บรรยากาศงานเดิน-วิ่ง
เขาชะโงก ครั้งที่ 7
12
พฤศจิกายน 2543 ณ
โรงเรียนนายร้อย จปร. จ.นครนายก
โดย.....นายยิ้ม
เป็นครั้งที่ 2 ที่ไปร่วมงานวิ่งเขาชะโงก จ.นครนายก และเป็นระยะทางที่ไกลสุด สำหรับผม ที่เข้าร่วมวิ่ง (ระยะทาง 16 กิโลเมตร) ซึ่งผมยังจำบรรยากาศของปีที่แล้วได้เลย (ก็เพราะมันหนาวจับใจ จนยากที่จะลืม)
สำหรับปีนี้ยอมรับว่ากังวลใจอยู่บ้าง เพราะอาทิตย์ก่อนวิ่งงาน UN หลังจากนั้นก็ซ้อมแค่ 4-5 กม. อยู่ 2 วัน และรู้สึกค่อนข้างเหนื่อย ทำให้ไม่แน่ใจว่า 16 กม. และต้องขึ้นเขาด้วยจะไหวมั้ยหนอ??
ผมออกเดินทางวันเสาร์และไปพักที่บ้านพี่สาวในตัวเมืองนครนายก เย็นๆ วันเสาร์ ก็เข้าไปใน จปร. ที่สนามกีฬา ซึ่งเป็นจุดรับสมัคร ผู้คนคึกคัก ทั้งนักวิ่ง ทั้งญาติพี่น้อง ที่ขนกันไปใก้กำลังใจ มีบู๊ทงานวิ่งอื่นๆ มาตั้งรับสมัคร มีของมาขายอยู่หลายเจ้าเหมือนกัน และมีบริการอาหาร น้ำดื่ม ฟรี สำหรับทุกท่าน
ถือถาดหลุมเข้าแถวรับอาหาร มีพะโล้ กับผัดวุ้นเส้น ของหวานก็ ต้มถั่วเขียว กับ มันต้มขิง รสชาดอร่อยใช้ได้ ถือมานั่งกินกันเป็นกลุ่มๆ ในสนามฟุตบอล บรรยากาศยามเย็น สบายๆ ไม่เร่งรีบเหมือนตอนอยู่ในเมืองหลวง นั่งกินไปคุยกันไปได้รู้จักนักวิ่งคนอื่นๆ ที่เข้ามาทักทาย พอค่ำๆ ก็ไปต่อในงานลอยกระทง ซึ่งก็จัดขึ้นใน จปร. นี้แหละ มีเวทีการแสดง มีของกินมาขาย มีร้านขายกระทง อยู่หลายร้าน เพื่อนๆ นักวิ่งรวมทั้งผู้ติดตาม ก็เลยถือโอกาส ลอยกระทงกันที่นี้อย่างสบายใจ เพราะไม่มีการจุดประทัดให้หวาดผวา (แต่ก็มีเสียงประทัดจากที่อื่นๆ ทำให้นักวิ่งหลายท่านบอกนอนไม่ค่อยหลับ) มีเพื่อนนักวิ่งหลายท่านมากางเต้นนอนกับแถวๆ นี้ ซึ่งไม่ไกลจากจุด Start นัก
เข้าวันวิ่ง ผมไปถึงจุด Start ราวตี 5.20 น. ใกล้เวลาปล่อยตัวของพวกวิ่ง 32 กม. อากาศช่วงนี้เย็นสบายไม่หนาวเหมือนปีก่อน ผมรู้สึกท้องใส้ปั่นป่วน เลยต้องแว๊ปเข้าใช้บริการรถสุขา ที่จอดให้บริการอยู่ 2 คัน
ตี 5.45 น. ปล่อยตัวนักวิ่งระยะ 16 กม. ซึ่งปีนี้ นักวิ่งระยะนี้ ดูน้อยกว่าปีที่แล้ว มีราวๆ 200-300 คน ผมออกวิ่งไปเรื่อยๆ ในความเร็วเหมือนซ้อม วิ่งไปคุยไปกับคุณหมอดวงตาและน้อง Cat ขึ้นเนินแรกที่ระยะประมาณ 2 กม. ก็ต้องก้าวเท้าสั้นๆ โน้มตัวไปข้างหน้า สลับด้วยการเดินก้าวเท้ายาว ช่วงลงเนินค่อนข้างชัน ต้องใช้ปลายเท้าจิกเบรคเป็นระยะๆ
จากเนินแรกก็เป็นทางราบ ไปหลายกิโลเมตร สองข้างทางยามเช้า เป็นทุ่งหญ้าสลับต้นไม้ใหญ่ มีภูเขาเป็นแบ๊คกราว ให้ความรู้สึกที่สดชื่นผ่อนคลายได้ดีจริงๆ
