จ๊อกกลิ้ง

 

            สำหรับหญิงวัยเกือบเกษียณ (อย่างฉัน ) ไม่มีคำใดในพจนานุกรมที่จะน่าเกลียด และน่ากลัว ยิ่งไปกว่าคำว่า "อ้วน" และ "แก่"

            ในเมื่อราชการได้กรุณาเลื่อนตำแหน่งให้ฉันมาอยู่ในตำแหน่งลอย ๆ ซึ่งทางพลเรือนเขาเรียกว่า " เจ้าหน้าที่ (อะไรสักอย่าง) อาวุโส " หรือไม่ก็ " ผู้ตรวจประจำกระทรวง " อะไรทำนองนี้ และทางทหารก็คือตำแหน่ง " ประจำ " หรือผู้ทรงคุณวุฒินั่นเอง

            ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกทางให้คนรุ่นต่อไปได้แสดงฝีไม้ลายมือบ้าง คนที่มากด้วยประสบการณ์ เหล่านี้ ท่านก็เห็นว่าเหนื่อยมามากแล้ว จึงให้มานั่งพักผ่อน ทำงาน (สำคัญ) เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เป็นตัวแทนของหน่วยงานไปในพิธีทอดกฐิน หรือไปเป็นไม้ประดับในงาน พิธีแจกประกาศนียบัตร ฯลฯ เป็นต้น

            นั่นเป็นเรื่องของราชการงานเมือง ส่วนทางด้านส่วนตัวเล่า คนวัยนี้ส่วนใหญ่ลูกเต้าก็จะโตหมดแล้วอาจมีครอบครัว ไปแล้ว ด้วยซ้ำ จนทำให้พวกเรากลายเป็นปู่ ย่า ตา ยาย ไปกันหมด ภารกิจที่จะต้องดูแลครอบครัวจึงน้อยลงไปด้วย

            สิ่งเหล่านี้จึงทำให้พวกเราต้องเผชิญกับคำ 2 คำที่ว่าข้างต้น โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือในเมื่อไม่ค่อยมีการงานจะทำ ก็ได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ แฉะแบะอยู่กับบ้าน ดูหนัง HBO พร้อมแทะของขบเคี้ยวให้เวลาหมดไปวัน ๆ น้ำหนักจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเนื่องจากไม่ค่อยได้ออกจากบ้านหรือไปสมาคมกับชาวบ้านบ่อยเหมือนเดิม ก็ย่อมปล่อยปละละเลยให้มีสีขาวแซม ยิ่งดูแก่หนัก ขึ้นไปอีก

            ฉันมาได้คิดว่าถึงเวลาที่จะต้อง " จัดการ " กับตัวเองใหม่เสียแล้ว เมื่อประสบกับเหตุการณ์สยองขวัญ (สำหรับตัวเอง ) 2 ครั้ง ครั้งแรก ก็คือเมื่อเดินผ่านที่ทำงานเก่า สวนทางกับลูกน้องคนสนิทปรากฎว่าเขามองหน้าฉันแล้วก็เดินผ่านไปเฉย ๆ ทำให้ฉันรีบ หุบยิ้มแทบตาย แล้วตะโกนทักเขาก่อน เขาทำหน้าตกใจ แล้วจึงรีบยกมือไหว้ทักทาย ( แอบไปรู้ภายหลังว่าเขา ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังว่า " แหม ! เกือบจะเสียแล้วซิ เดินผ่านพี่เขาไม่ได้ไหว้ทัก จำไม่ได้จริง ๆ ทำไมพี่เค้าอ้วนและแก่ลงไปถึงขนาดนั้น " เอ ! ก็พี่ 58 แล้วนี่ (น้ำหนักนะยะไม่ใช่อายุ )

            ส่วนเหตุการณ์ที่สองก็คล้าย ๆ กัน คนรู้จักกันเดินสวนทางมาโดยไม่ได้ทักทาย พอเดินเลยไปสัก 10 ก้าว เธอหมุนตัวกลับมา กริ๊ดกร๊าดทักทายว่า " อุ๊ยตาย ! ขอโทษค่ะคุณพี่ที่หนูไม่ได้ทัก คุณพี่ไปทำสีผมมาใหม่เสียจนหนูจำไม่ได้ " เข้าใจพูดดีนะ เขาเรียกว่า " หงอก " จ้ะ หนูจ๋า

            ดังนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันจึงตั้งนาฬิกาปลุกเสียแต่มืด ( 6 โมงเช้า เนี่ย คือเช้าสุดขีดของฉันแล้ว ) รีบล้างหน้าถูฟัน ดื่มน้ำ 1 แก้ว ทาครีมกันหน้าเป็นฝ้า แล้วรีบสวมชุดวิ่งออกไปเดินแกมวิ่งในซอย (จะเป็นเดินเสียมากกว่า ) วิ่งขึ้นวิ่งลงซอย 1 รอบ ก็หอบพอดี เป็นอันเสร็จพิธีเอ็กเซอร์ไซส์ในวันแรก

            ก่อนเริ่มจ๊อกกิ้งนอกบ้าน ฉันได้ลองซ้อมวิ่งเหยาะๆ ในบ้านก่อน หลานชายมองดูสักพักหนึ่งแล้วบอกอย่าง สมเพชว่า " ป้า ป้า ป้าวิ่งน่ะช้ากว่าผมเดินอีก อย่างนี้เขาไม่เรียกว่า จ๊อกกิ้งหรอก ควรจะเรียกว่า จ๊อกกลิ้งจะดีกว่า " เออว่ะ จ๊อกกลิ้ง ก็ จ๊อกกลิ้ง ดีกว่ากลิ้งเฉย ๆ ก็แล้วกัน

            ในวันที่สอง..ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายกับทิวทัศน์เดิมของซอย (บ้านทั้งสวย และไม่สวย ที่รกร้างที่ครึ้มไปด้วยต้นไม้ และใบหญ้า กองขยะแบบสกปรกปานกลาง ซากคางคกและงูที่ถูกรถทับแบนแต๊ดแต๋ พวกหมาพันธุ์ ต่าง ๆ ที่รุมเห่ากันขรม และกองมูลสุนัข เป็นระยะ ๆ )

            ฉันจึงสวมวิญญาณนักสำรวจวิ่งทะลุซอยโน้นออกซอยนี้เป็นที่สนุกสนาน และน่ากลัวเป็นบางครั้งเพราะบางช่วงของซอย เหล่านั้นก็แสนเปลี่ยว และมีวินมอเตอร์ไซด์กลุ่มใหญ่ชุมนุมอยู่เป็นระยะ ๆ

            โปรแกรมการปรับปรุงตัวเองของฉัน แว่วไปเข้าหูมารดาวัย 70 กว่า และลูกสาว วัย 30 เข้า ทั้งสองกริ๊ดกร๊าดแสดงความ ไม่เห็นด้วยอย่างหนักแน่น บอกว่าให้วิ่งไปวิ่งมาในบริเวณบ้านสัก 30 เที่ยวก็ได้ออกแรงพอกัน อีกทั้งในซอยแยกกันนั้น บางตอนมัน เปลี่ยว และอีกฟากคลองมีพวกติดยาอยู่เผลอ ๆ อาจถูกฉุดไปข่มขืน

            เอาละ ถึงแม้ว่าฉันจะนุ่งกางเกงขาสั้น แต่ก็ไม่สั้นฟิตเปรี๊ยะอย่างดาราหน้าหนึ่งเขาใส่กัน หากเป็นขาสั้นถึงเข่าหลวม โพรกเพรกสีตุ่นมอ สวมทับด้วยเสื้อยืดตัวโคร่งสีตุ่นมอพอ ๆ กัน สารรูปร่างเทอะทะหน้าตาไม่แต่ง ผมเผ้าดูเหมือนยังไม่ได้หวี( ก็ยังไม่ได้หวีจริง ) คงมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่เห็นว่าฉันน่าพิศวาส ฉันจึงไม่เชื่อคำแนะนำนั้น และยังคงวิ่งต่อไปด้วยความมั่นใจ

            อันที่จริง เรื่องที่แม่วิตกมันก็พอมีเค้าเหมือนกันนะ ขณะที่ฉันวิ่งในซอย มองไปข้างหน้าเห็นวินมอเตอร์ไซด์ของเด็กหนุ่ม หน้าตาไม่น่าไว้ใจกลุ่มใหญ่ พากันจ้องมองฉันอย่างตาไม่กะพริบมาแต่ไกล

            แต่พอฉันวิ่งใกล้เข้ามา แถมหันหน้าให้เขาเห็นชัด ๆ ว่า ฉันน่ะแกพอจะเป็นป้าของเธอได้นะจ๊ะ พวกเขาก็พร้อมใจกันหันหลัง ไม่มองฉันอีกเลย ไม่ว่าฉันจะวิงผ่านไปผ่านมาอีกกี่ครั้งก็ตาม

