ส.ค. 2549 07:29

คืนวันเงินเดือนออก บาร์บุญขจรคราคร่ำไปด้วยสมาชิก เสียงคุยกันจ้อกแจ้กจอแจ บุญล้อม นั่งดื่มอยู่ที่ เคาน์เตอร์มานับชั่วโมงแล้ว เขาเห็น บุญฝั้น เพื่อนเก่าเดินเข้ามาพอดี โดยปกติคอเหล้าสองคนนี้มักจะมี มุขเล่นกันอยู่เป็นประจำ คืนนี้ก็เป็นอีกคืนหนึ่ง

บุญล้อม : เฮ้ ! บุญฝั้น คุณน่าจะอยู่กับผมที่นี่คืนนี้นะ

บุญฝั้น : อ้าว ! ก็ผมอยู่นี่แล้วไง

บุญล้อม : ไม่ใช่ คุณไม่ได้อยู่

บุญฝั้น : มามุขไหนนี่ ? เอางี้ดีกว่า ถ้าคุณพิสูจน์ได้ว่าผมไม่ได้อยู่ที่นี่เดิมพัน 1,000 บาท

บุญล้อม : ตกลงเดิมพัน ทีนี้ลองตอบผมหน่อย ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่เชียงใหม่ใช่ไหม ?

บุญฝั้น : ไม่อยู่

บุญล้อม : คุณไม่ได้อยู่ระยองใช่ไหม ?

บุญฝั้น : ไม่ได้อยู่

บุญล้อม : คุณไม่ได้อยู่หาดใหญ่ใช่ไหม ?

บุญฝั้น : ไม่ได้อยู่

บุญล้อม : เมื่อคุณไม่ได้อยู่เชียงใหม่ ไม่ได้อยู่ระยอง ไม่ได้อยู่หาดใหญ่ คุณก็ต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่นอน

บุญฝั้น : ใช่ ถูกต้อง

บุญล้อม : เมื่อคุณอยู่ที่ไหนสักแห่ง คุณก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นจ่ายผมมา 1,000 บาทเสียดีๆ

บุญฝั้น : ผมจ่ายคุณไม่ได้หรอก

บุญล้อม : อ้าว ! ทำไมล่ะ

บุญฝั้น : ก็ผมไม่ได้อยู่ที่นี่ยังงัย


เรื่องที่ 186
งานอดิเรกที่น่าสนใจ ?

21 ส.ค. 2549 09:32

บุญอิง เป็นนักศึกษาภาควิชาสถิติ งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เขาต้องทำส่งก่อนจะจบการศึกษาคือการรวบรวมงานอดิเรก ของกลุ่มตัวอย่าง 100 คน

เช้าวันหนึ่ง บุญอิงไปที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ที่นี่มีคนอยู่อาศัยประมาณ 60 คน เขาไปเคาะประตูห้องแรก ชายคนหนึ่งมาเปิดประตู

บุญอิง : ขอประทานโทษ ผมเป็นนักศึกษามาทำวิจัย ขอถามหน่อย ท่านชื่ออะไรครับ ?

ชาย 1 : ผมชื่อ สมชาย

บุญอิง : อยากทราบว่างานอดิเรกของท่านคืออะไรครับ ?

สมชาย : ผมชอบนั่งดูฟองในอ่างน้ำ

บุญอิงเพิ่งเคยได้ยินการนั่งดูฟองในอ่างน้ำเป็นงานอดิเรก แต่หน้าที่ของเขามีเพียงรวบรวมงานอดิเรกของคน เท่านั้น เขาไม่มีหน้าที่ที่จะไปรู้เหตุผลอื่นๆ หลังจากขอบคุณสมชายแล้ว เขาก็ไปเคาะห้องถัดๆไป

บุญอิง : ขอโทษ ผมมาจากมหาวิทยาลัยหรดี มาทำวิจัยเรื่องงานอดิเรก ขอทราบชื่อท่านหน่อยครับ ?

ชาย 38 : ผมเหรอ ? ผมชื่อสมศักดิ์

บุญอิง : ขอทราบว่ายามว่างท่านทำงานอดิเรกอะไร ?

สมศักดิ์ : อ๋อ ผมชอบนั่งดูฟองในอ่างน้ำ

บุญอิงรู้สึกแปลกใจมากที่กลุ่มตัวอย่างชายทุกคนมีงานอดิเรกที่แปลกอย่างนี้เหมือนกันหมด มันเป็นไปได้อย่าง ไร ? แต่เอาเถอะ ตัวอย่างคือตัวอย่าง เมื่อสำรวจในอพาร์ทเมนท์หมดแล้วเขาจึงเดินไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็น อาคารห้องแถวชั้นเดียว เขาไปเคาะประตูห้องแรกที่อยู่ริมสุด ผู้ที่มาเปิดประตูเป็นหญิงสาววัยรุ่นรูปโฉมสวยงาม

บุญอิง : ขอโทษนะครับ ผมบุญอิงนักศึกษามาทำวิจัยครับ ก่อนอื่นขอทราบชื่อท่านก่อนครับ

หญิงสาว : ฉันชื่อ ฟอง ค่ะ


เรื่องที่ 187
รองเท้าคู่ใหม่

22 ส.ค. 2549 09:44

บุญเท่ห์ เป็นนักเต้นรำเท้าไฟ วันหนึ่งเขาไปซื้อรองเท้าลีลาศคู่ใหม่ มันสวยงามมาก เขาจะขัดมันและเช็ดถู อยู่เป็นประจำด้วยความภาคภูมิใจ

คืนวันเสาร์ บุญเท่ห์ไปงานลีลาสที่สถานตากอากาศบางปู เขาออกไปเต้นรำกับหญิงสาวคนหนึ่ง

บุญเท่ห์ : ผมรู้นะครับว่าคุณใส่กางเกงในสีอะไร ?

หญิงสาว : จริงหรือ ? เอ้า ! ไหนลองทายดูซิ ?