เริ่มขึ้นเนินที่สอง เส้นทางไม่ชันเท่าไหร่ แต่ขึ้นไปเรื่อยๆ และมีจุดกลับตัวของระยะ 16 กม. อยู่บนนั้น บรรยากาศ ข้างทางยังดูสวยงาม มีภาพของชนบท
ช่วงขาลง ใช้ความเร็วได้ตามต้องการ แซงได้หลายคน แต่จุดให้น้ำมีปัญหา แก้วน้ำหมด ต้องใช้เหยืกน้ำแทน ผมวิ่งเลยไปจนถึงช่วงทางราบ แวะรับน้ำ เห็นว่ายังพอมีแรงเลยไม่ได้ลองใช้ Power Gel เพราะคิดว่า คงอีกไม่ไกลนักก็จะถึงเส้นชัย แต่พอไปได้อีกซัก กิโล เริ่มหมดแรง จากวิ่ง ก็เหลือแค่ จ๊อกกิ้ง จะกิน Power Gel ก็คิดว่าไม่มีจุดให้น้ำแล้ว ก็เลยต้องวิ่งประคองตัวไปเรื่อยๆ และเริ่มรู้สึกเจ็บกลางฝ่าเท้าข้างซ้าย วิ่งไปเรื่อยๆ เอ้า!! เจอจุดให้น้ำจุดสุดท้าย เจ้าหน้าที่บอกว่า เหลืออีกประมาณ 2 กม. เลยกัดฟัน วิ่งต่อไปไม่ต้องใช้แล้ว Power Gel ใกล้เข้าเส้นชัย ต้องยืดให้ดูดีหน่อย เร่งเข้าเส้นด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที เฮ!! ดีกว่าปีที่แล้ว ตั้ง 7 นาที แน่ะ สำหรับ พวกวิ่ง 32 กม. มีใปประกาศให้ด้วย
อากาศปีนี้แดดร้อนเร็วมาก ไม่ทัน 8 โมงเช้าเลย แดดแจ๋แล้ว การบริการอาหาร น้ำดื่ม ที่จุดเส้นชัย อุดมสมบรณ์กว่าปีที่แล้ว
ส่วนที่อยากจะให้ปรับปรุง ก็คือ เรื่องแก้วน้ำ ที่จุดให้น้ำ ต้องประมาณการให้ถูกต้องกว่านี้ เพราะไม่น้อยกว่า 2 จุด ที่แก้วน้ำหมด และเรื่องอาหารอาจต้องเตรียมให้มากกว่านี้อีกหน่อย เพราะคนวิ่ง 32 กม. เข้ามาแล้ว ทั้งอาหารและน้ำแทบจะไม่มีกิน อ้อ..และอีกเรื่องที่สำคัญคือ ไม่มีป้ายบอกระยะทางเลย ถามเจ้าหน้าที่ ต่างก็บอกไปคนละอย่างเลย ป้ายบอกระยะทางเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะนักวิ่งแต่ละคนจะได้ประมาณกำลังของตนเองว่าช่วงไหนควรเร่ง ควรผ่อน ฝากด้วยนะครับ
อย่างไรก็ตามสนามนี้ เป็นสนามที่ท้าทาย สำหรับคนที่ต้องการขึ้น ฮาล์ฟมาราธอน (ก็วิ่งระยะ 16 กม.) และสำหรับคนที่ต้องการขึ้นมาราธอน (ก็วิ่งระยะ 32 กม.) อีกทั้งบรรยากาศและอากาศตามเส้นทางวิ่งก็จัดว่าใช้ได้ เอ้า! ใครที่ยังไม่เคยวิ่งสนามนี้ ก็ต้องมาลองซ่ะนะครับ
คลิก
ชมภาพงาน เดิน-วิ่ง เขาชะโงก
ครั้งที่ 7
Click Here for View Pictures
Running at
Khao Cha-Ngok
การแข่งขันวิ่งซุปเปอร์มาราธอนประจำปีที่
จปร. เขาชโงก จ.นครนายก
ซึ่งมีระยะทาง 100 กม.จากกทม
ทางเหนือ
ส่วนที่ดีส่วนหนึ่งของการแข่งขันครั้งนี้คือระยะทาง
ซึ่งไม่เหมือนใครในประเทศไทย
คือจัดให้มีการวิ่ง 3 ระยะ คือ
1. 32 กม.