            อันตรายที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่งได้แก่หมา เมืองไทยที่ช่างเต็มไปด้วยหมาไร้เจ้าของมากเสียจริง ๆ เชียว คือนอกจากหมามี เจ้าของที่อยู่ในบ้านจะพากันเห่ากันขรมเวลาฉันวิ่งผ่านแล้ว ยังมีบรรดาตัวเล็กตัวน้อย dog1a.gif (319 bytes)ไปจนถึงตัวใหญ่โคร่งที่เดินเบ่งอาด ๆ อยู่กลาง ซอยทำท่าว่า ข้าคือเจ้าของซอยตัวจริงละ พวกนี้จะส่งเสียงขู่เบา ๆ ก่อนที่จะเห่าคำรามลั่นพร้อมแสดงท่าจะกระโดดขย้ำ ฉันให้เละ

            แต่เนื่องจากฉันได้ไปเรียนวิธี การนั่งวิปัสสนามา อาจารย์ท่านได้สอนให้แผ่เมตตาด้วยถ้อยคำแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นในระหว่างการจ๊อกกลิ้งหากผ่านซากคางคกแบนติดถนน หรือคราบงูและฝูงหมาดุเหล่านั้น ฉันก็จะแผ่เมตตาด้วยถ้อยคำง่าย ๆ ว่า

            " ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงอยู่เป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงปราศจากทุกข์กายทุกข์ใจ และไม่พลัดพรากจากสมบัติที่มีอยู่ "

            เชื่อไหม แผ่เมตตาไปยังไม่ทันจบบท ฝูงหมาหน้าเหี้ยมตัวโตขนาดอัลเซเซี่ยนที่กำลังคำราม แฮ่ ! แฮ่ ! ก็กระโจนพรวด มาเกาะเอวพร้อมช้อนสายตาหวานฉ่ำมองหน้าฉันแล้วตะกายส่งเสียงงีดง้าด เลียหน้าเลียหลังราวกับเป็นเกลอแก้วกันมาแต่ปางก่อน

            แปลกจริง ๆ เชียว อำนาจพระพุทธคุณนี่ยิ่งใหญ่แท้ ๆ ฉันเชื่อแล้วก่อนที่ฉันจะเริ่มจ๊อกกลิ้ง ฉันไม่เคยเดินเข้าไปจนสุดซอย เลยทั้ง ๆ ที่อยู่ที่นี่มาตั้ง 30 กว่าปีแล้ว การได้มาออกกำลังตอนเช้า ซึ่งอากาศยัง (ค่อนข้าง) บริสุทธิ์อยู่นี้ ทำให้ได้เห็นอะไร ๆ ที่เพลินตาเพลินใจดีเหมือนกัน เช่นทุกเช้าจะมีคุณป้าคนหนึ่งมายืนรดน้ำพรวนดินต้นไม้บริเวณนอกรั้วด้วยตนเอง หรือมิฉะนั้นก็ จะคอยชี้นิ้วบงการคนสวนให้ตัดโน่นตัดนี่อย่างคนขยัน

            ฉันหวังว่าเมื่อฉันแก่ถึงวัยนั้นฉันคงจะลุกขึ้นมาขยันอย่างคุณป้าได้บ้าง บางบ้านก็ปลูกต้นไม้นอกรั้วไว้สวย

ทั้ง ๆ ที่ตัวบ้านก็เป็น แบบธรรมดา ๆ แต่บางบ้านเป็นตึกมโหฬารมะลึ่กกึ้ก แต่ก็หาได้สนใจบริเวณนอกบ้านกำแพงของตัวเองไม่

            ส่วนบางบ้านจนโมงครึ่งสว่างโร่แล้ว ยังไม่ปิดไฟริมรั้วอีก ทำให้วิญญาณแม่บ้านจอมประหยัดอย่างฉันอยากไปกดกริ่ง บอกเขาจังทั้ง ๆ ที่ธุระไม่ใช่

            ลึกเข้าไปในซอย มีทาวส์เฮ้าส์home05.gif (345 bytes)home05.gif (345 bytes)home05.gif (345 bytes)อยู่แผงหนึ่ง บางบ้านเปิดเป็นร้านขายของชำเล็ก ๆ บางบ้านก็รับซักรีด เออไม่เลวแฮะ เวลา Maid ลากลับบ้านจะได้อาศัยบริการบ้าง

            ฉันวิ่งทะลุซอยโน้นมาออกซอยนี้ นอกจากหวิดจะถูกรถเก๋งและรถมอเตอร์ไซด์ซึ่งซิ่งราว ๆ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงชนเอาแล้ว ยังสวนทางกับรถเข็นขายปาท่องโก๋ ขนมครก ไก่ปิ้ง ฯลฯ ทำให้นึกเสียดายว่าน่าจะติดเงินมาสัก 20 บาท แต่ก็ทำใจแข็งไม่ยอม พกเงินมาได้จนทุกวันนี้ เพราะหนึ่ง กลัวถูกจี้ และสอง ถ้ากินเข้าไปมันก็จะไม่หายอ้วน แล้วจะมามัวทรมารวิ่งหาอะไร