บุญเท่ห์ : คุณใส่กางเกงในสีฟ้า

หญิงสาว : อืม์ ถูกต้อง คุณรู้ได้อย่างไร ?

บุญเท่ห์ : อ๋อ ผมดูที่รองเท้าของผมครับ มันสะท้อนให้ผมเห็นกางเกงในของคุณ

หญิงสาว : ไม่น่าเชื่อเลย อย่างนั้นเดี๋ยวคุณไปเต้นรำกับน้องสาวฉัน แล้วทายอีกทีว่าเขาใส่กางเกงในสีอะไร

บุญเท่ห์จึงออกไปเต้นรำกับน้องสาวของผู้หญิงคนนั้น เต้นไปสองสามจังหวะแล้วเขาก็ไม่สามารถทายได้ว่า หล่อนใส่กางเกงในสีอะไร จนในที่สุดบุญเทห์ต้องยอมแพ้

บุญเท่ห์ : ตกลงคุณใส่กางเกงในสีอะไร ?

น้องสาว : ฉันไม่ได้ใส่กางเกงในค่ะ

บุญเท่ห์ : โธ่เอ๊ย มิน่าเล่า ตอนแรกผมคิดว่ารองเท้าของผมมันมีรอยแยกเสียอีก


เรื่องที่ 188
ฟันปลอม

23 ส.ค. 2549 08:37

บุญไหล เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียง วันหนึ่งเขาได้รับเชิญไปพูดในงานเลี้ยงของนักธุรกิจชั้นนำที่ โรงแรมไทยปลาร้าก้อน ด้วยความรีบร้อนออกจากบ้านและฟันฝ่ารถติดมาได้ เมื่อถึงโรงแรมเขาเพิ่งรู้ ว่าเขาได้ลืมใส่ชุดฟันปลอมมาด้วย ครั้นจะกลับไปเอาก็คงไม่ทัน ครั้นจะไม่ใส่ฟันปลอมมันก็จะดูเสียลุค

ระหว่างที่บุญไหลกระสับกระส่ายกับปัญหาดังกล่าวและตำหนิตัวเองด้วยสุ้มเสียงที่ฉุนเฉียวเพราะไม่รู้ว่า จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร ก็พอดีบังเอิญมีสุภาพบุรุษคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆเขาได้รู้ถึงปัญหา เขาเอามือล้วง เข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอก

สุภาพบุรุษ : ผมมีฟันปลอมสำรองให้คุณยืมได้

บุญไหลดีใจจนออกนอกหน้า รีบคว้าฟันปลอมขึ้นมาใส่ และแล้วเขาก็ผิดหวังมาก

บุญไหล : มันใช้ไม่ได้เพราะมันหลวมเกินไป

สุภาพบุรุษคนนั้นล้วงไปหยิบฟันปลอมอีกชุดหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อนอกแล้วส่งให้บุญไหล บุญไหลรีบเอา มาใส่ดู แต่แล้วก็ต้องผิดหวังอีก

บุญไหล : อันนี้มันแคบเกินไป ผมใส่ไม่ได้

สุภาพบุรุษ : ผมมีอีกอันหนึ่ง เอ้า ! ลองอันนี้ดูอีกที

บุญไหลลองอันที่สามปรากฏว่าเขาใส่ได้พอดีเป๊ะ เขาจึงขอบอกขอบใจสุภาพบุรุษคนนั้น เขาใช้ฟันปลอม นั้นรับประทานอาหาร เขาพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจได้อย่างจับใจ เมื่องานเลิก เขาเดินมาหาสุภาพบุรุษคนนั้น

บุญไหล : ผมต้องขอบคุณที่มาช่วยผมได้อย่างทันท่วงที บังเอิญตอนนี้ผมกำลังหาหมอฟันดีๆสักคนอยู่พอดี อยากทราบว่าออฟฟิศคุณอยู่ที่ไหน ?

สุภาพบุรุษ : เอ้อ ! ผมไม่ใช่หมอฟันครับ ผมเป็นอาสาสมัครของปอเต๊กตึ๊ง ทำหน้าที่เก็บศพจากอุบัติเหตุ


เรื่องที่ 189
ผลจากไวอากร้า

24 ส.ค. 2549 07:38

บุญสมาน เป็นหนุ่มเพลย์บอย เขาได้รับมรดกเป็นเงินมากมาย จึงทำให้เขาสามารถจับจ่ายได้อย่างสุรุ่ยสุร่าย เขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา บางครั้งก็เผลอมีนัดซ้อนเหมือนเช่นครั้งนี้ เขาตัดสินใจไปที่ ร้านขายยาใกล้บ้าน

บุญสมาน : คุณเภสัชกรช่วยแนะนำผมหน่อย ผมบังเอิญเผลอไปมีนัดกับผู้หญิงสามคนในวันเดียวกันนี้แต่ดี ที่ต่างเวลากัน ผมไม่อยากให้พวกเขาผิดหวังแม้แต่คนเดียว จึงอยากซื้อไวอากร้าไปใช้ ผมควรจะรับประทาน อย่างไรจึงจะให้ผลดีที่สุดและคงสภาพจอมพลังได้ยาวนานที่สุดด้วย

เภสัชกร : อืม์ ผมขอแนะนำให้คุณรับประทานที่เดียว 3 เม็ดเลย

บุญสมาน : ทีเดียวสามเม็ดเลยจะไม่เป็นไรหรือครับ ?

เภสัชกร : ไม่เป็นไรหรอก มันจะออกฤทธิ์ตลอดทั้งวันเลย

บุญสมานทำตามที่เภสัชกรแนะนำ แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้น เขามาที่ร้านขายยาแต่เช้าด้วยสภาพกระป้อกระแป้ หน้าบอกบุญไม่รับ

เภสัชกร : สวัสดีครับคุณบุญสมาน วันนี้ดูอาการไม่สู้ดีมีปัญหาอะไรหรือครับ

บุญสมานเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นมีใครอยู่แถวนั้นเขาจึงรูดซิบแล้วให้เภสัชกรดูสิ่งนั้นของเขาซึ่งฟกช้ำ ถลอกปอกเปิก

บุญสมาน : นี่ไงเป็นสาเหตุ ว่าแต่ว่าที่ร้านมีน้ำมันมวยขายไหม ?

