เดินออกกำลังกาย

linesbar.gif (1687 bytes)

             สำหรับบางท่านที่พึ่งจะคิดออกกำลังกาย หรือท่านที่มีปัญหาน้ำหนักตัว ลองพิจารณาบทความนี้ดู

             การเดินนี่แหล่ะคือการออกกำลังกายที่ดีที่สุด ไม่ต้องไปฝึกไปหัด ไม่ต้องไปแข่งขันกับใคร และที่เหมาะสมกับยุคสมัยนี้ก็คือ ไม่เปลืองสตางค์ เพราะถ้าจะให้ครบเครื่องจริง ๆ สิ่งที่ต้องซื้อ (หากไม่มี) ก็เห็นจะมีเพียงรองเท้าผ้าใบสำหรับใส่เดินสักคู่ กับถุงเท้า กีฬาอีกสัก 2-3 คู่ (คู่เดียวไม่พอสำหรับเดินทุกวัน เดี่ยวเหม็น)

เดินให้ร่างกายฟิตเปรี๊ยะ

            สำหรับคนปกติ ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยหนักหนาสาหัสอะไร หากจะเดินให้ร่างกายคงความฟิตตลอดเวลาเอาไว้ได้ จะต้อง เดินประมาณ 5 กิโลเมตร ในเวลา 45 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน ที่ต้องกำหนดระยะทางในเวลาที่จำกัดก็เพื่อให้ได้ความเร็ว ในการเดินมากพอที่โกร๊ธฮอร์โมน (growth hormone) จะหลั่งออกมาและชีพจรเต้นได้ประมาณ 100-120 ครั้งต่อนาที

สำหรับการเริ่มต้น

            ในตอนเริ่มต้นสำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังมาก่อนเลย หรือหากเคยก็น้อยมาก ให้เริ่มด้วยระยะทางสักกิโลเมตรครึ่ง โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก่อนก็ได้ แต่ก็ต้องทำให้ได้สัปดาห์ละ 5 วัน เหมือนกันนะเพราะความสม่ำเสมอ คือหัวใจสำคัญ ประการหนึ่งของการออกกำลัง จากนั้นให้ค่อยๆ เพิ่มระยะทางและเวลาให้มากขึ้นจนล่วงเข้ากลางเดือนที่สาม หรือเต็มที่ก็ สามเดือนผ่านไป คุณควรจะสามารถเดินได้ถึง 5 กิโลเมตรแล้ว โปรแกรมนี้ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จนถึงคนสูงอายุที่ร่างกาย ยังแข็งแรงกระฉับกระเฉงดีอยู่

            และจำไว้ว่า อย่าเพิ่มปริมาณการเดินในแต่ละสัปดาห์ให้มากเกินกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะจุดประสงค์ของการเดินครั้งนี้ ก็เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นเท่านั้น (ไม่ใช่เพื่อเตรียมตัวเป็นนักกีฬาระดับโลก) นั่นก็คือมีร่างกายที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต่างๆ หัวใจ และปอด อันจะส่งผลให้การทำงานในแต่ละวันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การมีสุขภาพที่ดียังช่วยให้จิตใจปลอดโปร่งจากความกังวล ความกลัวและความโกรธอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณจัดการ กับความท้าทาย โอกาส และเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ได้ดีกว่าที่เคย

อย่าลืมวอร์มอัพ

            ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินตอนเช้าเพื่อสร้างความรู้สึกสดชื่นให้กับตัวเองก่อนทำงาน หรือเดินตอนเย็นเพื่อขจัดความเหน็ดเหนื่อย เคร่งเครียดที่ได้รับมาตลอดชั่วโมงทำงาน ก็อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับการวอร์มร่างกายก่อนการเดินสัก 10 นาที และสำหรับการผ่อน คลายหลังเดินแล้วอย่างน้อยสัก 5 นาที ด้วยก็แล้วกัน

ประโยชน์ของการเดิน

            การเดินนี้ไม่เพียงแต่เป็นการออกกำลังกายที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่คุณได้ใกล้ชิดกับร่างกายของตัวเอง และได้มี โอกาสสังเกตุสิ่งต่าง ๆ รอบตัว นอกจากนี้การเดินเร็ว ๆ ยังช่วยให้เรารู้สึกร่าเริง มีความสุขเป็นพิเศษด้วย ซึ่งก็เนื่องมาจากการที่ เลือดไหลเวียนดีขึ้น กล้ามเนื้อลดความตึงเครียดลง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การหลั่งโกร๊ธฮอร์โมน เป็นต้น และปกติแล้วความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่านี้ก็จะอยู่กับคุณได้นานถึง 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ฝึกหายใจไปด้วย

            อีกเรื่องหนึ่งที่ควรทำควบคู่กันไปกับการเดินก็คือ การฝึกหายใจจากท้อง คนส่วนมากมักหายใจไม่ลึกพอ โดยมักจะหายใจ จากหน้าอก ซึ่งไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องก็คือ เมื่อหายใจเข้า คุณจะต้องรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวที่ท้อง จากนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนมาจนถึง หน้าอก ครั้นเมื่อหายใจออก คุณก็ต้องปล่อยให้ท้องของคุณรู้สึกผ่อนคลายด้วย แรก ๆอาจรู้สึกแปลกๆ แต่นี่คือวิธีคลายเครียดไปใน ตัวด้วยวิธีหนึ่ง ทั้งยังทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเต็มที่กว่าด้วย

            หายใจได้แล้ว เดินก็เป็นแล้ว เริ่มกันเลยเป็นไง จะเอาแบบเดินเดี่ยวชื่นชมธรรมชาติคนเดียว (แต่ต้องระวังภัยคนเดียว เหมือนกัน!) หรือเดินเป็นหมู่คณะเพื่อจะได้เฮฮาประสาเพื่อนซี้ ก็ได้ทั้งนั้น  ขอเพียงว่าเดินเจอกันเมื่อไหร่ อย่าลืมทักกันบ้างก็แล้วกัน

เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆในการเดิน

         ท่าเดินต่อไปนี้ไม่ได้บังคับให้คุณต้องเดิน แต่บอกเอาไว้ เผื่อคุณจะเอาไปใช้สลับกับการก้าวเดินเร็ว ๆ ตามปกติ เพราะมันมี ประโยชน์ แถมยังคลายเครียดได้ด้วย ไม่เชื่อลองอ่านแล้วทำตาม แล้วให้ใครสักคนช่วยดูสิ !

            1.  เดินด้วยส้นเท้า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อตรงหน้าแข้ง และช่วยยึดเส้นเอ็นหลังเข่า เดินแบบนี้ไปสัก 150 ก้าว

            2.  เดินไขว้เท้าไปมา โดยให้เท้าข้างหนึ่งไว้ไปเหนือเท้าอีกข้างหนึ่ง ท่านี้จะช่วยให้สะโพกเคลื่อนไหวได้มากขึ้น

        3.  อีกท่าเดินที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับสะโพกก็คือ ให้เดินเหมือนปกติ แต่แทนที่จะเดินตรง ๆ ก็ให้เดินเป็นเลข 8

            4.  ก้าวสั้นๆแต่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อผ่อนคลายเท้าและข้อเท้าโดยเวลาก้าวอย่าลากเท้าแต่ต้องให้รู้สึกถึงการวางเท้าลง จากส้นเท้าถึงปลายเท้า