ซึ่งเป็นการให้นักวิ่งระยะยาวได้ฝ฿กซ้อมสำหรับการวิ่ง
กรุงเทพมาราธอน
2. ระยะทาง 16 กม.
สำหรับนักวิ่งซึ่งกำลังมองหาระยะทางระหว่าง
10 กม.- 21กม.
3. ระยะทางมาตรฐาน 10 กม.ด้วย
ข้าพเจ้าเคยวิ่ง 32 กม.
ในการวิ่ง ปี 2540 แต่
อย่างไรก็ตาม ปีนี้
ตัดสินใจลงวิ่ง 16 กม.
ในปีนี้การวิ่งที่จปร.
จัดให้มีการวิ่งในวันที่ 12 พย.2543
ข้าพเจ้ามาถึงจปรเขาชโงก
ในตอนหลังเที่ยง
ทางผู้จัดการวิ่งครั้งนี้ได้จัดเตรียมอาหารเย็นบริการฟรีสำหรับนักวิ่งที่จุดรับสมัคร
ห้องพักได้จัดเตรียมไว้ทางขวาของจุดสตารท์
ซึ่งเป็นห้องแบบธรรมดาแต่สะดวกสบายและราคาแค
400 บาท/คืน
งานประเพณีลอยกระทงได้จัดให้มีขึ้นในวันที่
11 พย. 2543
และในจปร มีทะเลสาป(คลอง)
สำหรับให้ประชาชนลอยกระทง
มีวงดนตรีบรรเลงใกล้ๆที่ลอยกระทง.คลองดูสวยงามไปด้วยกระทงที่คนนำมาลอย
ในเช้าวันรุ่งขึ้น การวิ่ง 32
กม. เริ่มสตารท์เวลา 5.30 น.
ระยะทาง16 กม. เริ่มเวลา 5.45 น.
ระยะทาง 10 กม.เริ่มเวลา 6.00 น.
พวกเราเริ่มต้นวิ่งทางด้นหลังของจปร
แล้วก็ค่อยๆไต่เขา
แล้วก็ลงเขาผ่านประตูหลักแล้วเลี้ยวซ้าย
หลังจากพวกเราเลี้ยวซ้ายแล้ว
นักวิ่ง 10 กม.ก็เลี้ยวซ้าย
นักวิ่ง 32 และ 16 กม.วิ่งต่อไปทางเดียวกันจนถึงประตูทางด้านตะวันออก
ตรงจุดนี้นักวิ่ง 32 กม.เลี้ยวขวาแล้วออกไปนอกฐานทัพ
นักวิ่ง 16 กม.วิ่งผ่านเนินและคลองเล็กๆ
หลังจากนั้นประมาณ 3 หรือ4 กม.พวกเราก็เลี้ยงแล้วกลับลงไปที่ฐาน
หลังจากกลับมาถึงฐานพวกเราวิ่งต่อ
ประมาณ 5 กม.ก่อนที่จะถึงเส้นชัย
ฉันทำเวลาได้ 1.31.52
ตอนแรกฉันหวังว่าจะทำเวลาได้
1.30 นาที
แต่เพราะวิ่งในที่เนินเขา
แต่ฉันก็มีความสุขกับระยะเวลาที่ทำได้
( แปล "Running at Kho Cha-Ngor" - 14/11/2000 16:30 )