เภสัชกร : คุณจะบ้าหรือเปล่า ถ้าคุณทาน้ำมันมวยมันจะปวดแสบปวดร้อนถึงขั้นชักดิ้นชักงอเลยเชียวนา

บุญสมาน : เรื่องนั้นผมรู้ดี แต่ที่ผมจะซื้อน้ำมันมวยนั้น ผมจะเอามาทาแขนและหัวไหล่ข้างขวา มันปวดเมื่อย มากเพราะการใช้งานหนักเกินไป

เภสัชกร : ผมไม่เข้าใจ

บุญสมาน : ก็ที่ผมนัดผู้หญิงไว้สามคนเมื่อวานนี้ ปรากฏว่าไม่มีใครมาได้สักคนเดียว


เรื่องที่ 190
จะเชื่อใครดี ?

30 ส.ค. 2549 07:34

บุญฉุย ขับรถมาจากสุพรรณบุรีด้วยความเร็วปานจะบิน ตำรวจทางหลวงนายหนึ่งเรียกให้เขาจอด

ตำรวจ : ประทานโทษ คุณขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ขอดูใบอนุญาตขับขี่หน่อยครับ

บุญฉุย : ไม่มีครับ ใบขับขี่ผมถูกตำรวจสน.ทุ่งมหาเมฆยึดไปนานแล้วครับ

ตำรวจ : งั้นขอดูสำเนาทะเบียนรถหน่อย

บุญฉุย : เอ...ผมไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า เพราะรถคันนี้ผมขโมยมา ตอนผมเก็บปืนไว้ในเก๊ะผมก็ไม่เห็นนี่ครับ

ตำรวจ : หา ? คุณมีอาวุธปืนด้วยหรือนี่ ?

บุญฉุย : ใช่ครับ มันเป็นปืนที่ผมใช้ยิงหญิงสาวเจ้าของรถคันนี้ไง ผมยิงแล้วก็นำศพเธอทิ้งไว้ที่ท้ายรถ

ตำรวจวิทยุรายงานทุกอย่างให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยละเอียด สักพักเดียวเท่านั้น รถตำรวจทางหลวง 3-4 คันก็วิ่งมาหยุดล้อมหน้าล้อมหลังรถของบุญฉุย ผู้บังคับการเดินส่ายพุงลงมาจากรถ ตรงไปหาบุญฉุยทันที

ผู้การฯ : ขอดูใบอนุญาตขับขี่หน่อยครับ

บุญฉุย : ครับ นี่ไงครับใบขับขี่ของผม เป็นแบบตลอดชึพเสียด้วย

ผู้การฯ : แล้วสำเนาทะเบียนรถล่ะ มีหรือเปล่า ?

บุญฉุย : มีครับ มี นี่ไงครับ เพิ่งต่อทะเบียนมาเมื่อสองเดือนที่แล้วเอง

ผู้การฯ : คุณเป็นเจ้าของรถหรือเปล่า ? ผมได้รับรายงานว่ารถคันนี้คุณขโมยมา

บุญฉุย : เปล่านี่ครับ ตั้งแต่เกิดผมไม่เคยขโมยของใคร นี่ไงครับ สำเนาทะเบียนรถ

ผู้การฯ : คุณมีปืนอยู่ในเก๊ะด้วยหรือ ? ขอผมตรวจหน่อย

บุญฉุย : เชิญตรวจเลยครับคุณตำรวจ ผมไม่มีปืนหรอก

ผู้การฯ : ขอดูท้ายรถหน่อย ได้ยินว่ามีศพอยู่ท้ายรถด้วย

บุญฉุย : ใครว่า ? บ้ากันใหญ่แล้ว เชิญตรวจดูได้เลย

ผู้การฯ : ตำรวจเขารายงานว่าคุณบอกเขาเช่นนั้น

บุญฉุย : ท่านเชื่อเขาหรือ ? รวมทั้งเรื่องที่เขาว่าผมขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดด้วย ?


เรื่องที่ 191
นางในฝัน ?

31 ส.ค. 2549 07:21

บุญยอด เป็นหนุ่มรูปหล่อผิวขาว ฐานะรวย จบการศึกษาจากต่างประเทศ เขาเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆน้อยใหญ่ แต่เขาไม่ตกลงปลงใจกับใครเลยแม้แต่คนเดียว เพราะเขาอยากจะได้สาวที่มีความเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบใน ทุกๆด้าน เพื่อจะได้ลูกที่เยี่ยมยอดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ไม่ว่าเพื่อนๆหรือญาติผู้ใหญ่จะแนะนำผู้หญิงจากแทบทุกภาคให้เขา แต่ก็ไม่เป็นที่พอใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาไป เยี่ยมญาติแถวเขาใหญ่ เขาพบเจ้าของฟาร์มที่ร่ำรวยซึ่งมีลูกสาวสวยอยู่สามคน บุญยอดดูจะสนใจมาก ดังนั้น เขา จึงได้บอกถึงความประสงค์ของเขาแก่เจ้าของฟาร์ม เจ้าของฟาร์มก็ยินดีจึงให้บุญยอดเลือกคบได้หนึ่งคน

บุญยอดขอนัดหญิงสาวที่เป็นพี่คนโต เขาพากันออกไปเที่ยวรับประทานอาหาร ดูภาพยนตร์เหมือนหนุ่มสาวทั่วไป เช้าวันรุ่งขึ้น เขาพบกับเจ้าของฟาร์ม