            ในซอยฉันมีนักวิ่งอยู่ประมาณ 3-4 คน ถ้าวิ่งเจอกันก็โบกมือทักทาย หรือไม่ก็ยิ้มก้มหัวให้กันพอเป็นพิธีในจำนวนนี้ ได้กลาย มาเป็นเพื่อน ( ค่อนข้างจะ ) ซี้กันหนึ่งคน เป็นอาจารย์ฝรั่งแต่งงานกับลูกสาวเพื่อนรักของแม่ อยู่ในซอยเดียวกันนี้มา 17 ปีแล้ว

            คุณฝรั่งนี้รู้จักแทบจะหมดว่าบ้านไหนเป็นของใคร เช่น บ้านรั้วขาวนั่นเป็นของผู้พิพากษา รั้วอัลลอยนั่นเป็นของอาจารย์ ธรรมศาสตร์บ้านชั้นเดียวนี่ของทหารอากาศ ฯลฯ

            ระหว่างฉันจ๊อกกลิ้ง (และเขาจ๊อกกิ้งหรือไม่ก็เดินเร็วเป็นเพื่อน ) เราได้คุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ฉันเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่ แม่และลูกกลัวว่าฉันจะถูกลากไปข่มขืน เขาหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง แล้วบอกว่า

            " ผมว่าคุณน่าจะถูกรถมอเตอร์ไซด์ชนมากกว่าถูกข่มขืนนะ "

( เห็นไหมล่ะแม่ ใคร ๆ เขาก็เห็นว่าหนูน่ะไร้เสน่ห์กันทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น ย.ห. (อย่าห่วงเลย )

            แล้วคุณฝรั่งก็ได้ให้คำแนะนำที่เข้าท่าทีเดียวว่า ฉันควรใส่ชุดที่มีสีสันแปร๊ดแสบตา เพราะว่าเวลาเช้ามืด คนขับรถยังงัวเงีย อากาศก็มัวซัวขืนใส่ชุดวิ่งสีทึม ๆ มีหวังไปนอนแบนแต๊ดแต๋เป็นเพื่อนคางคกแน่

            ฉันจึงรีบวิ่งไปซื้อเสื้อสีเขียวปี๋และเหลืองอ๋อยมาใส่ นี่ก็วิ่งมาได้ 1 อาทิตย์ โดยไม่ได้หยุดเลยแม้แต่วันเดียว เขาว่าถ้าทนวิ่งให้ ครบ 3 อาทิตย์ มันจะกลายเป็นนิสัย ทำให้วิ่งต่อไปได้โดยตลอดรอดฝั่ง

            เอาละ ฉันจะพยายามต่อไปให้ครบ 3 เดือน เพราะผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ถ้าจะเอาน้ำหนักลงตั้ง 8 กิโลนี่ คงจะต้องใช้เวลา อย่างน้อย 3 เดือน

            ได้ผลประการใด แล้วจะมารายงานให้ฟังอีกครั้งหนึ่งสำหรับตอนนี้ ถ้าใครอ่านแล้วเกิดมีกำลังใจจะมาเพิ่มความสวยด้วย การจ๊อกกลิ้งอย่างฉันบ้างก็ได้

            ก่อนอื่นขอให้เตรียมชุดวิ่งสีแจ๋น ๆ ใส่บราให้กระชับ มิฉะนั้นทรงจะทรุดและจงหารองเท้าวิ่งอย่างดีที่สุดเท่าที่จะมีเงินซื้อได้ ไม่ใช่เพื่อความโก้เก๋อวดรวยหรอก แต่เพื่อสวัสดิภาพของข้อเท้า และข้อเข่า แผ่นหลังและกระดูกคอ ของตนเองต่างหาก

            ขอสำคัญ ต้องหานาฬิกาปลุกที่เสียงดังสนั่นไว้สักเรือนหนึ่ง แล้วก็อย่าทำเหมือนอย่างฉันใน 2-3 วันแรกล่ะ เพราะว่าพอนาฬิกา ปลุกดังเกร็ง-ง-งclock.gif (5242 bytes) ฉันก็คว้าหูโทรศัพท์หมับกรอกเสียงงัวเงียไปว่า

" ฮัลโหล "phone1b.gif (285 bytes)

 

 

โดย สหัทยา
จากนิตยสาร พลอยแกมเพชร