บุญยอด : ลูกสาวคนโตของท่านมีความเพรียบพร้อมเกือบทุกอย่าง ติอยู่นิดเดียวที่เธอมีเท้าที่บิดเล็กน้อยแบบตีนเป็ด จะเห็นได้ตอนเธอเดินเท่านั้น แต่ถ้าไม่สังเกตุดีๆแล้วก็จะไม่รู้หรอก

เขาจึงขอนัดหญิงสาวคนกลางในคืนถัดมา เช้าวันรุ่งขึ้นเขามาพบเจ้าของฟาร์มอีก

บุญยอด : ลูกสาวคนกลางของท่านก็เช่นเดียวกัน ทุกอย่างดีหมดติอยู่นิดเดียวตรงที่เธอตาเอกถ้าไม่สังเกตุก็ไม่รู้

คืนที่สามเขาจึงขอนัดสาวคนเล็กออกไปเที่ยวบ้าง รู้สึกเขาจะถูกใจสาวคนนี้มาก ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้น

บุญยอด : ผมชอบลูกสาวคนเล็กของท่านมาก นี่แหละนางในฝันของผมหละ ผมขอแต่งงานกับเธอเลย

บุญยอดได้แต่งงานกับหญิงสาวตามที่ต้องการทันที ต่อมาไม่นานภรรยาก็คลอดลูก เขาดีใจมากเพราะเขาหวังจะได้ ลูกที่เยี่ยมยอดดังที่เขาใฝ่ฝัน ครั้นเมื่อไปเยี่ยมภรรยาและลูกที่โรงพยาบาล เขาต้องตกตลึงและผิดหวังมากเพราะเด็ก ทารกมีสีผิวค่อนข้างดำ หน้าตาไม่มีเค้าความหล่อของเขาหรือความสวยของภรรยาเลย เขาจึงไปหาพ่อตา

บุญยอด : ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ ?

พ่อตา : ลูกสาวผมน่ะดีพร้อมทุกอย่างเลย ติอยู่นิดเดียวตรงที่เธอมีท้องแล้วตอนที่คุณพบกับเธอ คุณไม่ได้สังเกตุ


เรื่องที่ 192
ลูกไม้ตื้นๆ ?

1 ก.ย. 2549 06:43

หลังจากกลับบ้านดึกติดต่อกันมาหลายวัน วันนี้ บุญทศ จึงกินข้าวเย็นและอยู่ที่บ้านอย่างค่อนข้างหงอยเหงา เขาจะผุดลุกผุดนั่งเพราะไม่รู้จะทำอะไร จนกระทั่งตอนสามทุ่ม ภรรยาบอกให้เขาไปซื่อบุหรี่ซาเล็มให้หนึ่ง ซอง เขาเดินไปร้าน 7-11 แถวปากซอย ปรากฏว่าไม่มี ร้านอื่นๆก็ปิดร้านหมดแล้ว เขาจึงตัดสินใจไปซื้อ ที่บาร์บุญขจร

หลังจากซื้อบุหรี่ได้แล้วบุญทศเลยถือโอกาสนั่งดื่มเบียร์สักสองสามแก้วเสียเลย ระหว่างที่นั่งดื่มอยู่นั้นมีหญิง สาวคนหนึ่งนั่งดื่มอยู่ข้างๆ สองคนคุยกันถูกคอ ยิ่งคุยก็ยิ่งออกรส ไม่นานก็สนิทสนมและชอบพอซึ่งกันและ กัน ในที่สุดก็ลงเอยด้วยการออกไปมีอะไรกันที่บ้านของหญิงสาวนั้นจนกระทั่งตีสอง บุญทศตกใจ

บุญทศ : คุณมีแป้งทาตัวหรือเปล่า ?

หญิงสาวหยิบแป้งทาตัวให้บุญทศ เขาเอาแป้งมาถูที่มือทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านทันที ภรรยาซึ่ง นั่งคอยบุหรี่จากเขาอยู่ตั้งแต่ตอนสามทุ่มเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ

ภรรยา : คุณไปไหนมา ? ให้ไปซื้อบุหรี่ซองเดียวหายไปตั้ง 5 ชั่วโมง

บุญทศ : ผมไปที่ 7-11 เขาไม่มีขาย ร้านอื่นๆก็ปิดหมดแล้วจึงได้ไปซื้อที่บาร์บุญขจร เลยถือโอกาสกินเบียร์ สักแก้วสองแก้ว บังเอิญเจอผู้หญิงสาวคนหนึ่ง เราคุยกันถูกคอดีจึงพากันออกไปมีอะไรกันที่บ้านของเธอ

ภรรยา : จริงเหรอ ? ฉันอยากจะเชื่อคุณนะ ไหน ยื่นมือมาดูหน่อยซิ

บุญทศยื่นมือทั้งสองที่เต็มไปด้วยแป้งทาตัวให้ภรรยาดู

ภรรยา : เห็นไหม ? คุณไม่ต้องมาสร้างเรื่องโกหกฉันหรอก ลูกไม้ตื้นๆ ! หนีไปเล่นบิลเลียตอีกตามเคยนะซี


เรื่องที่ 193
เพื่อนผู้ซื่อ

2 ก.ย. 2549 06:17

บุญแนบ จะเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่เขาเป็นห่วงบ้าน คุณยายผู้สูงอายุ และแมวสี สวาดตัวโปรด ดังนั้นเขาจึงไปพบและฝากบ้านไว้กับบุญผูกเพื่อนรัก

บุญแนบ : ผมจะไปเที่ยวประเทศจีนสักอาทิตย์หนึ่งจึงขอฝากบ้านไว้หน่อย รบกวนแวะมาดูวันละสองครั้งเช้าเย็น ดูคุณยายของผมบ้าง ให้อาหารแมวของผมบ้าง

บุญผูก : ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลให้อย่างดี ขอให้เที่ยวสนุก

หลังจากที่บุญแนบออกเดินทางไปได้สองวันเขาก็ได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากบุญผูก

บุญผูก : ผมอยากบอกว่าที่นี่ทุกอย่างเรียบร้อยยกเว้นเรื่องเดียว มันเป็นข่าวไม่สู้ดี คือว่า..แมวของคุณมันตายแล้ว

บุญแนบ : อ้าว โธ่เอ๋ย คุณไม่น่าบอกผมตรงๆอย่างนี้เลยผมเสียความรู้สึกมาก คุณน่าจะมีศิลปหน่อย เช่น วันแรก บอกผมว่าแมวผมปีนขึ้นต้นไม้แล้วไม่ยอมลงมา วันที่สองบอกผมว่ามันกระโดดไปเกาะเสาไฟฟ้า คุณเรียกมันอย่าง ไรมันก็ไม่ยอมลง เอาอาหารมาล่อมันก็ไม่สน วันที่สามคุณเอาแมวตัวเมียมาล่อ เมื่อมันเห็นมันก็เลยกระโดดลงมา บังเอิญพลาดพลั้งเลยทำให้ขาหักทั้งสี่ข้าง คุณนำม้นไปส่งสัตวแพทย์อีกสองวันต่อมาคุณค่อยบอกว่ามันตายเสียแล้ว ก็พอดีกับที่ผมเที่ยวจบและเดินทางกลับเมืองไทย

บุญผูก : ผมต้องขอโทษด้วยครับ เพราะอ่อนประสบการณ์เลยทำให้คุณเที่ยวไม่สนุก

สองวันต่อมา บุญแนบได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากบุญผูกอีกครั้งหนึ่ง

บุญผูก : ผมโทรมารายงานว่าที่นี่เรียบร้อยดีทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียว คือว่า..คุณยาย แกปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ผม เรียกอย่างไรแกก็ไม่ยอมลงมา


เรื่องที่ 194
วิธีเลิกสูบซิการ์ ?

03 ก.ย. 2549 07:41

บุญหมาน ติดซิการ์งอมแงมเนื่องจากเขาสูบมันมาหลายปี ระยะหลังนี้มีการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่กันมาก สถานที่หลายๆแห่งก็ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ เพื่อนๆของบุญหมานก็ตายจากไปทีละคนสองคน ส่วนมากก็ ตายจากโรคมะเร็งปอด หรือโรคถุงลมโป่งพอง ตัวบุญหมานเองก็ตั้งใจจะเลิกสูบซิการ์ด้วยเหมือนกัน เขา จึงไปปรึกษาหมอ

บุญหมาน : คุณหมอครับ ผมอยากเลิกสูบซิการ์ แต่ผมไม่อยากต้องกินยา

หมอ : ได้ ไม่มีปัญหา หมอเคยรักษาพวกที่ติดบุหรี่จัดๆมานักต่อนักแล้ว วิธีของหมอค่อนข้างจะพิศดาร นิดหน่อย เอาอย่างนี้นะ วันนี้พอคุณกลับบ้านไปให้คุณแกะกล่องซิการ์ออก กล่องหนึ่งมี 25 มวนใช่ไหม ? คุณหยิบซิการ์มวนหนึ่งยัดใส่รูก้นของคุณ เสร็จแล้วคุณก็นำมาใส่ปะปนกับซิการ์มวนอื่นในกล่อง คุณจะไม่ กล้าสูบซิการ์ในกล่องเลย เพราะคุณไม่รู้ว่ามวนไหนที่คุณยัดเข้ารูก้นมาแล้ว พอคุณยัดไปจนครบ 25 มวน แล้วคุณก็โยนซิการ์กล่องนี้ทิ้งไป แล้วเริ่มต้นกล่องใหม่ ไม่เกิน 2 กล่องคุณอดได้แน่ อีก 4 เดือนมาพบกัน

สี่เดือนต่อมา บุญหมานมาหาหมอตามนัด แต่ดูสีหน้าของเขาไม่ค่อยสบาย

หมอ : สวัสดี คุณบุญหมาน ดูท่าทางไม่ค่อยสบาย ได้ทำตามที่ผมแนะนำหรือเปล่า ?

บุญหมาน : ทำครับ ทำ

หมอ : อ้าว แล้วคุณยังเลิกสูบซิการ์ไม่ได้หรืออย่างไร ?

บุญหมาน : เลิกได้ครับ เลิกได้ ผมไม่ได้สูบซิการ์แล้ว

หมอ : เลิกสูบได้ก็ดีแล้วนี่ ทำไมต้องทำหน้าไม่สบายด้วยล่ะ

บุญหมาน : ก็ตอนนี้ผมต้องเอาซิการ์ยัดรูก้นก่อนนอนทุกคืนเลย ไม่งั้นผมนอนไม่หลับ


เรื่องที่ 195
การทดสอบที่ศรีธัญญา

4 ก.ย. 2549 09:12

ทุกๆวันศุกร์ต้นเดือน จะมีการคัดเลือกคนไข้ที่มีพัฒนาการการดีที่สุดจำนวนสองคนมาทำการทดสอบ หากคนไข้ ผ่านการทดสอบก็จะได้รับการปล่อยตัวให้กลับบ้านได้

สำหรับเดือนนี้ คนไข้ที่ได้รับการคัดเลือกคือ สายนิด และ บุญแอบ คนทั้งสองถูกนำตัวไปยังห้องประชุม เมื่อหมอได้ แฟ้มประวัติคนไข้แล้วก็เรียกสายนิดเข้าไปในห้องทดสอบเป็นคนแรก

หมอ : คุณสายนิดรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณถูกคัดเลือกให้มาทดสอบ ผมจะถามคำถามคุณสองข้อ ถ้าคุณตอบถูกหมดทั้ง สองข้อ คุณจะได้รับการปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ คำถามข้อแรก ถ้าสมมติว่ามีการผ่าตัดควักลูกนัยตาคุณออกข้างหนึ่ง คุณจะเป็นอย่างไร

สายนิด : ฉันก็จะมองไม่เห็นข้างหนึ่งซีคะ

หมอ : แล้วถ้าผ่าตัดควักลูกนัยตาออกอีกข้างหนึ่งล่ะ

สายนิด : ฉันก็จะมองไม่เห็นอะไรเลยซีคะ

หมอบอกสายนิดว่าเธอตอบถูกหมด ให้ไปจัดกระเป๋ากลับบ้านได้ และหว่างเดินผ่านห้องประชุม สายนิดได้บอก บุญแอบถึงคำถามและคำตอบที่ถูกต้องทั้งสองข้อ ครั้นเมื่อบุญแอบถูกเรียกเข้าห้องทดสอบในเวลาต่อมา

หมอ : คุณบุญแอบรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณจะถูกถามปัญหาสองข้อ ถ้าคุณตอบถูกหมดคุณก็กลับบ้านได้ คำถามข้อแรก ถ้าคุณถูกผ่าตัดเอาใบหูออกข้างหนึ่งคุณจะเป็นอย่างไร ?

บุญแอบ : ผมก็จะมองไม่เห็นข้างหนึ่งซีครับ

หมอ : แล้วถ้าหมอผ่าตัดเอาใบหูอีกข้างหนึ่งออกด้วยล่ะ จะเป็นอย่างไร ?

บุญแอบ : ผมก็มองไม่เห็นอะไรเลยซีครับ

หมอ : เอ... ช่วยบอกหมอหน่อย ตัดใบหูแล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับการมองไม่เห็นด้วยล่ะ ?

บุญแอบ : อ๋อ เมื่อตัดใบหูแล้ว หมวกมันก็จะตกลงมาปิดตายังไงล่ะครับ


เรื่องที่ 196
ผลแห่งกรรม

5 ก.ย. 2549 07:01

เมื่อ บุญปาด คนขับรถแท็กซี่ตายไล่เลี่ยกับ พระบุญสอนธรรมาภิขุ บุญปาดต้องพบกับยมบาลก่อนในขณะที่ พระบุญสอนยืนคอยอยู่

ยมบาล : โปรดรายงานตัว

บุญปาด : ผมบุญปาด มีอาชีพขับรถแท็กซี่ รักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัดมาตลอดชีวิต สวดมนต์ไหว้พระก่อน นอนทุกคืนไม่เคยขาด ทำบุญตักบาตรทุกวันพระไม่เคยเว้น

ยมบาลเปิดดูสมุดประวัติปูมหลังของบุญปาดอย่างละเอียด เงยหน้าขึ้นมาบอกกับบุญปาด

ยมบาล : เป็นความจริงทุกประการ เอาล่ะ ท่านสมควรไปสวรรคชั้น 8 ได้

พระบุญสอนโบกไม้โบกมือแสดงความยินดีกับบุญปาดพร้อมๆกับเดินไปหายมบาล คิดว่ายังไงตนต้องได้ไปชั้น 9 แน่

ยมบาล : โปรดรายงานตัว

พระบุญสอน : อาตมาพระบุญสอน ธรรมาภิขุ บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุแปดขวบ เรียนธรรมะจนจบเปรียญ 9 ประ โยค บวชเป็นพระและอยู่ในเพศบรรพชิตจนกระทั่งละสังขาร

ยมบาลเปิดดูประวัติปูมหลังของพระบุญสอน พลิกไปพลิกมาพักใหญ่ ถอนหายใจแล้วบอกกับพระบุญสอน

ยมบาล : เป็นความจริง แต่..เอาล่ะๆ ท่านสมควรไปสวรรค์ชั้น 6 ได้

พระบุญสอน : เดี๋ยวก่อนท่านยมบาล ท่านดูผิดหรือเปล่า ? อาตมาอุทิศตนเพื่อศาสนามาตลอดชีวิต ทำไมอาตมา จึงได้ขึ้นสวรรค์ชั้นต่ำกว่าบุญปาด เขาเป็นแค่คนขับรถแท็กซี่เท่านั้น

ยมบาล : ไม่ผิดหรอก ที่นี่เราชั่งน้ำหนักจากผลกรรมที่เกิดจากการกระทำ ตอนท่านมีชีวิตอยู่ ท่านเทศน์เมื่อไรบรรดา ฆารวาสจะนอนหลับทุกครั้งไม่มีใครสวดมนต์ภาวนาเลย แต่เวลาบุญปาดขับรถแท็กซี่ ผู้โดยสารทุกคนไม่เคยหลับ เลย ยิ่งกว่านั้นทุกคนจะสวดนโมตลอดเวลา


เรื่องที่ 197
กรมธรรม์ประกันกลุ่ม

6 ก.ย. 2549 16:49

บุญยิ่ง ไปสมัครงานที่บริษัท อียูอี ประกันชีวิต ผู้จัดการแจ้งกับเขาว่าขณะนี้บริษัทมีพนักงานเต็มอัตราแล้ว ไม่สามารถรับพนักงานเพิ่มได้อีก

บุญยิ่ง : ผมเป็นยอดนักขายมือฉมัง ผมสามารถขายได้ทุกอย่างถ้าให้โอกาส ผมจะพิสูจน์ให้ดู

ผู้จัดการ : ก็ได้ ที่บริษัทมีกรมธรรม์บางแบบที่ขายไม่ออกเลย ถ้าคุณขายได้ผมจะรับคุณเข้าทำงานทันที

บุญยิ่งหายไปสองชั่วโมง เขากลับมาพบผู้จัดการพร้อมกับเช็คสองใบในมือ ใบหนึ่งสองล้านบาท อีกใบหนึ่ง สี่ล้านบาท ผู้จัดการเห็นแล้วต้องอ้าปากค้าง

ผู้จัดการ : คุณยอดเยี่ยมมาก แต่ว่า...คุณเก็บตัวอย่างปัสสาวะมาด้วยหรือเปล่า ?

บุญยิ่ง : ปัสสาวะอะไรครับ ?

ผู้จัดการ : การขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในวงเงินที่สูงเกินกว่าหนึ่งล้านบาท ต้องเก็บตัวอย่างปัสสาวะของ ผู้เอาประกันมาด้วยตามระเบียบ คุณรีบกลับไปเอามาให้ทันวันนี้ด้วยจะได้ไม่โมฆะ

บุญยิ่งหายไปห้าชั่วโมงเห็นจะได้ เขากลับมาพบผู้จัดการก็ตอนบริษัทจะปิดทำการอยู่แล้ว มือทั้งสองของเขา หิ้วกระป๋องแกลลอนมาข้างละใบ เมื่อพบกับผู้จัดการเขาวางกระป๋องแกลลอนสองใบลงบนโต๊ะ เอามืล้วงลงไป ในกระเป๋ากางเกง หยิบหลอดตัวอย่างปัสสาวะขึ้นมาสองหลอดส่งให้ผู้จัดการด้วยใบหน้ายิ้มแย้มส่อชัยชนะ

บุญยิ่ง : นี่ไงครับ ตัวอย่างปัสสาวะของคุณบุญเท กับของคุณบุญผ่อน ผู้เอาประกันทั้งสองคน

ผู้จัดการ : อ้าว แล้วกระป๋องแกลลอนสองใบนั้นล่ะ คืออะไร ?

บุญยิ่ง : อ๋อ ระหว่างเดินทางกลับมาที่บริษัท ผมผ่านศูยน์ประชุมไตรเท็ค มีพวกอาจารย์มาสัมนากันมากมาย ผมจึงถือโอกาสขายกรมธรรม์ประกันกลุ่มให้พวกเขาเสียเลย นี่ไงครับเช็คมูลค่าห้าล้านบาท และผมก็เก็บตัว อย่างปัสสาวะของพวกเขาทุกคนมาพร้อมเลยยังไง


เรื่องที่ 198
ของขวัญถูกใจแม่

7 ก.ย. 2549 09:15

บุญรัตน์ บุญรอด และ บุญเรียม สามพี่น้องผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงได้มีโอกาสมาพบและรับประ ทานอาหารด้วยกันในเย็นวันหนึ่ง

บุญรัตน์ : เดือนหน้าจะเป็นวันเกิดครบ 6 รอบของคุณแม่ ผมในฐานะพี่ชายคนโตและเป็นเจ้าของธนาคาร ผมซื้อบ้านหลังใหม่ราคา 10 ล้านบาทเป็นของขวัญให้คุณแม่ แล้วบุญรอดล่ะซื้ออะไรให้คุณแม่บ้าง ?

บุญรอด : ผมในฐานะพี่คนกลางและเป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้าง ปีนี้บริษัททำกำไรได้ถึงพันกว่าล้านบาท ผม จึงตัดสินใจซื้อรถเมอร์ซีเดซเบนซ์ 500 SEL ราคา 10 ล้านบาทให้คุณแม่หนึ่งคัน พร้อมกับจ้างคนขับรถ ให้หนึ่งคนด้วย แล้วบุญเรียมซื้ออะไรให้คุณแม่ล่ะ ?

บุญเรียม : ผมเป็นเจ้าของบริษัทโทรคมนาคม ปีนี้ธุรกิจดีมากเหลือเกิน บริษัททำกำไรตั้งหนึ่งหมื่นล้านบาท ผมรู้ว่าคุณแม่เป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมะ แกจะมีความสุขมากที่ได้ทำเช่นนั้น แต่มาระยะหลังนี้สายตาแก ไม่ค่อยดีจึงอ่านไม่ได้ ผมไปซื้อนกแก้วมาคอว์มาตัวหนึ่ง เขาเอามันไปฝึกที่วัดสวนแก้ว 5 ปีให้มันท่องจำหนัง สือธรรมะทุกบท และท่องจำคำเทศน์ของเจ้าอาวาสทุกตอน นกแก้วมาคอว์ตัวนี้ราคา 10 ล้านบาทเหมือนกัน

ก่อนจะถึงวันเกิดของคุณแม่สักสองสัปดาห์เห็นจะได้ คุณแม่ส่งจดหมายถึงลูกชายทั้งสามดังนี้

ถึงบุญรัตน์ลูกรัก แม่ขอบใจที่ซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่ แม่อายุมากแล้วต้องการแต่เพียงห้องขนาดเล็กๆเพียง ห้องเดียวก็พอ บ้านหลังใหญ่เป็นภาระที่จะต้องเก็บกวาดเช็ดถู แม่จึงขายบ้านหลังใหม่นี้ไปแล้วนำเงินบางส่วน ไปทำบุญในนามของลูกด้วย จากแม่

ถึงบุญรอดลูกรัก แม่ขอบใจที่ลูกซื้อรถเบนซ์พร้อมหาคนขับรถมาให้ แม่อายุมากแล้วไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน บ่อยนัก อีกประการหนึ่งสายตาแม่ก็ไม่สู้จะดี จึงไม่อยากออกไปข้างนอก แม่จึงตัดสินใจขายรถเบนซ์นี้ไป เอา เงินส่วนหนึ่งไปเลี้ยงเด็กกำพร้าในนามของลูกด้วย จากแม่

ถึงบุญเรียมลูกรัก ลูกเป็นคนที่รู้ใจแม่มากที่สุดเลย แม้ของที่ลูกส่งมามันจะไม่มีราคาค่างวดสักเท่าไรก็ตาม แต่แม่ ก็อยากจะบอกว่า ไก่ตัวนี้แปลกกว่าไก่ทั่วๆไป เนื้อมันหวานกินอร่อยจริงๆ วันหลังลูกส่งมาให้แม่อีกนะ จากแม่


เรื่องที่ 199
วิธีขอลาพักผ่อน

8 ก.ย. 2549 08:47

บุญพัน กับ บุญไว เป็นสองหนุ่มคู่หู พวกเขาเป็นลูกจ้างชั่วคราวของกรมการปกครอง ช่วงที่ต้องเปลี่ยนบัตร ประชาชนแบบเดิมเป็นบัตรประขาชนแบบสมาร์ทการ์ดนั้น พวกเขาต้องทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ สัปดาห์ ละเจ็ดวัน เพราะหัวหน้าต้องการเข็นให้บัตรออกเร็วที่สุด เหตุการณ์เป็นอย่างนี้มาสามสี่เดือนแล้ว

บุญพัน : พวกเราน่าจะมีวันหยุดกับเขาบ้างนะ นี่ผมจะหมดความอดทนเสียแล้วซี

บุญไว : ผมก็เหมือนกัน ผมขอลาอย่างไรหัวหน้าก็ไม่ให้หยุด แต่เออ..ผมมีวิธีแล้ว

บุญพัน : วิธีอะไรช่วยบอกหน่อย แล้วผมจะใช้วิธีเดียวกันได้ไหม ?

บุญไว : เดี๋ยวคุณคอยดูนะ ตอนนี้หัวหน้าไปข้างนอก พอเขากลับเข้ามาคุณรีบส่งสัญญาณบอกผมด้วย

พอบุญพันส่งสัญญาณว่าหัวหน้ากลับเข้ามาแล้ว บุญไวรีบเอาเชือกเส้นหนึ่งผูกที่ฝ้าเพดานส่วนปลายอีกข้าง หนึ่งผูกกับขาเขาไว้ แล้วห้อยหัวโตงเตงในขณะที่หัวหน้าเดินมาเห็นเข้าพอดี

หัวหน้า : นี่บุญไว มันเกิดอะไรขึ้นนี่ ?

บุญไว : ผมเป็นหลอดไฟฟ้าครับ

หัวหน้า : เฮ้ย ! จะบ้าหรือเปล่า คุณนี่อาการหนักแล้วนะ ผมว่าคุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านสักสองสามวันแล้ว ค่อยกลับมาทำงานใหม่ดีกว่า

บุญไวรีบเก็บข้าวของแล้วเผ่นออกจากที่ทำงานทันที ปล่อยให้บุญพันยืนงงอยู่คนเดียว แต่ไม่นานบุญพันก็ จัดแจงเก็บข้าวของของตนเตรียมจะกลับบ้านเช่นเดียวกัน

หัวหน้า : อ้าว ! บุญพัน คุณจะไปไหน ?

บุญพัน : ผมจะกลับบ้านครับ

หัวหน้า : คุณยังกลับไม่ได้ งานยังไม่เสร็จเลย

บุญพัน : เมื่อไม่มีหลอดไฟฟ้าผมก็ทำงานไม่ได้ มันมืดน่ะครับ


เรื่องที่ 200
พิซซ่าสั่งยาก ?

9 ก.ย. 2549 07:58

พ.ต.อ. บุญแสง นำกำลังตำรวจดีเอสไอจำนวน 10 นายบุกเข้าไปตรวจค้นโรงพยาบาลโรคจิตแห่งหนึ่งเนื่องจาก ได้รับแจ้งว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ใช้เอกสารปลอมเบิกเงินชดเชยจากกองทุนประกันสุขภาพ พวกเขาใช้เวลา 7 ชั่วโมงในการตรวจเอกสารจนทุกคนรู้สึกเปลี้ยและหิวโหย พ.ต.อ. บุญแสงจึงโทรศัพท์สั่งอาหารมารับประทาน

บุญแสง : สวัสดีครับ ที่นั่นพิซซ่าชาเล่ต์ใช่ไหมครับ ผมขอสั่งพิซซ่ารวม 15 ถาด โค้ก 15 กระป๋อง

โอเปเรเตอร์ : ใช่ครับ จะให้ผมนำไปส่งให้ที่ไหนครับ ?

บุญแสง : ที่โรงพยาบาลโรคจิตสมคะเน

โอเปเรเตอร์ : โรงพยาบาลโรคจิตสมคะเนหรือครับ ?

บุญแสง : ใช่ โรงพยาบาลโรคจิตสมคะเน พวกเราเป็นตำรวจดีเอสไอ

โอเปเรเตอร์ : ตำรวจดีเอสไอหรือครับ ? แล้วอยู่ที่โรงพยาบาลโรคจิตสมคะเน ?

บุญแสง : ถูกต้อง พวกเราทุกคนเป็นตำรวจดีเอสไอ อ้อ เวลามาส่งให้เข้าประตูด้านหลังนะ เพราะด้านหน้าล็อก

โอเปเรเตอร์ : คุณว่าทั้งหมดที่นั่นเป็นตำรวจดีเอสไออย่างนั้นหรือครับ ?

บุญแสง : ก็ใช่นะซี เราอยู่ที่นี่กันทั้งวันหิวจะแย่อยู่แล้ว คุณจะมาส่งได้เมื่อไร ?

โอเปเรเตอร์ : แล้วพวกคุณจะจ่ายเงินแบบไหนครับ ?

บุญแสง : มาส่งพิซซ่าแล้วก็มาเก็บเงินสดไปด้วยเลย

โอเปเรเตอร์ : จ่ายเงินสดหรือครับ ? เอ้อ ! คุณว่าพวกคุณทั้งหมดเป็นตำรวจดีเอสไอจริงๆหรือครับ ?

บุญแสง : เอ๊ะ บอกแล้วว่าใช่

โอเปเรเตอร์ : แล้วพวกคุณมีปืนด้วยหรือเปล่า ?

บุญแสง : มีซี พวกเรามีปืน เป็นตำรวจก็ต้องมีปืนทุกคนแหละ อ้อ ! อย่าลืมนะ เวลามาส่งพิซซ่ากับโค้ก ให้เข้า มาทางประตูด้านหลังนะ อย่าเข้าทางประตูหน้าเพราะมันล็อก

โอเปเรเตอร์ : ผมไม่เชื่อคุณหรอก คุณน่ะพวกคนโรคจิตชัดๆเลย